45
สายสัมพันธ์
โดย ฮาร์โมนิก้า
ฟีบี้ยืนลังเลนิดหนึ่งก่อนเคาะประตูไม้สีขาวกรุกระจกเพนท์สีสดใสสลักลวดลายแบบวินเทจ
เธอจับมือลูกสาววัยสี่ขวบกระชับก่อนยกมือขึ้นเคาะเบาๆ บนประตู เมื่อได้ยินเสียงตอบรับจึงเปิดเข้าไปช้าๆ
อย่างประหม่าเล็กน้อย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเข้ามาในห้องทำงานส่วนตัวของอนาสเตเซีย เมื่อสองปีก่อนขณะ
ที่เธอยังอยู่ที่ศูนย์ช่วยเหลือแห่งนี้ เธอเคยมีโอกาสมาพบอนาสเตเซียสองครั้ง และมาตามลูกสาวที่ตามเข้ามา
เล่นกับจูเลียนและเจ้าดิโน่ในห้องนี้ครั้งหนึ่ง อนาสเตเซียแม้จะเงียบขรึมและห่างเหินแต่ก็มีเมตตาต่อลูกสาว
ของเธอมาก เลี้ยงขนมพร้อมกับจูเลียนและปล่อยเด็กๆ เล่นกันโดยมีอคาเซียพี่เลี้ยงช่วยดูแล
“เห็นคุณเบริน่าบอกว่าคิริโยสอยากคุยกับดิฉันหรือคะ” ฟีบี้ถามทันทีที่ก้าวพ้นประตูห้องมา เธอยืนสำรวมพร้อม
ลูกสาวตัวน้อยที่ไปยืนแอบอยู่หลังกระโปรงผู้เป็นแม่
“ครับ” กฤชรับคำเพ่งมองหญิงสาวอย่างพินิจ ฟีบี้อายุยังน้อยเพียงยี่สิบต้นๆ แต่กลับมีลูกสาวที่อายุสี่ขวบแล้ว
แสดงว่าเธอคงแต่งงานเมื่ออายุเพียงสิบเจ็ดหรือสิบแปดปีเป็นอย่างมาก
“เชิญนั่งครับ” ชายหนุ่มกล่าวเชิญ ผายมือไปยังโซฟายาวหนังสีขาวตัวใหญ่ตั้งอยู่กลางห้องรับรองและนั่งเล่น
ซึ่งเป็นส่วนล่างของห้องทำงานส่วนตัวของอนาสเตเซีย ส่วนตัวเองเลือกนั่งบนอาร์มแชร์ซึ่งตั้งอยู่เยื้องกับโซฟา
“ลูกสาวคุณหรือ”
“ค่ะ ดอร่า อายุสี่ขวบแล้ว” ฟีบี้ตอบด้วยน้ำเสียงที่ยังประหม่า
หนูน้อยดอร่ามองกฤชแล้วยิ้มอายๆ ก่อนจะเหลือบมองมุมของเล่นใกล้ๆ กันนั้นตาปรอย กฤชยิ้มอย่างรู้ใจ
พยักหน้าอนุญาตฟีบี้ก่อนผู้เป็นแม่จะกระซิบกับลูกให้ไปเล่นของเล่นได้ เด็กหญิงยิ้มอย่างยินดีก่อนจะรีบลุก
ขึ้นไปรื้อของเล่นในลังไม้ข้างผนังออกมาอย่างคุ้นเคย
“ผมมีเรื่องอยากถามคุณครับคุณจีคาซ”
“ฟีบี้ก็พอค่ะ คิริโยสอนาโตลาคิส”
“เรียกผมว่าคริสก็ได้ครับ” กฤชอนุญาต
“ค่ะ คิริโยสคริสมีอะไรอยากถามดิฉันหรือคะ”
“ไม่มีอะไรพิเศษหรอกครับ” กฤชตอบ “ผมเพิ่งทราบว่าคุณมาจากที่ศูนย์นี้ เลยอยากไต่ถามทุกข์สุขเท่านั้น”
“คิริโยสไม่ทราบหรือคะ”
“ไม่ครับ ผมให้อำนาจคุณบาลอสเลือกผู้ช่วยของเธอเอง แต่ผมดีใจที่เธอเลือกจ้างคนที่ต้องการโอกาสที่สอง
