วงจรอุบาวท์ ร้านซ่อมคอมที่หากินกับเหยื่อ ควรทำอย่างไรดี?

คิดว่าทุกๆ ท่านคงเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของ ร้านซ่อมคอมในพันธุ์ทิพย์ ว่ามีจรรยาบรรณ อย่างไรกันบ้าง
ส่วนตัวผมเองนั้นเป็นลูกค้ากับร้านในห้างนี้มาอย่างยาวนาน และ ก็เข้าใจว่า ในทุกที่ย่อมมีทั้งคนดีและคนเลว
เพราะเคยได้ยินปัญหาและอ่านตามกระทู้เตือนภัยต่างๆมามาก จึงระมัดระวังในการซื้อขายอยู่ตลอด และในที่สุด ก็ถึงคราวซวยของผม

    เรื่องเกิดขึ้นจากเครื่อง notebook ที่ผมใช้งานปกติ เกิดมีอาการ Boot ไม่เจอ Harddisk ขึ้นมา พยายามทดสอบ เช่น
1. ลอง boot จาก live CD + live USB เพื่อตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆ ก็พบว่าปกติ (ยกเว้นมองไม่เห็น HDD)
2. ลองถอด HDD ไปต่อกับ USB เพื่อตรวจสอบ ก็พบว่าทำงานได้ปกติ
3. ลองเอา HDD จากเครื่องอื่นมาทดสอบ ก็พบอาการเดิมคือ ไม่สามารถ Boot ได้ เนื่องจาก mainboard มองไม่เห็น HDD

     ดังนั้นผมจึงพอสรุปอาการได้ว่า ปัญหาอยู่ที่ Mainboard ซึ่งคงจะไม่สามารถแก้ไขเองได้แน่นอน จึงได้ตัดสินใจว่าคงต้องไปร้านซ่อมคอม
เพราะประกันของเครื่องเองก็หมดแล้ว (เครื่องของผมคือ Dell Latitude E6410 ซึ่งไม่เคยตกหล่น และไม่รอยใดๆ เนื่องจากแทบจะวางบนโต๊ะตลอดเวลาและระมัดระวังในการเคลื่อนย้ายมากๆ ดังนั้นสภาพจึงใหม่มากครับ)

     ในใจคิดว่าน่าจะต้องไปพันธุ์ทิพย์เนื่องจากน่าจะมีช่างที่เชี่ยวชาญอยู่มาก และ สามารถสอบถามราคาจากหลายๆร้านเพื่อตัดสินใจได้ ผมจึงได้นำ notebookไปสอบถามกับร้านหลายๆ ร้าน ซึ่งได้คำตอบเหมือนกันทุกร้าน คือ "chip control ของ mainboard เสีย"  และ ราคาของแต่ละร้านก็แตกต่างกันไป ผมจึงลองนำชื่อร้านต่างๆ ค้นหาใน google เพื่อตรวจสอบ กระทู้เตือนภัยต่างๆ และ เลือกร้านที่น่าจะไว้ใจได้ที่สุด

     สุดท้าย ผมก็ได้ตัดสินใจเลือกร้าน ST COM ซึ่งอยู่ชั้น 3 โซนด้านหลัง ติดร้าน Nine com ซึ่งเบื้องต้น ช่าง(คุณปรีชา) ได้เช็คอาการและตอบคำถามได้กระจ่างมาก พร้อมบอกว่า "ใช้เวลาซ่อมแค่ 3 ชม" ผมจึงตรวจสอบข้อมูลกระทู้เตือนภัยซึ่งไม่พบมีการแจ้งโกงมาก่อนและแจ้งว่าจะขอยืนดูการซ๋อมเลยได้ไหม? ซึ่งสรุปว่าสามารถยืนดูได้ และได้ทำการตกลงราคาพร้อมยินยอมให้ซ่อม (แต่ขอยืนดูนะ)

