สวัสดีครับ อันนี้เป็นกระทู้แรกที่จะเขียนรีวิวกับการไปเที่ยวครั้งแรก อันนี้จะเป็นรีวิวทริปวังเวียงและเวียงจันทร์ในประเทศลาวครับวันที่เริ่มเดินทางคือวันที่ 22-27 ธค 58 พอดีพึ่งว่างเขียนรีวิว 55555+
ทริปนี้เรากับเพื่อนไปรวมแล้ว 6 คน เป็นทริปที่ประหยัดมากๆๆคือไปโดยรถไฟฟรีประหยัดค่ารถตรงนี้ได้คุ้มมากๆเหมาะสำหรับคนมีงบน้อย
ภาพที่มารีวิวจะใช้กล้อง Olympus pen, Iphone6, Samsung note2 ,Samsung note3 ,samsung J7
เรทเงินที่แรกที่ด่าน สปปลาวคือ 1 บาท = 226.72
เริ่มตั้งแต่วันแรกเลยล่ะกันเนอะ
Day 1 [22/12/58]
ในวันแรกเพื่อนไปซื้อตั๋วรถไฟให้ตอนเช้าสำหรับ 6 คน ไปลงหนองคายครับเป็นรอบรถไฟ 20:45น. เป็นรถไฟฟรีจะถึงหนองคายประมาณ 8:30
เตรียมของใช้จำเป็นให้พร้อมสิ่งที่สำคัญมากๆๆคือปลั๊กสามตาและปากกาที่ควรต้องพกไปคนล่ะ 1 แท่ง
พอใกล้ถึงเวลาก็เตียมตัวออกจากบ้านครับ ในตอนนี้จากบ้านไปถึงหัวลำโพงจะต้องนั่งBTSไปลงอโศกและต่อ MRT ไปลงหัวลำโพง
ในวันนี้ไม่มีอะไรเลยครับนอนและนอนอย่างเดียว

บอกเลยว่าตื่นเต้นมากๆกับการนอนบนรถไฟ มีของกินขึ้นมาขายตามทางตลอดแต่พอ 5 ทุ่มเที่ยงคืนก็ไม่มีคนขายแล้วครับมีอีกทีก็ประมาณตี4ตี5
Day 2 [23/12/58]
นอนกันไม่ค่อยหลับตื่นมาคุยกับเพื่อนตอนตี 3
ด้วยความที่หิวคนขายของบนสะเบียงรถไฟมาขายพอดีเลยจัดมาม่าไป1 ถ้วยขนมปังและโค้กอีก1 ขวด มาม่าบนรถไฟราคา 20 บาทขนมปังที่แข็งแสนแข็งอีก 15 บาทและโค้ก 25 บาท [บนรถไฟราคาของกินจะราคาเลเวลอัพมาก

] กินประทังชีวิตไปก่อน 55555+
หลังจากนั้นก็หลับๆตื่นๆจนถึงแถวขอนแก่นอุดรประมาณตี6-7 โมงเช้าทีนี้ตื่นเลยครับกลิ่นไก่ย่างเขาสวนกวางนี่ลอยเข้ามาเลยมีคนขายขึ้นมาขายตัวล่ะ 100 บาทแต่เรากับเพื่อนไม่ซื้อนะมันค่อนข้างจะหนักเกินไป55555555
พอเวลา 8:00 เช้าถึงสถานีอุดรธานี เรานึกได้ว่าที่จังหวัดอุดร มีคิวรถบัสเข้าไปวังเวียงเลยบอกให้เพื่อนลงสถานีนี้เลยและรีบบึ่งไปถึงบขส
จากสถานีรถไฟต้องนั่งรถตุ๊กๆไปคนล่ะ 20 บาท

หน้าง่วงกันมาก 5555555


