''ระบาย บวก ขอคำปรึกษา''
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับแม่ของเรานะคะ เอ (นามสมมติเรา) เรากับแม่อยู่ภาคใต้ค่ะ เราจะพยายามเล่าให้นึกภาพตาม ถ้าคำมันยืดเยื้อขอโทษด้วยนะคะ แล้วก็เป็นกระทู้แรก ผิดพลาดประการใดติได้ค่ะ
เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2558 ตอนเช้า แม่เอขับรถยนต์ไปส่งเอที่โรงเรียน โดยเลี้ยวอ้อมไปทางถนนเล็ก เลี่ยงทางตรงเพราะรถติดบวกกับไปรร.เกือบสายทุกวันเพราะบ้านไกล ขับมาเรื่อยๆ ถ้าสองข้างทางเป็นหญ้าว่างไม่มีคนก็ขับประมาณ 60 ถ้าตรงไหนแคบหน่อย หรือเขตชุมชนก็ไม่เกิน 40 ถนนสองเลนส์รถสวนกันได้พอดีนึกภาพออกนะคะ เมื่อขับไปได้ระยะหนึ่ง ใกล้ถึงทางเลี้ยวออกจากถนนเล็กเข้าถนนใหญ่ ก่อนทางเลี้ยวจะเป็นสะพานเล็ก ๆ ซ้ายมือก่อนขึ้นสะพานเป็นวัดที่มีแม่ชีมากกว่าพระเพราะบรรยากาศดีเหมาะกับการบวชชีพราหมณ์ ขวามือเป็นร้านขายของชำเล็กๆ และเป็นห้องแถวติดๆกัน ถือว่าเป็นเขตชุมชน เลยขับช้าๆ จากนั้น
แม่เห็นว่ามีรถคันหนึ่งจอดหน้าวัดด้านซ้ายกระทันหัน แม่เลยตบไฟเลี้ยวขวา หลบรถคันนั้นนิดนึง แล้วตรงไปขึ้นสะพาน เลี้ยวออกถนนใหญ่ พอขับถึงสี่แยกหน้าศาลากลางจังหวัด มีตำรวจมาดักรถแม่เอ แล้วสั่งให้ลดกระจกลง ถามแม่ว่า ''ชนแล้วหนีทำไมไม่ไปดูคนเจ็บ'' (ตอนนั้นยังเจ็บนะคะ ยังไม่ถึงชีวิต นอนโรงพยาบาล3วัน) อ้าวววว! เอกับแม่ก็งงสิคะ ชนตอนไหน ทำไมไม่รู้ไม่เห็นว่าตัวเองชน แม่ก็ค้านตำรวจอย่างเดียวว่า ''ไม่ได้ชนจริงๆไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ามีเหตุตรงนั้นเพราะไม่ได้สังเกตุ ปล่อยไปก่อนได้ไหมจะรีบส่งลูกไปโรงเรียน เอาบัตรปชช.ไป จดชื่อไว้ก็ได้ แม่ทำงานอยู่ที่ศาลากลาง รับราชการ ไม่หนีหรอก'' ตำรวจก็ไม่ยอม เอรู้สึกรำคาน (ในตอนนั้นรำคานจริงๆนะคะคือไม่ได้ชนแต่โดนกล่าวหา) เอเลยบอกกับแม่ไปว่า ถ้าไม่ผิดก็ไม่ต้องไปไหน อยู่นี่แหละ เดี๋ยวเอไปโรงเรียนเอง จากนั้นเอก็ลงจากรถไปขึ้นรถสองแถว แม่ก็จอดรถข้างทางคุยกับตำรวจ
