จากเด็กม.ปลายที่ทำอะไรไม่เป็น สู่ Backpacker ที่ปิดเทอมเป็นต้องเที่ยว ถึงไม่มีใครไปด้วย ก็เที่ยวคนเดียวได้
อะไร?? ทำให้”เด็ก"คนนึงเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้
อะไร?? ทำให้สิ่งที่เรียน”ภาษาอังกฤษ"มา 19 ปีที่ไทยเทียบไม่ได้เลยกับ 3 เดือนที่อังกฤษ
อะไร?? ทำให้จาก “เด็ก” กลัว “ฝรั่ง”(ชาวต่างชาติ) ขึ้นสมอง ชนิดที่ เรียกว่า เห็นหน้า”ฝรั่ง”ก็นึกไม่ออกแล้วว่าจะพูดว่าอะไร เป็น “Backpacker"ที่เที่ยวยุโรปคนเดียวได้ ถึงจะพูดไม่เก่งแต่ก็เอาตัวรอดได้ทุกครั้งไป
อะไร?? ทำให้”ผู้หญิง”คนนึงกล้าไปในที่ไม่เคยไป จนเป็นที่มาของ
เที่ยวคนเดียวครั้งแรก @ สวนสนุก Alton Tower, UK
Scotland and Highland,UK และอีกหลายๆที่ในอังกฤษ
และล่าสุด
Backpack Grand Swit 16 วันเมื่อปีที่แล้ว ตามด้วย
นักเรียนแลกเปลี่ยน @Hokkaido University อยู่หอคนเดียวในประเทศที่คนไทยส่วนใหญ่ก็ไปกัน”ญี่ปุ่น”
ตามด้วย
Backpack 4 ประเทศ 15 วัน Czech, Austria, Hungary, Germany ในปีนี้
กระทู้นี้เราอยากแชร์ “ประสบการณ์” ที่ผ่านมา "แรงบันดาลใจ” และ “จุดเริ่มต้น” ของการเป็น Backpacker ของเรา มันอาจ”ไม่ดีที่สุด” แต่เชื่อว่า น่าจะเป็น “แรงบันดาลใจ” ให้ใครหลายคนได้หรือสำหรับใครที่ยังลังเลว่า
“ผู้หญิงคนเดียวจะเที่ยวได้(จริงๆ)เหรอ”
“อายุก็แค่นี้(ตอนไปBackpack แบบเต็มตัวครั้งแรกที่สวิส เราอายุ 20) ยังจะกล้าไปคนเดียวอีก แล้วก็เป็นผู้หญิง ไม่กลัวอันตรายหรือไง”
“ไม่กลัวเหงาเหรอ”
“จะเดินทางยังไง จะไปเที่ยวยังไง แล้วถ้ามีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นล่ะจะทำยังไง"
อย่างน้อย เราก็อยากเป็นอีก “หนึ่งคน” ที่บอกว่า “ผู้หญิงคนเดียวก็เที่ยวได้จริงๆนะ"
สำหรับเรา ไม่ว่า “ใคร” ก็ “เที่ยว” ได้ ไม่ว่า”ใคร”ก็เป็น “Backpacker”ได้ ขอเพียงมี “ความกล้า” ก็พร้อม”ทำ” มันให้เป็นจริงแล้ว เราขอยกคำพูดของอาจารย์ที่เคารพท่านหนึ่งที่เคยกล่าวไว้ว่า “Dare to dream and be responsible for it Make your dream come true ถ้ากล้าที่จะฝัน ต้องกล้ารับผิดชอบต่อความฝันและทำมันให้เป็นจริง” ใคร”ฝัน”จะไปที่ไหนแล้ว อย่าลังเลที่จะไปเลยค่ะ เพราะแค่”กล้า” คุณก็(มีโอกาสที่จะ)”ได้” มันมาแล้วค่ะ ถ้าไม่คิดจะลงมือทำ มันก็เป็นได้”แค่ฝัน” ต่อไป
