เรื่องก็ตามหัวข้อเลยครับ.....
ชีวิตผมเมื่อก่อนสุขสบาย(เกินไป)ผมเป็นลูกคนเดียว...พ่อ-แม่ เลี้ยงดูอย่างดีมาโดยตลอด...
แต่ที่บ้านพ่อเป็นคนทำงานหาเงินอยู่คนเดียว.....ด้วยวัย 71 แกยังทำงานอยู่..แกเป็นศาสนาจารย์สอนเกี่ยวกับศาสนาคริสต์....ที่จริงเขาจะเลิกจ้างพ่อผมตั้งแต่ตอนอายุ65แล้วแต่พ่อผมทำงานนี้มาเกินครึ่งชีวิตแล้วสุขภาพตอนนั้นก็ยังถือว่าโอเค(เอาจริงๆพ่อผมเป็นคนแข็งแรงมาก...เหล้าก็ไม่กิน..บุหรี่ก็ไม่สูบ)....เจ้านายก็เลยเห็นว่ายังไหวอยู่ก็เลยให้ทำไปแบบปีต่อปี...ด้วยความเห็นใจด้วยละมั้ง.....งานแก ทุกอาทิตย์ แกต้องขับรถไปประชุม ตามจังหวัดต่างๆ ไกลบ้าง ไกล้บ้าง ... เวลาผมบอกจะช่วยขับไปส่งแกก็จะบอกว่าไม่เป็นไรลูก...พ่อขับไหวอยู่....
แล้ววันนั้นก็มาถึง ....ปลายปี57 แกเรื่มป่วย ...จากที่แข็งแรงๆแกเริ่มบ่นกับแม่ว่า ทำไมช่วงนี้มันเหนื่อยแปลกๆ..... แม่ก็บอกว่า ก็อายุมันมากขึ้น จะให้ฟิตเหมือนหนุ่มๆได้ไง นี่ พ่อก็แก่แล้วนะ .... แต่ด้วยความที่แกไม่ค่อยป่วยก่อนหน้านี้...ก็เลยไม่ยอมไปโรงบาลในตอนแรก...จนผ่านไปเป็นเดือนแกเริ่มดูแย่กว่าเดิม...ผมเลยบอกว่า ไม่ได้ละพ่อ...ไปโรงพยาบาลเหอะ ให้หมอ ตรวจดูจะได้รู้ว่าเป็นอะไร นี่เป็นมาแบบนี้เป็นเดือนยังไม่ดีขึ้น มันแปลกๆ..นะ *อ่อ..งานของพ่อผมอยู่จังหวัดกันดารจังหวัดนึงละกัน..* จังหวัดนี้มี.. โรงบาลเดียว .... สุดท้ายพ่อก็ยอมไป...จากที่แกจะขับรถตลอดไม่ว่าไปไหน...แต่รอบนี้แค่ไปโรงบาล...แกบอกให้ผมขับ...พอไปถึงหมอก็ตรวจนู่นตรวจนี่นัดนู่นนัดนี่..เสียเวลากับ ร.พ. เป็นเดือน สุดท้ายไม่เจอว่าพ่อผมเป็นอะไร....แต่อาการพ่อผมกับแย่ลงเรื่อยๆ...สรุปโรงบาลนี้ส่งตัวพ่อผมไปจังหวัดที่ใหญ่กว่า....เพื่อจะได้ตรวจว่าเป็นอะไรกันแน่....
ตอนนั้นผมไม่ได้ไป...เพราะต้องดูลูกอ่อนที่บ้าน แฟนก็ทำงาน... ได้แต่โทรถามแม่...แล้ววันที่หมอนี่นั่นนัดก็ถึง...ผมคิดในใจวันนี้จะได้รู้สักทีพ่อเป็นอะไร...เดี๋ยวจะได้หาทางรักษากัน...
