ครั้งหนึ่งกษัติรย์ภัททิยะลิจฉวี ได้กล่าวกับพระพุทธเจ้าว่า
ได้ยินเขาว่าพระพุทธเจ้ามีมายาสามารถเปลี่ยนใจอัญญเดียรถีย์ต่างๆให้มานับถือพระองค์
จึงตรัสถามเพื่อละเว้นการกล่าวตู่พระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าตรัสว่า อย่าเชื่อถือคำที่ฟังต่อๆกันมา... ฯลฯ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ดูกรภัททิยะ ท่านจงมาเถิด ท่านทั้งหลายอย่าได้ถือโดยฟังตามกันมา
อย่าได้ถือโดยสืบต่อกันมา อย่าได้ถือโดยตื่นข่าว อย่าได้ถือโดยอ้างตำรา
อย่าได้ถือโดยนึกเดาเอาเอง อย่าได้ถือโดยคาดคะเน อย่าได้ถือโดยตรึกตามอาการ
อย่าได้ถือโดยชอบใจว่าถูกกับลัทธิของตน อย่าได้ถือโดยเชื่อว่าสมณะเป็นครูของเรา
ให้พิจารณาว่าธรรมเหล่านั้น เป็นกุศลหรืออกุศล มีโทษหรือประโยชน์ วิญญูชนสรรเสริญหรือติเตียน
บุคคลใดเป็นผู้มีความสงบ เป็นสัตบุรุษ ย่อมชักชวนให้สาวกปราบปรามความโลภ โกรธ หลง การแข่งดี
เพื่อไม่ให้กระทำกรรมอันเกิดจากกิเลสทั้งหลายเหล่านี้
เจ้าภัททิยะฯได้ฟังดังนี้ จึงประกาศตัวเป็นอุบาสก ผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต
พระพุทธเจ้าจึงตรัสถามว่า พระองค์ชักชวนให้มาเป็นสาวกหรือ..?
เจ้าภัททิยะฯปฏิเสธว่า ไม่ได้ชวน
พระพุทธเจ้าจึงทวนที่มีผู้อื่นกล่าวตู่แต่แรกว่าพระองค์มีมายาชักชวนให้อัญญเดียรถีย์กลับใจมานับถือ
เจ้าภัททิยะฯ จึงกล่าวว่า มายานี้ดีนัก ท่านต้องการให้คนทั้งปวงได้กลับใจอย่างนี้ เพื่อประโยชน์เพื่อความสุข
...
เอาแค่นี้แล้วกันนะครับ ผมเล่าย่อๆ ใครต้องการอ่านฉบับเต็ม พึงเข้าอ่านได้ที่
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=21&A=4991&Z=5844
ข้อสังเกต ตรัสถึงการเชื่อ และสิ่งที่ควรพิจารณา
คือ ที่มาของสิ่งที่ได้รับมา หรือสื่อที่ได้รับมานั้น ไม่ได้เป็นเงื่อนไขว่าเราจะต้องเชื่อ
ในที่นี้ควรมุ่งไปที่ธรรมะคำสอนต่างๆเป็นสำคัญ
ถ้าเราพิจารณาแล้วว่าดี เป็นกุศล มีประโยชน์ วิญญูชนสรรเสริญ เราก็พึงที่จะยึดถือไว้ได้
และต้นเรื่อง คือการตู่พระพุทธเจ้าว่าใช้มายาในการทำให้อัญญเดียรถีย์ต่างกลับใจมานับถือ
อันนี้ท่านคิดเห็นเป็นประการใดบ้าง
คำว่า มายา คือ...? การหลอกลวงหรือ...?
ถ้าเปลี่ยนมาเป็น วิธี ลีลา ละ ?
พระพุทธเจ้าท่านมีวิธี มีลีลาในการเปลี่ยนใจอัญญเดียรถีย์...? ด้วยปาฏิหาริย์ต่างๆมีอนุสาสนีปาฏิหาริย์เป็นสำคัญ
อย่าได้ถือโดยฟังตามกันมา นอกเกสปุตตสูตร
ได้ยินเขาว่าพระพุทธเจ้ามีมายาสามารถเปลี่ยนใจอัญญเดียรถีย์ต่างๆให้มานับถือพระองค์
จึงตรัสถามเพื่อละเว้นการกล่าวตู่พระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าตรัสว่า อย่าเชื่อถือคำที่ฟังต่อๆกันมา... ฯลฯ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ให้พิจารณาว่าธรรมเหล่านั้น เป็นกุศลหรืออกุศล มีโทษหรือประโยชน์ วิญญูชนสรรเสริญหรือติเตียน
บุคคลใดเป็นผู้มีความสงบ เป็นสัตบุรุษ ย่อมชักชวนให้สาวกปราบปรามความโลภ โกรธ หลง การแข่งดี
เพื่อไม่ให้กระทำกรรมอันเกิดจากกิเลสทั้งหลายเหล่านี้
เจ้าภัททิยะฯได้ฟังดังนี้ จึงประกาศตัวเป็นอุบาสก ผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต
พระพุทธเจ้าจึงตรัสถามว่า พระองค์ชักชวนให้มาเป็นสาวกหรือ..?
เจ้าภัททิยะฯปฏิเสธว่า ไม่ได้ชวน
พระพุทธเจ้าจึงทวนที่มีผู้อื่นกล่าวตู่แต่แรกว่าพระองค์มีมายาชักชวนให้อัญญเดียรถีย์กลับใจมานับถือ
เจ้าภัททิยะฯ จึงกล่าวว่า มายานี้ดีนัก ท่านต้องการให้คนทั้งปวงได้กลับใจอย่างนี้ เพื่อประโยชน์เพื่อความสุข
...
เอาแค่นี้แล้วกันนะครับ ผมเล่าย่อๆ ใครต้องการอ่านฉบับเต็ม พึงเข้าอ่านได้ที่
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=21&A=4991&Z=5844
ข้อสังเกต ตรัสถึงการเชื่อ และสิ่งที่ควรพิจารณา
คือ ที่มาของสิ่งที่ได้รับมา หรือสื่อที่ได้รับมานั้น ไม่ได้เป็นเงื่อนไขว่าเราจะต้องเชื่อ
ในที่นี้ควรมุ่งไปที่ธรรมะคำสอนต่างๆเป็นสำคัญ
ถ้าเราพิจารณาแล้วว่าดี เป็นกุศล มีประโยชน์ วิญญูชนสรรเสริญ เราก็พึงที่จะยึดถือไว้ได้
และต้นเรื่อง คือการตู่พระพุทธเจ้าว่าใช้มายาในการทำให้อัญญเดียรถีย์ต่างกลับใจมานับถือ
อันนี้ท่านคิดเห็นเป็นประการใดบ้าง
คำว่า มายา คือ...? การหลอกลวงหรือ...?
ถ้าเปลี่ยนมาเป็น วิธี ลีลา ละ ?
พระพุทธเจ้าท่านมีวิธี มีลีลาในการเปลี่ยนใจอัญญเดียรถีย์...? ด้วยปาฏิหาริย์ต่างๆมีอนุสาสนีปาฏิหาริย์เป็นสำคัญ