สวัสดีครับทุกคน กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวครั้งแรกของผม และเป็นการไปแบ็กแพคครั้งแรกของผมด้วยครับ อยากจะมาแชร์ประสบการณ์และเรื่องราวดีๆที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางให้กับเพื่อนๆ เผื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจท่องเที่ยวภูทับเบิก หากผิดพลาดตรงไหนก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าทริปนี้ไม่มีการวางแผนหรือเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า มีแค่ข้อมูลการเดินทางแบบคร่าวๆ กะว่ามีอะไรก็ค่อยไปวัดดวงเอาครับเพราะเหลือเวลาอีกแค่ 4 วัน จขกท ก็จะเปิดเทอมแล้ว จะเที่ยวที่ไหนให้ทันกับเวลา 4 วันและพอกับงบที่มีอยู่จำกัด ลองเข้าไปดูรีวิวในพันทิป ก็ได้ที่เที่ยวมาหลายที่เลยครับ ตอนแรกจะไปกาญจนบุรีแต่เพื่อนสมัยหัวเกรียนของผมมันอยากจะขึ้นเขา กางเต้นท์รับลมหนาวก็เลยจัดให้มันครับ 555 ทริปนี้ผมจึงเลือกไปที่ภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์ เพราะมีคนบอกมาว่ามันสวย เลยอยากจะลงไปสัมผัสซักครั้ง และผมก็เคยได้ยินชื่อมันมานาน อยากจะไปหลายครั้งแต่ไม่มีเวลา แต่ไปไกลถึงเพชรบูรณ์จะกลับมาทันเปิดเทอมหรือเปล่า ก็ค่อยว่ากันอีกที ตอนนี้ขอไปรับลมหนาวให้ชื่นฉ่ำหัวใจต้อนรับเปิดเทอมก่อนล่ะกัน เล่นการใหญ่ใจต้องนิ่งครับ 5555 การเดินทางไปภูทับเบิกในครั้งนี้ผมเลือกเดินทางโดยรถไฟ เพราะมันประหยัดและเหมาะกับแบคแพคสไตล์จนอย่างผม ผมอยู่หาดใหญ่ ซึ่งกว่าจะเดินทางไปถึงเพชรบูรณ์ก็ใช้เวลาประมาณ 2 วันครับ ไปคนเดียวก็กลัวจะไม่สนุก เลยตัดสินใจชวนเพื่อนสมัยหัวเกรียนไปด้วย และได้ผู้หลงผิดมาเพิ่มอีก 2 คน จากการที่เพื่อนของผมไปชวนมา ทำให้ทริปนี้ผมมีผู้ร่วมชะตากรรมไปด้วย 3 คนครับ ลองมาดูกันว่าการเดินทางของพวกเรา 4 คน ในครั้งนี้จะเป็นอย่างไร จากหาดใหญ่ถึงเพชรบูรณ์พวกเราจะต้องเจอกับอะไรกันบ้าง มาติดตามรับชมกันได้เลยครับ

ผมนัดเพื่อนมาเจอกันที่สถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ตอนเวลา 14.00 น. เมื่อสมาชิกพร้อมแล้วก็ทำการซื้อตั๋วรถไฟ ตอนแรกที่คิดกันเอาไว้กะว่าจะไปรถไฟฟรี แต่เนื่องจากตรงกับช่วงปีใหม่ รถไฟฟรีเต็ม จึงได้ตั๋วแบบเสียเงินมาครับ ราคาคนละ 259 บาท โดยรถไฟจะถึงสถานีปลายทางที่หัวลำโพงประมาณ 9 โมงครับ
เมื่อใกล้ถึงเวลารถไฟจะออก พวกเราก็ขนสัมภาระขึ้นไปเก็บบนรถ หาที่นั่งและรอเวลา ซึ่งกว่ารถไฟจะออกก็เล่นเลทไป 3 ชั่วโมงครับ TT