       ทันทีที่ตกลงซ่อม ช่างคนนั้นก็ทำการแกะเครื่องผมด้วยความชำนาญและพูดว่า "โอ้ว keyboard รุ่นนี้ E6410 หากยากมากนะ มีcontrol สมบูรณ์มาก"
(จึงหวะนี้เองทำให้ผมได้รู้ว่า ช่างคนนี้น่ารู้เรื่องอุปกรณ์ของ Dell ตระกูลนี้เป็นอย่างดี) จากนั้นช่างก็ทำการดึงส่วนประกอบต่างๆ ออกเป็นส่วนๆ และ เริ่มออกลายมิจฉาชีพโดยพูดว่า "ผมขอไปหยิบ chip สำหรับซ่อมนะ" ตอนนั้นผมไม่ได้เอะใจอะไร จึง ok เพราะคิดว่ายังไงเราก็ยืนเฝ้าดูเค้าซ่อมอยู่เลย โดยไม่รู้ว่า กำลังหลงกลของมิจฉาชีพรายนี้เข้าอย่างจัง
        ช่างคนนี้เดินออกจากร้าน และลงไปยังชั้นล่าง (ร้านเค้าอยู่ชั้น 3) ซึ่งผมก็งงๆ ว่าไม่มีอุปกรณ์ในร้านคุณเลยเหรอ? ระหว่างที่เค้าอ้างว่าเดินไปหยิบ chip ผมก็เดินไปเข้าห้องน้ำ และ แจ้งภรรยาเค้าซึ่งดูลูกอยู่หน้าร้านว่า "เดี๋ยวผมมานะ"  ซึ่งคิดว่าคงไม่น่ามีอะไรเพราะจะเดินกลับมาดูการซ่อมต่อ แต่ยังไม่ทันได้เดินกลับมาก็ได้รับโทรศัพท์จากช่างแจ้งผมว่า "chipไม่มี หมด จะได้ของมาเปลี่ยนตอน10 โมงพรุ่งนี้ เอาเครื่องกลับไหม? หรือทิ้งไว้ให้ซ่อม"
        จังหวะนี้เองผมคิดในใจว่า ถ้าเค้าจะโกงเราคงไม่เสนอให้เอาเครื่องกลับ จึงได้ตกลงยินยอมที่จะทิ้งเครื่องไว้และกำหนดเวลารับเครื่องคือ วันรุ่งขึ้นเวลา 13.00 โดยให้ทางร้านออกใบรับเครื่องพร้อมเซ็นและเขียนเวลากำกับการรับเครื่องไว้ ทั้งนี้บอกตรงๆว่าผมไม่รู้สึกตัวเลยว่ากำลังกลายเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพคนนี้ เพราะ
      1.ช่างคนนี้พูดจาดี และ ดูมีความรู้ อีกทั้งยังดูมีอายุน่าเชื่อถือ (มีลูกเมียช่วยทำงานอยู่ที่ร้านและก็คุยกันดีด้วย)
      2.พฤติกรรมที่คุยกันตลอดจนเริ่มซ่อม ไม่มีทีท่าว่าจะหลอกลวงใดๆ
      3.chipหมดก็อาจจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ อีกทั้งช่างก็เสนอให้เอาเครื่องมาใหม่พรุ่งนี้แล้วค่อยซ่อมก็ได้ (ข้อนี้ทำให้ผมตายใจจริงๆ)
          ดังนั้นผมจึงได้ทิ้งเครื่องไว้และกลับไป พร้อมความหวังที่จะได้รับเครื่องตามนัดหมาย
## เหตุการณ์สำคัญที่ทำให้ผมรู้ตัวว่าเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพคนนี้แล้ว เกิดขึ้นดังนี้ครับ
         วันรุ่งขึ้น ผมรีบเดินทางออกมาจากบ้าน โดยขอให้แม่ยายช่วยดูแลลูก เพราะผมติดธุระต้องไปรับ notebook ที่ส่งซ่อมไว้ ซึ่งผมไปถึงที่ร้าน ST COM ณ เวลา 12.45 เมื่อไปถึงก็ได้พบกับภรรยาของช่าง ซึ่งกำลังดูแลลูก 1 ขวบอยู่ ในตอนนั้นนึกในใจว่า เป็นครอบครัวที่ขยันนะ ภรรยาเลี้ยงดูลูกและช่วยงานสามีด้วย (ลูกผมเองก็ยังเล็กมาก จึงเข้าใจความเหนื่อยในส่วนนี้ดี) จากนั้นผมก็ได้สอบถามกับทางภรรยาของช่าง ซึ่งเค้าไม่รู้เรื่องการซ่อมจึงได้โทรหาช่าง เพื่อสอบถาม และได้คำตอบว่า "ยังไม่เสร็จ ร้านที่ส่งซ่อมเปิด 13.00" ????? ถึงตรงนี้เริ่ม งง  หืมม? ร้านที่ส่งซ่อม ? คุณเป็นช่างไม่ใช่หรือ แล้วทำไมส่งซ่อมร้านอื่น? งงมาก แต่ก็ยังคิดในใจว่าอาจจะเป็นร้านเพื่อนหรือร้านคู่ค้าที่ทำงานร่วมกัน