หลอนจากสุโขทัย...เมื่อเพื่อนผมลงเล่นน้ำแล้วมันตะโกนว่าถูกดึงขา เราพยายามช่วย แต่....เรื่องมันน่าเศร้า

.....เป็นอีกครั้ง  ที่ผมจะเล่าเกี่ยวกับเรื่อหลอนๆที่สุโขทัยในวัยเด็ก  ซึ่งเรื่องนี้เป็นความทรงจำ  ที่ไม่เคยลืม  ภาพของเพื่อนที่ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนาขอให้พวกเราช่วยเหลืออยู่ในลำน้ำผีสิง      ซึ่งเราก็พยายามเข้าช่วยแล้ว  แต่เรื่องมันก็จบในแบบที่ไม่อยากจำ  ต้องบอกว่าเรื่องมันเศร้าจริงๆ

....เรื่องมันอาจจะไม่เป๊ะทุกการกระทำและคำพูด  เพราะเรื่องมันก็ผ่านมานับสิบปี    แต่เรื่องราวหลักๆผมก็ยังจำได้ดี   ผมก็จะขอนำมาเล่าสู่กันฟัง

..ปี2543  ผมเป็นเด็กหนองป่าตอเพียงคนเดียว   ที่มาเรียนต่อ  ม.1  ที่โรงเรียนวัดท่าเกษม  ต.คลองกระจง  อ.สวรรคโลก  จ.สุโขทัย
โรงเรียนแห่งนี้  เป็นโรงเรียนวัด   ชื่อก็บอกอยู่แล้ว  ด้านหน้าติดถนนใหญ่   ด้านหลังติดลำน้ำยม   มีเด็กจากรอบบริเวณมาเรียนที่นี่
แต่ผมคงจะเป็นเด็กหนองป่าตอคนเดียว  ที่ได้มาเรียนที่นี่เพราะความยากจนเป็นเหตุ  เพราะไม่มีเงินไปเรียนโรงเรียนหนองปลาหมอ  ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมได้


....ทั้งห้องมีนักเรียน 7คน   -  -"  เป็นหญิง2หน่อ   ชาย5หน่อ
ปีแรกที่เข้าไป  พวกเรายังไม่ค่อยฉายแววความเกรียนเท่าไหร่  เพราะมีรุ่นพี่ ม.3คอยเหยียบไว้
รักครั้งแรก  ผมเกิดขึ้นที่นี่  แต่ผมจะมาเล่าเรื่องผี  เลยจะไม่เอาเรื่องความรักมาเกี่ยวแล้วกัน

....เราอยู่ที่นั่น  ก็ใช้ชีวิตเหมือนเด็กเรียน(เหรอ) ทั่วๆไป  เรียนบ้าง  โดดบ้าง  แต่หลักๆเป็นอย่างหลัง
เรามีกัน5คน  มีหัวโจก ชื่อไอ้อุ้ม  เด็กคลองยาง  มันเป็นคนที่จะว่าเลวไม๊  ผมว่าก็ไม่นะ  มันเป็นหัวโจกก็จริง
แต่ก็ไม่เคยทำร้ายเพื่อนในกลุ่ม  ถ้าจะมีบ้าง  ก็ต่อยเด็กชั้นอื่น  หลังๆมาไม่มีใครกล้าหวดกับมันเพราะมันต่อยเก่ง
มันก็มาเทรนเพื่อนๆในกลุ่มให้ต่อยแทน

....ไอ้ไปรท์  เด็กมีฐานะ  ตัวใหญ่ หน้าตาดี   แต่ใจปลาซิวมาตลอด  พอโดนไอ้อุ้มยุแยงให้หัดชกต่อย
มันก็ต่อยเก่งมาก  จนเอาชนะไอ้คิม ที่มันเคยเกรงมาตลอดได้

....แม้แต่ตัวผมเอง   ที่เปรียบเสมือนหัวสมองของกลุ่ม  เพราะเวลาทำการบ้าน หรือมีการสอบ   มันลอกผม   มันก็ยังมาเทรน ยุแยงให้ชกต่อย
ทั้งๆที่ผมเป็นคนเรียบร้อย สงบเสงี่ยม ไม่เคยทะเลาะกับใคร  (เว้นแต่ตอนแรกเข้าที่มีรุ่นพี่  ม.3 คนนึง เข้ามาถามว่า  น้องอิมชอบมืงหรอ)