รอบรถ อุดร-หนองคาย-วังเวียงมีรอบเดียวคือ 8:30 พอไปถึงบขส โชคดีมากๆๆที่ตู้ขายตั๋วยังเปิดแต่เหลือตั๋วที่นั่งเพียงแค่ 5 ใบเท่านั้นแต่คนขายใจดีให้ไปทั้งหมด 6 คนแต่มี 1 คนที่ตั้งนั่งเบียดกับเพื่อนตลอดทาง
ในการซื้อตั๋ว อุดร-หนองคาย-วังเวียง ราคา 320 บาทจะต้องยื่นพาสปอตพร้อมกันและจ่ายงานพนักงานขายตั๋วจะแนบตั๋วรถบัสพร้อมเลขที่นั่งใส่ไปในพาสปอตด้วย
หลังจากนั้นก่อนขึ้นรถพวกเราก็แยกย้ายไปเข้าห้องน้ำ ค่าห้องน้ำคนล่ะ 5 บาท พร้อมแล้วก็ขึ้นรถกัน

ระยะเวลาจากอุดรถึงวังเวียงคือ 7-8 ชม ซึ่งนั่งจนตูดแข็งกันเลยทีเดียว

หลังจากออกอุดรนั้นรถบัสจะแวะไปรับคนที่ บขส หนองคายก่อนพอรับเสร็จแล้วก็จะไปด่าน ไทย-ลาว
พอก่อนถึงด่านไทยลาวพนักงานขับรถจะอธิบายเกี่ยวกับการเขียนในขอออกนอกประเทศและวิธีการต่างๆๆ
หลังจากนั้นพอลงจากรถจะต้องไปเอาใบเข้าและออกประเทศ
หลังจากที่กรอกเสร็จแล้วให้ไปต่อแถวรอ ตม. ตรวจและปั๊มพาสปอตของเราซึ่งไม่ยุ่งยากอะไรมากแต่ต้องต่อคิวรอค่อนข้างนานเนื่องจากแถวของคนไทยมีแค่แถวเดียว
หลังจากเสร็จแล้วก็ต้องไปขึ้นรถคันเดิมเพื่อข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ไปยังด่านสปปลาว ต่อไป
ในขั้นตอนขอเข้าประเทศจะค่อนข้างยุ่งยากกว่าไทยนิดนึงโดยการจะต้องให้เพื่อนคนนึงไปขอใบเขียนขาเข้าและออกตรงป้อม ตม ของลาวต้องเดินไปหัวแถวแทรกเพื่อขอใบมีเพื่อนกี่คนให้ขอตามจำนวนนั้นๆ
และอีกคนให้ไปซื้อบัตร one way ticket ใบล่ะ 5 บาทต่อ1 คน [สำหรับวันจัน-ศุกร์จะราคานี้]
จากนั้นก็ต่อแถวไปด้วยเขียนใบขาเข้าไปด้วยเพื่อให้ตมตรวจและปั้มพาสปอต
พอตรวจเสร็จตรงทางออกจะมีตู้สอดบัตรเหมือนกับ BTS บ้านเรา เราจะต้องเสีบบัตรที่ซื้อมา ใบล่ะ 5 บาทนั่นแหละ เพื่อนออกจากด้าน
พอออกมานั้นจะมี exchange ให้แลกเงินให้แลกเงินตรงนั้นเลย เรากับเพื่อนแลกกันคนล่ะ 2000 บาทแลกกับที่เป็นธนาคารจะได้เงินดีกว่า 2000บาทไทยจะได้เงิน 453,000 กีบ รวยเลยถือเงินเป็นแสนในการใช้าจ่าย 55555
เมื่อแลกเสร็จแล้วควรเข้าห้องน้ำที่ด่านให้เสร็จเรียบร้อยก่อนขึ้นรถ ค่าเข้าห้องน้ำ 1000กีบ หรือ 5 บาท ตอนนั้นจ่ายเป็นเงินไทย เสร็จแล้วก็ขึ้นรถลุยนั่งรถไปวังเวียงกันต่อ