ทุกอย่างต้องมี”จุดเริ่มต้น” สำหรับ เรา เริ่มจาก
ไปต่างประเทศครั้งแรก @ London, United Kingdom ตอนอายุ 19
การที่ได้มีโอกาสไปเรียนภาษาที่ “อังกฤษ” 3 เดือน เปลี่ยน ชีวิตเราแทบพลิกฝ่ามือ
3 เดิอนที่ทำให้ เรา “กล้า”ที่จะเผชิญโลกมากขึ้น เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นและที่สำคัญที่สุดเป็น “Backpacker”
ทุกอย่างจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าไม่ได้ “รุ่นพี่"ผู้มีพระคุณในวันนั้นรับ เรา ไปอยู่ด้วย หลังเรามีปัญหากับ Host ชาวอังกฤษ เมื่อ เราอยู่กับเค้าได้แค่ 2 สัปดาห์ ทั้งที่ เรากับพี่เค้ารู้จักกันจริงๆไม่ถึง 2 อาทิตย์ กินข้าวด้วยกันไม่เกิน 2 ครั้งและนอนด้วยกันไม่เกิน 2 คืน
แต่เพราะเราเป็น “คนไทย” ประโยคที่ซาบซึ้งใจเรามาก ไม่รู้จะขอบคุณยังไงดี แต่ถ้าไม่มีพี่เค้า ในวันนั้นคงไม่มี เรา ในวันนี้
จาก Oxford สู่ London นั่งรถบัสเข้าเมือง&โบก Black cab ครั้งแรก
ถามว่า “กลัว” ไหม ก็กลัวนะ ไม่เคยไปลอนดอนเองเลย แถมมีกระเป๋าเดินทาง 2 ใบรวมกันเกือบ 30 กิโลอีก จะไป หอพี่เค้า ยังไง สารภาพเลยว่า นั่งร้องไห้ตลอดทาง มาต่างประเทศครั้งแรกแล้วยังจะโดนแบบนี้อีกTT แต่ไม่มีเวลาที่จะเสียใจมากนักเพราะ เราต้องโบก Black cab ไปหอพี่เค้า เราโบกBlack cab ร่วมครึ่งชึ่วโมงก็ไม่มีใครรับเราเลยค่ะTT โชคยังดีที่ใกล้โรงแรม พอดีมี Black cab มาส่งคนพอดี ในที่สุดเราก็ได้รถซะที ช่างเป็นวันแรกใน London ที่จำอีกนานเลย
เที่ยวคนเดียวครั้งแรก&การโทรเรียกTaxi ครั้งแรกผ่านตู้โทรศัพท์เพราะที่พักไม่มีสัญญาณมือถือO.O @ทริปสวนสนุกAltons Tower, UK
ตอนจองก็ไม่รู้ว่า ที่พักจะไกลขนาดนี้และอยู่เชิงเขาที่ไม่มีรถประจำทางผ่าน ไม่รู้หลวมตัวไปจองได้ไง แต่รู้อีกทีก็ตอนจะเรียกTaxi นี่แหละ โทรไปตามเบอร์ที่เค้าแปะไว้ กว่าจะโทรติด กว่าจะคุยกันรู้เรื่อง(ตอนนั้นเรายังพูดอังกฤษไม่คล่องน่ะเลยสื่อสารกันยากว่าเราอยู่ที่ไหน

) กว่าเค้าจะมารับ โอ้ยบอกได้คำเดียวว่า “กลัวค่ะ” แต่ก็ต้อง”ดึงความกล้า"มามากๆปลอบใจตัวเองว่า “ไม่เป็นไร”แล้วทุกอย่างจะดีเอง เป็นทริปแรกที่จำไปนานเลย
เกือบตกเครื่องครั้งแรกเพราะ Boarding Pass แสกนไม่ผ่าน