จากนี้ก็ต้องอยู่บนรถไฟจนกว่าจะถึงกรุงเทพ เลยหยิบกล้องขึ้นมามาถ่ายรูปวิวข้างทางแก้เบื่อครับ
อยู่บนรถไฟไม่ต้องกลัวหิวเลยครับ เพราะมีของกินมาขายตลอดทาง
เมนูแนะนำ ต้องนี่เลยครับ ก๋วยเตี๋ยวราชบุรี กล่องละ 10 บาท จขกท คนเดียวปาไป 4 กล่องครับ 5555
พวกเรามาถึงกรุงเทพเวลา 11 โมงกว่าๆ จากที่ผมหาข้อมูลมา จะต้องนั่งรถไฟจากกรุงเทพไปลงที่พิษณุโลกเพราะไม่มีรถไฟผ่านเพชรบูรณ์ และจะต้องต่อรถจาก บขส พิษณุโลกไปลงหล่มสัก ซึ่งรถไฟจะถึงพิษณุโลกประมาณ 2 ทุ่ม แต่มันคงไม่ตรงเวลาขนาดนั้น ถ้าไปถึงดึกคงจะไม่มีรถไปเพชรบูรณ์แน่ๆ เลยเข้าไปถามพี่พนักงาน พี่เขาแนะนำว่าถ้าจะให้สะดวกและประหยัดเวลาจะต้องไปขึ้นรถทัวร์ที่หมอชิตไปลงหล่มสัก นั่งคิดกันอยู่นานพวกเราก็เลยตัดสินใจไปรถทัวร์ครับ เพราะจะได้ประหยัดเวลาและอีกอย่างรถไฟฟรีไปพิษณุโลกก็เต็มด้วย ไปรถทัวร์น่าจะเวิร์คกว่า เราเลยไปขึ้นรถกันที่หมอชิต 2 ไปถึงก็ซื้อตั๋ว กินข้าวและทำธุระส่วนตัว ผมซื้อตัวของเพชรประเสริฐทัวร์ (กรุงเทพฯ - เพชรบูรณ์ - หล่มสัก - ภูเรือ) ราคาคนละ 286 บาท ถ้าหากใครกลัวขึ้นผิดให้สังเกตหน้ารถจะมีป้ายหล่มสักติดอยู่ครับ ผมไปรอบ 14.00 น. มาถึงหมอชิตก็บ่ายครึ่งแล้ว ด้วยความรีบก็เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดู ต้องขอโทษด้วยนะครับ
พวกเรามาถึงหล่มสักตอนสองทุ่ม ลงจากรถมาด้วยอาการงงๆ จะไปไหนอะไรยังไง ที่พักก็ไม่ได้จองไว้ แล้วตอนนี้จะขึ้นภูยังไง ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ตูมาทำอะไรที่นี่ 5555 เข้าไปดูในรีวิวในพันทิปของคนที่เคยไปก็ได้คำตอบว่าจะต้องไปโบกรถที่ตลาดผัก ถามคนแถวนั้นพี่เค้าบอกว่าถ้าจะขึ้นภูก็ต้องรอพรุ่งนี้เช้า เพราะกลางคืนจะไม่มีรถขึ้นไป พวกเราจึงตัดสินใจไปวัดดวงกันที่ตลาดผัก น่าจะยังมีรถม้งที่มาส่งกะหล่ำปลีอยู่ ซึ่งต้องเดินไปประมาณ 6 กิโลแต่ก่อนจะเดินไปตลาดผักพวกเราก็แวะหาอะไรกินกันที่ถนนคนเดิน อยู่แถวๆหอนาฬิกาใกล้กับที่พวกเราลงรถครับ
ระหว่างเดินไปตลาดผักพวกเราก็เดินคุยกันไปเรื่อยๆ บรรยากาศบนถนนเงียบมากครับ ไม่ค่อยมีรถ เดินไปสักพักก็ไปเจอกับพี่ๆร่วมกตัญญูพี่เค้าตั้งแคมป์เพื่อช่วยเหลือนักท่องเที่ยวในช่วงปีใหม่พอดี ความรู้สึกตอนนั้นคือดีใจมากก ไม่คิดว่าจะมาเจอในสถานการณ์แบบนี้ พี่ๆใจดีมากครับ นอกจากจะหาที่พักให้เราแล้วยังอาสาไปส่งที่ตีนเขาพรุ่งนี้เช้าอีกก หลังจากนั้นพี่เค้าก็พาพวกเราไปส่งที่พักด้วยรถร่วมกตัญญูครับ ฟินน
นี่คือที่พักของพวกเราในคืนนี้ พวกเราพักที่มูลนิธิร่วมกตัญญูหล่มสักครับ