แต่พอผมโทรไปตั้งแต่...เที่ยง ยัน 1ทุ่มแม่เพิ่งรับ ผมก็ถามว่าหมอบอกพ่อเป็นอะไร.... แต่บอกว่าไม่เป็นไรมากหรอก...แก่แล้วไม่สบายหมอบอกตั้งดูแลแบบปะคับปะคอง...ผมก็ไม่แอะใจอะไรเท่าไหร่....พอถึงวันที่แกกลับมา...พ่อลงจากรถมีคนพยุงแขนลงมา ผมเห็นที่แรก...ก็แอะใจละว่า อ่าวไปรักษาที่โรงบาลดีๆเป็นเดือน..ทำไมกลับมาดูหนักกว่าตอนก่อนไปอีก.....ทุกวันตั้งแต่แกกลับมาจาก โรงบาลใหญ่... แกดูแย่ลงเรื่องจากขึ้นบรรไดขึ้นไปห้องนอนได้...ก็ขึ้นไม่ไหวต้องนอนข้างล่าง....มีอยู่วันนึงผมขับรถไปส่งแม่ตลาดพ่อก็นั่งรถไปด้วย...ปกติแกจะไม่ค่อยพูดกับผมมากหรอก..ผมเลยถามพ่อ...สรุปโร
งบาลใหญ่ที่พ่อไปตรวจเขาว่าไงบ้างวันนั้น....พ่อก็เงียบไป...แล้วบอกผมแบบเสียงเบาๆว่า ..แค่หมอบอก"ไอ่เราก็จะล้มตรงนั้นแล้ว"...หลังจากนั้นไม่ถึง2อาทิตย์แกก็ทรุดหนัก....ต้องเข้าโรงบาลแถวบ้านอีกครั้ง.....คราวนี้หมอบอกผมว่า...รู้แล้วใช่ไหมพ่อคุณเป็นโรคอะไร...ผมถามเป็นโรคอะไรครับหมด...
หมอบอกผมว่า พ่อเป็นโรงมะเร็งเม็ดเลือดขาว.......แกอายุ70 แล้วการรักษาคงทำไมได้.....น้องก็ดูแลแกดีๆนะช่วงนี้... ผมได้ยิน ตอนนั้นเหมือน สับสนไปหมด ผมจะทำยังไงต่อไป....จะเอาพ่อไปรักษาที่ไหน...เงินผมก็ไม่มี
...แล้วคืนนั้นตี2แม่ก็โทรหาผม...บอกให้ผมมาโรงบาลพ่อแย่แล้ว..ไม่ต้องรีบนะ...
พอไปถึงภาพที่ผมเห็นคือ. พยาบาล3-4คนกำลังปั๊มหัวใจพ่อผมอยู่...แต่ผมเดินเลยไปดูแม่ที่นั่งทรุดอยู่ตรงระเบียงก่อน....แล้วบอกแม่ว่าพ่อ...ไปสบายแล้วแม่แกไม่ต้องทนทรมานอยู่....จังหวะเดียวกัน พยาบาลก็ถามเป็นอะไรกับคนไข้? ผมตอบเป็นลูกครับ พยาบาล ถามต่อว่า จะเอายังไงดีคะ นี่ปั๊มมาจะ30นาทีแล้ว...ผมก็บอกว่า เอาเครื่องช่วยหายใจออกเหอะครับ พอเหอะ....หลังจากวันนั้นถึงวันนี้ เกือบ1ปีแล้ว ผมยังรู้สึกเหมือนกับว่าพึ่งเกิดเหตุการ์ณแบบนี้ไม่นาน...เกือบ1ปีแล้ว ที่ชีวิตแย่ที่สุดตั้งแต่เกิดมา....แล้วมันคงจะแย่ไปอีกนาน มันคงไม่มีวันเหมือนเดิม....เมื่อก่อนเวลามีความสุขก็จะสุขเต็มที่....แต่เดี๋ยวนี้บางทีมีความสุขอยู่..พอนึกถึงเรื่องราวที่เกิดกับครอบครัวผม...มันก็ทำให้ยิ้มหรือหัวเราะไม่เต็มปากแล้วล่ะ....ความสุขคงไม่มีทางเท่ากับตอนนี้ครอบครัวเราอยู่กันพร้อมหน้า.....
ขอบคุณคนที่เข้ามาอ่านนะครับ...........แค่อยากระบาย...ที่จริงมันมากกว่านี้ มากๆๆๆๆๆ นี่แค่เศษเสี้ยวส่วนนึงแค่นั้น.....