ในชีวิต ขอโทษนะครับ” กฤชพูดขึ้นเมื่อรู้สึกว่าคำพูดของตนอาจตรงและกระทบใจหญิงสาวจนเกินไป
“ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันกับลูกต้องการโอกาสที่สองจริงๆ และหากไม่ใช่เพราะมาดามวาลลาซ ดิฉันและคนอื่นๆ
ที่นี่คงไม่มีโอกาสที่สองแบบนี้” ฟีบี้ขัดขึ้นเหลือบมองดูเด็กหญิงหน้าตาน่ารักที่นั่งเล่นตัวต่อซึ่งเธอกำลัง
พยายามก่อเป็นรูปปราสาทอย่างมีความสุข ก่อนจะเหลือบกลับมามองเจ้านายหนุ่มตรงหน้า “ดิฉันเสียใจ
ด้วยจริงๆ ค่ะกับการจากไปของมาดาม ดิฉันเข้าใจว่าคิริโยสคงเสียใจมาก น่าเสียดายนะคะ มาดาม
ยังสาวอยู่แท้ๆ”
กฤชนิ่งไม่อาจเอ่ยคำพูดอะไรออกไปได้ในทันที
“โชคดีนะคะที่สามีของมาดามเป็นคนใจดี ยอมให้เงินช่วยเหลือสนับสนุนศูนย์แห่งนี้ต่อ เมื่อตอนคริสต์มาส
คิริโยสวาลลาซยังพาจูเลียนกับเจ้าหมาดิโน่มาแจกของขวัญคริสต์มาสให้ทุกคนที่นี่เลยค่ะ จัดงานเลี้ยง
ฉลองให้ด้วย เหมือนที่มาดามเคยทำทุกอย่าง พวกเราต่างรู้สึกใจชื้นขึ้นมากเลยค่ะ นับแต่มาดามจากไป
พวกเราต่างกลัวว่าสามีมาดามจะปิดศูนย์นี้ และลอยแพทุกคนที่นี่เสียอีกค่ะ”
“วาลลาซมาให้ของขวัญทุกคนที่นี่ด้วยตัวเองเลยหรือครับ” กฤชถาม
“ค่ะ”
“ภรรยาใหม่มาด้วยหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ เห็นมากับจูเลียนและเจ้าดิโน่ มีพี่เลี้ยงตามมาหนึ่งคนกับบอดี้การ์ดสองคนแล้วก็คนขับรถเท่านั้นค่ะ”
ฟีบี้พิจารณาใบหน้านิ่งขรึมที่บ่งว่าเจ้าตัวกำลังติดใจอะไรบางอย่างของกฤชอย่างเข้าใจ
“ดิฉันทราบค่ะว่าคิริโยสคิดยังไง เมื่อก่อนดิฉันก็เคยคิดเหมือนกันค่ะ แต่หลังจากที่ได้พบคิริโยสวาลลาซแล้ว
ดิฉันเชื่อว่าเธอเป็นคนดีคนหนึ่งนะคะ”
กฤชนิ่วหน้า ไม่เข้าใจว่าฟีบี้หมายความว่าอะไร “ผมไม่เข้าใจ”
“คือ..” ฟีบี้อ้ำอึ้ง รู้สึกว่าพลาดไปที่เผลอพูดอะไรที่ละลาบละล้วงมากเกินไป เธอมองสบตากฤชและรู้ว่าเขารอ
คำตอบอยู่ “คือ..มีคนพูดกันเยอะค่ะ โดยเฉพาะที่นี่ เพราะที่นี่มีแต่คนรักและเป็นห่วงมาดาม เราพูดกันว่าสามี
มาดามควงสาวอื่นเสมอๆ และดูมาดามกับสามีไม่ค่อยใกล้ชิดกันน่ะค่ะ ทุกปีที่จัดงานที่ศูนย์ไม่ว่าจะอีสเตอร์
คริสต์มาสหรือปีใหม่ มาดามจะมากับจูเลียนเท่านั้น ไม่เคยเห็นสามีมาดามมาด้วยเลยค่ะ”
“แล้ว” กฤชถามสมองครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว “เมื่อกี้คุณบอกว่าผมคงเสียใจมาก และยังบอกว่ารู้ว่าผมคิดยังไง
