[CR] Late Autumn / Early Winter in Japan (5-10 December 2015)

ไปญี่ปุ่นกันเถอะ!! คำชวนของเพื่อนเป่าหูเราทุกวันจนหลวมตัวจองตั๋วโปรของ Thai AirasiaX ได้ตั๋วมาแบบงงๆเบลอๆ
ได้ตั๋วไปกลับในราคาประมาณ 12,000 รวมน้ำหนักกระเป๋า ประกันการเดินทาง อาหารบนเครื่อง
จองตั้งแต่ต้นปี เดินทางอีกทีปลายปี ยาวนานมากๆแต่มันก็ทำให้เรามีเวลาได้นั่งจัดทริป ดูสถานที่ที่เราอยากไป
เราวางแผนทริปโดยใช้เว็บไซต์ Hyperdia ในการดูสายรถไฟเป็นหลักค่ะ

การเดินทางในครั้งนี้ เราเลือกที่จะเดินทางกันเองค่ะ หลังจากเคยไปกับบริษัททัวร์เมื่อสองปีที่แล้ว ครั้งนี้ลองลุยกันสักตั้ง
ตั้งงบประมาณไว้คนละประมาณ 30,000 บาท ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน

**รีวิวนี้อาจจะไม่มีภาพประกอบเกี่ยวกับการเดินทางเท่าไหร่นะคะ เนื่องจากไม่ค่อยได้ถ่ายเลย

Day 1: Destination --> Tokyo, Japan
เราเดินทางไปสนามบินดอนเมืองแต่เช้า เพราะรู้ว่าวันหยุดคนต้องเยอะแน่ๆ ทำเว็บเช็คอินไปเรียบร้อย
รอโหลดกระเป๋าแล้วเข้าไปในตม.ได้เลยค่ะ ไฟลท์ XJ606 เดินทาง 10.45 ประมาณ 10.00 เริ่ม Boarding ค่ะ
เรากับเพื่อนโชคดีมากที่ได้นั่งใน Quiet Zone (ไม่ได้ซื้อที่นั่งไปค่ะ เพื่อนบอกว่าเก็บเงินไปกินซอฟต์ครีม !)
บินยาวๆไป 5 ชั่วโมง ตามกำหนดจะถึงสนามบินนาริตะเวลา 19.00 แต่วันนั้นถึงก่อนประมาณ 45 นาทีเลยค่ะ

ถึงสนามบินนาริตะ รับกระเป๋าเรียบร้อย เดินมาตามป้ายที่จะขึ้นรถไฟ
แวะซื้อ JR Kanto Area Pass ราคา 8300 เยน ใช้เดินทางในภูมิภาคคันโต 3 วันติดต่อกัน
(ตอนนี้ยกเลิก JR Kanto Area Pass เปลี่ยนเป็น Tokyo Wide Pass แล้วนะคะ)


หลังจากนั้นไปซื้อ Keisei Skyliner Round Trip + Tokyo Metro 2 Days
เป็นโปรโมชั่นของบริษัท Keisei ค่ะ ตั๋วขาไปจากนาริตะจะแสดงวันที่ ขบวนรถ เวลาและเลขที่นั่งของเราให้เรียบร้อย
ส่วนตั๋วขากลับเป็น Open Ticket ใช้ได้ภายใน 60 วัน ขากลับก็เอาเจ้าตั๋วนี้ไปแลกเป็นตั๋วจริงที่สถานีของ Keisei ได้เลยค่ะ
นั่งรถไฟประมาณ 41 นาที ถึงสถานี Keisei Ueno


เราพักที่ Ueno Touganeya Hotel โรงแรมสุดฮิตของคนไทย
ภายในห้อง Semi double room


เช็คอินเก็บกระเป๋าเรียบร้อย ถึงเวลาออกไปเดินเล่นหาอะไรกิน
เราออกจากโรงแรมเกือบสามทุ่ม ร้านในตลาด Ameyoko เริ่มทยอยปิดกันแล้วค่ะ
เลยตัดสินใจกินอุด้งหยอดเหรียญตรงข้ามสถานี Ueno ครั้งแรกกับการกินอุด้งหยอดเหรียญ ตื่นเต้นมาก
กินอิ่มก็รีบกลับไปพักผ่อนเลยค่ะ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า



Day 2: Kamakura เมืองเล็กๆที่มีเสน่ห์
ตื่นเช้ามาก ฝากกระเป๋าใบใหญ่ไว้ที่โรงแรม เพราะอีก 2 วันเราจะกลับมาพักที่เดิมค่ะ
วันนี้เป็นวันแรกที่เริ่มใช้ Kanto pass
การใช้ Pass ให้เดินเข้าไปตรงช่องใกล้ๆห้องของเจ้าหน้าที่ โชว์ตั๋วให้เจ้าหน้าที่ดูแล้วก็เดินเข้าไปในสถานีได้เลยค่ะ