ตั้งแต่พ่อจากไป.....
ชีวิตผมเมื่อก่อนสุขสบาย(เกินไป)ผมเป็นลูกคนเดียว...พ่อ-แม่ เลี้ยงดูอย่างดีมาโดยตลอด...
แต่ที่บ้านพ่อเป็นคนทำงานหาเงินอยู่คนเดียว.....ด้วยวัย 71 แกยังทำงานอยู่..แกเป็นศาสนาจารย์สอนเกี่ยวกับศาสนาคริสต์....ที่จริงเขาจะเลิกจ้างพ่อผมตั้งแต่ตอนอายุ65แล้วแต่พ่อผมทำงานนี้มาเกินครึ่งชีวิตแล้วสุขภาพตอนนั้นก็ยังถือว่าโอเค(เอาจริงๆพ่อผมเป็นคนแข็งแรงมาก...เหล้าก็ไม่กิน..บุหรี่ก็ไม่สูบ)....เจ้านายก็เลยเห็นว่ายังไหวอยู่ก็เลยให้ทำไปแบบปีต่อปี...ด้วยความเห็นใจด้วยละมั้ง.....งานแก ทุกอาทิตย์ แกต้องขับรถไปประชุม ตามจังหวัดต่างๆ ไกลบ้าง ไกล้บ้าง ... เวลาผมบอกจะช่วยขับไปส่งแกก็จะบอกว่าไม่เป็นไรลูก...พ่อขับไหวอยู่....
แล้ววันนั้นก็มาถึง ....ปลายปี57 แกเรื่มป่วย ...จากที่แข็งแรงๆแกเริ่มบ่นกับแม่ว่า ทำไมช่วงนี้มันเหนื่อยแปลกๆ..... แม่ก็บอกว่า ก็อายุมันมากขึ้น จะให้ฟิตเหมือนหนุ่มๆได้ไง นี่ พ่อก็แก่แล้วนะ .... แต่ด้วยความที่แกไม่ค่อยป่วยก่อนหน้านี้...ก็เลยไม่ยอมไปโรงบาลในตอนแรก...จนผ่านไปเป็นเดือนแกเริ่มดูแย่กว่าเดิม...ผมเลยบอกว่า ไม่ได้ละพ่อ...ไปโรงพยาบาลเหอะ ให้หมอ ตรวจดูจะได้รู้ว่าเป็นอะไร นี่เป็นมาแบบนี้เป็นเดือนยังไม่ดีขึ้น มันแปลกๆ..นะ *อ่อ..งานของพ่อผมอยู่จังหวัดกันดารจังหวัดนึงละกัน..* จังหวัดนี้มี.. โรงบาลเดียว .... สุดท้ายพ่อก็ยอมไป...จากที่แกจะขับรถตลอดไม่ว่าไปไหน...แต่รอบนี้แค่ไปโรงบาล...แกบอกให้ผมขับ...พอไปถึงหมอก็ตรวจนู่นตรวจนี่นัดนู่นนัดนี่..เสียเวลากับ ร.พ. เป็นเดือน สุดท้ายไม่เจอว่าพ่อผมเป็นอะไร....แต่อาการพ่อผมกับแย่ลงเรื่อยๆ...สรุปโรงบาลนี้ส่งตัวพ่อผมไปจังหวัดที่ใหญ่กว่า....เพื่อจะได้ตรวจว่าเป็นอะไรกันแน่....
ตอนนั้นผมไม่ได้ไป...เพราะต้องดูลูกอ่อนที่บ้าน แฟนก็ทำงาน... ได้แต่โทรถามแม่...แล้ววันที่หมอนี่นั่นนัดก็ถึง...ผมคิดในใจวันนี้จะได้รู้สักทีพ่อเป็นอะไร...เดี๋ยวจะได้หาทางรักษากัน...