เรื่องเกิดจากเราต้องขึ้นเครื่องไป Northen Ireland แล้วเราก็ไม่ได้ print boarding Pass เพราะคิดว่า “สแกน” ผ่าน ipad ได้ แต่เรื่องมันเกิดตอนก่อนเข้า Gate มันสแกนไม่ผ่านค่ะ(ตอนสแกนกระเป๋าเข้ามา ยังผ่านอยู่เลยTT) แล้วเหลือเวลาอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงจะถึง เวลา Boarding Time โชคดีของเราค่ะที่เราพูดแล้ว เจ้าหน้าที่เค้าเข้าใจ เห็นเค้าโทรคุยกับเจ้าหน้าที่อีกคนนึง แล้วให้เราผ่านไปขึ้นเครื่องได้ทันเวลาแบบฉิวเฉียดเลยค่ะ เป็นการเริ่มต้นทริปที่ตื่นเต้นมาก จำไปอีกนานเหมือนกันค่ะ
เกือบไม่ได้เที่ยวเพราะเข้าประเทศไม่ได้ @Switzerland
เราก็ไม่เข้าใจเหมือนกันนะว่า เรามีวีซ่า+bookingโรงแรม+เงิน(เราเอาไปเยอะนะ เหลือกลับมาตั้งเกือบครึ่ง) แต่เราก็โดนเรียกเข้าห้อง(อีกแล้ว) ไม่รู้ว่าเพราะเราเป็นผู้หญิงที่เดินทางคนเดียวหรือเราดูเด็กในสายตาเค้า(เราก็ไม่ได้คิดไปเองนะเเต่ชอบมีคนมาทักเราว่า เราเรียนอยู่ม.ปลายทั้งที่เราอยู่ปี 3 แล้ว ไม่รู้จะตอบไงดีเลย หน้าเด็กเกินไปก็ไม่ดีTT)แต่ไม่ว่าจะยังไง สุดท้ายเราก็ผ่านมาได้ คงเป็นเพราะเราตอบเค้าอย่างมั่นใจ+เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดบ่อย เราเลยเริ่มไม่กลัวแล้ว ก็ค่อยๆตั้งสติแก้ปัญหาไป(นี่แค่เริ่มต้นนะ ในทริปนี้ยังมีอะไรอีกเยอะ ตื่นเต้นกันจนวันกลับเลย
นั่งบัสแข่งกับเรือเหตุเกิดเพราะลืมสายชาร์จ@Switzerland
เรื่องเกิดจาก เราไปเที่ยวเมืองเล็กแถบ ริมทะเลสาบ Luzern เราก็ดู Google Map, ตารางรถไฟ, เรือจากในโทรศัพท์เราจนแบตหมด เราก็ไม่คิดอะไร จนจะหา”สายชาร์จ” หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอนึกได้ว่า “ลืม”ไว้ที่โรงแรม แล้วจะกลับไงที่นี้ เราก็ตั้งสติว่า เรานั่งเรือมาแล้วต่อรถบัส เลยคิดว่าจะกลับโดยบัสต่อเรือ ก็ไปดูรอบรถที่ป้าย ดูตารางเรือ(ครั้งแรกตั้งแต่มาที่สวิสเลยค่ะ นี่ถ้าดูผิดก็ไม่รู้จะเป็นไงเหมือนกันTT) ปัญหาคือรถบัสต้องถึงท่าเรือก่อนค่ะ ตอนนั่งนี่ลุ้นมากเพราะบัสก็ขับเลียบทะเลสาบไปเรือก็วิ่งไป จนบัสถึงท่าเรือก็เมืองที่ 2 แหละค่ะ นึกว่าจะกลับไม่ได้ซะแล้ว สารภาพเลยว่าถึงตื่นเต้นแต่ก็ประทับใจเพราะวิวทะเลสาบงดงามมาก เรียกได้ว่าถ้าไม่ลืม”สายชาร์จ”ก็คงไม่”ฟิน”เท่านี้
Trekking ครั้งแรกกับการหลงทางกลางทุ่งหิมะคนเดียว@Switzerland