จึงสอบถามกลับไปว่าผมมารับ 13.20 ได้ไหม? (เผื่อเวลาให้หน่อย) ซึ่งช่างก็ตอบรับทางโทรศัพท์เป็นอย่างดี จากนั้นผมก็เดินเล่นรอรอบๆห้าง และเมื่อถึงเวลา 13.20 กลับได้รับโทรศัพท์จากภรรยาของช่างว่าขอเลื่อนเวลาเป็น 15.00 ?? ถึงตอนนี้เริ่มรู้สึกแปลกๆ และหวั่นใจละครับว่า กำลังโดนหลอกหรือไม่ ? แต่ด้วยเหตุผลเบื้องต้นที่คิดว่า "น่าเชื่อถือ" ได้ จึงตัดสินใจยอมรออีกครั้ง ..... ซึ่งเมื่อถึงเวลาผมเดินกลับไปที่ร้านตอนเวลา 15.30 ในตอนนั้นเองสีหน้าของภรรยาช่าง มองมาที่ผมแบบแปลกๆ พร้อมกับพูดว่า "ขอโทษนะค่ะ ยังไม่ได้เริ่มซ่อมอะไรเลย ยังเหลือ เครื่องในคิวซ่อมอีกหลายคิวค่ะ"  ในจังหวะนั้นเองผมยอมรับว่า "อึ้ง" ครับ เพราะว่า ช่างเป็นคนยืนยันเองว่าใช้เวลาซ่อมแค่ 3 ชม และ รอ chip ???? ผมจึงถามกลับไปว่าขอพบช่างปรีชาได้ไหมครับ? พร้อมทั้งผมขอเช็คเครื่อง (ซึ่งขณะนั้นเครื่องอยู่หน้าร้านแล้ว) ระหว่างรอช่างรับสายผมลองเปิดเครื่อง notebook พบสิ่งผิดสังเกตุคือ "Keyboard" ไม่ทำงานอีกต่อไปแล้ว ??? แต่เมื่อนำ keyboard usb ของร้านมาต่อจึงจะสามารถทำงานได้ ??????? ตอนนั้นเองนึกในใจละว่า "กูโดนละ" เพราะเมื่อวานผมได้นำเครื่องไปให้ร้านซ่อมหลายๆ ร้านตรวจอาการเสีย จำเป็นต้องมีการกด keyboard ซึ่งผมเองก็รู้อยู่แก่ใจตลอดว่า keyboard ไม่มีปัญหาแน่นอน แม้แต่ตอนที่เอามาส่งซ่อมร้าน ST COM เอง ก็ยังกด keyboard ได้อยู่ ................... และแล้วจากนี้ไป ความดราม่าก็เกิดขึ้นละครับ เพราะช่างปรีชา ไม่ยอมมาพบ และ ไม่ยอมคุยสาย จนผมขอคุยสายแทนภรรยาของช่างเอง โดยมีบทสทนาดังนี้
    ผม : ช่างครับ ผมมารับเครื่องแต่ยังไม่ได้รับการซ่อมเลย จึงขอตัดสินใจนำเครื่องกลับนะครับ
  ช่าง : ก็เอากลับไปเลย ไม่ได้ซ่อมไรที (เสียง รำคาญๆ )
   ผม : ผมจะนำกลับครับ แต่ keyboard ผมใช้งานไม่ได้ ช่วยมาตรวจเช็คหน่อยได้ไหมครับ?
  ช่าง : ก็ keyboard มันใช้งานไม่ได้แต่แรกอยู่ละ จะเอาไรอีก? (เสียงตะคอก ใส่ลูกค้า)
   ผม : นึกในใจ (หืมมม???????????????) เอ๋ ช่างครับเมื่อวานยังใช้งานได้อยู่นะครับ และ ตรวจอาการทุกร้านก็ต้องเข้า bios โดยการกด keyboard นะครับ
   ช่าง : ไม่รู้ ก็ไม่ได้ซ่อมไร จะให้รับผิดชอบไร ? (เสียงแบบเหวี่ยงๆ ไม่เหมือนที่เคยคุยกันเมื่อวาน)
   ผม : (ตอนนั้นเริ่มเดือด) งั่นช่วยมาพบผม ที่หน้าร้านหน่อยครับ ผมยืนรอยู่นะครับ
   ช่าง :กดสายทิ้งทันที .................
        หลังการสนทนา ผมควรคิดอย่างไรดีครับ? กับการสนทนาแบบนี้ ผมจึงยืนยันกับภรรยาของช่างให้ช่วยตามช่างปรีชามาคุย ไม่เช่นนั้นผมจะไม่ไปไหน ซึ่งภรรยาของช่างก็ช่วยโทรตามอีกรอบจนช่างยอมเดินมาหน้าร้าน (ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ ตั้งแต่10.00-15.30 ไปอยู่ ณ แห่งใด แต่ดูเหมือนใช้เวลาเดินแค่ 1 นาทีครับ) จากนั้นผมจึงได้คุยกับช่างแบบต่อหน้าต่อตา และ ทำให้เกิดความรู้สึกรับไม่ได้กับพฤติกรรมของ "มิจฉาชีพ" คนนี้อีกแล้ว เนื่องจาก

