กลับมาแล้วววว....หลังจากแบกเป้เที่ยวพม่า 7 เมือง 8 วัน แบบสมบุกสมบัน พอได้ไปแล้วมันฟินจริงๆ คุ้มค่ากับการเดินทางไปสุดๆ
ตอนที่ 1 - มัณฑะเลย์ - พุกาม
ตอนที่ 2 - พุกาม :
http://pantip.com/topic/34935339
สำหรับทริปนี้แบกเป้กันไป 2 คน เราไปตั้งแต่วันที่ 25 DEC 2015 – 1 JAN 2016 ขาไป นั่งเครื่องลงที่เมืองมัณฑะเลย์ (Mandalay) ไฟล์ทแรกสุด และเที่ยวไปเรื่อยๆ ค่อยกลับไทยจากย่างกุ้ง ไฟล์ทเย็นสุด ทั้งหมด 8 วัน ใช้งบในการ JOURNEY ครั้งนี้ ไม่รวมค่าช้อป ค่าของฝากโน่นนี่ประมาณ 15,000 บาท แล้วมาดูกันว่าจะฟินแค่ไหน
เลิกงาน!! กลับบ้าน เล่นเน็ต....และด้วยความตาไว เห็นโปรมัณฑะเลย์พอดี แชทหาเพื่อน เลือกวันไป และไม่สนแล้วว่าจะมีวันลารึเปล่า หน้ามืดตามัวกดจองตั๋วไป-กลับภายใน 10 นาที พอเสียเงินเท่านั้นแหละ เหมือนได้ไปเที่ยวทันที มีพลังในการทำงานวันรุ่นขึ้นเลยแหละ และก่อนไป เราแทบไม่มีข้อมูลอะไรเลย ไปหาเอาข้างหน้า รู้แค่ว่ามีเมืองไหนที่อยากไปบ้าง แค่นั้นเอง....
เรามาเตรียมตัวก่อนไปพม่ากันหน่อยดีกว่า
1.ตั๋วเครื่องบิน พาสปอร์ต เป็นที่รู้กัน
แต่ตอนนี้สำหรับการเดินทางผ่านท่าอากาศยานนานาชาติ ไม่ต้องขอวีซ่า และสามารถอยู่ในพม่าได้ไม่เกิน 14 วัน (มีผลบังคับใช้ 11 สิงหาคม 2558 ที่มา :
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/658592)
2.ประเทศพม่า ใช้สกุลเงิน “จ๊าด” เป็นหลัก
แต่ถ้าเป็นเมืองท่องเที่ยว เราสามารถควักเงินดอลลาร์ออกมาใช้ได้เหมือนกัน แนะนำว่าจากไทยไป แลกเงินไทยเป็น USD และไปและเป็นเงินจ๊าดที่สนามบินประเทศพม่าเอา แลกเป็นเงินจ๊าดไว้ครึ่งนึง แล้วพอเข้าเมืองค่อยไปแลกเพิ่มที่ธนาคารก็ได้
อัตราแลกเปลี่ยนในวันที่เราไป อยู่ที่ 1 USD = 36.50 บาท และ 1 USD = 1,290 จ๊าด แต่เราใช้วิธีคิดคร่าวๆ ง่ายๆ ว่า 1,000 จ๊าด = 30 บาท ขาดๆ เกินๆ นิดหน่อยไม่เป็นไร เพราะง่ายต่อการคิด การจับจ่ายใช้สอยในพม่าทั้งการกิน ค่ารถ ค่าเรือ ค่าจิปาถะ จะใช้เงินจ๊าด หรือถ้าใครเงินจ๊าดไม่พอ ค่าที่พักโรงแรมสามารถจ่ายเป็นเงินดอลลาร์ได้
3.SIM Card ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่ได้แชท ไม่ได้เฟส