ระหว่างสองข้างทางไปบอกเลยทางไม่เรียบมีแต่ดินแดงและกำลังทำทางตลอดทางสองข้างทางจะมีแต่ป่า นา และเขา มองไปมองมาก็เพลินดีเพราะไม่มีเน็ตให้เล่น T^T ใครที่เมารถควรเตรียมยาแก้เมารถไว้ให้พร้อมเพราะทางค่อนข้างขรุขระมีขึ้นเขาโค้งไปมาน่ากลัวหลายจุดอารมณ์ประมาณเล่นเครื่องปลาหมึกในสวนสนุก

ก่อนถึงวังเวียงอีก 88 กิโล คนขับรถจะแวะจุดพักซึ่งจะมีของขาย น้ำขนม แซนวิช เฝอ หรือห้องน้ำให้บริการ ตอนนั้นประมาณ บ่ายกว่าๆได้เราและเพื่อนก็หิวกันมาก เลยสั่งแซนวิชและน้ำดื่มกินกัน คนขับให้เวลาพัก 20 นาที
แซนวิชร้านนี้บอกเลยแข็งมากเหล็กดัดฟันแทบจะหลุดติดออกมาด้วยคือแข็งจริงๆๆ 555555
ขายยังไง? เค้าจะมีไส้ให้เลือกใส่ 1 อย่าง 10000กีบ (44 บาท) 2อย่าง 15000 กีบ (66 บาท) ส่วนเราก็ใส่ชีทและเบคอน
น้ำเปล่าขวดล่ะ 4000 กีบ หรือ 18 บาท
ก่อนขึ้นรถก็แวะเข้าห้องน้ำอีกตามเคยเพราะกว่าจะถึงวังเวียงใช้เวลาอีกหลาย ชม เสียค่าเข้าห้องน้ำอีก 1000กีบ หรือ 5 บาท
จากนั้นก็ขึ้นรถไปต่อ



พอถึงวังเวียงรถจะมาจอดที่โรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งในวังเวียงจะไม่อนุญาติให้รถบัตรเข้าไปเค้าเลยต้องปล่อยที่โรงแรมนี้และมีรถรับส่งเข้าไปในวังเวียงฟรี โรงแรมนี้สวยและใกล้ริมแม่น้ำซองมีสระว่ายน้ำด้วย พนักงานที่นี่ก็น่ารักพูดจาดีเค้าเห็นพวกเรารอเพื่อนเข้าห้องน้ำอยู่ก็มาทักว่า "สบายดีมีที่พักรึยังดูห้องก่อนได้นะ" คือทั้งยิ้มแย้มและใจดีมว๊ากกกกคนลาวน่ารักเฟ่อออ
พอรถมาเราก็ขึ้นรถกันเลยยยย
พอมาถึงตัวเมืองวังเวียงพวกเราก็เดินตะเวนหาที่พักกัน พวกเราไม่ได้จองแต่มา walk in กันเอาที่ไหนถูกพักเลย
พวกเราก็แยกกันหาที่พักแถวริมๆแม่น้ำซอง แล้วก็เจอที่พักดีๆๆคือ Blue Guest House เป็นเกสเฮาท์ของคนเกาหลี
งานนี้ต้องใช้ภาษาอังกฤษเราก็ฟุดฟิดฟอฟายถามราคาและถามว่ามีห้องพักสำหรับ 6 คนไหม ตกลงคือมีห้องคืนล่ะ 180,000 กีบ มี 3 เตียงแอร์ เครื่องทำน้ำอุ่นและ wifi free เราเลยตกลงจองทั้งหมด 3 คืน เป็นเงินทั้งหมด 540,000 กีบ หาร 6 คน เท่ากับ 90,000 เท่านั้นเอง หรือคนล่ะ 397 บาทถือว่าถูกมากสำหรับ3 คืน