กับวาลลาซ คุณหมายความว่ายังไง”
ฟีบี้หน้าแดงอย่างละอาย เธอไม่ควรเผลอพูดมากโดยไม่คิดเลย
“คือ..ดิฉัน..เข้าใจว่า” เธออ้ำอึ้งนึกหาคำพูดเหมาะๆ “ดิฉันเห็นสมุดภาพของคุณค่ะ ดิฉันเลยเข้าใจว่า..ว่า”
“ว่าผมมีความสัมพันธ์กับอนาสเตเซียมากกว่าแค่ลูกพี่ลูกน้องน่ะหรือ” กฤชต่อให้
ฟีบี้ก้มหน้าต่ำสองมือบีบกันแน่นบนตัก “ค่ะ”
“สมุดภาพไหนหรือฟีบี้”
“คือ..สมุดภาพที่คิริโยสลืมไว้เมื่อหลายเดือนก่อน ช่วงที่ลาพักร้อนไปสี่ห้าวัน พอกลับมาก็ทิ้งของไว้ที่ออฟฟิศ
คุณบาลอสต้องช่วยเอาไปส่งคืนให้ที่บ้าน ดิฉันไม่ตั้งใจละลาบละล้วง แต่คุณบาลอสเรียกให้ดิฉันไปเอามาให้
เธอจากห้องทำงานคุณ ดิฉันต้องดูว่าใช่ของที่สั่งให้หยิบรึเปล่า พอเปิดดูเห็นเป็นภาพวาดสวยก็เลยอดเปิดดู
ทุกหน้าไม่ได้ค่ะ”
กฤชนิ่วหน้าอีกครั้ง จริงสิเขาลืมไปสนิทเลย สมุดภาพที่เขาวาดภาพต่างๆ บนเกาะโฟเลกานดรอส เขาฝากให้
คัธลีนเอากลับไปทิ้งไว้ให้ที่บ้านพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้า แต่มันไม่มีภาพของอนาสเตเซียในนั้นเลยนี่
“ทีแรกเราเข้าใจว่าคิริโยสไปเที่ยวทางตะวันตกเฉียงเหนือ แต่ในรูปเหมือนจะเป็นเกาะในคลิคลาเดสมากกว่า
หลังจากนั้นไม่นานก็มีข่าวว่ามาดามเสีย..เสียชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้ที่เกาะโฟเลกานดรอส ดิฉันเลยเข้าใจว่า..
ว่าคิริโยสไปพบมาดามที่นั่นค่ะ” ฟีบี้จบประโยคด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
กฤชขยับจะแก้ความเข้าใจผิดเพราะไม่ต้องการให้อนาสเตเซียเสียชื่อเสียง แต่แล้วก็ฉุกคิดอะไรได้บางอย่าง
“ฟีบี้รู้ได้ยังไงว่าเป็นที่ไหน”
“ดูจากบ้านเรือนบนเกาะก็เข้าใจว่าน่าจะเป็นเกาะในคลิคลาเดสค่ะ คุณบาลอสบอกว่าเป็นโฟเลกานดรอส เพราะ
เห็นท่าเรือกับกำแพงโบราณกั้นพื้นที่เพาะปลูก ทีแรกก็ไม่คิดอะไรค่ะ จนได้ข่าวอุบัติเหตุบนเกาะนั้น”
กฤชตัวชาเขาเลินเล่อแบบนี้ได้ยังไงนะ หรือเขาจะเป็นคนนำความตายมาสู่หญิงผู้เป็นที่รักของเขาเอง
“นอกจากคุณกับคุณบาลอสแล้ว มีใครเห็นสมุดภาพนั้นอีกหรือเปล่าครับ”
“คิดว่าไม่มีค่ะ แต่ไม่ทราบว่าหลังเลิกงานคุณบาลอสเอาของไปคืนที่บ้านคิริโยสเลยรึเปล่า แต่บ้านคิริโยสอยู่ห่าง