ผ่านด่านปั๊บ เจอทั้งมุมแลกเงิน ทั้งเปลี่ยนซิมการ์ด ที่เห็นเด่นๆ ของพม่าคือ Telenor เจ้าใหญ่ที่สุด สัญญาณดีสุดในพม่า พูดง่ายๆ ก็ Dtac เมืองไทยนั่นแหละ มีขายเป็น Tourist Simcard ได้ทั้งเน็ต ได้ทั้งโทรรายงานตัวกับที่บ้านได้ด้วย แล้วก็เอาไว้โทรในประเทศ ไว้ติดต่อกับคนขับรถ TAXI พอโทรเสร็จวางสาย มีบอกจำนวนนาที เงินที่เหลือในการโทรด้วย จะเปิดใช้ก็ง่ายมาก น้องนางที่เคาน์เตอร์เค้าจะจัดการให้หมดเลย ตอนเราไปได้ร่มเป็นของแถม ตอนแรกก็คิดว่า ให้ร่มเนี่ย เป็นภาระมั๊ย?? แบกเป้ แล้วต้องแบกร่มอีก อยู่ไปเรื่อยๆ แล้วจะเข้าใจเอง
4.การเดินทางต่างๆ
การเดินทางในเมือง
แนะนำให้เหมา TAXI เพราะตามกฏหมาย เค้าไม่ให้นักท่องเที่ยวขี่มอเตอร์ไซค์ แต่ขี่จักรยานได้ แต่เชื่อเถอะ!! ไม่คุ้มหรอก อาจได้แผลกลับมาบ้านก็ได้นะ การเหมา TAXI ให้โรงแรมหาให้ ใช้การต่อรองกับทางโรงแรมเอา เพราะเค้าจะไม่กดราคาเราเท่าไร จะได้รถคุณภาพดี คนขับคุยรู้เรื่อง รอได้ใจเย็น และจะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี อาจจะแอบต่อรองราคากับทางโรงแรมนิดหน่อย ถ้าเรื่องเงินต่อรองไม่ได้ ก็ต่อรองเรื่องเวลาไปก็แล้วกัน และแนะนำว่าเขียนสถานที่ท่องเที่ยวตามจุดต่างๆ ที่เราจะเหมาให้ชัดเจนเป็นข้อๆ ว่าที่ไหนๆ แล้วไปที่ไหนต่อ แล้วสิ้นสุดที่เวลากี่โมง ส่วนเราเอง จะจ่ายเงินค่ารถตอนจบทริป เพราะว่ากลัวพี่ TAXI หนีไปตอนกำลังเที่ยว
หรือสำหรับใครที่ไปคนเดียว จนใช้พี่วินมอเตอร์ไซค์ก็ได้ จะได้ไม่โดนค่า TAXI จนอ่วม ที่นี่ถ้าเราเดินอยู่ดีๆ ก็จะเหมือนลุงๆ ขี่รถทั่วไป หันหน้ามาถามว่า ยูๆๆ มอเตอร์ไซค์ๆๆ?? เดี๋ยวนะลุง!! จะให้อัด 3 จริงๆ หรออออ
การเดินทางข้ามเมือง
ถ้าเงินในกระเป๋ามันน้อย ไปรถบัสนี่แหละ ง่ายที่สุดต่อการเดินทางข้ามเมืองแล้ว แต่อาจจะเพลียลำไส้หน่อย การเดินทางของพม่า ไม่เหมือนบ้านเรา เค้าจะช้าหน่อย ไม่ซิ่งเท่าไร และด้วยเส้นทางถนนยังไม่เรียบเท่าไรด้วย สำหรับการจองบัสข้ามเมืองก็เสต็ปเดิม สอบถามกับทางโรงแรม และจองผ่านได้เลย แถมมีรถมารับถึงที่ด้วย หรือถ้าใครมีเวลาน้อย กระเป๋าหนักหน่อย จัดไปเลยเครื่องบิน ลองหาตามเว็ปของสายการบิน หรือที่เอเจนซี่ในเมืองก็ได้ แต่จะค่อนข้างหายากหน่อย และราคาค่อนข้างสูง
5.เวลา และสภาพอากาศ
เวลาในประเทศพม่า ช้ากว่าไทย 30 นาที อย่าลืมหมุนเข็มที่ข้อมือกันด้วยนะ