เราไปสวิสเพราะ หลงใหลกับธรรมชาติที่งดงามมากๆจนตั้งใจว่า จะไป trekking สักเส้นทางนึงเพื่อให้ซึบซับบรรยากาศได้อย่างเต็มที่ แต่ด้วยความที่ช่วงที่เราไปหิมะยังละลายไม่หมด พอเราเดินสูงขึ้นเรื่อยๆก็เลยไปติดอยู่กลางหิมะสูงเท่าเอว กว่าจะขึ้นมาได้ลำบากมากและกว่าจะเดินไปขอความช่วยเหลือที่สถานีกระเช้าอีก ซึ่งวันที่เรามันก็ปิดซ่อมแซมTT โชคดีที่ยังมี”คน”อยู่ เราเลยถามทางว่า "จะกลับยังไง” เพราะหิมะจากข้างบนมันไหลมาปิดเส้นทางที่เราเดินขึ้นมา ถ้าเราเดินผิดอาจไถลตกหน้าผาได้O.O (เราก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไมเรากล้าขนาดนั้น โชดดีที่รอดมาได้

) ซึ่งเค้าก็ใจดีมากให้ลงกับเค้าได้ตอนเค้าเลิกงาน ช่างเป็นภาพที่งดงามและประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืมเลย
เสี้ยวหนึ่งของ"การเดินทาง"กับ ”ความประทับใจ” ไม่มีวันลืม...
Luzern, Switzerland
Bern, Switzerland
Luzern, Switzerland
Luzern, Switzerland
London, UK
Switzerland
Portsmouth
Scotland, UK
Mt.Titlis, Switzerland
Jungfrau, Switzerland
Grindelward, Switzerland
Trekking@Switzerland
Mt.Matterhorn, Switzerland
Outside the train, Switzerland
Mt.Rigi, Switzerland
Rapperswil, Switzerland
London,UK
Zurich, Switzerland
Switzerland
ขอบคุณทุกๆคนที่อ่านจนจบ
สุดท้ายนี้อยากถามเพื่อนๆว่า "แล้ว เพื่อนๆล่ะพร้อมออกเดินทางไปเจอสิ่งไหมๆแล้วหรือยัง??"
เป้ 1ใบกับกล้อง 1 ตัวให้อะไรมากกว่าที่คุณคิด
อะไร?? ทำให้”เด็ก"คนนึงเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้
อะไร?? ทำให้สิ่งที่เรียน”ภาษาอังกฤษ"มา 19 ปีที่ไทยเทียบไม่ได้เลยกับ 3 เดือนที่อังกฤษ
อะไร?? ทำให้จาก “เด็ก” กลัว “ฝรั่ง”(ชาวต่างชาติ) ขึ้นสมอง ชนิดที่ เรียกว่า เห็นหน้า”ฝรั่ง”ก็นึกไม่ออกแล้วว่าจะพูดว่าอะไร เป็น “Backpacker"ที่เที่ยวยุโรปคนเดียวได้ ถึงจะพูดไม่เก่งแต่ก็เอาตัวรอดได้ทุกครั้งไป
อะไร?? ทำให้”ผู้หญิง”คนนึงกล้าไปในที่ไม่เคยไป จนเป็นที่มาของ
เที่ยวคนเดียวครั้งแรก @ สวนสนุก Alton Tower, UK
Scotland and Highland,UK และอีกหลายๆที่ในอังกฤษ
และล่าสุด
Backpack Grand Swit 16 วันเมื่อปีที่แล้ว ตามด้วย
นักเรียนแลกเปลี่ยน @Hokkaido University อยู่หอคนเดียวในประเทศที่คนไทยส่วนใหญ่ก็ไปกัน”ญี่ปุ่น”
ตามด้วย
Backpack 4 ประเทศ 15 วัน Czech, Austria, Hungary, Germany ในปีนี้