พอเอมาถึงโรงเรียน ก็โดนจับสาย โดนทำโทษตามระเบียบ... ตอนเที่ยงเอโทรไปถามแม่ด้วยความเป็นห่วง แม่บอกกับเอว่า ตร.ยึดรถแม่ไว้ เอาไปพิสูจน์รอยชนว่ามีไหม แล้วก็บันทึกประจำวันเอาไว้ ตอนนั้นทนายโทรหาแม่พอดี ขอคุยกับตำรวจ แต่บอกตำรวจว่าเป็นหลานแม่ บอกตร.ว่า ''น้าผมสุจริตนะคับ'' ตร.ก็ถามว่าใคร ทำงานอะไร แม่ก็บอกไปว่าทำธุรกิจ ไม่ได้บอกว่าเป็นทนาย แล้วก็มีเพื่อนแม่มารับ เพราะรถโดนยึดไว้ ตร.ก็ยังถามอีกว่าใคร ทำหน้าตกใจ มันแปลกๆ จะถามทำไม ระแวงอะไรหรอ กลัวโดนเด้งหรืออะไร หลังจากพิสูจน์รอยชนเสร็จแม่ก็มารับรถ ผลออกมาว่าไม่มีรอยเฉี่ยวชน เอก็โล่งอกไปสิ คงไม่มีอะไรแล้วแหละ
หลายวันต่อมา มีหมายเรียกจากตำรวจ ใช้คำว่า ''ผู้ต้องหา'' ขับรถประมาทหวาดเสียวเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงความตาย... อ้าวว ซวยแล้วไง คนนั้นเค้าตายหรอ ตายได้ยังไง ถ้าชนต้องมีรอยบุบ รอยเฉี่ยว รอยอะไรสักอย่างสิ ความสงสัยขึ้นมาในหัวเต็มไปหมด ในเมื่อไม่มีรอยชน จะเป็นผู้ต้องหาได้ยังไง แม่ก็รีบโทรไปหาร้อยเวรเจ้าของเรื่อง ขอความยุติธรรม ถามว่ามันเป็นมายังไง ทำไมยังมีหมายเรียก ร้อยเวรก็ให้ไปพบประมาณกลางๆเดือนธันวา (จำไม่ค่อยได้ต้องไปดูในใบหมายเรียกอีกทีค่ะ) วันนั้นเรียกแม่ไปให้การอีกรอบ และตร.มีรูปคนเจ็บกับมอเตอร์ไซค์เค้า แต่เป็นการล้มในเลนขวา ตร.ชี้ว่ามีรอยเลือดอยู่บนถนนนิดๆ ไม่ใช่ภาพสี แม่กับเอก็ยิ่ง งง ใหญ่ ล้มเลนขวา เกี่ยวอะไรกับเราเลนซ้าย ตร.บอกว่า มีคนเห็นละโทรบอกตร.ว่ารถแม่เอชน แถมยังไม่จอด ขับรถผ่านไป ประมาณว่าหนี ไม่ยอมลงมาดูคนเจ็บ ตร.เลยวอกันทั้งโรงพัก แม่เอเลยโดนดักวันนั้นไงคะ พอออกจากโรงพักแม่ก็โทรไประบายกับยายว่ามันเป็นไปได้ยังไง ก็ได้คำตอบมาบลาๆๆ ทำให้แม่สบายใจขึ้นว่า ถ้ามั่นใจว่าไม่ชน ก็ไม่ต้องกังวล ญาติๆจะช่วยอีกทาง
หลังจากนั้นตร.ก็ให้เอไปให้ปากคำฐานะพยาน แต่พอดีว่าแม่พาเอไปกรุงเทพ เลยไม่ได้ไป แล้วก็เลื่อนนัดเป็นปลายๆเดือน ระหว่างนั้นแม่ก็กังวัลมาก เอก็เริ่มเปิดอ่านตัวอย่างคดีในเน็ตว่า ถ้าถูกกล่าวหาโดยไม่ได้ชน ต้องทำไง อ่านเยอะมากๆหลายเว็บ จิตตก ถึงขึ้นไปอ่านความเป็นอยู่ในคุก นั่งร้องไห้หน้าคอม ร้องหนักมากจนตาแดง นอนไม่หลับ กลัวแม่จะกลายเป็นแพะ จะทำยังไงดี เพราะพยานก็มีเอคนเดียว ส่วนฝ่ายนู้นเค้าจะไป make ว่าเห็นก็ได้ หรือจ้างมาก็ได้ใครจะไปรู้ เห็นว่าเราขับรถผ่านโดยไม่จอด หาว่าเราหนีเฉยเลย
จากนั้นแม่เลยโทรหาผู้บังคับการ ปรึกษาทุกข้อสงสัย เค้าพูดดีกับแม่มาก บอกว่าจะยุติธรรมที่สุด จนแม่เราสบายใจ บอกว่าปลายเดือนยังไม่ต้องไปหาร้อยเวร คุยกับร้อยเวรไว้ว่า เจอทีเดียววันที่ผมกลับมาจากตจว. ก็คือต้นเดือนมกรา ผมจะหาความจริงว่าเป็นมายังไงก่อน แล้วจะโทรให้คุณมา ประมาณนี้
ต้นเดือนมกรา... แม่ไปพบผู้บังคับการกับร้อยเวร มีญาติคนตายมาด้วย แต่แยกห้องกัน แม่ถึงได้รู้ว่าจริงๆแล้วเค้าตายหลังจากเข้ารพ.3วัน และเพิ่งรู้ชื่อผู้ตายวันนั้น เค้าเป็นผู้ชายทำงานเป็นครูโรงเรียนเอกชนเล็กๆแห่งนึง อายุ32ปี ไม่มีครอบครัว
วันนั้นน้าไปกับแม่ที่โรงพักด้วย เอไม่ได้ไปเพราะติดเรียน มีอะไรเซอไพรส์เยอะเลยค่าาา
1.ผู้ตาย ตายหลังจากเข้ารพ.3วัน
2.ตร.เอารอยเลือดกระเด็นใส่รถมาให้ดู บอกว่านี่คือการที่คุณไปเหยียบเค้าแล้วเลือดกระเด็นใส่รถ โดยในรูป ไม่เห็นตัวรถ เห็นแต่รอยเลือดติดข้างรถสีขาว เม็ดสองเม็ดได้ค่ะ เห็นไหมละคะ เปลี่ยนจากว่าเราชน เป็นว่าเราเหยียบซะงั้น เหมือนพยายามยัดข้อหาให้ได้ (ตอนแรกบอกไม่พบร่องรอย)
3.ขอดูใบสาเหตุการตายของหมอ ตร.บอกว่ารพ.ยังไม่ออกให้ (เราก็สงสัยเพราะตอนที่พ่อเราเสีย วันที่รับศพ ก็ได้ใบนั้นเลยนะ ระบุโรคชัดเจน)
4.ขอถ่ายเอกสารใบที่มีรูปรอยเลือด ที่มีรูปเหตุการณ์ และมีคำให้การทั้งหมด เป็นปึกหนาเลย ตร.ไม่ให้ถ่าย
5.ขอดูกล้องวงจรปิดแถวนั้น ตร.ก็เอามาให้ดู.....เห็นแค่ล้อ ไม่เห็นตัวรถ เอิ่ม - -
6.ตร.บอกว่าพยานมีกระดาษเล็กๆใบนึงจดป้ายทะเบียนเราเอาไว้ (เราจำไม่ได้ว่าผู้บาดเจ็บเขียนละยื่นให้พยาน หรือพยานเขียนละยื่นให้ตำรวจ)
7.กล่อมให้แม่ยอมรับ บอกว่าถ้าพูดว่ายอมรับ เรื่องจะไม่ถึงศาล และจะไปคุยกับพรบ.ของแม่ให้จ่ายตังให้คนตายแทนแม่เอ (รถแม่เอไม่มีประกันมีแต่พรบ.) และบอกอีกว่าไม่ต้องปรึกษาพรบ.หรือปรึกษาทนาย เดี๋ยวจะเป็นเรื่องใหญ่
ตอนนั้นแม่คิดว่า ใครจะไปยอมรับคะ ถ้าเกิดพูดว่ายอมรับขึ้นมา พรบ.เห็นว่าไม่สมควรจ่ายให้ เราก็กลายเป็นคนผิดสิคะ ถ้าเรื่องถึงศาลกลับคำให้การไม่ได้อยู่แล้ว เพราะยอมรับไปแล้ว ติดคุกแน่เลย ไม่ก็ต้องจ่ายหลายแสน แพะรับบาปเห็นๆ เลยตอบตร.ไปว่าไม่ยอมรับ เพราะไม่เห็นว่ารถมอเตอร์ไซค์คันนั้นล้มด้วยซ้ำ
หลังจากวันนั้นแม่ไปหาหมอดู หมอก็บอกดวงไม่ดีตลอด หลังจากพ่อเอเสีย ก่อนหน้านี้ปี57 ก็ขึ้นศาลฟ้องลูกหนี้เรื่องเงิน ให้เค้ายืม เกือบล้าน แต่โดนยกฟ้อง ยังไม่รวมพวกที่หนีหายตายจาก คนดวงไม่ดีจริง ทำไม่ได้นะคะะะะ 5555 หัวเราะทั้งน้ำตาาาาา !