ช่วงอากาศเย็น ตั้งแต่ตุลาคม ถึง กุมภาพันธ์ โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยที่ 20 – 24 องศาเซลเซียส ช่วงที่เราไปคือ ปลายเดือนธันวาคม บางเมืองจะค่อนข้างเย็นในตอนกลางคืนและเช้า ประมาณ 13-15 องศา และพอหลังเที่ยงเท่านั้นแหละ 25+ ไปเลย
ฤดูร้อน ระหว่างมีนาคม ถึง พฤษภาคม อุณหภูมิเฉลี่ยที่ 30 – 35 องศา
ฤดูฝน ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ถึง กันยายน อุณหภูมิประมาณ 25 – 30 องศา
6.ภาษาที่ใช้ คุยยังไงดี
คนที่นี่คุยง่าย นอกจากภาษาพม่า ที่พวกเราเองก็พูดไม่ได้แล้ว นอกซะจากคำว่า “มิงกะลาบา” ที่แปลว่า สวัสดี นอกนั้นก็ไม่รู้อะไรอีกแล้ว แต่ว่าไม่เป็นไร คนที่นี่เก่งภาษาอังกฤษ พูดกับเราได้รู้เรื่อง แต่อาจจะแฝงสำเนียงพม่านิดหน่อย ต้องค่อยๆ จับจุดแล้วทีนี้ ไหลได้สบาย
7.อาหารการกิน
ใครท้องไส้ไม่ค่อยดี ก็ต้องดูแลตัวเองหน่อยนิดนึง สำหรับเรากลัวสุดคืองานไส้ป่วน เพราะเคยมาแล้ว มันทรมานจริงๆ นะเออ....ง่ายสุดคือการสั่ง Fried rice with chicken หรือจะเป็น Fried Noodle with chicken บอกเลยว่า เราได้กินเมนูนี้แทบทุกเมือง เพราะกลัวจะถามหาห้องน้ำ ถ้าอยาก Fried rice แบบ Myanmar Style ก็มีนะ บ้านเราก็คือ ข้าวผัดน้ำมันใส่ผัก โอ้โห...เลี่ยนได้อีก นอกจากนั้นก็จะเป็นอาหารพื้นเมือง ที่กินดี กินได้
และขอให้กินแบบร้อนๆ ทำเสร็จหมาดๆ ที่นี่เค้าจะมีชาร้อนให้ ถ้าบ้านเราก็ น้ำแข็งเปล่า เติมน้ำบนโต๊ะนั่นแหละ
ของกินพื้นเมืองพม่าที่พลาดไม่ได้!!
- ชานมร้อน หากินได้ง่ายตามร้านทั่วไป บอกเลยว่าเด็ดดวงมาก ใครเป็นสายชา สายคาเฟอีน ไม่ควรพลาด และชานมซอง ก็เป็นของฝากยอดฮิตติดดาวของพม่าด้วย
- โรตี ถ้าสั่งเค้าว่า Roti เค้าไม่รู้เรื่อง บ้านเค้าเรียกว่า Pancake ทานคู่กับน้ำแบบถั่วๆ ลองดูอร่อยดี
- กะหรี่พัฟ เอ้าแล้วจะสั่งยังไง…Chicken pastry, Bean Pastry แนะนำเลยแหละ เนื้อนี่แน่นกว่าบ้านเราเยอะมาก อร่อยด้วย ทานคู่กับชานมร้อน
- Shan noodle เหมือนก๋วยเตี๋ยวน้ำ ก๋วยเตี๋ยวแห้งบ้านเรา จะโรยถั่วไก่สับ หมูชิ้นลงไป ได้น้ำซุปมาทานคู่ด้วย
- บุฟเฟ่ต์อาหารพม่า กินได้ก็กินไป ไม่จำกัดเวลา จะเป็นอาหารเซ็ท เรียกง่ายๆ ก็มีทั้งข้าวสวย แกงไก่ แกงหมู แกงเนื้อ แกงแพะ หมูทอด ไก่ทอด ปลาทอด และน้ำพริกเครื่องเคียงต่างๆ