กระทู้นี้เราอยากแชร์ “ประสบการณ์” ที่ผ่านมา "แรงบันดาลใจ” และ “จุดเริ่มต้น” ของการเป็น Backpacker ของเรา มันอาจ”ไม่ดีที่สุด” แต่เชื่อว่า น่าจะเป็น “แรงบันดาลใจ” ให้ใครหลายคนได้หรือสำหรับใครที่ยังลังเลว่า
“ผู้หญิงคนเดียวจะเที่ยวได้(จริงๆ)เหรอ”
“อายุก็แค่นี้(ตอนไปBackpack แบบเต็มตัวครั้งแรกที่สวิส เราอายุ 20) ยังจะกล้าไปคนเดียวอีก แล้วก็เป็นผู้หญิง ไม่กลัวอันตรายหรือไง”
“ไม่กลัวเหงาเหรอ”
“จะเดินทางยังไง จะไปเที่ยวยังไง แล้วถ้ามีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นล่ะจะทำยังไง"
อย่างน้อย เราก็อยากเป็นอีก “หนึ่งคน” ที่บอกว่า “ผู้หญิงคนเดียวก็เที่ยวได้จริงๆนะ"
สำหรับเรา ไม่ว่า “ใคร” ก็ “เที่ยว” ได้ ไม่ว่า”ใคร”ก็เป็น “Backpacker”ได้ ขอเพียงมี “ความกล้า” ก็พร้อม”ทำ” มันให้เป็นจริงแล้ว เราขอยกคำพูดของอาจารย์ที่เคารพท่านหนึ่งที่เคยกล่าวไว้ว่า “Dare to dream and be responsible for it Make your dream come true ถ้ากล้าที่จะฝัน ต้องกล้ารับผิดชอบต่อความฝันและทำมันให้เป็นจริง” ใคร”ฝัน”จะไปที่ไหนแล้ว อย่าลังเลที่จะไปเลยค่ะ เพราะแค่”กล้า” คุณก็(มีโอกาสที่จะ)”ได้” มันมาแล้วค่ะ ถ้าไม่คิดจะลงมือทำ มันก็เป็นได้”แค่ฝัน” ต่อไป
ทุกอย่างต้องมี”จุดเริ่มต้น” สำหรับ เรา เริ่มจาก
ไปต่างประเทศครั้งแรก @ London, United Kingdom ตอนอายุ 19
การที่ได้มีโอกาสไปเรียนภาษาที่ “อังกฤษ” 3 เดือน เปลี่ยน ชีวิตเราแทบพลิกฝ่ามือ
3 เดิอนที่ทำให้ เรา “กล้า”ที่จะเผชิญโลกมากขึ้น เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นและที่สำคัญที่สุดเป็น “Backpacker”
ทุกอย่างจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าไม่ได้ “รุ่นพี่"ผู้มีพระคุณในวันนั้นรับ เรา ไปอยู่ด้วย หลังเรามีปัญหากับ Host ชาวอังกฤษ เมื่อ เราอยู่กับเค้าได้แค่ 2 สัปดาห์ ทั้งที่ เรากับพี่เค้ารู้จักกันจริงๆไม่ถึง 2 อาทิตย์ กินข้าวด้วยกันไม่เกิน 2 ครั้งและนอนด้วยกันไม่เกิน 2 คืน
แต่เพราะเราเป็น “คนไทย” ประโยคที่ซาบซึ้งใจเรามาก ไม่รู้จะขอบคุณยังไงดี แต่ถ้าไม่มีพี่เค้า ในวันนั้นคงไม่มี เรา ในวันนี้
จาก Oxford สู่ London นั่งรถบัสเข้าเมือง&โบก Black cab ครั้งแรก