ออฟฟิศแค่หนึ่งบล็อก ดิฉันว่าคุณบาลอสคงไม่แวะที่อื่นก่อนหรอกค่ะ ทำไมหรือคะ”
กฤชไม่ตอบ เขารู้สึกปวดหัวไปหมด นอกจากเขาและครอบครัวอกาดาคอสแล้ว ไม่มีใครอื่นอีกที่รู้ที่หลบซ่อนของ
อนาสเตเซีย แม้ข่าวจะพูดถึงเหตุเพลิงไหม้ครั้งนั้นเหมือนกับเป็นอุบัติเหตุ แต่ยังไม่เคยมีคำยืนยันจากตำรวจอย่าง
เป็นทางการว่ามันเป็นอุบัติเหตุจริงหรือไม่ ข่าวการสืบคดีนี้เงียบหายไปหลังจากที่สารวัตรลาซารอสประกาศว่าผู้
เสียชีวิตคืออนาสเตเซีย คิริยาคอส วาลลาซ
เรื่องทั้งหมดนี้มันจะเกี่ยวข้องกันมั้ยนะ และหากไม่ใช่อุบัติเหตุแสดงว่าคนร้ายต้องรู้ที่ซ่อนของอนาสเตเซีย และ
มันเกี่ยวกับคัธลีนได้อย่างไร กฤชพิจารณาใบหน้าที่ดูขาดความมั่นใจของฟีบี้ เขาไม่เชื่อว่าจะเป็นฟีบี้ อย่างน้อย
เธอไม่ควรทรยศต่อผู้ที่มอบชีวิตใหม่กับเธอมิใช่หรือ แล้วคัธลีนล่ะ เธอจะได้ประโยชน์อะไรจากการตายของ
อนาสเตเซีย
“ฟีบี้ คุณพอทราบมั้ยว่าช่วงนี้คุณบาลอสคบใครอยู่รึเปล่า” กฤชถาม เขาเริ่มต้นความสงสัยไปที่จุดเด่นที่สุดของ
นิโคลาโยสและเป็นจุดที่นายคนนั้นใช้หาประโยชน์จากอิสตรีมาตลอด เสน่ห์
“เอ! ดิฉันไม่แน่ใจค่ะ แต่คิดว่าน่าจะมีนะคะ เพราะคุณบาลอสดูรักสวยรักงามแต่งตัวเก่งขึ้น มีความสุข บางครั้ง
ก็กระวนกระวาย เหมือนรอใครหลังเลิกงานค่ะ”
“คุณพอรู้มั้ยว่าใคร”
“ดิฉันยังไม่เคยเห็นค่ะ”
จริงอย่างที่เขาคาดเดา มีชายหนุ่มเข้ามาในชีวิตคัธลีน ทั้งหมดนี้มันจะเกี่ยวข้องกันมั้ยนะ กฤชใคร่ครวญ
“ขอบคุณนะฟีบี้ ผมคงรบกวนเวลาของคุณเพียงเท่านี้” เขาเอ่ยขึ้นขณะลุกขึ้นยืน
“ยินดีค่ะ” ฟีบี้กล่าวขณะลุกตาม เธอจับมืออำลากับกฤชก่อนเดินไปเรียกลูกสาวและขอตัวออกไป
กฤชยังคงครุ่นคิดเรื่องคัธลีนและหนุ่มลึกลับในชีวิตของเธอ หรือเขาจะระแวงเกินไป อาจเป็นแฟนธรรมดาๆ
คัธลีนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอนาสเตเซียมิใช่หรือ แต่ก่อนที่จะคิดสงสัยอะไรต่อไป เขาคงต้องไปคุยกับ
สารวัตรลาซารอส เพื่อสอบถามให้แน่ใจว่าการตายของอนาสเตเซียเป็นอุบัติเหตุหรือไม่กันแน่ ที่จริงเขาควร
ไปสืบถามนานแล้ว แต่นี่มัวปล่อยให้ความโศกเศร้าและปัญหาส่วนตัวรวมถึงปัญหาด้านธุรกิจครอบงำจิตใจ
จนปล่อยให้การคลี่คลายปมสังหารอนาสเตเซียอยู่ในมือของตำรวจเพียงฝ่ายเดียว