- โมฮิงกะ เหมือนขนมจีนบ้านเรา ได้ยินว่าเป็นเมนูแนะนำของที่นี่ หาทานได้ตามตลาด หรือริมทางเดินทั่วไป เห็นพี่แกใช้มือคลุกก็มี เราไม่กล้าเพราะกลัวไส้หลุด
8.การแต่งตัว
เราก็แต่งตามสไตล์ของเราได้ แต่สำหรับผู้หญิง ถ้าจะไปไหว้สักการะเจดีย์ต่างๆ ใส่กางเกงไปเลยดีกว่า ที่นี่ไม่ให้นุ่งสั้น ไม่โป๊ และการเข้าชมสถานที่ต่างๆ ทางศาสนา ไม่ให้ใส่รองเท้าและถุงเท้าเข้าไป กลับมาบ้าน เท้านี่ยังลอกจนวันนี้
9.ปลั๊กไฟ ไว้ชาร์จแบต
ปลั๊กไฟที่พม่าเป็นแบบสามขา พกหัวต่อไปด้วยก็ดี ถ้าใครไปกันหลายๆ คนแนะนำว่า ปลั๊ก 3 ตาไปเลยก็ดี เพราะในโรงแรม จะมีจุดให้ชาร์จน้อยมาก
10.พกถุงผ้าไปด้วย
ออกไปเที่ยวต่างเมือง พกถุงผ้าพับใส่กระเป๋าไปด้วยก็ดีนะ เชื่อเถอะมันจะมีประโยชน์ตอนช้อปปิ้งกลับบ้านในวันสุดท้าย ถ้าเกิดว่าเป้ backpack ไม่พอ เราก็เอาของเหลวใส่โหลด แล้วโกยเสื้อผ้าใส่ถุงผ้าขึ้นเครื่องได้ แค่นี้ก็ได้ขนของกลับบ้านได้นะ
ถ้าเกิดว่ารักการเดินทางเหมือนกัน หรืออยากมาคุยกันเรื่องที่เที่ยวต่างๆ ก็มาคุยกับเราได้นะ
https://www.facebook.com/kunbeejourney
เอาล่ะ!! แพ็คกระเป๋าเกือบเสร็จแล้ว เราไปเที่ยวพม่ากันนะ.......
[CR] รีวิวแบกเป้เที่ยว “พม่า” 7 เมือง 8 วัน สุดยอดความฟิน ไม่ไปแล้วจะเสียใจ ตอนที่ 1 by JOURNEY เจอนี่....
ตอนที่ 1 - มัณฑะเลย์ - พุกาม
ตอนที่ 2 - พุกาม : http://pantip.com/topic/34935339
สำหรับทริปนี้แบกเป้กันไป 2 คน เราไปตั้งแต่วันที่ 25 DEC 2015 – 1 JAN 2016 ขาไป นั่งเครื่องลงที่เมืองมัณฑะเลย์ (Mandalay) ไฟล์ทแรกสุด และเที่ยวไปเรื่อยๆ ค่อยกลับไทยจากย่างกุ้ง ไฟล์ทเย็นสุด ทั้งหมด 8 วัน ใช้งบในการ JOURNEY ครั้งนี้ ไม่รวมค่าช้อป ค่าของฝากโน่นนี่ประมาณ 15,000 บาท แล้วมาดูกันว่าจะฟินแค่ไหน
เลิกงาน!! กลับบ้าน เล่นเน็ต....และด้วยความตาไว เห็นโปรมัณฑะเลย์พอดี แชทหาเพื่อน เลือกวันไป และไม่สนแล้วว่าจะมีวันลารึเปล่า หน้ามืดตามัวกดจองตั๋วไป-กลับภายใน 10 นาที พอเสียเงินเท่านั้นแหละ เหมือนได้ไปเที่ยวทันที มีพลังในการทำงานวันรุ่นขึ้นเลยแหละ และก่อนไป เราแทบไม่มีข้อมูลอะไรเลย ไปหาเอาข้างหน้า รู้แค่ว่ามีเมืองไหนที่อยากไปบ้าง แค่นั้นเอง....