ถามว่า “กลัว” ไหม ก็กลัวนะ ไม่เคยไปลอนดอนเองเลย แถมมีกระเป๋าเดินทาง 2 ใบรวมกันเกือบ 30 กิโลอีก จะไป หอพี่เค้า ยังไง สารภาพเลยว่า นั่งร้องไห้ตลอดทาง มาต่างประเทศครั้งแรกแล้วยังจะโดนแบบนี้อีกTT แต่ไม่มีเวลาที่จะเสียใจมากนักเพราะ เราต้องโบก Black cab ไปหอพี่เค้า เราโบกBlack cab ร่วมครึ่งชึ่วโมงก็ไม่มีใครรับเราเลยค่ะTT โชคยังดีที่ใกล้โรงแรม พอดีมี Black cab มาส่งคนพอดี ในที่สุดเราก็ได้รถซะที ช่างเป็นวันแรกใน London ที่จำอีกนานเลย
เที่ยวคนเดียวครั้งแรก&การโทรเรียกTaxi ครั้งแรกผ่านตู้โทรศัพท์เพราะที่พักไม่มีสัญญาณมือถือO.O @ทริปสวนสนุกAltons Tower, UK
ตอนจองก็ไม่รู้ว่า ที่พักจะไกลขนาดนี้และอยู่เชิงเขาที่ไม่มีรถประจำทางผ่าน ไม่รู้หลวมตัวไปจองได้ไง แต่รู้อีกทีก็ตอนจะเรียกTaxi นี่แหละ โทรไปตามเบอร์ที่เค้าแปะไว้ กว่าจะโทรติด กว่าจะคุยกันรู้เรื่อง(ตอนนั้นเรายังพูดอังกฤษไม่คล่องน่ะเลยสื่อสารกันยากว่าเราอยู่ที่ไหน
เกือบตกเครื่องครั้งแรกเพราะ Boarding Pass แสกนไม่ผ่าน
เรื่องเกิดจากเราต้องขึ้นเครื่องไป Northen Ireland แล้วเราก็ไม่ได้ print boarding Pass เพราะคิดว่า “สแกน” ผ่าน ipad ได้ แต่เรื่องมันเกิดตอนก่อนเข้า Gate มันสแกนไม่ผ่านค่ะ(ตอนสแกนกระเป๋าเข้ามา ยังผ่านอยู่เลยTT) แล้วเหลือเวลาอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงจะถึง เวลา Boarding Time โชคดีของเราค่ะที่เราพูดแล้ว เจ้าหน้าที่เค้าเข้าใจ เห็นเค้าโทรคุยกับเจ้าหน้าที่อีกคนนึง แล้วให้เราผ่านไปขึ้นเครื่องได้ทันเวลาแบบฉิวเฉียดเลยค่ะ เป็นการเริ่มต้นทริปที่ตื่นเต้นมาก จำไปอีกนานเหมือนกันค่ะ
เกือบไม่ได้เที่ยวเพราะเข้าประเทศไม่ได้ @Switzerland
เราก็ไม่เข้าใจเหมือนกันนะว่า เรามีวีซ่า+bookingโรงแรม+เงิน(เราเอาไปเยอะนะ เหลือกลับมาตั้งเกือบครึ่ง) แต่เราก็โดนเรียกเข้าห้อง(อีกแล้ว) ไม่รู้ว่าเพราะเราเป็นผู้หญิงที่เดินทางคนเดียวหรือเราดูเด็กในสายตาเค้า(เราก็ไม่ได้คิดไปเองนะเเต่ชอบมีคนมาทักเราว่า เราเรียนอยู่ม.ปลายทั้งที่เราอยู่ปี 3 แล้ว ไม่รู้จะตอบไงดีเลย หน้าเด็กเกินไปก็ไม่ดีTT)แต่ไม่ว่าจะยังไง สุดท้ายเราก็ผ่านมาได้ คงเป็นเพราะเราตอบเค้าอย่างมั่นใจ+เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดบ่อย เราเลยเริ่มไม่กลัวแล้ว ก็ค่อยๆตั้งสติแก้ปัญหาไป(นี่แค่เริ่มต้นนะ ในทริปนี้ยังมีอะไรอีกเยอะ ตื่นเต้นกันจนวันกลับเลย