.....พอเราขึ้น ม.2 พวกเราก็ฉายแววเต็มที่   เพราะพวก ม.3 ที่กดเราไว้ออกไป   แถม  ม.3ในรุ่นนั้นพวกเราก็ไม่กลัว
พวกเราทำตัวกร่างไม่เกรงกลัวใคร   ไม่ค่อยตั้งใจเรียน   ครูคนไหนทำเราเกลียด  ไอ้อุ้มก็จะพาเราไปขโมยดูดน้ำมันจากรถมอเตอร์ไซค์ซะเกือบหมดถัง
เพื่อเอาน้ำมันมาใส่รถซูซูกิสะปริ้นท์ของไอ้ไปรท์  ไปขี่หนีเที่ยว  เรียกว่าสมัยนั้นเราเกรียนมาเต็มสูบ

.....ผมขับรถมอเตอร์ไซค์เป็นก็เพราะไอ้อุ้มหัดให้ขับล้วนๆเลย   พวกเราชอบหนีเรียน  ไปขลุกอยู่ที่บ้านไอ้อุ้ม  แถวคลองยาง (น่าจะชื่อนี้) ก็ตามแผนที่
เราชอบหนีไปโดดน้ำเล่นกันในคลอง  ไปจับกระแต  จับบ่าง  ดักปลา  ฆ่างู  ขโมยทุกอย่างที่อยากกินในสวน  (เลวเนอะ)



....เราใช้ชีวิตกันไปวันๆ ไม่เคยคิดอะไรให้ปวดหัว  อยากหนีเรียนก็หนีเลย ไม่เคยคิดถึงผลกระทบที่ตามมา  หลักๆก็หนีไปเล่นน้ำนี่แหละ
ยิ่งหน้าน้ำหลาก  น้ำในแม่น้ำยมล้นตลิ่ง   พวกเราไม่กล้าลงไปเล่น  (ปกติเราลงเล่นในน้ำยมข้างโรงเรียนตอนน้ำน้อย)
พอหน้าน้ำหลาก  ความที่ชอบเล่นน้ำกันมาก  ก็พากันหนีไปเล่นน้ำที่คลองยางแทน  เพราะเป็นคลองไม่ใหญ่มาก
พอน้ำหลากมา  น้ำก็พุ่งออกจากคอสะพานไหลแรงลิ่วๆ

.....  มันเร้าใจพวกเรา  ให้กระทำการเสี่ยงตาย
ด้วยการหาแกลลอนน้ำมันเล็กๆมา2ใบ  ผูกเข้ากันด้วยเชือกไนล่อนล่ามวัว   แล้วเราก็เอาผูกเอว  ใช้แทนห่วงยาง   โดดลงน้ำที่กำลังหลากจากสะพาน
แล้วก็ปล่อยตัวให้ไหลลิ่วๆไปตามน้ำ  เป็นที่สนุกสนานกันไป  มันจะหมดระยะแรงส่งของน้ำ  ที่ตรงโค้งคุ้งน้ำพอดี  เราก็จะปีนขึ้นตลิ่งตรงคุ้งน้ำนั้น



....เรื่องการหนีเรียนไปเล่นน้ำของผม  รู้ไปถึงยายและทวด   ทวดผมเตือนว่าอย่าไปเล่นน้ำที่คลองยางให้บ่อยนัก  แกบอกว่าอันตราย
ผมก็เถียงทวดว่า  ไม่อันตรายหรอก  เพราะผมเอาแกลลอน2ลูกผูกเอว  แล้วผมก็ว่ายน้ำแข็ง ( ผมเคยว่ายข้ามแม่น้ำยมช่วงที่น้ำมีครึ่งแม่น้ำมาแล้ว)


....ทวดบอก  ไม่ได้ห่วงว่าผมจะจมน้ำตายเพราะว่ายน้ำไม่ไหว  แต่กลัวผีพรายจะมาดึงขาผม
ผมก็สงสัยว่าอะไรคือผีพราย  

ทวดก็อธิบายว่า  ผีพรายเป็นผีที่อยู่ใต้น้ำ  เป็นดวงวิญญาณของคนที่มาเสียชีวิตในน้ำ  วิญญาณก็ไม่ไปไหน  เพราะมีสถานที่อยู่อาศัยที่เย็นสบาย
ทวดบอกว่า  ยิ่งตรงโค้งลำน้ำ  ที่เป็นคุ้งน้ำนั่นน่ากลัว  เพราะมักจะเจอศพคนตรงบริเวณที่เป็นคุ้งน้ำบ่อยๆ

(ความเชื่อคนแก่สมัยก่อน  มักเชื่อว่าตรงคุ้งน้ำ  มักมีผีอาศัยอยู่  ด้วยที่บริเวณนั้น  น้ำมักสงบนิ่งดูลึกลับน่ากลัว)