เรามาเตรียมตัวก่อนไปพม่ากันหน่อยดีกว่า
1.ตั๋วเครื่องบิน พาสปอร์ต เป็นที่รู้กัน
แต่ตอนนี้สำหรับการเดินทางผ่านท่าอากาศยานนานาชาติ ไม่ต้องขอวีซ่า และสามารถอยู่ในพม่าได้ไม่เกิน 14 วัน (มีผลบังคับใช้ 11 สิงหาคม 2558 ที่มา : http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/658592)
2.ประเทศพม่า ใช้สกุลเงิน “จ๊าด” เป็นหลัก
แต่ถ้าเป็นเมืองท่องเที่ยว เราสามารถควักเงินดอลลาร์ออกมาใช้ได้เหมือนกัน แนะนำว่าจากไทยไป แลกเงินไทยเป็น USD และไปและเป็นเงินจ๊าดที่สนามบินประเทศพม่าเอา แลกเป็นเงินจ๊าดไว้ครึ่งนึง แล้วพอเข้าเมืองค่อยไปแลกเพิ่มที่ธนาคารก็ได้
อัตราแลกเปลี่ยนในวันที่เราไป อยู่ที่ 1 USD = 36.50 บาท และ 1 USD = 1,290 จ๊าด แต่เราใช้วิธีคิดคร่าวๆ ง่ายๆ ว่า 1,000 จ๊าด = 30 บาท ขาดๆ เกินๆ นิดหน่อยไม่เป็นไร เพราะง่ายต่อการคิด การจับจ่ายใช้สอยในพม่าทั้งการกิน ค่ารถ ค่าเรือ ค่าจิปาถะ จะใช้เงินจ๊าด หรือถ้าใครเงินจ๊าดไม่พอ ค่าที่พักโรงแรมสามารถจ่ายเป็นเงินดอลลาร์ได้
3.SIM Card ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่ได้แชท ไม่ได้เฟส
ผ่านด่านปั๊บ เจอทั้งมุมแลกเงิน ทั้งเปลี่ยนซิมการ์ด ที่เห็นเด่นๆ ของพม่าคือ Telenor เจ้าใหญ่ที่สุด สัญญาณดีสุดในพม่า พูดง่ายๆ ก็ Dtac เมืองไทยนั่นแหละ มีขายเป็น Tourist Simcard ได้ทั้งเน็ต ได้ทั้งโทรรายงานตัวกับที่บ้านได้ด้วย แล้วก็เอาไว้โทรในประเทศ ไว้ติดต่อกับคนขับรถ TAXI พอโทรเสร็จวางสาย มีบอกจำนวนนาที เงินที่เหลือในการโทรด้วย จะเปิดใช้ก็ง่ายมาก น้องนางที่เคาน์เตอร์เค้าจะจัดการให้หมดเลย ตอนเราไปได้ร่มเป็นของแถม ตอนแรกก็คิดว่า ให้ร่มเนี่ย เป็นภาระมั๊ย?? แบกเป้ แล้วต้องแบกร่มอีก อยู่ไปเรื่อยๆ แล้วจะเข้าใจเอง
4.การเดินทางต่างๆ
การเดินทางในเมือง
แนะนำให้เหมา TAXI เพราะตามกฏหมาย เค้าไม่ให้นักท่องเที่ยวขี่มอเตอร์ไซค์ แต่ขี่จักรยานได้ แต่เชื่อเถอะ!! ไม่คุ้มหรอก อาจได้แผลกลับมาบ้านก็ได้นะ การเหมา TAXI ให้โรงแรมหาให้ ใช้การต่อรองกับทางโรงแรมเอา เพราะเค้าจะไม่กดราคาเราเท่าไร จะได้รถคุณภาพดี คนขับคุยรู้เรื่อง รอได้ใจเย็น และจะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี อาจจะแอบต่อรองราคากับทางโรงแรมนิดหน่อย ถ้าเรื่องเงินต่อรองไม่ได้ ก็ต่อรองเรื่องเวลาไปก็แล้วกัน และแนะนำว่าเขียนสถานที่ท่องเที่ยวตามจุดต่างๆ ที่เราจะเหมาให้ชัดเจนเป็นข้อๆ ว่าที่ไหนๆ แล้วไปที่ไหนต่อ แล้วสิ้นสุดที่เวลากี่โมง ส่วนเราเอง จะจ่ายเงินค่ารถตอนจบทริป เพราะว่ากลัวพี่ TAXI หนีไปตอนกำลังเที่ยว
