ความคิดเห็นที่ 8
http://pantip.com/topic/34678571
เป็นทิฏฐิระดับชาวบ้าน... แล้วเป็นทิฏฐิที่ถูกต้องหรือเปล่าครับ
พระอริยเจ้าจะมีทิฏฐิเหมือนกันมั้ย
อาเนญชาภิสังขาร
****************************************
คำว่า ทิฏฐิ ที่แปลว่า ความเห็นนั้น ก็หมายถึง ความเข้าใจนั่นเอง ถ้าเป็นสัมมาทิฏฐิ ก็คือความเข้าใจถูก ถ้าเป็นมิจฉาทิฏฐิก็คือ ความเข้าใจผิด
โดยสัมมาทิฏฐิก็คือ ความเข้าใจถูกตามที่เป็นจริงของธรรมชาติ อย่างเช่น ความเข้าใจว่าจิตใจเป็นสิ่งปรุงแต่ง ที่ไม่เที่ยง มีสภาวะที่ต้องทน ดังนั้นจิตใจจึงไม่ใช่ตัวตนที่จะเกิดใหม่ได้เมื่อร่างกายตายไปแล้ว เป็นต้น
ส่วนมิจฉาทิฏฐิก็คือ ความเข้าใจที่ผิดจากความเป็นจริงของธรรมชาติ อย่างเช่น ความเข้าใจว่าจิตของคนเรานี้เป็นตัวตนที่ถาวร (อัตตา) ที่แม้ร่างกายจะตายไปแล้ว แต่ก็จะยังเกิดจิตขึ้นมาใหม่แทนจิตเก่าได้ ซึ่งก็คือความเชื่อว่า เมื่อร่างกายตายไปแล้ว ถ้าจิตยังมีกิเลสอยู่ ก็จะเกิดจิตใหม่ในร่างกายใหม่ขึ้นมา เพื่อมารับผลกรรมที่กิเลสของจิตเก่าได้ทำเอาไว้ก่อนตาย ซึ่งความเข้าใจนี้ก็ทำให้เกิดความเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดเพื่อมารับผลกรรมเก่า เรื่องนรกใต้ดิน สวรรค์บนฟ้า และเรื่องเทวดา นางฟ้า เป็นต้นขึ้นมา
ส่วนสัมมาทิฏฐิระดับพระอริยะนั้นมันเป็นความเข้าใจที่เกิดมาจากการที่ได้พิสูจน์จนพบความจริงแล้ว (เห็นแจ้ง) จึงไม่ต้องใช้ความเชื่อใดๆ ซึ่งสิ่งที่พิสูจน์นั้นก็สรุปอยู่ที่เรื่องการดับทุกข์ หรืออริยสัจ ๔ ของพระพุทธเจ้าว่า "ดับทุกข์ได้จริง" แต่ก่อนที่จะเกิดความเห็นแจ้งขึ้นมาได้ จะต้องมีการศึกษาโดยใช้เหตุใช้ผลจากสิ่งที่มีอยู่จริง (คือจากร่างกายและจิตใจของเราเอง) จนเกิดความเข้าใจที่ถูกต้องตามความเป็นจริงของธรรมชาติแล้ว
สัมมาทิฏฐิระดับชาวบ้านนั้น มันเป็นความเข้าใจไปตามความเชื่อที่เขาได้รับ คือจากตำราบ้าง จากคนอื่นบ้าง จากการคิดคำนวณบ้าง จากสามัญสำนึกของเขาเองบ้าง หรือจากการที่มีคนเขาเชื่อกันมากๆบ้าง เป็นต้น ซึ่งมันยังเป็นความเข้าใจที่ยังไม่ได้พิสูจน์ว่ามันถูกต้องตามที่เชื่อกันอยู่หรือเปล่า? อย่างเช่น ความเชื่อว่ามีการเวียนว่ายตาย-เกิดเพื่อรับผลกรรม มีนรกใต้ดิน สวรรค์บนฟ้า เป็นต้น ดังนั้นสัมมาทิฏฐิระดับชาวบ้านจึงไม่จัดว่าเป็นสัมมาทิฏฐิที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า แต่เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาในภายหลัง (คือมันขัดแย้งกับหลักอนัตตาของพระพุทธเจ้า แต่ไปตรงกับความเชื่อเรื่องอัตตาของพราหมณ์ จึงสรุปได้ว่าเป็นเรื่องที่ปลอมปนเข้ามาในภายหลัง)