ทวดบอกว่า ผีพรายชอบมาดึงขาคนชะตาขาด  ให้จมน้ำตาย  เพื่อเอาดวงวิญญาณไปไว้คอยรับใช้ในวังน้ำ  แม้คนๆนั้นจะว่ายน้ำแข็งแค่ไหน
ถ้าโดนผีพรายดึงขาก็ตายกลายเป็นผีเฝ้าคุ้งน้ำไป  เพราะสมัยก่อนสุโขทัย  เป็นเมืองเก่า  ที่ผูกพันธ์กับสายน้ำ  มีทั้งการรบและคนจมน้ำ  ที่อาจจะมีไม่รู้กี่ศพที่ตายตก...ลงไปในน้ำกลายเป็นผีพราย




....ผมเองก็ฟังทวดไปงั้นๆ  ทำหูทวนลมบ้าง  เพราะรู้ว่าแกเอาเรื่องผีมาขู่ให้กลัว  จะได้ไม่กล้าหนีเรียนไปเล่นน้ำอีก
แต่คนมันชอบ   ห้ามให้ตายก็ไม่ฟัง ผมเอาเรื่องที่ทวดเตือนไปเล่าให้เพื่อนๆฟัง  เพื่อนบางคนปกติมันก็กลัวอะไรแบบนี้อยู่เป็นทุน
มันก็สมทบมาว่า   ยายมันก็เคยเล่าให้ฟังเรื่องผีพราย  ที่ชอบดึงขาคนชะตาขาดให้จมน้ำตาย  ผมเองก็ชักเริ่มหวั่นๆเพราะมีคนสมทบมา
แต่พวกเราเพื่อนกัน   ไปไหนก็ต้องไปด้วยกันทั้งหมด   เวลาโดนครูตีก็ต้องโดนด้วยกัน

....เราหนีไปเล่นน้ำเรื่อยๆ  ไม่สนคำเตือนใคร  จนเหตุก็มาเยือนโดยไม่มีลางเตือนล่วงหน้า ที่คุ้งน้ำคลองยาง  ที่ทำให้เราต้องจดจำมาจนถึงวันนี้

ลืมบอกไปว่าใกล้ๆสะพานที่เราชอบหนีเรียนไปเล่นน้ำนั้น  มีศาลเพียงตา  ซึ่งก็ไม่รู้ว่าศาลของใคร  มีรูปด้วย.....ตั้งอยู่   ทุกวันนี้ก็ยังอยู่ครับ


....เรามาเล่นน้ำอีกครั้ง  แต่ครั้งนี้ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ  เพราะนึกถึงคำของทวด  เพื่อนอีกคนก็ปอดแหก  บอกไอ้อุ้มหัวโจกว่ากูกลัว ขอไม่เล่นได้ไม๊
มันกลัวผีพรายที่คุ้งน้ำ (ตรงที่เราปีนขึ้นบ่อยๆ)  ไอ้อุ้มก็บอก เมิงอย่าปอดแหก  กูโดดเล่นที่คลองนี้มาตั้งแต่เด็ก  ยังไม่เคยเจออะไรเลย
ผมเองก็หวั่นๆ  เพราะทวดบิ้วมา  ทั้งเพื่อนคนที่ว่าก็ยังมาสำทับเพิ่มเติมเข้าไปอีก  แต่ก็ต้องจำใจโดด  ไม่งั้นเดี๋ยวโดนทีน

...ไอ้อุ้มก็อาสา  บอกเดี๋ยวกูโดดให้ดูเป็นคนแรก  ใครไม่ตามมา  ถ้ากูปีนกลับขึ้นมา  กูจะจับโยนให้ลอยไปคนเดียว  (เราจะลงตามๆกันแล้วลอยไปด้วยกัน)
เราก็ยืนบนสะพาน  มองน้ำไหลพลุ่งๆๆๆออกจากคอสะพานด้วยความแรง  ทุกทีเราไม่เคยคิดอะไร  แต่หนนี้ ผมรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ  เพราะบรรยากาศก็ดูผิดปกติกว่าทุกครั้ง  

....พอไอ้อุ้มโดดตูม   พวกเราก็ทยอยโดดตาม  ผมเป็นคนรองสุดท้าย   ส่วนเพื่อนคนที่มันกล้าๆกลัวๆ  ก็โดดตามมาหลังสุด  มันเป็นคนที่ว่ายน้ำไม่ค่อยแข็ง  แล้วมีความหลังฝังใจคือเกือบจมน้ำตายในวัยเด็ก  แต่เพราะโดนบังคับเลยต้องมาโดดด้วย