อากาศตอนกลางคืนหนาวมากครับ หนาวจนต้องออกมานั่งผิงไฟข้างนอก TTT หลังจากผิงไฟให้พอหายหนาว พวกเราก็แยกย้ายกันไปนอน เพราะเหนื่อยจากการเดินทางตลอด 2 วัน เช้านี้เราตื่นกันตั้งแต่ตี 4 เพื่อรอพี่ๆร่วมกตัญญูไปส่งที่ตีนภู ไม่นานพี่ร่วมกตัญญูก็มารับพวกเราไปส่งที่ตีนภูครับ
ถึงตีนภูแล้ว เราก็ลงจากรถแล้วขอบคุณพี่ๆร่วมกตัญญู ทริปนี้ถ้าไม่มีพี่ๆร่วมกตัญญูอำเภอหล่มสักมาช่วย พวกเราก็คงจะลำบากมากและไม่รู้ว่าการเดินทางของพวกเราจะเป็นยังไง ขอบคุณมากนะครับพี่ มีโอกาสจะกลับมาแน่นอน
หลังจากนั้นพวกพี่เค้าก็รีบไปธุระต่อ กล่าวลากันเสร็จพวกเราก็รีบลงจากรถเพื่อจะไปรอโบกรถที่หน้าเซเว่นตรงตีนภู ไม่นานก็มีพี่ใจดีให้พวกเราติดรถไปด้วยครับ
จะมีเซ่นเว่นอยู่ตรงทางขึ้นไปภูทับเบิก
ทางขึ้นไปภูทับเบิกทับเบิกค่อยข้างชันและอันตรายมาก ใครที่พารถส่วนตัวไปก็ขับด้วยความระมัดระวังนะครับ
รถที่พวกเราไปขับเร็วมาก ยิ่งกว่า fast 7 ต้องเอามือจับขอบกระบะไว้ตลอดเวลา ไม่งั้นมีหวังล่วงครับ 5555 ยิ่งตอนซัดโค้งนี่ไม่ต้องพูดถึง ร่างกายของพวกเราเคลื่อนไหวไปตามแรงซัดโค้ง เป็นอะไรที่ลุ้นมาก 5555 แต่โดนใจวัยรุ่นอย่างพวกเราครับพี่ ฮรี่ๆ
ไม่นานพวกเราก็มาถึงภูทับเบิก ทันดูพระอาทิตย์ขึ้นพอดี อากาศข้างบนหนาวมาก ให้อารมณ์เหมือนกับเหมือนกับอยู่ในซีรีย์เกาหลีเลยครับ
วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวมาต่อพรุ่งนี้นะ

[CR] Backpack หาดใหญ่-ภูทับเบิก 5 วัน 4 คืน ด้วยงบ 1000 บาท ต้องลองซักครั้ง
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าทริปนี้ไม่มีการวางแผนหรือเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า มีแค่ข้อมูลการเดินทางแบบคร่าวๆ กะว่ามีอะไรก็ค่อยไปวัดดวงเอาครับเพราะเหลือเวลาอีกแค่ 4 วัน จขกท ก็จะเปิดเทอมแล้ว จะเที่ยวที่ไหนให้ทันกับเวลา 4 วันและพอกับงบที่มีอยู่จำกัด ลองเข้าไปดูรีวิวในพันทิป ก็ได้ที่เที่ยวมาหลายที่เลยครับ ตอนแรกจะไปกาญจนบุรีแต่เพื่อนสมัยหัวเกรียนของผมมันอยากจะขึ้นเขา กางเต้นท์รับลมหนาวก็เลยจัดให้มันครับ 555 ทริปนี้ผมจึงเลือกไปที่ภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์ เพราะมีคนบอกมาว่ามันสวย เลยอยากจะลงไปสัมผัสซักครั้ง และผมก็เคยได้ยินชื่อมันมานาน อยากจะไปหลายครั้งแต่ไม่มีเวลา แต่ไปไกลถึงเพชรบูรณ์จะกลับมาทันเปิดเทอมหรือเปล่า ก็ค่อยว่ากันอีกที ตอนนี้ขอไปรับลมหนาวให้ชื่นฉ่ำหัวใจต้อนรับเปิดเทอมก่อนล่ะกัน เล่นการใหญ่ใจต้องนิ่งครับ 5555 การเดินทางไปภูทับเบิกในครั้งนี้ผมเลือกเดินทางโดยรถไฟ เพราะมันประหยัดและเหมาะกับแบคแพคสไตล์จนอย่างผม ผมอยู่หาดใหญ่ ซึ่งกว่าจะเดินทางไปถึงเพชรบูรณ์ก็ใช้เวลาประมาณ 2 วันครับ ไปคนเดียวก็กลัวจะไม่สนุก เลยตัดสินใจชวนเพื่อนสมัยหัวเกรียนไปด้วย และได้ผู้หลงผิดมาเพิ่มอีก 2 คน จากการที่เพื่อนของผมไปชวนมา ทำให้ทริปนี้ผมมีผู้ร่วมชะตากรรมไปด้วย 3 คนครับ ลองมาดูกันว่าการเดินทางของพวกเรา 4 คน ในครั้งนี้จะเป็นอย่างไร จากหาดใหญ่ถึงเพชรบูรณ์พวกเราจะต้องเจอกับอะไรกันบ้าง มาติดตามรับชมกันได้เลยครับ
ผมนัดเพื่อนมาเจอกันที่สถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ตอนเวลา 14.00 น. เมื่อสมาชิกพร้อมแล้วก็ทำการซื้อตั๋วรถไฟ ตอนแรกที่คิดกันเอาไว้กะว่าจะไปรถไฟฟรี แต่เนื่องจากตรงกับช่วงปีใหม่ รถไฟฟรีเต็ม จึงได้ตั๋วแบบเสียเงินมาครับ ราคาคนละ 259 บาท โดยรถไฟจะถึงสถานีปลายทางที่หัวลำโพงประมาณ 9 โมงครับ
เมื่อใกล้ถึงเวลารถไฟจะออก พวกเราก็ขนสัมภาระขึ้นไปเก็บบนรถ หาที่นั่งและรอเวลา ซึ่งกว่ารถไฟจะออกก็เล่นเลทไป 3 ชั่วโมงครับ TT
จากนี้ก็ต้องอยู่บนรถไฟจนกว่าจะถึงกรุงเทพ เลยหยิบกล้องขึ้นมามาถ่ายรูปวิวข้างทางแก้เบื่อครับ
อยู่บนรถไฟไม่ต้องกลัวหิวเลยครับ เพราะมีของกินมาขายตลอดทาง
เมนูแนะนำ ต้องนี่เลยครับ ก๋วยเตี๋ยวราชบุรี กล่องละ 10 บาท จขกท คนเดียวปาไป 4 กล่องครับ 5555
พวกเรามาถึงกรุงเทพเวลา 11 โมงกว่าๆ จากที่ผมหาข้อมูลมา จะต้องนั่งรถไฟจากกรุงเทพไปลงที่พิษณุโลกเพราะไม่มีรถไฟผ่านเพชรบูรณ์ และจะต้องต่อรถจาก บขส พิษณุโลกไปลงหล่มสัก ซึ่งรถไฟจะถึงพิษณุโลกประมาณ 2 ทุ่ม แต่มันคงไม่ตรงเวลาขนาดนั้น ถ้าไปถึงดึกคงจะไม่มีรถไปเพชรบูรณ์แน่ๆ เลยเข้าไปถามพี่พนักงาน พี่เขาแนะนำว่าถ้าจะให้สะดวกและประหยัดเวลาจะต้องไปขึ้นรถทัวร์ที่หมอชิตไปลงหล่มสัก นั่งคิดกันอยู่นานพวกเราก็เลยตัดสินใจไปรถทัวร์ครับ เพราะจะได้ประหยัดเวลาและอีกอย่างรถไฟฟรีไปพิษณุโลกก็เต็มด้วย ไปรถทัวร์น่าจะเวิร์คกว่า เราเลยไปขึ้นรถกันที่หมอชิต 2 ไปถึงก็ซื้อตั๋ว กินข้าวและทำธุระส่วนตัว ผมซื้อตัวของเพชรประเสริฐทัวร์ (กรุงเทพฯ - เพชรบูรณ์ - หล่มสัก - ภูเรือ) ราคาคนละ 286 บาท ถ้าหากใครกลัวขึ้นผิดให้สังเกตหน้ารถจะมีป้ายหล่มสักติดอยู่ครับ ผมไปรอบ 14.00 น. มาถึงหมอชิตก็บ่ายครึ่งแล้ว ด้วยความรีบก็เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดู ต้องขอโทษด้วยนะครับ