ปมรัก รอยอดีต Book III เงาใจ บทที่ 45 สายสัมพันธ์
สายสัมพันธ์
โดย ฮาร์โมนิก้า
ฟีบี้ยืนลังเลนิดหนึ่งก่อนเคาะประตูไม้สีขาวกรุกระจกเพนท์สีสดใสสลักลวดลายแบบวินเทจ
เธอจับมือลูกสาววัยสี่ขวบกระชับก่อนยกมือขึ้นเคาะเบาๆ บนประตู เมื่อได้ยินเสียงตอบรับจึงเปิดเข้าไปช้าๆ
อย่างประหม่าเล็กน้อย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเข้ามาในห้องทำงานส่วนตัวของอนาสเตเซีย เมื่อสองปีก่อนขณะ
ที่เธอยังอยู่ที่ศูนย์ช่วยเหลือแห่งนี้ เธอเคยมีโอกาสมาพบอนาสเตเซียสองครั้ง และมาตามลูกสาวที่ตามเข้ามา
เล่นกับจูเลียนและเจ้าดิโน่ในห้องนี้ครั้งหนึ่ง อนาสเตเซียแม้จะเงียบขรึมและห่างเหินแต่ก็มีเมตตาต่อลูกสาว
ของเธอมาก เลี้ยงขนมพร้อมกับจูเลียนและปล่อยเด็กๆ เล่นกันโดยมีอคาเซียพี่เลี้ยงช่วยดูแล
“เห็นคุณเบริน่าบอกว่าคิริโยสอยากคุยกับดิฉันหรือคะ” ฟีบี้ถามทันทีที่ก้าวพ้นประตูห้องมา เธอยืนสำรวมพร้อม
ลูกสาวตัวน้อยที่ไปยืนแอบอยู่หลังกระโปรงผู้เป็นแม่
“ครับ” กฤชรับคำเพ่งมองหญิงสาวอย่างพินิจ ฟีบี้อายุยังน้อยเพียงยี่สิบต้นๆ แต่กลับมีลูกสาวที่อายุสี่ขวบแล้ว
แสดงว่าเธอคงแต่งงานเมื่ออายุเพียงสิบเจ็ดหรือสิบแปดปีเป็นอย่างมาก
“เชิญนั่งครับ” ชายหนุ่มกล่าวเชิญ ผายมือไปยังโซฟายาวหนังสีขาวตัวใหญ่ตั้งอยู่กลางห้องรับรองและนั่งเล่น
ซึ่งเป็นส่วนล่างของห้องทำงานส่วนตัวของอนาสเตเซีย ส่วนตัวเองเลือกนั่งบนอาร์มแชร์ซึ่งตั้งอยู่เยื้องกับโซฟา
“ลูกสาวคุณหรือ”
“ค่ะ ดอร่า อายุสี่ขวบแล้ว” ฟีบี้ตอบด้วยน้ำเสียงที่ยังประหม่า
หนูน้อยดอร่ามองกฤชแล้วยิ้มอายๆ ก่อนจะเหลือบมองมุมของเล่นใกล้ๆ กันนั้นตาปรอย กฤชยิ้มอย่างรู้ใจ
พยักหน้าอนุญาตฟีบี้ก่อนผู้เป็นแม่จะกระซิบกับลูกให้ไปเล่นของเล่นได้ เด็กหญิงยิ้มอย่างยินดีก่อนจะรีบลุก
ขึ้นไปรื้อของเล่นในลังไม้ข้างผนังออกมาอย่างคุ้นเคย
“ผมมีเรื่องอยากถามคุณครับคุณจีคาซ”
“ฟีบี้ก็พอค่ะ คิริโยสอนาโตลาคิส”
“เรียกผมว่าคริสก็ได้ครับ” กฤชอนุญาต
“ค่ะ คิริโยสคริสมีอะไรอยากถามดิฉันหรือคะ”
“ไม่มีอะไรพิเศษหรอกครับ” กฤชตอบ “ผมเพิ่งทราบว่าคุณมาจากที่ศูนย์นี้ เลยอยากไต่ถามทุกข์สุขเท่านั้น”
“คิริโยสไม่ทราบหรือคะ”
“ไม่ครับ ผมให้อำนาจคุณบาลอสเลือกผู้ช่วยของเธอเอง แต่ผมดีใจที่เธอเลือกจ้างคนที่ต้องการโอกาสที่สอง