สำหรับที่พักที่นี่อยากจะแนะนำมากๆเพราะแขกที่มาพักเป็นคนเกาหลีซะส่วนมาก ด้านหลังที่พักวิวสวยสุดๆๆไปเลยเห็นภูเขาและแม่น้ำซอง และอยู่ใกล้กับจุดที่ปล่อยบอลลูนงานนี้คุ้มมาก
แต่เสียดายอย่างพอ check in แล้ว wifi เกิดใช้การไม่ได้ T^T เราและเพื่อนเลยต้อง ไปซื้อซิมและเน็ตลาวมาแชร์กัน
พอถึงที่พักกันพวกเราก็พลัดกันไปอาบน้ำแต่งตัวเพราะตั้งแต่ขึ้นรถไฟจนถึงวังเวียงพวกเรายังไม่ได้อาบน้ำกันเลย 555+
หลังจากทำอะไรเสร็จแล้วพวกเรากับเพื่อนอีกคนก็เดินออกไปซุปเปอร์มาร์คเก็ตตรงเยื้องๆกับที่พักเพื่อนซื้อ ซิมเน็ตมา 2 ซิมเพื่อแชร์ให้เพื่อนๆ อันนี้คือข้อเสียของทริปนี้พอไม่มี wifi เลยต้องหาซื้อซิมในราคาที่แพงและต้องเติมเน็ตในราคาสูง ซิม 1อันราคา 25,000 กีบ เติมเงินอีก 5,000 กีบสำหรับใช้ 1 วันเราเลยเติมกันไปเลย 4 วันคือ 20,000 กีบ ทั้งหมดเลยราคา ซิม2 อัน 50,000 เน็ตสำหรับ 2 ซิมอีก 40,000 เป็น 90,000 กีบและหารกันเหลือคนล่ะ 15,000 หรือ 66 บาท
พอรอทุกคนเสร็จก็หิวกันถ้วนหน้าครับ มาถึงลาวทั้งทีถ้าไม่ได้กินส้มตำก็เหมือนมาไม่ถึงที่เลยเดินรอบๆวังเวียงครับไม่ค่อยมีส้มตำเท่าไหร่มีแต่ร้านอาหารเกาหลีซะส่วนมาก เสียใจอ่ะ


แต่พอเดินๆไปก็เจอร้านนึงครับกลิ่นหอมและหน้ากินที่สำคัญมีส้มตำ 5555555555+
ร้านนี้ชื่อร้าน Grill มาเร็วหน่อยนะครับ ของหมดไว

ค่าเสียหายทั้งหมด 82,000 กีบ หารกันตกคนล่ะ 14,000 กีบ หรือ 62 บาทแค่นั้นเองถูกเวอร์วังมากอร่อยและอิ่มด้วย
พอหลังจากทานเสร็จก็เดินเล่นรอบๆครับเห็นน้ำปั่นเราก็อยากลองเลยลองสั่งมา 1 แก้ว น้ำส้มมะนาว ความคิดเห็นส่วนตัวคืออร่อยกว่าไทยอีก 55555555555+
แก้วนี้ 10,000กีบ หรือ 44 บาท
ซื้อน้ำเสร็จก็รอเพื่อนซื้อโรตีต่อครับ ที่นี่จะเรียกว่าแพนเค้ก
หลังจากนี้เราก็สำรวจเดินรอบวังเวียงครับ วังเวียงเป็นเมืองที่เล็กๆแต่เมืองนี้ผู้คนมีความสุข คนลาวใจดีทุกคนเดินสำรวจครั้งนี้เพื่อจะหาร้านเช่ามอเตอร์ไซด้วยถามราคาทุกร้านเพื่อเจอร้านที่ถูกที่สุด พอเจอก็ถามรายละเอียดเรียบร้อยเพื่อที่อีกวันจะได้มาเช่า พอเดินสำรวจเสร็จพวกเราก็เดินกลับที่พักกันครับมานอนพักเอาแรกเพื่อนวันต่อไป แต่ก่อนกลับขอลองเบียร์ลาวสักขวดก่อนนะว่าจะเด็ดจริงไหม