จาก สถานี JR Ueno เรานั่งรถไฟสาย Yamanote ไปต่อรถที่สถานี Shinagawa
แล้วก็นั่งรถไฟสาย Yokosuka ไปลงที่สถานี Kamakura ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
เมื่อถึงสถานี Kamakura แล้วต่อรถไฟสายท้องถิ่น Enoden (ต้องเสียเงินเพิ่ม Kanto Area Pass ใช้ไม่ได้)ไปลงสถานี Hase
หรือขึ้นรถเมล์จากหน้าสถานี Kamakura สาย 6 มาลงที่วัดได้เลยค่ะ ประมาณ 15 นาที
ข้อมูล http://www.city.kamakura.kanagawa.jp/kamakura-kankou/en/transportation/

ขบวนรถไฟ Enoden


เราจะไปสักการะหลวงพ่อโต Daibutsu กันค่ะ เดินจากสถานีไปไม่ไกล ประมาณ 10 นาที ก็ถึงแล้ว

8.00 ประตูเปิดแล้วจ้าาาา เข้าไปสักการะหลวงพ่อโตกันค่ะ ซื้อตั๋วเข้าวัด 200 เยน


โชคดียังเหลือใบไม้เปลี่ยนสีให้ชมนิดหน่อย




ไปวัด Hase กันต่อค่ะ เดินย้อนกลับไปทางเดิม (ถ้ามาจากสถานี Hase จะถึงวัด Hase-dera ก่อนนะคะ
วัดจะอยู่ทางซ้ายมือ คนละฝั่งกับ Daibutsu ) เดินมาที่วัดนี้เจอใบไม้แดงอีกแล้ว กรี๊ดมาก




เดินขึ้นไปสักการะ แล้วก็เดินไปดูวิวทะเลสวยๆด้านบนค่ะ


เดินกลับมาที่สถานี Hase นั่งรถไฟ Enoden กลับไปที่สถานี Kamakura เหมือนเดิมค่ะ
หลังจากนี้เราจะไป Yokohama Sea Paradise ไปดูพี่โลมากัน นั่งรถไฟไปลงสถานี  Shin-Sugita
แล้วก็ขึ้นรถไฟขบวน Seaside (ซื้อตั๋วเพิ่มค่ะ) ไปลงสถานี Hakkejima



เราซื้อ 4 Aquariums Pass ราคา 3,000 เยน อยากไปดูฉลามวาฬตัวใหญ่ตามรอยแทฮัน มินกุ๊ก มันเซ
เริ่มที่โซนปลาโลมากันก่อนค่ะ โซนนี้จะเป็นอุโมงค์ใหญ่ เจ้าโลมาก็ว่ายไปว่ายมาข้างบนหัวเรา


โซนพี่ฉลามวาฬ ถ่ายชัดสุดได้แค่นี้จริงๆค่ะ T^T


พี่หมีขาว โชว์ว่ายน้ำตลอดเวลา






นอกจากเข้าไปดูสัตว์น้ำได้แล้ว ยังสามารถเข้าไปชมโชว์ของปลาโลมาและเพนกวินได้นะคะ

บ่ายแก่ๆเรานั่งรถไฟไปที่สถานี Shin-Yokohama เพื่อเข้าไปเชคอินที่โรงแรม Grace Hotel Yokohama ใกล้สถานี JR
หลังจากเชคอินเสร็จเรียบร้อย เราเดินไปพิพิธภัณฑ์ราเมน ซึ่งรวบรวมประวัติ/ร้านราเมนจากที่ต่างๆในประเทศญี่ปุ่น
ค่าเข้าชมคนละ 600 เยน มีคู่มือภาษาไทยให้อ่านด้วย

เดินดูประวัติแป๊บนึงก็ถึงเวลากินล่ะคะ เราเลือกเข้าร้านชั้นใต้ดิน ทานมิโซะราเมน แค่ชามเดียวก็อิ่มแล้วค่ะ


เกี๊ยวซ่าอีกสักหน่อยนา


หลังจากอิ่มราเมน เรานั่ง Subway (ซื้อตั๋วเพิ่ม)ไปสถานี Sakuragicho เพื่อไป Landmark Tower ดูวิว Yokohama ยามค่ำคืน


แสงสียามค่ำคืนของ Yokohama


ชิงช้าสวรรค์ที่ Cosmo World


ตั้งใจจะไปถ่ายรูปที่ท่าเรือ Osanbashi ปรากฏว่าเดินไปเดินมา หลงค่ะ 555 เลยแวะถ่ายรูปและนั่งพักที่ Red Brick แทน
ที่ Red Brick มีร้านอาหาร ร้านขายของเยอะมากค่ะ


วันที่ไปมี Christmas Market พอดี คนเลยค่อนข้างเยอะ มีร้านอาหารมาออกบูธขาย




หมดวันที่ 2 ด้วยสภาพหมดุแรงค่ะ กลับที่พักไปนอนเอาแรง พรุ่งนี้ลุยต่อ...
ชื่อสินค้า:   เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่