แต่พอผมโทรไปตั้งแต่...เที่ยง ยัน 1ทุ่มแม่เพิ่งรับ ผมก็ถามว่าหมอบอกพ่อเป็นอะไร.... แต่บอกว่าไม่เป็นไรมากหรอก...แก่แล้วไม่สบายหมอบอกตั้งดูแลแบบปะคับปะคอง...ผมก็ไม่แอะใจอะไรเท่าไหร่....พอถึงวันที่แกกลับมา...พ่อลงจากรถมีคนพยุงแขนลงมา ผมเห็นที่แรก...ก็แอะใจละว่า อ่าวไปรักษาที่โรงบาลดีๆเป็นเดือน..ทำไมกลับมาดูหนักกว่าตอนก่อนไปอีก.....ทุกวันตั้งแต่แกกลับมาจาก โรงบาลใหญ่... แกดูแย่ลงเรื่องจากขึ้นบรรไดขึ้นไปห้องนอนได้...ก็ขึ้นไม่ไหวต้องนอนข้างล่าง....มีอยู่วันนึงผมขับรถไปส่งแม่ตลาดพ่อก็นั่งรถไปด้วย...ปกติแกจะไม่ค่อยพูดกับผมมากหรอก..ผมเลยถามพ่อ...สรุปโร
งบาลใหญ่ที่พ่อไปตรวจเขาว่าไงบ้างวันนั้น....พ่อก็เงียบไป...แล้วบอกผมแบบเสียงเบาๆว่า ..แค่หมอบอก"ไอ่เราก็จะล้มตรงนั้นแล้ว"...หลังจากนั้นไม่ถึง2อาทิตย์แกก็ทรุดหนัก....ต้องเข้าโรงบาลแถวบ้านอีกครั้ง.....คราวนี้หมอบอกผมว่า...รู้แล้วใช่ไหมพ่อคุณเป็นโรคอะไร...ผมถามเป็นโรคอะไรครับหมด...
หมอบอกผมว่า พ่อเป็นโรงมะเร็งเม็ดเลือดขาว.......แกอายุ70 แล้วการรักษาคงทำไมได้.....น้องก็ดูแลแกดีๆนะช่วงนี้... ผมได้ยิน ตอนนั้นเหมือน สับสนไปหมด ผมจะทำยังไงต่อไป....จะเอาพ่อไปรักษาที่ไหน...เงินผมก็ไม่มี
...แล้วคืนนั้นตี2แม่ก็โทรหาผม...บอกให้ผมมาโรงบาลพ่อแย่แล้ว..ไม่ต้องรีบนะ...
พอไปถึงภาพที่ผมเห็นคือ. พยาบาล3-4คนกำลังปั๊มหัวใจพ่อผมอยู่...แต่ผมเดินเลยไปดูแม่ที่นั่งทรุดอยู่ตรงระเบียงก่อน....แล้วบอกแม่ว่าพ่อ...ไปสบายแล้วแม่แกไม่ต้องทนทรมานอยู่....จังหวะเดียวกัน พยาบาลก็ถามเป็นอะไรกับคนไข้? ผมตอบเป็นลูกครับ พยาบาล ถามต่อว่า จะเอายังไงดีคะ นี่ปั๊มมาจะ30นาทีแล้ว...ผมก็บอกว่า เอาเครื่องช่วยหายใจออกเหอะครับ พอเหอะ....หลังจากวันนั้นถึงวันนี้ เกือบ1ปีแล้ว ผมยังรู้สึกเหมือนกับว่าพึ่งเกิดเหตุการ์ณแบบนี้ไม่นาน...เกือบ1ปีแล้ว ที่ชีวิตแย่ที่สุดตั้งแต่เกิดมา....แล้วมันคงจะแย่ไปอีกนาน มันคงไม่มีวันเหมือนเดิม....เมื่อก่อนเวลามีความสุขก็จะสุขเต็มที่....แต่เดี๋ยวนี้บางทีมีความสุขอยู่..พอนึกถึงเรื่องราวที่เกิดกับครอบครัวผม...มันก็ทำให้ยิ้มหรือหัวเราะไม่เต็มปากแล้วล่ะ....ความสุขคงไม่มีทางเท่ากับตอนนี้ครอบครัวเราอยู่กันพร้อมหน้า.....
ขอบคุณคนที่เข้ามาอ่านนะครับ...........แค่อยากระบาย...ที่จริงมันมากกว่านี้ มากๆๆๆๆๆ นี่แค่เศษเสี้ยวส่วนนึงแค่นั้น.....