ทิฏฐิระดับชาวบ้าน เป็นทิฏฐิที่ถูกต้องหรือเปล่าครับ
เป็นทิฏฐิระดับชาวบ้าน... แล้วเป็นทิฏฐิที่ถูกต้องหรือเปล่าครับ
พระอริยเจ้าจะมีทิฏฐิเหมือนกันมั้ย
อาเนญชาภิสังขาร
****************************************
คำว่า ทิฏฐิ ที่แปลว่า ความเห็นนั้น ก็หมายถึง ความเข้าใจนั่นเอง ถ้าเป็นสัมมาทิฏฐิ ก็คือความเข้าใจถูก ถ้าเป็นมิจฉาทิฏฐิก็คือ ความเข้าใจผิด
โดยสัมมาทิฏฐิก็คือ ความเข้าใจถูกตามที่เป็นจริงของธรรมชาติ อย่างเช่น ความเข้าใจว่าจิตใจเป็นสิ่งปรุงแต่ง ที่ไม่เที่ยง มีสภาวะที่ต้องทน ดังนั้นจิตใจจึงไม่ใช่ตัวตนที่จะเกิดใหม่ได้เมื่อร่างกายตายไปแล้ว เป็นต้น
ส่วนมิจฉาทิฏฐิก็คือ ความเข้าใจที่ผิดจากความเป็นจริงของธรรมชาติ อย่างเช่น ความเข้าใจว่าจิตของคนเรานี้เป็นตัวตนที่ถาวร (อัตตา) ที่แม้ร่างกายจะตายไปแล้ว แต่ก็จะยังเกิดจิตขึ้นมาใหม่แทนจิตเก่าได้ ซึ่งก็คือความเชื่อว่า เมื่อร่างกายตายไปแล้ว ถ้าจิตยังมีกิเลสอยู่ ก็จะเกิดจิตใหม่ในร่างกายใหม่ขึ้นมา เพื่อมารับผลกรรมที่กิเลสของจิตเก่าได้ทำเอาไว้ก่อนตาย ซึ่งความเข้าใจนี้ก็ทำให้เกิดความเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดเพื่อมารับผลกรรมเก่า เรื่องนรกใต้ดิน สวรรค์บนฟ้า และเรื่องเทวดา นางฟ้า เป็นต้นขึ้นมา
ส่วนสัมมาทิฏฐิระดับพระอริยะนั้นมันเป็นความเข้าใจที่เกิดมาจากการที่ได้พิสูจน์จนพบความจริงแล้ว (เห็นแจ้ง) จึงไม่ต้องใช้ความเชื่อใดๆ ซึ่งสิ่งที่พิสูจน์นั้นก็สรุปอยู่ที่เรื่องการดับทุกข์ หรืออริยสัจ ๔ ของพระพุทธเจ้าว่า "ดับทุกข์ได้จริง" แต่ก่อนที่จะเกิดความเห็นแจ้งขึ้นมาได้ จะต้องมีการศึกษาโดยใช้เหตุใช้ผลจากสิ่งที่มีอยู่จริง (คือจากร่างกายและจิตใจของเราเอง) จนเกิดความเข้าใจที่ถูกต้องตามความเป็นจริงของธรรมชาติแล้ว
สัมมาทิฏฐิระดับชาวบ้านนั้น มันเป็นความเข้าใจไปตามความเชื่อที่เขาได้รับ คือจากตำราบ้าง จากคนอื่นบ้าง จากการคิดคำนวณบ้าง จากสามัญสำนึกของเขาเองบ้าง หรือจากการที่มีคนเขาเชื่อกันมากๆบ้าง เป็นต้น ซึ่งมันยังเป็นความเข้าใจที่ยังไม่ได้พิสูจน์ว่ามันถูกต้องตามที่เชื่อกันอยู่หรือเปล่า? อย่างเช่น ความเชื่อว่ามีการเวียนว่ายตาย-เกิดเพื่อรับผลกรรม มีนรกใต้ดิน สวรรค์บนฟ้า เป็นต้น ดังนั้นสัมมาทิฏฐิระดับชาวบ้านจึงไม่จัดว่าเป็นสัมมาทิฏฐิที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า แต่เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาในภายหลัง (คือมันขัดแย้งกับหลักอนัตตาของพระพุทธเจ้า แต่ไปตรงกับความเชื่อเรื่องอัตตาของพราหมณ์ จึงสรุปได้ว่าเป็นเรื่องที่ปลอมปนเข้ามาในภายหลัง)