ต่อเนอะ
ประมาณวันที่10มกรา พอดีว่าบ้านเอจะเข้าไปในซอยแล้วบ้านจะรั้วเดียวติดๆกัน แม่ก็ไปนั่งคุยกับเพื่อนบ้านปกติ พอดีว่าเพื่อนบ้านเป็นครูโรงเรียนเอกชนแล้วเค้าเพิ่งกลับมาจากงานศพครูรร.เอกชนพอดี เค้าเลยเริ่มเรื่องถามแม่ว่ารู้จักครูคนนี้ไหม เป็นมะเร็งตาย (แม่เอเรียนครูแต่มาทำงานศาลากลาง ตึงโป๊ะ) แม่บอกว่า ไม่คุ้นเลย ก็เล่าเรื่องคนตายคนนี้ให้แม่ฟัง (ไม่ใช่คนที่แม่โดนหาว่าขับรถชนนะคะ เอ้ยไม่ใช่สิตร.เปลี่ยนเป็นทับละ หึหึ) พอเค้าเล่าจบ แม่เลยเข้าเรื่องแม่ แม่บอกว่าแล้วรู้จักคนนี้ไหม นายบี (นามสมมติคนตายที่แม่โดนกล่าวหา) เค้าบอกว่ารู้จักสิ เพิ่งไปงานศพเดือนที่แล้วเอง แม่เลยเล่าเรื่องทั้งหมด เหมือนข้างต้นที่เอเล่าอะค่ะ ให้เพื่อนบ้านที่เป็นครูฟัง เค้าก็บอกว่า ฝ่ายนู้นไม่ติดใจเอาความเลย เพราะได้ยินคนในงานบางคนพูดกันว่า ถ้าไม่มั่นใจว่าแม่เอชน อย่าไปเอาเรื่องเค้าเลย แต่มีบางคน ยุให้แม่นายบี เอาเรื่องแม่เอ เพราะเห็นว่าแม่เอเป็นราชการ โดนหนักแน่ คงไม่เอาหน้าเอาตำแหน่งไปขึ้นศาลคดีนี้หรอก คงจะยอม แล้วพอยิ่งเรื่องถึงตำรวจแล้ว ถึงฝ่ายนู้นจะไม่เอาความอะไร แต่มันมีพยานโผล่มา เค้าจะเอาเรื่อง เอเลยอยากขอคำปรึกษาค่ะ
1.จริงๆแล้วเอกสารรูปเหตุการณ์ รูปรอยเลือดที่ตร.เอามาให้ดู และข้อความของเรา มันถือเป็นความลับไหมคะ เพราะแม่ขอถ่ายเอกสาร ตร.ไม่ให้ถ่าย
2.แม่เอต้องทำยังไงให้พ้นจากข้อหานี้
3.เอสามารถไปเป็นพยานให้แม่ได้ไหม น้ำหนักมากน้อยแค่ไหน เออายุ17ย่าง18เดือนตุลานี้
4.เอกับแม่ต้องการความเป็นธรรม เพราะมั่นใจมากว่าไม่ได้ชนหรือทับเลย ไม่มีความรู้สึกเหมือนขึ้นลูกระนาดเลย ถ้าทับ มันต้องรู้สึก แม่เอต้องทำยังไง
เอไม่อยากให้แม่เอตกอยู่ในสภาวะแบบนี้ เอเครียดขนาดนี้ไม่รู้แม่เอจะเครียดขนาดไหน
สุดท้ายนี้ แม่เอ กับเอ เกิดมาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางข้องใจใครถึงขนาดไปชน หรือไม่เคยมีประวัติการขับรถหวาดเสียว ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ขอคำแนะนำอื่นๆนอกจากที่เอถามด้วยนะคะ เอบริสุทธิ์ใจจริงๆ เพราะเรื่องมันมาไกล มันยาวเกินกว่าที่จะอยู่นิ่งๆแล้ว หลักฐานอยู่ๆมาจากไหนก็ไม่รู้
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ .
แก้ไข : ทางแม่ปรึกษาทนายอยู่บ้างแล้วค่ะ แต่ทางลูกอยากมีข้อมูลความรู้ไว้บ้างเลยตั้งพันทิพ เพราะแม่อายุก็56แล้ว เล่นไม่เป็น 555
แค่ขับผ่านไปโดยไม่หยุดที่เกิดเหตุ กลายเป็นผู้ต้องหา คดีขับรถชนคนตายแล้วหนี
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับแม่ของเรานะคะ เอ (นามสมมติเรา) เรากับแม่อยู่ภาคใต้ค่ะ เราจะพยายามเล่าให้นึกภาพตาม ถ้าคำมันยืดเยื้อขอโทษด้วยนะคะ แล้วก็เป็นกระทู้แรก ผิดพลาดประการใดติได้ค่ะ
เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2558 ตอนเช้า แม่เอขับรถยนต์ไปส่งเอที่โรงเรียน โดยเลี้ยวอ้อมไปทางถนนเล็ก เลี่ยงทางตรงเพราะรถติดบวกกับไปรร.เกือบสายทุกวันเพราะบ้านไกล ขับมาเรื่อยๆ ถ้าสองข้างทางเป็นหญ้าว่างไม่มีคนก็ขับประมาณ 60 ถ้าตรงไหนแคบหน่อย หรือเขตชุมชนก็ไม่เกิน 40 ถนนสองเลนส์รถสวนกันได้พอดีนึกภาพออกนะคะ เมื่อขับไปได้ระยะหนึ่ง ใกล้ถึงทางเลี้ยวออกจากถนนเล็กเข้าถนนใหญ่ ก่อนทางเลี้ยวจะเป็นสะพานเล็ก ๆ ซ้ายมือก่อนขึ้นสะพานเป็นวัดที่มีแม่ชีมากกว่าพระเพราะบรรยากาศดีเหมาะกับการบวชชีพราหมณ์ ขวามือเป็นร้านขายของชำเล็กๆ และเป็นห้องแถวติดๆกัน ถือว่าเป็นเขตชุมชน เลยขับช้าๆ จากนั้น
แม่เห็นว่ามีรถคันหนึ่งจอดหน้าวัดด้านซ้ายกระทันหัน แม่เลยตบไฟเลี้ยวขวา หลบรถคันนั้นนิดนึง แล้วตรงไปขึ้นสะพาน เลี้ยวออกถนนใหญ่ พอขับถึงสี่แยกหน้าศาลากลางจังหวัด มีตำรวจมาดักรถแม่เอ แล้วสั่งให้ลดกระจกลง ถามแม่ว่า ''ชนแล้วหนีทำไมไม่ไปดูคนเจ็บ'' (ตอนนั้นยังเจ็บนะคะ ยังไม่ถึงชีวิต นอนโรงพยาบาล3วัน) อ้าวววว! เอกับแม่ก็งงสิคะ ชนตอนไหน ทำไมไม่รู้ไม่เห็นว่าตัวเองชน แม่ก็ค้านตำรวจอย่างเดียวว่า ''ไม่ได้ชนจริงๆไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ามีเหตุตรงนั้นเพราะไม่ได้สังเกตุ ปล่อยไปก่อนได้ไหมจะรีบส่งลูกไปโรงเรียน เอาบัตรปชช.ไป จดชื่อไว้ก็ได้ แม่ทำงานอยู่ที่ศาลากลาง รับราชการ ไม่หนีหรอก'' ตำรวจก็ไม่ยอม เอรู้สึกรำคาน (ในตอนนั้นรำคานจริงๆนะคะคือไม่ได้ชนแต่โดนกล่าวหา) เอเลยบอกกับแม่ไปว่า ถ้าไม่ผิดก็ไม่ต้องไปไหน อยู่นี่แหละ เดี๋ยวเอไปโรงเรียนเอง จากนั้นเอก็ลงจากรถไปขึ้นรถสองแถว แม่ก็จอดรถข้างทางคุยกับตำรวจ