นั่งบัสแข่งกับเรือเหตุเกิดเพราะลืมสายชาร์จ@Switzerland
เรื่องเกิดจาก เราไปเที่ยวเมืองเล็กแถบ ริมทะเลสาบ Luzern เราก็ดู Google Map, ตารางรถไฟ, เรือจากในโทรศัพท์เราจนแบตหมด เราก็ไม่คิดอะไร จนจะหา”สายชาร์จ” หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอนึกได้ว่า “ลืม”ไว้ที่โรงแรม แล้วจะกลับไงที่นี้ เราก็ตั้งสติว่า เรานั่งเรือมาแล้วต่อรถบัส เลยคิดว่าจะกลับโดยบัสต่อเรือ ก็ไปดูรอบรถที่ป้าย ดูตารางเรือ(ครั้งแรกตั้งแต่มาที่สวิสเลยค่ะ นี่ถ้าดูผิดก็ไม่รู้จะเป็นไงเหมือนกันTT) ปัญหาคือรถบัสต้องถึงท่าเรือก่อนค่ะ ตอนนั่งนี่ลุ้นมากเพราะบัสก็ขับเลียบทะเลสาบไปเรือก็วิ่งไป จนบัสถึงท่าเรือก็เมืองที่ 2 แหละค่ะ นึกว่าจะกลับไม่ได้ซะแล้ว สารภาพเลยว่าถึงตื่นเต้นแต่ก็ประทับใจเพราะวิวทะเลสาบงดงามมาก เรียกได้ว่าถ้าไม่ลืม”สายชาร์จ”ก็คงไม่”ฟิน”เท่านี้
Trekking ครั้งแรกกับการหลงทางกลางทุ่งหิมะคนเดียว@Switzerland
เราไปสวิสเพราะ หลงใหลกับธรรมชาติที่งดงามมากๆจนตั้งใจว่า จะไป trekking สักเส้นทางนึงเพื่อให้ซึบซับบรรยากาศได้อย่างเต็มที่ แต่ด้วยความที่ช่วงที่เราไปหิมะยังละลายไม่หมด พอเราเดินสูงขึ้นเรื่อยๆก็เลยไปติดอยู่กลางหิมะสูงเท่าเอว กว่าจะขึ้นมาได้ลำบากมากและกว่าจะเดินไปขอความช่วยเหลือที่สถานีกระเช้าอีก ซึ่งวันที่เรามันก็ปิดซ่อมแซมTT โชคดีที่ยังมี”คน”อยู่ เราเลยถามทางว่า "จะกลับยังไง” เพราะหิมะจากข้างบนมันไหลมาปิดเส้นทางที่เราเดินขึ้นมา ถ้าเราเดินผิดอาจไถลตกหน้าผาได้O.O (เราก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไมเรากล้าขนาดนั้น โชดดีที่รอดมาได้
เสี้ยวหนึ่งของ"การเดินทาง"กับ ”ความประทับใจ” ไม่มีวันลืม...
Luzern, Switzerland
Bern, Switzerland
Luzern, Switzerland
Luzern, Switzerland
London, UK
Switzerland
Portsmouth
Scotland, UK
Mt.Titlis, Switzerland
Jungfrau, Switzerland
Grindelward, Switzerland
Trekking@Switzerland
Mt.Matterhorn, Switzerland
Outside the train, Switzerland
Mt.Rigi, Switzerland
Rapperswil, Switzerland
London,UK
Zurich, Switzerland
Switzerland
ขอบคุณทุกๆคนที่อ่านจนจบ
สุดท้ายนี้อยากถามเพื่อนๆว่า "แล้ว เพื่อนๆล่ะพร้อมออกเดินทางไปเจอสิ่งไหมๆแล้วหรือยัง??"