    1.ความสุภาพที่เคยมี ไม่มีอีกแล้วครับ ... พูดจาได้เสียงนักเลงมาก
    2.ปัดความรับผิดชอบ และอ้างว่า "ผมไม่ได้ซ่อมไง จะให้รับผิดชอบอย่างไร" => ขอนี้ผมถามสวนครับว่า "ไม่ได้ซ่อม แต่พี่แกะเครื่องผม และ บอกว่า keyboard รุ่นนี้หายากไง? จำได้ไหมครับ?" ซึ่งช่างก็ทำหน้าอึ้งๆ และ พูดต่อไม่ถูกครับจนทำพฤติกรรมดังข้อสามคือ ....
    3. มุขเดิมครับ คุยได้สองสามประโยค เดินหนีต่อ ................
  
       หลังจากช่างเดินหนี.... ภรรยาของช่างมองหน้าผม แทบไม่ติด คงรุ้สึกอึ้งๆ กับพฤติกรรมสามีที่แสดงออกมา ส่วนตัวผมเองก็อึ้งเช่นกันเพราะโทรกลับไป ก็ไม่รับสายละครับ.....  สุดท้ายผมจึงทำได้แค่พูดกับภรรยาของช่างว่า "ผมรู้นะครับว่าคุณ(ภรรยาของช่าง"ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย แต่ผมมั่นใจมากว่าผมโดนโกงละ"

          ## บทสรุป จากที่เล่ามายาวมาก ผมขอเรียกพฤติกรรมของ มิจาฉาชีพเหล่านี้ว่า "วงจรอุบาวท์" เพราะ ในปีหนึ่งๆ จะมีเหยื่อที่ต้องซวยโดนการหลอกลวงแบบนี้กี่คนครับ? และ ชิ้นส่วนที่โดนขโมยไปนั้น มิจฉาชีพเหล่านี้เอาไปใช้หากินสบายโดยไม่มีกฏหมายใดๆ สามารถเอาผิดได้?? ผมไม่ได้โทษที่กฏหมายใดๆ หรอกนะครับ แต่ผมคิดว่าเรื่องเหล่านี้คือ "จรรยาบรรณ" ของ "วิชาชีพ" ไม่ว่าจะเป็นอาชีพใดๆ สิ่งสำคัญคือ การมี "จรรยาบรรณ" ของผู้ประกบอวิชาชีพนั้นๆครับ  