พอเอมาถึงโรงเรียน ก็โดนจับสาย โดนทำโทษตามระเบียบ... ตอนเที่ยงเอโทรไปถามแม่ด้วยความเป็นห่วง แม่บอกกับเอว่า ตร.ยึดรถแม่ไว้ เอาไปพิสูจน์รอยชนว่ามีไหม แล้วก็บันทึกประจำวันเอาไว้ ตอนนั้นทนายโทรหาแม่พอดี ขอคุยกับตำรวจ แต่บอกตำรวจว่าเป็นหลานแม่ บอกตร.ว่า ''น้าผมสุจริตนะคับ'' ตร.ก็ถามว่าใคร ทำงานอะไร แม่ก็บอกไปว่าทำธุรกิจ ไม่ได้บอกว่าเป็นทนาย แล้วก็มีเพื่อนแม่มารับ เพราะรถโดนยึดไว้ ตร.ก็ยังถามอีกว่าใคร ทำหน้าตกใจ มันแปลกๆ จะถามทำไม ระแวงอะไรหรอ กลัวโดนเด้งหรืออะไร หลังจากพิสูจน์รอยชนเสร็จแม่ก็มารับรถ ผลออกมาว่าไม่มีรอยเฉี่ยวชน เอก็โล่งอกไปสิ คงไม่มีอะไรแล้วแหละ
หลายวันต่อมา มีหมายเรียกจากตำรวจ ใช้คำว่า ''ผู้ต้องหา'' ขับรถประมาทหวาดเสียวเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงความตาย... อ้าวว ซวยแล้วไง คนนั้นเค้าตายหรอ ตายได้ยังไง ถ้าชนต้องมีรอยบุบ รอยเฉี่ยว รอยอะไรสักอย่างสิ ความสงสัยขึ้นมาในหัวเต็มไปหมด ในเมื่อไม่มีรอยชน จะเป็นผู้ต้องหาได้ยังไง แม่ก็รีบโทรไปหาร้อยเวรเจ้าของเรื่อง ขอความยุติธรรม ถามว่ามันเป็นมายังไง ทำไมยังมีหมายเรียก ร้อยเวรก็ให้ไปพบประมาณกลางๆเดือนธันวา (จำไม่ค่อยได้ต้องไปดูในใบหมายเรียกอีกทีค่ะ) วันนั้นเรียกแม่ไปให้การอีกรอบ และตร.มีรูปคนเจ็บกับมอเตอร์ไซค์เค้า แต่เป็นการล้มในเลนขวา ตร.ชี้ว่ามีรอยเลือดอยู่บนถนนนิดๆ ไม่ใช่ภาพสี แม่กับเอก็ยิ่ง งง ใหญ่ ล้มเลนขวา เกี่ยวอะไรกับเราเลนซ้าย ตร.บอกว่า มีคนเห็นละโทรบอกตร.ว่ารถแม่เอชน แถมยังไม่จอด ขับรถผ่านไป ประมาณว่าหนี ไม่ยอมลงมาดูคนเจ็บ ตร.เลยวอกันทั้งโรงพัก แม่เอเลยโดนดักวันนั้นไงคะ พอออกจากโรงพักแม่ก็โทรไประบายกับยายว่ามันเป็นไปได้ยังไง ก็ได้คำตอบมาบลาๆๆ ทำให้แม่สบายใจขึ้นว่า ถ้ามั่นใจว่าไม่ชน ก็ไม่ต้องกังวล ญาติๆจะช่วยอีกทาง
หลังจากนั้นตร.ก็ให้เอไปให้ปากคำฐานะพยาน แต่พอดีว่าแม่พาเอไปกรุงเทพ เลยไม่ได้ไป แล้วก็เลื่อนนัดเป็นปลายๆเดือน ระหว่างนั้นแม่ก็กังวัลมาก เอก็เริ่มเปิดอ่านตัวอย่างคดีในเน็ตว่า ถ้าถูกกล่าวหาโดยไม่ได้ชน ต้องทำไง อ่านเยอะมากๆหลายเว็บ จิตตก ถึงขึ้นไปอ่านความเป็นอยู่ในคุก นั่งร้องไห้หน้าคอม ร้องหนักมากจนตาแดง นอนไม่หลับ กลัวแม่จะกลายเป็นแพะ จะทำยังไงดี เพราะพยานก็มีเอคนเดียว ส่วนฝ่ายนู้นเค้าจะไป make ว่าเห็นก็ได้ หรือจ้างมาก็ได้ใครจะไปรู้ เห็นว่าเราขับรถผ่านโดยไม่จอด หาว่าเราหนีเฉยเลย