พวกเรามาถึงหล่มสักตอนสองทุ่ม ลงจากรถมาด้วยอาการงงๆ จะไปไหนอะไรยังไง ที่พักก็ไม่ได้จองไว้ แล้วตอนนี้จะขึ้นภูยังไง ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ตูมาทำอะไรที่นี่ 5555 เข้าไปดูในรีวิวในพันทิปของคนที่เคยไปก็ได้คำตอบว่าจะต้องไปโบกรถที่ตลาดผัก ถามคนแถวนั้นพี่เค้าบอกว่าถ้าจะขึ้นภูก็ต้องรอพรุ่งนี้เช้า เพราะกลางคืนจะไม่มีรถขึ้นไป พวกเราจึงตัดสินใจไปวัดดวงกันที่ตลาดผัก น่าจะยังมีรถม้งที่มาส่งกะหล่ำปลีอยู่ ซึ่งต้องเดินไปประมาณ 6 กิโลแต่ก่อนจะเดินไปตลาดผักพวกเราก็แวะหาอะไรกินกันที่ถนนคนเดิน อยู่แถวๆหอนาฬิกาใกล้กับที่พวกเราลงรถครับ
ระหว่างเดินไปตลาดผักพวกเราก็เดินคุยกันไปเรื่อยๆ บรรยากาศบนถนนเงียบมากครับ ไม่ค่อยมีรถ เดินไปสักพักก็ไปเจอกับพี่ๆร่วมกตัญญูพี่เค้าตั้งแคมป์เพื่อช่วยเหลือนักท่องเที่ยวในช่วงปีใหม่พอดี ความรู้สึกตอนนั้นคือดีใจมากก ไม่คิดว่าจะมาเจอในสถานการณ์แบบนี้ พี่ๆใจดีมากครับ นอกจากจะหาที่พักให้เราแล้วยังอาสาไปส่งที่ตีนเขาพรุ่งนี้เช้าอีกก หลังจากนั้นพี่เค้าก็พาพวกเราไปส่งที่พักด้วยรถร่วมกตัญญูครับ ฟินน
นี่คือที่พักของพวกเราในคืนนี้ พวกเราพักที่มูลนิธิร่วมกตัญญูหล่มสักครับ
อากาศตอนกลางคืนหนาวมากครับ หนาวจนต้องออกมานั่งผิงไฟข้างนอก TTT หลังจากผิงไฟให้พอหายหนาว พวกเราก็แยกย้ายกันไปนอน เพราะเหนื่อยจากการเดินทางตลอด 2 วัน เช้านี้เราตื่นกันตั้งแต่ตี 4 เพื่อรอพี่ๆร่วมกตัญญูไปส่งที่ตีนภู ไม่นานพี่ร่วมกตัญญูก็มารับพวกเราไปส่งที่ตีนภูครับ
ถึงตีนภูแล้ว เราก็ลงจากรถแล้วขอบคุณพี่ๆร่วมกตัญญู ทริปนี้ถ้าไม่มีพี่ๆร่วมกตัญญูอำเภอหล่มสักมาช่วย พวกเราก็คงจะลำบากมากและไม่รู้ว่าการเดินทางของพวกเราจะเป็นยังไง ขอบคุณมากนะครับพี่ มีโอกาสจะกลับมาแน่นอน
หลังจากนั้นพวกพี่เค้าก็รีบไปธุระต่อ กล่าวลากันเสร็จพวกเราก็รีบลงจากรถเพื่อจะไปรอโบกรถที่หน้าเซเว่นตรงตีนภู ไม่นานก็มีพี่ใจดีให้พวกเราติดรถไปด้วยครับ
จะมีเซ่นเว่นอยู่ตรงทางขึ้นไปภูทับเบิก
ทางขึ้นไปภูทับเบิกทับเบิกค่อยข้างชันและอันตรายมาก ใครที่พารถส่วนตัวไปก็ขับด้วยความระมัดระวังนะครับ
รถที่พวกเราไปขับเร็วมาก ยิ่งกว่า fast 7 ต้องเอามือจับขอบกระบะไว้ตลอดเวลา ไม่งั้นมีหวังล่วงครับ 5555 ยิ่งตอนซัดโค้งนี่ไม่ต้องพูดถึง ร่างกายของพวกเราเคลื่อนไหวไปตามแรงซัดโค้ง เป็นอะไรที่ลุ้นมาก 5555 แต่โดนใจวัยรุ่นอย่างพวกเราครับพี่ ฮรี่ๆ
ไม่นานพวกเราก็มาถึงภูทับเบิก ทันดูพระอาทิตย์ขึ้นพอดี อากาศข้างบนหนาวมาก ให้อารมณ์เหมือนกับเหมือนกับอยู่ในซีรีย์เกาหลีเลยครับ
วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวมาต่อพรุ่งนี้นะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น