ส่วนตัวคิดว่านิ่มดีกว่า LEO บ้านเราครับแต่ที่เหมือนกันคือมันขม 5555555555
หลังถึงที่พักเราก็นอนกันครับหลับกันเป็นตายเลย คืนแรกยังนอนเปิดแอร์กันอยู่นะครับข้างนอกอากาศเย็นๆแต่ไม่ถึงกับหนาวเท่าไหร่
เอาหล่ะหลับตานอนกันดีกว่าเจอกันพรุ่งนี้นะวังเวียง

[CR] ทริปวังเวียงและเวียงจันทร์กับงบไม่เกิน 3000
ทริปนี้เรากับเพื่อนไปรวมแล้ว 6 คน เป็นทริปที่ประหยัดมากๆๆคือไปโดยรถไฟฟรีประหยัดค่ารถตรงนี้ได้คุ้มมากๆเหมาะสำหรับคนมีงบน้อย
ภาพที่มารีวิวจะใช้กล้อง Olympus pen, Iphone6, Samsung note2 ,Samsung note3 ,samsung J7
เรทเงินที่แรกที่ด่าน สปปลาวคือ 1 บาท = 226.72
เริ่มตั้งแต่วันแรกเลยล่ะกันเนอะ
Day 1 [22/12/58]
ในวันแรกเพื่อนไปซื้อตั๋วรถไฟให้ตอนเช้าสำหรับ 6 คน ไปลงหนองคายครับเป็นรอบรถไฟ 20:45น. เป็นรถไฟฟรีจะถึงหนองคายประมาณ 8:30
เตรียมของใช้จำเป็นให้พร้อมสิ่งที่สำคัญมากๆๆคือปลั๊กสามตาและปากกาที่ควรต้องพกไปคนล่ะ 1 แท่ง
พอใกล้ถึงเวลาก็เตียมตัวออกจากบ้านครับ ในตอนนี้จากบ้านไปถึงหัวลำโพงจะต้องนั่งBTSไปลงอโศกและต่อ MRT ไปลงหัวลำโพง
ในวันนี้ไม่มีอะไรเลยครับนอนและนอนอย่างเดียว
Day 2 [23/12/58]
นอนกันไม่ค่อยหลับตื่นมาคุยกับเพื่อนตอนตี 3
ด้วยความที่หิวคนขายของบนสะเบียงรถไฟมาขายพอดีเลยจัดมาม่าไป1 ถ้วยขนมปังและโค้กอีก1 ขวด มาม่าบนรถไฟราคา 20 บาทขนมปังที่แข็งแสนแข็งอีก 15 บาทและโค้ก 25 บาท [บนรถไฟราคาของกินจะราคาเลเวลอัพมาก
หลังจากนั้นก็หลับๆตื่นๆจนถึงแถวขอนแก่นอุดรประมาณตี6-7 โมงเช้าทีนี้ตื่นเลยครับกลิ่นไก่ย่างเขาสวนกวางนี่ลอยเข้ามาเลยมีคนขายขึ้นมาขายตัวล่ะ 100 บาทแต่เรากับเพื่อนไม่ซื้อนะมันค่อนข้างจะหนักเกินไป55555555
พอเวลา 8:00 เช้าถึงสถานีอุดรธานี เรานึกได้ว่าที่จังหวัดอุดร มีคิวรถบัสเข้าไปวังเวียงเลยบอกให้เพื่อนลงสถานีนี้เลยและรีบบึ่งไปถึงบขส
จากสถานีรถไฟต้องนั่งรถตุ๊กๆไปคนล่ะ 20 บาท
หน้าง่วงกันมาก 5555555
รอบรถ อุดร-หนองคาย-วังเวียงมีรอบเดียวคือ 8:30 พอไปถึงบขส โชคดีมากๆๆที่ตู้ขายตั๋วยังเปิดแต่เหลือตั๋วที่นั่งเพียงแค่ 5 ใบเท่านั้นแต่คนขายใจดีให้ไปทั้งหมด 6 คนแต่มี 1 คนที่ตั้งนั่งเบียดกับเพื่อนตลอดทาง
