“เพราะเธอเคยสัญญาว่า จะอ่านงานที่ฉันเขียน”

ถึงเธอ…
              ครั้งหนึ่งเธอเคยถามฉันว่า เคยทำอะไรที่เป็นเด็กๆบ้างไหม  ฉันตอบเธอไปว่า มีสิ …เพียงแต่มุมนั้นของฉันมันไม่ใช่การสะสมสิ่งของหรือเล่นตุ๊กตาเหมือนเด็กๆ  แต่มันคือการได้นั่งเขียนนิยายเพ้อฝัน ประโลมโลกย์ ไปตามเรื่องราว นิยายที่ไม่เคยเขียนได้เกินสองตอน นิยายที่ไม่เคยมีพลอตล่วงหน้า ไม่มีอะไรเลย มีแค่ความรู้สึกที่อยากเขียน แม้แต่ชื่อเรื่องฉันก็ยังไม่เคยคิดออกด้วยซ้ำ แต่ฉันมีความสุขมากที่ได้ทำแบบนั้น มันเป็นความฝันที่ไม่เคยจางหาย  ความฝันที่ฝังอยู่ในใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันอ่านนิยายเล่มแรกในชีวิตจบในสมัยวัยเยาว์ว่า วันนึง…ฉันจะเขียนและกำหนดให้ตัวละครของฉันโลดแล่นอย่างมีชีวิตชีวา ไปตามทิศทางที่ฉันอยากให้เป็น และฉันได้ตั้งปณิธานในใจว่า นิยายทุกเรื่องที่ฉันจะแต่ง จะต้องจบแบบมีความสุข  ทุกๆครั้งที่ฉันเหนื่อยจากโลกความเป็นจริงรอบตัว ฉันจะปลีกตัวเข้าไปนั่งอยู่ในโลกฟองสบู่ แล้วความเหนื่อยล้าก็จะจางหายไป

         ครั้งหนึ่งฉันเคยเอานิยายแสนรักของฉันที่แต่งให้เธออ่าน เธออ่านมันทุกตัวอักษรและวิจารณ์ยับเยิน จนฉันแทบลงไปนอนแดดิ้น หัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่หลายวันแม้จะแอบเห็นด้วยทุกอย่างกับคำวิจารณ์นั้นก็ตาม แล้วพาลไม่เขียนต่ออีกเลย ฉันบอกเธอว่า เธอควรดีใจนะที่ได้อ่านมัน เพราะเธอเป็นคนเดียวในโลกที่ได้รับรู้ว่า ฉัน…ที่คนอื่นๆมองว่าเข้มแข็ง ฉัน…คนที่แบกรับภาระหน้าที่และความรับผิดชอบหนักๆไว้บนบ่าอย่างแข็งแกร่ง คงไม่เคยมีใครคิดว่าฉันจะมีมุมเพ้อฝันนี้ มีความฝันเล็กๆ ฟุ้งๆ แบบนี้ซ่อนอยู่ และเธอเป็นคนเดียวในโลกที่ได้อ่านมัน  ฉันบอกเธอว่า สักวันหนึ่งฉันจะเขียนนิยายเกี่ยวกับเรื่องของเรา เธอจะมีชีวิตโลดแล่นอยู่ในนิยายของฉัน ในฐานะ …คนขับรถ ^^

         ฉันเคยบอกว่า ในชีวิตจริงๆของเรา เส้นทางของเรามันเป็นคู่ขนานกันในแบบที่ไม่มีทางที่จะมาบรรจบกันได้  แต่ฉันจะขอให้ “เรา” มาโลดแล่นในนิยายของฉันแทน นิยายที่ฉันเองก็ยังนึกตอนจบไม่ออกว่า มันควรจบยังไง เธอบอกฉันว่า ไม่อยากอ่าน เพราะเธอ…กลัวจะร้องไห้ออกมา..

        ณ วันนี้ …ฉันจะเริ่มเขียนมันแล้วนะ เขียนงานในแบบที่ฉันไม่เคยคิดจะเขียนมาก่อน งานที่ฉันเขียนไม่ใช่นิยายเพ้อฝันที่ต้องจบแบบมีความสุขในแบบที่ฉันคิดไว้  ไม่ใช่นิยายที่ไม่เคยมีพลอตใดๆ ไม่ใช่นิยายที่ไม่เคยจบเพราะไม่รู้จะต่อยังไง แต่ ณ นาทีนี้ สิ่งที่ฉันจะเขียนกลับเป็นสิ่งที่เรียกว่า “บทกวี” ฉันไม่รู้ว่าจะให้คำจำกัดความกับรูปแบบงานเขียนนี้ยังไงเพราะดูยังไงงานของฉันมันก็ยังห่างไกลจากคำๆนี้ และแม้แต่ฉันเองเมื่ออ่านสิ่งที่ตัวเองเขียน ก็ยังรู้สึกจั๊กกะเดียมในใจเสมอถ้าจะต้องใช้คำนี้  ฝีมือการเขียนของฉันมันก็ยังอยู่ในระดับที่เธอเคยวิจารณ์ยับเยินนั่นแหละ ณ ตอนนี้มันก็ยังไม่พัฒนาขึ้น ฉันมีเพียงใจที่อยากจะเขียนและวัตถุดิบเดียวในการเขียนที่มี ณ ตอนนี้ คือ “ความทรงจำและความรำลึกถึงที่มีต่อเธอ “

                เป้าหมายการเขียนของฉันไม่ใช่การเป็นที่รู้จักหรือตีพิมพ์รวมเล่มใดๆ แต่ฉันเขียนทุกอย่างขึ้นมา เผื่อว่า วันหนึ่งข้างหน้าเธออาจจะได้อ่านมัน ซึ่งฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะนานอีกกี่เดือน กี่ปี กี่วัน กว่าวันนั้นจะมาถึง แต่ถ้าวันนั้นมาถึง…ฉันเพียงแค่อยากบอกให้เธอรับรู้ว่า …ฉันไม่เคยลืมเธอ ไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานะใด ไม่ว่าเราจะยังติดต่อกันหรือไม่ ฉันยังมีความรำลึกนึกถึงเธออยู่เสมอ …ขอแค่เธออ่านมันทุกตัวอักษร เธอไม่จำเป็นที่จะต้องมามีความรู้สึกร่วมใดๆ กับสิ่งที่ฉันเขียน เธออาจจะอ่านมันในฐานะบุคคลที่สามที่ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับสิ่งที่ฉันเขียนก็ได้ ขอแค่อ่าน และฉันเชื่ออย่างหมดใจเสมอว่า เธอจะอ่านมันทุกถ้อยคำ ทุกตัวอักษรเหมือนที่เคยเป็นมา

             แต่ถ้าไม่มีวันนั้นมาถึง …ฉัน..ก็คงจะเก็บข้อความพวกนี้ไว้ เป็นกล่องความทรงจำ เป็นหนังสือเล่มเล็กที่มีชีวิต เป็นหนังสือแสนรักที่ฉันจะแวะเวียนมาเปิดอ่านด้วยความทะนุถนอมในวันที่อ่อนล้าจากชีวิตจริง แวะมาสูดกลิ่นหอมของความทรงจำ ก่อนที่จะออกไปฟันฝ่ากับโลกแห่งความเป็นจริง

       เอาละนะ จากนี้ไป…ฉันจะเริ่มเขียน

         “เพราะเธอเคยสัญญาว่า จะอ่านงานที่ฉันเขียน”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่