....ไม่มีใครคาดคิดเลยว่า  นั่นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราได้เห็นมันโดดน้ำ   มันลอยตามหลังเรามาห่างพอสมควร
ผมลอยมาจนถึงคุ้งน้ำ  ที่ไหลเอื่อยๆ   จนเกือบเหมือนสงบนิ่ง  ทุกทีผมไม่เคยคิดอะไร
แต่เพราะการได้รับฟังมาจากทวด  ภาพในหัวผมมันผุดขึ้นมาว่า  ถ้าจะมีอะไรอยู่ใต้น้ำ  หน้าตาประมาณนี้


...กำลังมองขาพวกเราแกว่งไปมา  จากด้านล่างของพื้นน้ำที่เรามองไม่เห็น
ผมยิ่งคิดยิ่งฟุ้งซ่าน  จังหวะนึง  เหมือนผมรู้สึกเหมือนมีอะไรวูบผ่านขนขาไปจนรู้สึกได้  ผมก็ร้อง

   "เฮ้ย "  

ออกมาดังๆจนเพื่อนได้ยิน  ผมขนลุกขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
แล้วรีบตะกายน้ำว่ายเข้าหาฝั่ง  ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรหยุ่นๆสัมผัสปลายเท้า
มันเร้าให้ผมยิ่งตะกายหนักขึ้น  ใจเต้นตุ๊บๆตั้บๆ   เพื่อน2คนขึ้นไปบนฝั่งแล้ว  มีแค่ไอ้อุ้มที่ยังอยู่ในน้ำตรงริมตลิ่งเพื่อรอเพื่อนคนที่โดดมาหลังสุด

...ในหัวผมตอนนั้น   คิดแล้วว่า  ใต้คุ้งน้ำนี้มีผีพรายแน่ๆ  ภาพในหัวผม  นึกไปถึงอะไรบางอย่างที่เคยเห็นในหนังบ่อยๆ
ภาพผีพรายในหัวผมคือ  ผมยาวๆ หน้าซีดๆ  เอื้อมมือมาจับขาคนก่อนกระชากให้จมน้ำตาย


...พอถึงฝั่งผมก็ตะกายขึ้นบก  มีเพื่อนอีก2คนที่ขึ้นไปก่อนช่วยดึง
ส่วนเพื่อนคนสุดท้าย ที่มาหลังสุด  พอมันมาถึงตรงคุ้มน้ำ  มันก็พยายามตะกายน้ำเข้ามาทางเรา
อยู่ๆมันก็ทำสีหน้าตกใจ   ร้อง  "เฮ้ย "  เหมือนที่ผมเป็น

...มันก็รีบพุ้ยน้ำจนมาจะถึงตลิ่งที่พวกเรายืนรออยู่  แต่แล้วมันก็ร้องลั่น   แล้วมันก็ดิ้นอยู่ในน้ำพรวด

"เฮ้ยๆๆๆช่วยกูด้วย ไม่รู้อะไรจับขากู  ฮือๆๆๆ ช่วยกูด้วย  ช่วยกูที  อยู่แบบนั้น"  เสียงร้องมันน่าเวทนา

มันเป็นช่วงเวลาที่ไวมากครับ  เรา3คน  ต่างกรูกันลงไป  แต่ก็ยังยึดกอไม้ไว้เป็นหลักก่อน   ผมเป็นคนหน้าสุดที่ยื่นมือไปจับมือของเพื่อนคนที่อยู่ในน้ำได้
ส่วนอีก2คนก็เหนี่ยวต้นไม้  พร้อมกับจับตัวผมไว้   ผมพยายามออกแรงดึงมันเข้าฝั่ง
แต่ต้องบอกว่า  เหมือนผมกำลังชักเขย่อ  กับอะไรบางอย่างใต้น้ำ  เพียงแต่หนนี้  มีร่างของเพื่อนแทนเชือก  เรายื้อร่างไว้ แต่พยายามดึงเท่าไหร่ก็ไม่ขยับ
....มันโวยวายเหมือนจะร้องไห้    บอกมีอะไรแข็งๆสากๆขัดข้อเท้ามันไว้  ใจผมตอนนั้นคิดว่าผีพรายแน่ๆ
เลยคว้ามือเพื่อนไว้แน่น  4คนช่วยกันดึงก็ไม่ขยับ  ไอ้อุ้ม มันใจกล้ากว่าทุกคน  ตามวิสัยมัน  มันโดดน้ำตูมลงไป  พอไปถึงที่เพื่อนคนนั้นอยู่มันก็เลยมุดน้ำลงไปครับ  สักพักมันก็โผล่ขึ้นมา พร้อมกับบอกทุกคนว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่