ในการซื้อตั๋ว อุดร-หนองคาย-วังเวียง ราคา 320 บาทจะต้องยื่นพาสปอตพร้อมกันและจ่ายงานพนักงานขายตั๋วจะแนบตั๋วรถบัสพร้อมเลขที่นั่งใส่ไปในพาสปอตด้วย
หลังจากนั้นก่อนขึ้นรถพวกเราก็แยกย้ายไปเข้าห้องน้ำ ค่าห้องน้ำคนล่ะ 5 บาท พร้อมแล้วก็ขึ้นรถกัน
ระยะเวลาจากอุดรถึงวังเวียงคือ 7-8 ชม ซึ่งนั่งจนตูดแข็งกันเลยทีเดียว
พอก่อนถึงด่านไทยลาวพนักงานขับรถจะอธิบายเกี่ยวกับการเขียนในขอออกนอกประเทศและวิธีการต่างๆๆ
หลังจากนั้นพอลงจากรถจะต้องไปเอาใบเข้าและออกประเทศ
หลังจากที่กรอกเสร็จแล้วให้ไปต่อแถวรอ ตม. ตรวจและปั๊มพาสปอตของเราซึ่งไม่ยุ่งยากอะไรมากแต่ต้องต่อคิวรอค่อนข้างนานเนื่องจากแถวของคนไทยมีแค่แถวเดียว
หลังจากเสร็จแล้วก็ต้องไปขึ้นรถคันเดิมเพื่อข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ไปยังด่านสปปลาว ต่อไป
ในขั้นตอนขอเข้าประเทศจะค่อนข้างยุ่งยากกว่าไทยนิดนึงโดยการจะต้องให้เพื่อนคนนึงไปขอใบเขียนขาเข้าและออกตรงป้อม ตม ของลาวต้องเดินไปหัวแถวแทรกเพื่อขอใบมีเพื่อนกี่คนให้ขอตามจำนวนนั้นๆ
และอีกคนให้ไปซื้อบัตร one way ticket ใบล่ะ 5 บาทต่อ1 คน [สำหรับวันจัน-ศุกร์จะราคานี้]
จากนั้นก็ต่อแถวไปด้วยเขียนใบขาเข้าไปด้วยเพื่อให้ตมตรวจและปั้มพาสปอต
พอตรวจเสร็จตรงทางออกจะมีตู้สอดบัตรเหมือนกับ BTS บ้านเรา เราจะต้องเสีบบัตรที่ซื้อมา ใบล่ะ 5 บาทนั่นแหละ เพื่อนออกจากด้าน
พอออกมานั้นจะมี exchange ให้แลกเงินให้แลกเงินตรงนั้นเลย เรากับเพื่อนแลกกันคนล่ะ 2000 บาทแลกกับที่เป็นธนาคารจะได้เงินดีกว่า 2000บาทไทยจะได้เงิน 453,000 กีบ รวยเลยถือเงินเป็นแสนในการใช้าจ่าย 55555
เมื่อแลกเสร็จแล้วควรเข้าห้องน้ำที่ด่านให้เสร็จเรียบร้อยก่อนขึ้นรถ ค่าเข้าห้องน้ำ 1000กีบ หรือ 5 บาท ตอนนั้นจ่ายเป็นเงินไทย เสร็จแล้วก็ขึ้นรถลุยนั่งรถไปวังเวียงกันต่อ
ระหว่างสองข้างทางไปบอกเลยทางไม่เรียบมีแต่ดินแดงและกำลังทำทางตลอดทางสองข้างทางจะมีแต่ป่า นา และเขา มองไปมองมาก็เพลินดีเพราะไม่มีเน็ตให้เล่น T^T ใครที่เมารถควรเตรียมยาแก้เมารถไว้ให้พร้อมเพราะทางค่อนข้างขรุขระมีขึ้นเขาโค้งไปมาน่ากลัวหลายจุดอารมณ์ประมาณเล่นเครื่องปลาหมึกในสวนสนุก