ในชีวิต ขอโทษนะครับ” กฤชพูดขึ้นเมื่อรู้สึกว่าคำพูดของตนอาจตรงและกระทบใจหญิงสาวจนเกินไป
“ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันกับลูกต้องการโอกาสที่สองจริงๆ และหากไม่ใช่เพราะมาดามวาลลาซ ดิฉันและคนอื่นๆ
ที่นี่คงไม่มีโอกาสที่สองแบบนี้” ฟีบี้ขัดขึ้นเหลือบมองดูเด็กหญิงหน้าตาน่ารักที่นั่งเล่นตัวต่อซึ่งเธอกำลัง
พยายามก่อเป็นรูปปราสาทอย่างมีความสุข ก่อนจะเหลือบกลับมามองเจ้านายหนุ่มตรงหน้า “ดิฉันเสียใจ
ด้วยจริงๆ ค่ะกับการจากไปของมาดาม ดิฉันเข้าใจว่าคิริโยสคงเสียใจมาก น่าเสียดายนะคะ มาดาม
ยังสาวอยู่แท้ๆ”
กฤชนิ่งไม่อาจเอ่ยคำพูดอะไรออกไปได้ในทันที
“โชคดีนะคะที่สามีของมาดามเป็นคนใจดี ยอมให้เงินช่วยเหลือสนับสนุนศูนย์แห่งนี้ต่อ เมื่อตอนคริสต์มาส
คิริโยสวาลลาซยังพาจูเลียนกับเจ้าหมาดิโน่มาแจกของขวัญคริสต์มาสให้ทุกคนที่นี่เลยค่ะ จัดงานเลี้ยง
ฉลองให้ด้วย เหมือนที่มาดามเคยทำทุกอย่าง พวกเราต่างรู้สึกใจชื้นขึ้นมากเลยค่ะ นับแต่มาดามจากไป
พวกเราต่างกลัวว่าสามีมาดามจะปิดศูนย์นี้ และลอยแพทุกคนที่นี่เสียอีกค่ะ”
“วาลลาซมาให้ของขวัญทุกคนที่นี่ด้วยตัวเองเลยหรือครับ” กฤชถาม
“ค่ะ”
“ภรรยาใหม่มาด้วยหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ เห็นมากับจูเลียนและเจ้าดิโน่ มีพี่เลี้ยงตามมาหนึ่งคนกับบอดี้การ์ดสองคนแล้วก็คนขับรถเท่านั้นค่ะ”
ฟีบี้พิจารณาใบหน้านิ่งขรึมที่บ่งว่าเจ้าตัวกำลังติดใจอะไรบางอย่างของกฤชอย่างเข้าใจ
“ดิฉันทราบค่ะว่าคิริโยสคิดยังไง เมื่อก่อนดิฉันก็เคยคิดเหมือนกันค่ะ แต่หลังจากที่ได้พบคิริโยสวาลลาซแล้ว
ดิฉันเชื่อว่าเธอเป็นคนดีคนหนึ่งนะคะ”
กฤชนิ่วหน้า ไม่เข้าใจว่าฟีบี้หมายความว่าอะไร “ผมไม่เข้าใจ”
“คือ..” ฟีบี้อ้ำอึ้ง รู้สึกว่าพลาดไปที่เผลอพูดอะไรที่ละลาบละล้วงมากเกินไป เธอมองสบตากฤชและรู้ว่าเขารอ
คำตอบอยู่ “คือ..มีคนพูดกันเยอะค่ะ โดยเฉพาะที่นี่ เพราะที่นี่มีแต่คนรักและเป็นห่วงมาดาม เราพูดกันว่าสามี
มาดามควงสาวอื่นเสมอๆ และดูมาดามกับสามีไม่ค่อยใกล้ชิดกันน่ะค่ะ ทุกปีที่จัดงานที่ศูนย์ไม่ว่าจะอีสเตอร์
คริสต์มาสหรือปีใหม่ มาดามจะมากับจูเลียนเท่านั้น ไม่เคยเห็นสามีมาดามมาด้วยเลยค่ะ”