หรือสำหรับใครที่ไปคนเดียว จนใช้พี่วินมอเตอร์ไซค์ก็ได้ จะได้ไม่โดนค่า TAXI จนอ่วม ที่นี่ถ้าเราเดินอยู่ดีๆ ก็จะเหมือนลุงๆ ขี่รถทั่วไป หันหน้ามาถามว่า ยูๆๆ มอเตอร์ไซค์ๆๆ?? เดี๋ยวนะลุง!! จะให้อัด 3 จริงๆ หรออออ
การเดินทางข้ามเมือง
ถ้าเงินในกระเป๋ามันน้อย ไปรถบัสนี่แหละ ง่ายที่สุดต่อการเดินทางข้ามเมืองแล้ว แต่อาจจะเพลียลำไส้หน่อย การเดินทางของพม่า ไม่เหมือนบ้านเรา เค้าจะช้าหน่อย ไม่ซิ่งเท่าไร และด้วยเส้นทางถนนยังไม่เรียบเท่าไรด้วย สำหรับการจองบัสข้ามเมืองก็เสต็ปเดิม สอบถามกับทางโรงแรม และจองผ่านได้เลย แถมมีรถมารับถึงที่ด้วย หรือถ้าใครมีเวลาน้อย กระเป๋าหนักหน่อย จัดไปเลยเครื่องบิน ลองหาตามเว็ปของสายการบิน หรือที่เอเจนซี่ในเมืองก็ได้ แต่จะค่อนข้างหายากหน่อย และราคาค่อนข้างสูง
5.เวลา และสภาพอากาศ
เวลาในประเทศพม่า ช้ากว่าไทย 30 นาที อย่าลืมหมุนเข็มที่ข้อมือกันด้วยนะ
ช่วงอากาศเย็น ตั้งแต่ตุลาคม ถึง กุมภาพันธ์ โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยที่ 20 – 24 องศาเซลเซียส ช่วงที่เราไปคือ ปลายเดือนธันวาคม บางเมืองจะค่อนข้างเย็นในตอนกลางคืนและเช้า ประมาณ 13-15 องศา และพอหลังเที่ยงเท่านั้นแหละ 25+ ไปเลย
ฤดูร้อน ระหว่างมีนาคม ถึง พฤษภาคม อุณหภูมิเฉลี่ยที่ 30 – 35 องศา
ฤดูฝน ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ถึง กันยายน อุณหภูมิประมาณ 25 – 30 องศา
6.ภาษาที่ใช้ คุยยังไงดี
คนที่นี่คุยง่าย นอกจากภาษาพม่า ที่พวกเราเองก็พูดไม่ได้แล้ว นอกซะจากคำว่า “มิงกะลาบา” ที่แปลว่า สวัสดี นอกนั้นก็ไม่รู้อะไรอีกแล้ว แต่ว่าไม่เป็นไร คนที่นี่เก่งภาษาอังกฤษ พูดกับเราได้รู้เรื่อง แต่อาจจะแฝงสำเนียงพม่านิดหน่อย ต้องค่อยๆ จับจุดแล้วทีนี้ ไหลได้สบาย
7.อาหารการกิน
ใครท้องไส้ไม่ค่อยดี ก็ต้องดูแลตัวเองหน่อยนิดนึง สำหรับเรากลัวสุดคืองานไส้ป่วน เพราะเคยมาแล้ว มันทรมานจริงๆ นะเออ....ง่ายสุดคือการสั่ง Fried rice with chicken หรือจะเป็น Fried Noodle with chicken บอกเลยว่า เราได้กินเมนูนี้แทบทุกเมือง เพราะกลัวจะถามหาห้องน้ำ ถ้าอยาก Fried rice แบบ Myanmar Style ก็มีนะ บ้านเราก็คือ ข้าวผัดน้ำมันใส่ผัก โอ้โห...เลี่ยนได้อีก นอกจากนั้นก็จะเป็นอาหารพื้นเมือง ที่กินดี กินได้
และขอให้กินแบบร้อนๆ ทำเสร็จหมาดๆ ที่นี่เค้าจะมีชาร้อนให้ ถ้าบ้านเราก็ น้ำแข็งเปล่า เติมน้ำบนโต๊ะนั่นแหละ
ของกินพื้นเมืองพม่าที่พลาดไม่ได้!!