ก่อนถึงวังเวียงอีก 88 กิโล คนขับรถจะแวะจุดพักซึ่งจะมีของขาย น้ำขนม แซนวิช เฝอ หรือห้องน้ำให้บริการ ตอนนั้นประมาณ บ่ายกว่าๆได้เราและเพื่อนก็หิวกันมาก เลยสั่งแซนวิชและน้ำดื่มกินกัน คนขับให้เวลาพัก 20 นาที
แซนวิชร้านนี้บอกเลยแข็งมากเหล็กดัดฟันแทบจะหลุดติดออกมาด้วยคือแข็งจริงๆๆ 555555
ขายยังไง? เค้าจะมีไส้ให้เลือกใส่ 1 อย่าง 10000กีบ (44 บาท) 2อย่าง 15000 กีบ (66 บาท) ส่วนเราก็ใส่ชีทและเบคอน
น้ำเปล่าขวดล่ะ 4000 กีบ หรือ 18 บาท
ก่อนขึ้นรถก็แวะเข้าห้องน้ำอีกตามเคยเพราะกว่าจะถึงวังเวียงใช้เวลาอีกหลาย ชม เสียค่าเข้าห้องน้ำอีก 1000กีบ หรือ 5 บาท
จากนั้นก็ขึ้นรถไปต่อ
พอถึงวังเวียงรถจะมาจอดที่โรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งในวังเวียงจะไม่อนุญาติให้รถบัตรเข้าไปเค้าเลยต้องปล่อยที่โรงแรมนี้และมีรถรับส่งเข้าไปในวังเวียงฟรี โรงแรมนี้สวยและใกล้ริมแม่น้ำซองมีสระว่ายน้ำด้วย พนักงานที่นี่ก็น่ารักพูดจาดีเค้าเห็นพวกเรารอเพื่อนเข้าห้องน้ำอยู่ก็มาทักว่า "สบายดีมีที่พักรึยังดูห้องก่อนได้นะ" คือทั้งยิ้มแย้มและใจดีมว๊ากกกกคนลาวน่ารักเฟ่อออ
พอรถมาเราก็ขึ้นรถกันเลยยยย
พอมาถึงตัวเมืองวังเวียงพวกเราก็เดินตะเวนหาที่พักกัน พวกเราไม่ได้จองแต่มา walk in กันเอาที่ไหนถูกพักเลย
พวกเราก็แยกกันหาที่พักแถวริมๆแม่น้ำซอง แล้วก็เจอที่พักดีๆๆคือ Blue Guest House เป็นเกสเฮาท์ของคนเกาหลี
งานนี้ต้องใช้ภาษาอังกฤษเราก็ฟุดฟิดฟอฟายถามราคาและถามว่ามีห้องพักสำหรับ 6 คนไหม ตกลงคือมีห้องคืนล่ะ 180,000 กีบ มี 3 เตียงแอร์ เครื่องทำน้ำอุ่นและ wifi free เราเลยตกลงจองทั้งหมด 3 คืน เป็นเงินทั้งหมด 540,000 กีบ หาร 6 คน เท่ากับ 90,000 เท่านั้นเอง หรือคนล่ะ 397 บาทถือว่าถูกมากสำหรับ3 คืน
สำหรับที่พักที่นี่อยากจะแนะนำมากๆเพราะแขกที่มาพักเป็นคนเกาหลีซะส่วนมาก ด้านหลังที่พักวิวสวยสุดๆๆไปเลยเห็นภูเขาและแม่น้ำซอง และอยู่ใกล้กับจุดที่ปล่อยบอลลูนงานนี้คุ้มมาก
แต่เสียดายอย่างพอ check in แล้ว wifi เกิดใช้การไม่ได้ T^T เราและเพื่อนเลยต้อง ไปซื้อซิมและเน็ตลาวมาแชร์กัน