“แล้ว” กฤชถามสมองครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว “เมื่อกี้คุณบอกว่าผมคงเสียใจมาก และยังบอกว่ารู้ว่าผมคิดยังไง
กับวาลลาซ คุณหมายความว่ายังไง”
ฟีบี้หน้าแดงอย่างละอาย เธอไม่ควรเผลอพูดมากโดยไม่คิดเลย
“คือ..ดิฉัน..เข้าใจว่า” เธออ้ำอึ้งนึกหาคำพูดเหมาะๆ “ดิฉันเห็นสมุดภาพของคุณค่ะ ดิฉันเลยเข้าใจว่า..ว่า”
“ว่าผมมีความสัมพันธ์กับอนาสเตเซียมากกว่าแค่ลูกพี่ลูกน้องน่ะหรือ” กฤชต่อให้
ฟีบี้ก้มหน้าต่ำสองมือบีบกันแน่นบนตัก “ค่ะ”
“สมุดภาพไหนหรือฟีบี้”
“คือ..สมุดภาพที่คิริโยสลืมไว้เมื่อหลายเดือนก่อน ช่วงที่ลาพักร้อนไปสี่ห้าวัน พอกลับมาก็ทิ้งของไว้ที่ออฟฟิศ
คุณบาลอสต้องช่วยเอาไปส่งคืนให้ที่บ้าน ดิฉันไม่ตั้งใจละลาบละล้วง แต่คุณบาลอสเรียกให้ดิฉันไปเอามาให้
เธอจากห้องทำงานคุณ ดิฉันต้องดูว่าใช่ของที่สั่งให้หยิบรึเปล่า พอเปิดดูเห็นเป็นภาพวาดสวยก็เลยอดเปิดดู
ทุกหน้าไม่ได้ค่ะ”
กฤชนิ่วหน้าอีกครั้ง จริงสิเขาลืมไปสนิทเลย สมุดภาพที่เขาวาดภาพต่างๆ บนเกาะโฟเลกานดรอส เขาฝากให้
คัธลีนเอากลับไปทิ้งไว้ให้ที่บ้านพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้า แต่มันไม่มีภาพของอนาสเตเซียในนั้นเลยนี่
“ทีแรกเราเข้าใจว่าคิริโยสไปเที่ยวทางตะวันตกเฉียงเหนือ แต่ในรูปเหมือนจะเป็นเกาะในคลิคลาเดสมากกว่า
หลังจากนั้นไม่นานก็มีข่าวว่ามาดามเสีย..เสียชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้ที่เกาะโฟเลกานดรอส ดิฉันเลยเข้าใจว่า..
ว่าคิริโยสไปพบมาดามที่นั่นค่ะ” ฟีบี้จบประโยคด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
กฤชขยับจะแก้ความเข้าใจผิดเพราะไม่ต้องการให้อนาสเตเซียเสียชื่อเสียง แต่แล้วก็ฉุกคิดอะไรได้บางอย่าง
“ฟีบี้รู้ได้ยังไงว่าเป็นที่ไหน”
“ดูจากบ้านเรือนบนเกาะก็เข้าใจว่าน่าจะเป็นเกาะในคลิคลาเดสค่ะ คุณบาลอสบอกว่าเป็นโฟเลกานดรอส เพราะ
เห็นท่าเรือกับกำแพงโบราณกั้นพื้นที่เพาะปลูก ทีแรกก็ไม่คิดอะไรค่ะ จนได้ข่าวอุบัติเหตุบนเกาะนั้น”
กฤชตัวชาเขาเลินเล่อแบบนี้ได้ยังไงนะ หรือเขาจะเป็นคนนำความตายมาสู่หญิงผู้เป็นที่รักของเขาเอง
“นอกจากคุณกับคุณบาลอสแล้ว มีใครเห็นสมุดภาพนั้นอีกหรือเปล่าครับ”
“คิดว่าไม่มีค่ะ แต่ไม่ทราบว่าหลังเลิกงานคุณบาลอสเอาของไปคืนที่บ้านคิริโยสเลยรึเปล่า แต่บ้านคิริโยสอยู่ห่าง