            ## ท้ายสุดนี้ อยากถามความเห็นครับว่า เราจะไม่มีทางเอาผิดกับคนแบบนี้ได้เลยหรือครับ? เพราะไม่อยากให้มี "เหยื่อ" แบบผมอีก...
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 13
ไม่แน่ใจว่าคุณ PEDestrain มีประเด็นอะไรหรือปล่าวนะครับ
ผมขอตอบคำถามง่ายๆนะครับ
1.ประกัน Dell ถ้าอยู่ในระยะเวลาสามารถเรียกให้ on site ได้ตลอดครับ (ไม่รู้ว่าคุณ PEDestrain เข้าใจหรือปล่าวนะครับว่า Dell เค้าบริการกันแบบนี้อยู่แล้ว) และการต่อประกันถ้าคุณมีความรู้เรื่องรุ่นสินค้าของ Dell ผมว่าคุณคงไม่ถามผมละครับว่าทำไมถึงเอาไปซ่อมหลังหมดประกัน... แต่ถ้าไม่รู้ก็กรุณาหาข้อมูลก่อนแสดงความเห็นเถอะครับ
2.เหตุความจำเป็นในการต้องการซ่อมเครื่อง คือดุลพินิจของเจ้าของนะครับ ไม่ใช่ความรู้สึกคนอื่นที่มาคิดแทนว่าคุ้มหรือไม่ คุณ PEDestrain จะเข้าใจเหตุผลของคนอื่นๆ และตัดสินแทนคนทั้งโลกโดยที่ไม่รู้จักหรือเคยพูดคุยกันมาก่อนหรือครับ?
3.การศึกษาหาข้อมูลร้านซ่อม หรือแม้แต่หาข้อมูลการซื้อสินค้าใดๆ ผมว่าเป็น การพฤติกรรมที่คนทั่วไปก็ทำกันนะครับ เพราะเป็นการลดความเสี่ยงที่จะเจอมิจฉาชีพต่างๆครับ หรือ คุณ PEDestrain โลกสวยจนไม่เคยหาข้อมูลใดๆ ก่อนเลยครับ? ถ้าเช่นนั้นควรอ่านกระทู้เยอะๆ นะครับจะได้รู้ว่าสังคมปัจจุบันเป็นอย่างไร
4.ผมคิดว่าคุณ PEDestrain คงไม่เข้าใจนะครับว่าการต้องกลายเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพพวกนี้ว่ามันเสียความรู้สึกอย่างไร "ถ้าไม่โดนเข้ากับตัวเอง" ฉะนั้นอย่าโลกสวยเลยครับ สักวันถ้าเจอเข้าเองคงจะได้เรียนรู้ครับกับความว่า "โดนหลอก โดนโกง" มันรู้สึกอย่างไร...

# ทั้งหมดนี้ผมสิ่งที่ต้องการสื่อสารคือ บอกเล่าประสบการณ์ที่เจอมิจฉาชีพ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับคนในสังคมให้ควรระมัดระวังอย่าให้พวกมิจฉาชีพเหล่านี้มาเอาเปรียบคนอื่นๆ ได้อีก ครับ
# พอเถอะครับกับความเห็นแบบไม่สร้างสรรค์
ความคิดเห็นที่ 25
ถ้ากดคีย์บอร์ดไม่ติดสักปุ่มเลย F2 F8 F10 Ctrl Alt Del ก็แสดงว่าช่างมานไม่ได้ใส่สารแพรให้  ประกอบเข้าไปเฉยๆ
ส่วนฮาร์ดดีสไม่ดีเทค  อาจจะเป็นปัญหาเส้นผมบังภูเขาก็ได้นะ  เลือกบูธเป็น Legacy หรือ UEFI ?  
เรื่องชิบเสีย คิดว่าเป็นมุข  จะได้ดูเหมือนซ่อมแพง  ค่าแรงแพง  ที่ไม่ให้ดูตอนซ่อม เพราะจริงๆคงไม่มีไรเสียไม่ได้เปลี่ยนอะไร
เลยเล่นมุขบอกว่าชิบไม่มี ทิ้งไว้วันนึง คุณเลยไม่ได้ดูไงว่าซ่อมหรือไม่ซ่อม
#เกร็ดความรู้เล็กน้อย# : ร้านส่วนใหญ่ยิ้มรับซ่อมหมดทุกอาการแหละ ถ้าแค่เปลี่ยนอะไหล่มานเปลี่ยนให้เลย
หรืออย่างมากก็เดินไปเอาอะไหล่ร้านอื่นกินส่วนต่างเอา แต่ถ้าซ่อมยากๆ ยกชิบ งานบัดกรี มานจะไปใช้บริการร้านซ่อมบอร์ดโดยเฉพาะ
ซึ่งมักจะอยู่ตามมุมๆหลืบๆ เพราะร้านพวกนี้จะมีควัน สารตะกั่วเยอะ  ทางห้างจะห้าม แต่ห้างจะอะลุ่มอะหล่วยให้ไปเช่าโซนลึกๆทำพวกนี้