พอถึงที่พักกันพวกเราก็พลัดกันไปอาบน้ำแต่งตัวเพราะตั้งแต่ขึ้นรถไฟจนถึงวังเวียงพวกเรายังไม่ได้อาบน้ำกันเลย 555+
หลังจากทำอะไรเสร็จแล้วพวกเรากับเพื่อนอีกคนก็เดินออกไปซุปเปอร์มาร์คเก็ตตรงเยื้องๆกับที่พักเพื่อนซื้อ ซิมเน็ตมา 2 ซิมเพื่อแชร์ให้เพื่อนๆ อันนี้คือข้อเสียของทริปนี้พอไม่มี wifi เลยต้องหาซื้อซิมในราคาที่แพงและต้องเติมเน็ตในราคาสูง ซิม 1อันราคา 25,000 กีบ เติมเงินอีก 5,000 กีบสำหรับใช้ 1 วันเราเลยเติมกันไปเลย 4 วันคือ 20,000 กีบ ทั้งหมดเลยราคา ซิม2 อัน 50,000 เน็ตสำหรับ 2 ซิมอีก 40,000 เป็น 90,000 กีบและหารกันเหลือคนล่ะ 15,000 หรือ 66 บาท
พอรอทุกคนเสร็จก็หิวกันถ้วนหน้าครับ มาถึงลาวทั้งทีถ้าไม่ได้กินส้มตำก็เหมือนมาไม่ถึงที่เลยเดินรอบๆวังเวียงครับไม่ค่อยมีส้มตำเท่าไหร่มีแต่ร้านอาหารเกาหลีซะส่วนมาก เสียใจอ่ะ
ร้านนี้ชื่อร้าน Grill มาเร็วหน่อยนะครับ ของหมดไว
ค่าเสียหายทั้งหมด 82,000 กีบ หารกันตกคนล่ะ 14,000 กีบ หรือ 62 บาทแค่นั้นเองถูกเวอร์วังมากอร่อยและอิ่มด้วย
พอหลังจากทานเสร็จก็เดินเล่นรอบๆครับเห็นน้ำปั่นเราก็อยากลองเลยลองสั่งมา 1 แก้ว น้ำส้มมะนาว ความคิดเห็นส่วนตัวคืออร่อยกว่าไทยอีก 55555555555+
แก้วนี้ 10,000กีบ หรือ 44 บาท
ซื้อน้ำเสร็จก็รอเพื่อนซื้อโรตีต่อครับ ที่นี่จะเรียกว่าแพนเค้ก
หลังจากนี้เราก็สำรวจเดินรอบวังเวียงครับ วังเวียงเป็นเมืองที่เล็กๆแต่เมืองนี้ผู้คนมีความสุข คนลาวใจดีทุกคนเดินสำรวจครั้งนี้เพื่อจะหาร้านเช่ามอเตอร์ไซด้วยถามราคาทุกร้านเพื่อเจอร้านที่ถูกที่สุด พอเจอก็ถามรายละเอียดเรียบร้อยเพื่อที่อีกวันจะได้มาเช่า พอเดินสำรวจเสร็จพวกเราก็เดินกลับที่พักกันครับมานอนพักเอาแรกเพื่อนวันต่อไป แต่ก่อนกลับขอลองเบียร์ลาวสักขวดก่อนนะว่าจะเด็ดจริงไหม
ส่วนตัวคิดว่านิ่มดีกว่า LEO บ้านเราครับแต่ที่เหมือนกันคือมันขม 5555555555
หลังถึงที่พักเราก็นอนกันครับหลับกันเป็นตายเลย คืนแรกยังนอนเปิดแอร์กันอยู่นะครับข้างนอกอากาศเย็นๆแต่ไม่ถึงกับหนาวเท่าไหร่
เอาหล่ะหลับตานอนกันดีกว่าเจอกันพรุ่งนี้นะวังเวียง