ออฟฟิศแค่หนึ่งบล็อก ดิฉันว่าคุณบาลอสคงไม่แวะที่อื่นก่อนหรอกค่ะ ทำไมหรือคะ”
กฤชไม่ตอบ เขารู้สึกปวดหัวไปหมด นอกจากเขาและครอบครัวอกาดาคอสแล้ว ไม่มีใครอื่นอีกที่รู้ที่หลบซ่อนของ
อนาสเตเซีย แม้ข่าวจะพูดถึงเหตุเพลิงไหม้ครั้งนั้นเหมือนกับเป็นอุบัติเหตุ แต่ยังไม่เคยมีคำยืนยันจากตำรวจอย่าง
เป็นทางการว่ามันเป็นอุบัติเหตุจริงหรือไม่ ข่าวการสืบคดีนี้เงียบหายไปหลังจากที่สารวัตรลาซารอสประกาศว่าผู้
เสียชีวิตคืออนาสเตเซีย คิริยาคอส วาลลาซ
เรื่องทั้งหมดนี้มันจะเกี่ยวข้องกันมั้ยนะ และหากไม่ใช่อุบัติเหตุแสดงว่าคนร้ายต้องรู้ที่ซ่อนของอนาสเตเซีย และ
มันเกี่ยวกับคัธลีนได้อย่างไร กฤชพิจารณาใบหน้าที่ดูขาดความมั่นใจของฟีบี้ เขาไม่เชื่อว่าจะเป็นฟีบี้ อย่างน้อย
เธอไม่ควรทรยศต่อผู้ที่มอบชีวิตใหม่กับเธอมิใช่หรือ แล้วคัธลีนล่ะ เธอจะได้ประโยชน์อะไรจากการตายของ
อนาสเตเซีย
“ฟีบี้ คุณพอทราบมั้ยว่าช่วงนี้คุณบาลอสคบใครอยู่รึเปล่า” กฤชถาม เขาเริ่มต้นความสงสัยไปที่จุดเด่นที่สุดของ
นิโคลาโยสและเป็นจุดที่นายคนนั้นใช้หาประโยชน์จากอิสตรีมาตลอด เสน่ห์
“เอ! ดิฉันไม่แน่ใจค่ะ แต่คิดว่าน่าจะมีนะคะ เพราะคุณบาลอสดูรักสวยรักงามแต่งตัวเก่งขึ้น มีความสุข บางครั้ง
ก็กระวนกระวาย เหมือนรอใครหลังเลิกงานค่ะ”
“คุณพอรู้มั้ยว่าใคร”
“ดิฉันยังไม่เคยเห็นค่ะ”
จริงอย่างที่เขาคาดเดา มีชายหนุ่มเข้ามาในชีวิตคัธลีน ทั้งหมดนี้มันจะเกี่ยวข้องกันมั้ยนะ กฤชใคร่ครวญ
“ขอบคุณนะฟีบี้ ผมคงรบกวนเวลาของคุณเพียงเท่านี้” เขาเอ่ยขึ้นขณะลุกขึ้นยืน
“ยินดีค่ะ” ฟีบี้กล่าวขณะลุกตาม เธอจับมืออำลากับกฤชก่อนเดินไปเรียกลูกสาวและขอตัวออกไป
กฤชยังคงครุ่นคิดเรื่องคัธลีนและหนุ่มลึกลับในชีวิตของเธอ หรือเขาจะระแวงเกินไป อาจเป็นแฟนธรรมดาๆ
คัธลีนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอนาสเตเซียมิใช่หรือ แต่ก่อนที่จะคิดสงสัยอะไรต่อไป เขาคงต้องไปคุยกับ
สารวัตรลาซารอส เพื่อสอบถามให้แน่ใจว่าการตายของอนาสเตเซียเป็นอุบัติเหตุหรือไม่กันแน่ ที่จริงเขาควร
ไปสืบถามนานแล้ว แต่นี่มัวปล่อยให้ความโศกเศร้าและปัญหาส่วนตัวรวมถึงปัญหาด้านธุรกิจครอบงำจิตใจ
จนปล่อยให้การคลี่คลายปมสังหารอนาสเตเซียอยู่ในมือของตำรวจเพียงฝ่ายเดียว