- ชานมร้อน หากินได้ง่ายตามร้านทั่วไป บอกเลยว่าเด็ดดวงมาก ใครเป็นสายชา สายคาเฟอีน ไม่ควรพลาด และชานมซอง ก็เป็นของฝากยอดฮิตติดดาวของพม่าด้วย
- โรตี ถ้าสั่งเค้าว่า Roti เค้าไม่รู้เรื่อง บ้านเค้าเรียกว่า Pancake ทานคู่กับน้ำแบบถั่วๆ ลองดูอร่อยดี
- กะหรี่พัฟ เอ้าแล้วจะสั่งยังไง…Chicken pastry, Bean Pastry แนะนำเลยแหละ เนื้อนี่แน่นกว่าบ้านเราเยอะมาก อร่อยด้วย ทานคู่กับชานมร้อน
- Shan noodle เหมือนก๋วยเตี๋ยวน้ำ ก๋วยเตี๋ยวแห้งบ้านเรา จะโรยถั่วไก่สับ หมูชิ้นลงไป ได้น้ำซุปมาทานคู่ด้วย
- บุฟเฟ่ต์อาหารพม่า กินได้ก็กินไป ไม่จำกัดเวลา จะเป็นอาหารเซ็ท เรียกง่ายๆ ก็มีทั้งข้าวสวย แกงไก่ แกงหมู แกงเนื้อ แกงแพะ หมูทอด ไก่ทอด ปลาทอด และน้ำพริกเครื่องเคียงต่างๆ
- โมฮิงกะ เหมือนขนมจีนบ้านเรา ได้ยินว่าเป็นเมนูแนะนำของที่นี่ หาทานได้ตามตลาด หรือริมทางเดินทั่วไป เห็นพี่แกใช้มือคลุกก็มี เราไม่กล้าเพราะกลัวไส้หลุด
8.การแต่งตัว
เราก็แต่งตามสไตล์ของเราได้ แต่สำหรับผู้หญิง ถ้าจะไปไหว้สักการะเจดีย์ต่างๆ ใส่กางเกงไปเลยดีกว่า ที่นี่ไม่ให้นุ่งสั้น ไม่โป๊ และการเข้าชมสถานที่ต่างๆ ทางศาสนา ไม่ให้ใส่รองเท้าและถุงเท้าเข้าไป กลับมาบ้าน เท้านี่ยังลอกจนวันนี้
9.ปลั๊กไฟ ไว้ชาร์จแบต
ปลั๊กไฟที่พม่าเป็นแบบสามขา พกหัวต่อไปด้วยก็ดี ถ้าใครไปกันหลายๆ คนแนะนำว่า ปลั๊ก 3 ตาไปเลยก็ดี เพราะในโรงแรม จะมีจุดให้ชาร์จน้อยมาก
10.พกถุงผ้าไปด้วย
ออกไปเที่ยวต่างเมือง พกถุงผ้าพับใส่กระเป๋าไปด้วยก็ดีนะ เชื่อเถอะมันจะมีประโยชน์ตอนช้อปปิ้งกลับบ้านในวันสุดท้าย ถ้าเกิดว่าเป้ backpack ไม่พอ เราก็เอาของเหลวใส่โหลด แล้วโกยเสื้อผ้าใส่ถุงผ้าขึ้นเครื่องได้ แค่นี้ก็ได้ขนของกลับบ้านได้นะ
ถ้าเกิดว่ารักการเดินทางเหมือนกัน หรืออยากมาคุยกันเรื่องที่เที่ยวต่างๆ ก็มาคุยกับเราได้นะ
https://www.facebook.com/kunbeejourney
เอาล่ะ!! แพ็คกระเป๋าเกือบเสร็จแล้ว เราไปเที่ยวพม่ากันนะ.......