ส่วนคีย์บอร์ด  ก็เป็นอีกมุขนึง  ไม่ใส่สายแพร กดไม่ติด  นึกว่าเสีย ต้องซ่อมอีก
ช่างจะบอกว่า "เดวเปลี่ยนใหม่นะ" แต่ความจริงคือ "เสียบสายแพรให้เฉยๆ" แล้วกินเงินเรา
ไม่ก็ไปเปลี่ยนมาให้จริงๆ  โดยการเดินไปซื้อร้านขายส่งแล้วกินกำไรอีกทอด ส่วนของเก่าที่นึกว่าเสียแต่ไม่เสีย ช่างก็เกบไว้ขายต่อ......
ความคิดเห็นที่ 35
เป็นเรื่องที่แก้ลำบาก  ร้านของช่างซ่อมคอมก็จะคล้ายๆ กับ อู่ซ่อมรถนี่แหละครับ ตาดีได้ตาร้ายเสีย

1. ช่างพวกนี้อาศัยประสบการณ์ ลองผิดลองถูก มั่วเอาตามกรณี บางคนเริ่มจากเป็นลูกมือ แล้วศึกษาเอาจากรุ่นพี่
หรือศึกษาด้วยตัวเองบ้าง เกือบ 100% ไม่มีใครเรียนสายวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์มาเป็นช่างคอมแน่นอน
บางคนก็แยกตัวออกมาจากร้านดังๆ มาเป็นช่างด้วยตัวเอง

2. ส่วนใหญ่เป็นในนามบุคคล คือ เป็นช่างอิสระที่หันมาเปิดร้านเอง ซ่อมเอง อาศัยประสบการณ์ที่มี
แล้วเคสส่วนใหญ่ที่โดนมาจะเกิดกับช่างที่เปิดร้านเองพวกนี้ ทั้งหมด ด้วยความที่เป็นในนามบุคคล
มันก็จะไม่มีมาตราฐานอะไร ไม่มีการรับประกันที่ชัดเจน ให้ออก VAT ยังไม่ได้เลย

3. ช่างพวกนี้มีเยอะ เยอะมาก และอยู่อย่างแพร่กระจาย (ผมใช้คำผิดขออภัย) คือ ไปที่ไหนก็เจออะครับ
ตาสีตาสาไปก็จะเจอช่างพวกนี้เป็นส่วนใหญ่ ร้อยทั้งร้อยถ้าให้ยกไปให้ร้านที่เป็นรูปแบบบริษัท ไม่ค่อยมีใครอยากจะยกไปอะ




ช่างดีๆ มันก็มี แต่ช่างชั่วๆ มันมีเยอะกว่า มันเลยทำให้ดูว่าวงการนี้มันดูแย่ไปหมด

การจะแก้ปัญหามันต้องแก้จากตัวเราเองก่อนครับ .... เราในฐานะคนใช้

1. อันดับแรกต้องเรียนรู้คอมพิวเตอร์ส่วนอื่นๆ เอาไว้บ้าง จะใช้ Word, Excel อย่างเดียวไม่ได้ ต้องรู้อาการ รู้ส่วนประกอบของมันด้วย
อย่างเช่นที่เจ้าของกระทู้พอวิเคราะห์อาการของเครื่องตัวเองได้นั่นแหละ ถูกต้องแล้ว

2. เมื่อความเสียหายที่เกิดกับเครื่องเรา มันเกินความสามารถของเรา การจะไปพึ่งคนอื่น ให้นึกเอาไว้เลยว่า
ของถูกและดี ไม่มีในโลก ..... มีต่ออีกนะครับ ของแพง ก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป ฉะนั้น สิ่งที่ต้องมีก่อนที่เราจะไปพึ่งคนอื่นคือ
ต้องศึกษาข้อมูลไปให้ดี จะได้ไม่ถูกใครเอาเปรียบ (เจ้าของกระทู้ก็ศึกษามาระดับหนึ่งนะ จากที่ผมอ่าน)