จากนั้นแม่เลยโทรหาผู้บังคับการ ปรึกษาทุกข้อสงสัย เค้าพูดดีกับแม่มาก บอกว่าจะยุติธรรมที่สุด จนแม่เราสบายใจ บอกว่าปลายเดือนยังไม่ต้องไปหาร้อยเวร คุยกับร้อยเวรไว้ว่า เจอทีเดียววันที่ผมกลับมาจากตจว. ก็คือต้นเดือนมกรา ผมจะหาความจริงว่าเป็นมายังไงก่อน แล้วจะโทรให้คุณมา ประมาณนี้
ต้นเดือนมกรา... แม่ไปพบผู้บังคับการกับร้อยเวร มีญาติคนตายมาด้วย แต่แยกห้องกัน แม่ถึงได้รู้ว่าจริงๆแล้วเค้าตายหลังจากเข้ารพ.3วัน และเพิ่งรู้ชื่อผู้ตายวันนั้น เค้าเป็นผู้ชายทำงานเป็นครูโรงเรียนเอกชนเล็กๆแห่งนึง อายุ32ปี ไม่มีครอบครัว
วันนั้นน้าไปกับแม่ที่โรงพักด้วย เอไม่ได้ไปเพราะติดเรียน มีอะไรเซอไพรส์เยอะเลยค่าาา
1.ผู้ตาย ตายหลังจากเข้ารพ.3วัน
2.ตร.เอารอยเลือดกระเด็นใส่รถมาให้ดู บอกว่านี่คือการที่คุณไปเหยียบเค้าแล้วเลือดกระเด็นใส่รถ โดยในรูป ไม่เห็นตัวรถ เห็นแต่รอยเลือดติดข้างรถสีขาว เม็ดสองเม็ดได้ค่ะ เห็นไหมละคะ เปลี่ยนจากว่าเราชน เป็นว่าเราเหยียบซะงั้น เหมือนพยายามยัดข้อหาให้ได้ (ตอนแรกบอกไม่พบร่องรอย)
3.ขอดูใบสาเหตุการตายของหมอ ตร.บอกว่ารพ.ยังไม่ออกให้ (เราก็สงสัยเพราะตอนที่พ่อเราเสีย วันที่รับศพ ก็ได้ใบนั้นเลยนะ ระบุโรคชัดเจน)
4.ขอถ่ายเอกสารใบที่มีรูปรอยเลือด ที่มีรูปเหตุการณ์ และมีคำให้การทั้งหมด เป็นปึกหนาเลย ตร.ไม่ให้ถ่าย
5.ขอดูกล้องวงจรปิดแถวนั้น ตร.ก็เอามาให้ดู.....เห็นแค่ล้อ ไม่เห็นตัวรถ เอิ่ม - -
6.ตร.บอกว่าพยานมีกระดาษเล็กๆใบนึงจดป้ายทะเบียนเราเอาไว้ (เราจำไม่ได้ว่าผู้บาดเจ็บเขียนละยื่นให้พยาน หรือพยานเขียนละยื่นให้ตำรวจ)
7.กล่อมให้แม่ยอมรับ บอกว่าถ้าพูดว่ายอมรับ เรื่องจะไม่ถึงศาล และจะไปคุยกับพรบ.ของแม่ให้จ่ายตังให้คนตายแทนแม่เอ (รถแม่เอไม่มีประกันมีแต่พรบ.) และบอกอีกว่าไม่ต้องปรึกษาพรบ.หรือปรึกษาทนาย เดี๋ยวจะเป็นเรื่องใหญ่
ตอนนั้นแม่คิดว่า ใครจะไปยอมรับคะ ถ้าเกิดพูดว่ายอมรับขึ้นมา พรบ.เห็นว่าไม่สมควรจ่ายให้ เราก็กลายเป็นคนผิดสิคะ ถ้าเรื่องถึงศาลกลับคำให้การไม่ได้อยู่แล้ว เพราะยอมรับไปแล้ว ติดคุกแน่เลย ไม่ก็ต้องจ่ายหลายแสน แพะรับบาปเห็นๆ เลยตอบตร.ไปว่าไม่ยอมรับ เพราะไม่เห็นว่ารถมอเตอร์ไซค์คันนั้นล้มด้วยซ้ำ
หลังจากวันนั้นแม่ไปหาหมอดู หมอก็บอกดวงไม่ดีตลอด หลังจากพ่อเอเสีย ก่อนหน้านี้ปี57 ก็ขึ้นศาลฟ้องลูกหนี้เรื่องเงิน ให้เค้ายืม เกือบล้าน แต่โดนยกฟ้อง ยังไม่รวมพวกที่หนีหายตายจาก คนดวงไม่ดีจริง ทำไม่ได้นะคะะะะ 5555 หัวเราะทั้งน้ำตาาาาา !