3. ถ้าไม่เคยซ่อมกับช่างคนนั้นมาก่อน ผมแนะนำว่าอย่าเลือกร้านที่เป็นในรูปแบบร้านแผงลอย
หรือ ร้านที่เป็นร้านช่างมาเปิดเองในนามบุคคลให้เลือกร้านที่อยู่ในรูปแบบบริษัท
สาเหตุเพราะว่า เมื่อเกิดปัญหา ร้านที่อยู่ในรูปแบบบริษัท จะมีความเป็นไปได้ในการชดใช้ค่าเสียหายดีกว่าแบบบุคคล
ผมไม่สามารถเอ่ยชื่อหรือยกตัวอย่างร้านในรูปแบบบริษัทได้ เพราะเดี๋ยวจะคิดว่าเป็นหน้าม้า (ที่สำคัญไม่ใช่ JIB, Advice ฯ แน่นอน)
ด้วยประสบการณ์ของตัวผมเอง ถ้าผมเจอเคสที่อุปกรณ์เสีย (Mainboard เสีย, VGA เสีย ฯลฯ) ผมจะส่งร้านในนามบริษัทที่ว่า
ราคาชัดเจน การซ่อมชัดเจน ไม่มีเปลี่ยนของ ถ้าของมีปัญหาเขาก็ชดใช้ ถ้าช่างทำให้เราไม่พอใจ เราสามารถร้องเรียนกับผู้จัดการได้
คือ ลำดับชั้นในการบริหาร ของรูปแบบบริษัท มันจะมีความเป็นทางการกว่าแบบบุคคล ถ้าเป็นบุคคล ช่างทำผิด ช่างก็ไม่สนใจหรอก

แต่แน่นอนครับ ร้านในรูปแบบบริษัท ราคาจะแพงกว่าเล็กน้อย (ของถูกไม่มีดี) แต่ถ้าเราไปซ่อมกับร้านข้างนอกแล้วดวงซวยไปเจอช่างไม่ดี
มันจะกลายเป็นของแพงที่ไม่ดีไปโดยปริยาย ช่างจะหาจุดเสียโน่นนี่นั่นมาให้คุณได้เสียเงิน ไม่ก็โดนแบบที่เจ้าของกระทู้โดนอะ
ซึ่งตรงข้อ 3 นี่แหละ ที่เจ้าของกระทู้ไปพลาดท่ามา (และคิดว่าอีกหลายๆ คนก็ไปพลาดท่ากับเรื่องแบบนี้)




วิธีสังเกตุร้านที่อยู่ในรูปแบบบริษัทฯ​

1. จะมีช่างหลายคน ส่วนใหญ่ก็เป็นช่างจากสายอาชีวะนั่นแหละครับ แต่ไม่ต้องกังวล
เพราะถ้าเกิดปัญหา คนที่รับผิดชอบไม่ใช่ตัวช่าง แต่เป็นตัวร้านบริษัทนั่นแหละครับ จะเป็นคนรับผิดชอบให้คุณเอง
2. มีขั้นตอนการรับงานซ่อมชัดเจน มีราคาชัดเจน ออก VAT ก็ได้ไม่มีปัญหา
3. มีหน้าร้านที่จดในรูปแบบบริษัท (คือ มีเครื่องหมายการค้า แนบท้ายด้วยว่าจดด้วยบริษัทอะไร)
4. ลองค้นหาในเน็ตดู ร้านพวกนี้จะเปิดมานาน และไม่มีประวัติเสียหาย
5. มีคลังสินค้าของตัวเอง หรือ ดูง่ายๆ มีวัตถุดิบในการซ่อมวางอยู่เต็มเลยครับ เช่น พวก chip อะไหล่ ทั้งหลาย
6. บางร้านในรูปแบบบริษัทฯ พวกนี้ มีศูนย์อบรมช่างของตัวเอง ยังไงก็ดูมีมาตราฐานกว่ารุ่นพี่สอนรุ่นน้องปกติแหละครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่