ต่อเนอะ
ประมาณวันที่10มกรา พอดีว่าบ้านเอจะเข้าไปในซอยแล้วบ้านจะรั้วเดียวติดๆกัน แม่ก็ไปนั่งคุยกับเพื่อนบ้านปกติ พอดีว่าเพื่อนบ้านเป็นครูโรงเรียนเอกชนแล้วเค้าเพิ่งกลับมาจากงานศพครูรร.เอกชนพอดี เค้าเลยเริ่มเรื่องถามแม่ว่ารู้จักครูคนนี้ไหม เป็นมะเร็งตาย (แม่เอเรียนครูแต่มาทำงานศาลากลาง ตึงโป๊ะ) แม่บอกว่า ไม่คุ้นเลย ก็เล่าเรื่องคนตายคนนี้ให้แม่ฟัง (ไม่ใช่คนที่แม่โดนหาว่าขับรถชนนะคะ เอ้ยไม่ใช่สิตร.เปลี่ยนเป็นทับละ หึหึ) พอเค้าเล่าจบ แม่เลยเข้าเรื่องแม่ แม่บอกว่าแล้วรู้จักคนนี้ไหม นายบี (นามสมมติคนตายที่แม่โดนกล่าวหา) เค้าบอกว่ารู้จักสิ เพิ่งไปงานศพเดือนที่แล้วเอง แม่เลยเล่าเรื่องทั้งหมด เหมือนข้างต้นที่เอเล่าอะค่ะ ให้เพื่อนบ้านที่เป็นครูฟัง เค้าก็บอกว่า ฝ่ายนู้นไม่ติดใจเอาความเลย เพราะได้ยินคนในงานบางคนพูดกันว่า ถ้าไม่มั่นใจว่าแม่เอชน อย่าไปเอาเรื่องเค้าเลย แต่มีบางคน ยุให้แม่นายบี เอาเรื่องแม่เอ เพราะเห็นว่าแม่เอเป็นราชการ โดนหนักแน่ คงไม่เอาหน้าเอาตำแหน่งไปขึ้นศาลคดีนี้หรอก คงจะยอม แล้วพอยิ่งเรื่องถึงตำรวจแล้ว ถึงฝ่ายนู้นจะไม่เอาความอะไร แต่มันมีพยานโผล่มา เค้าจะเอาเรื่อง เอเลยอยากขอคำปรึกษาค่ะ
1.จริงๆแล้วเอกสารรูปเหตุการณ์ รูปรอยเลือดที่ตร.เอามาให้ดู และข้อความของเรา มันถือเป็นความลับไหมคะ เพราะแม่ขอถ่ายเอกสาร ตร.ไม่ให้ถ่าย
2.แม่เอต้องทำยังไงให้พ้นจากข้อหานี้
3.เอสามารถไปเป็นพยานให้แม่ได้ไหม น้ำหนักมากน้อยแค่ไหน เออายุ17ย่าง18เดือนตุลานี้
4.เอกับแม่ต้องการความเป็นธรรม เพราะมั่นใจมากว่าไม่ได้ชนหรือทับเลย ไม่มีความรู้สึกเหมือนขึ้นลูกระนาดเลย ถ้าทับ มันต้องรู้สึก แม่เอต้องทำยังไง
เอไม่อยากให้แม่เอตกอยู่ในสภาวะแบบนี้ เอเครียดขนาดนี้ไม่รู้แม่เอจะเครียดขนาดไหน
สุดท้ายนี้ แม่เอ กับเอ เกิดมาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางข้องใจใครถึงขนาดไปชน หรือไม่เคยมีประวัติการขับรถหวาดเสียว ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ขอคำแนะนำอื่นๆนอกจากที่เอถามด้วยนะคะ เอบริสุทธิ์ใจจริงๆ เพราะเรื่องมันมาไกล มันยาวเกินกว่าที่จะอยู่นิ่งๆแล้ว หลักฐานอยู่ๆมาจากไหนก็ไม่รู้
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ .
แก้ไข : ทางแม่ปรึกษาทนายอยู่บ้างแล้วค่ะ แต่ทางลูกอยากมีข้อมูลความรู้ไว้บ้างเลยตั้งพันทิพ เพราะแม่อายุก็56แล้ว เล่นไม่เป็น 555