
เชื่อไม๊ เราทั้ง 9 คน เพิ่งรู้จักกัน
เราตกรถเหมือนกัน เลยรวมตัวกันเหมารถตู้เที่ยว
เราแบคแพคเหมือนกัน มาจากคนละที่
เราต่างคนต่างอาชีพ ดันมาเจอกันพอดี
เราช่วยเหลือกันตั้งแต่แรกเจอ
เราช่วยกันต่อรองราคาทัวร์ให้ได้ดีที่สุด
เราช่วยกันรวมพลัง ต่อสู้กับลุงเจ้าของทัวร์ที่จะเก็บเงินเพิ่ม
เราเมามายด้วยกันในคืนข้ามปี
เราไม่เคยรู้จักกันเลย แต่วันนี้เรามีความสุขที่ได้รู้จักกัน
เราไม่เคยเที่ยวด้วยกัน แต่เรากำลังวางแผนทริปต่อไปด้วยกัน
มิตรภาพและความทรงจำดีๆ กับการแบคแพคไปวังเวียงในครั้งนี้ อลังการ และน่าจดจำมาก
อย่ากลัวที่จะออกไปเที่ยวในโลกกว้าง ออกไปค้นหาสิ่งดีๆ ออกไปมองฟ้าด้วยกัน
กระทู้รีวิวไปเที่ยวครั้งแรกของเราเอง เราตั้งใจไว้แล้ว สิ้นปีที่จะถึงนี้ เราจะไม่อยู่แบบเดียวดาย
ต้องหาที่เคาท์ดาวน์ให้ได้ (ปกติก็เคาท์ดาวน์ที่บ้านตัวเองกับบ้านเพื่อนซึ่งไม่ค่อยมีไรน่าตื่นเต้น)
และที่สำคัญ เมื่อต้นปีของปีที่แล้ว เราก็มีลิสสิ่งที่อยากทำ นั่นก็คือ การแบคแพคเที่ยวคนเดียว
ดังนั้น เมื่อเป้าหมายชัดเจนแล้ว เราเลยหาข้อมูลว่าอยากไปไหน โดยมีเงื่อนไขคือ
1.ไม่ไกลมาก ขอธรรมชาติ (เพราะไม่อยากเสียเวลาเดินทางหลายวัน)
2. นั่งรถทัวร์ไป
3.ไม่แพง (ข้อนี้สำคัญ เพราะเดี๋ยวหมดตูดก่อน)
และก็มาลงตัวที่ วังเวียง ลงตัวทุกเหตุผล เมื่อได้สถานที่ ต่อไปก็หาข้อมูล เซฟเก็บไว้เยอะมาก
แต่ขอบอกเลยว่า เป็นเพียงฐานข้อมูลให้เท่านั้น พอไปจริงๆ ก็ไปเลือกเอาดาบหน้า
หลังจากนั้นก็ลองถามๆ เพื่อนดูว่าใครสนใจจะไปไม๊ สรุปไม่มี (ตามที่คิด)
พอดีเราเล่นแอฟอยู่แอฟหนึ่ง คล้ายเฟส เราก็เลยโพสต์ไว้ว่าใครสนใจไปเที่ยวแบคแพคที่วังเวียงด้วยกันไม๊
สรุปมีเหยื่อมาสนใจคนหนึ่ง จึงกลายเป็นว่าทริปนี้ มีคนไม่เคยรู้จักกันเลยไปร่วมชะตากรรม 1 คน
เริ่มต้นกันที่การเดินทาง เราสรุปว่าไปรถทัวร์ กลับรถทัวร์ แต่ว่ารถทัวร์หลายๆ ที่เต็มหมด เพราะเป็นช่วงเทศกาล
สุดท้ายก็มาได้ของ 407 พัฒนา รถสภาพดีค่ะ ขากลับนั่งของ 999 รถดีมากค่ะ เมื่อทุกอย่างลงตัว ออกเดินทาง
แบคแพคกรุงเทพ-อุดร-วังเวียง-เวียงจันทน์-หนองคาย-กรุงเทพ 30 ธันวาคม 2558 - 4 มกราคม 2559
(รูปมาจากหลายๆ คนนะคะ จากกล้องมือถือเป็นส่วนใหญ่ค่ะ)
ออกเดินทางวันที่ 30 ไปถึงสถานีขนส่งอุดรประมาณ 6.20 น. เพราะรถติดมากๆ
พอมาถึงเราก็ตามหาที่ซื้อตั๋วไปวังเวียง เดินเข้าไปแบบเอ๋อ แล้วก็เห็น ตามภาพ

สรุปเราก็เอาเป้เราจองไว้ เมื่อนับด้วยสายตา คาดว่าเราจะได้ตั๋วไปแน่นอน เพราะรถทัวร์น่าจะนั่งได้ 40 คน
พอสบายใจละก็ไปเข้าห้องน้ำกัน ไปเซเว่นซื้อหนมไปตุน พร้อมกดตังค์เอาไปแลก
ดูนาฬิกา อีก 10 นาที เคาท์เตอร์ขายตั๋วจะเปิด เลยชวนน้องเข้าไป พอไปถึง สิ่งที่เห็นคือ มี 2 แถว
แถวหนึ่งคนยืน อีกแถวเป็นกระเป๋า เราก็มึนๆ มองซ้ายมองขวาก็เจอคนหนึ่งสถานการณ์เดียวกะเรา
เลยถามเค้า แถวที่ต่อไปไหน เค้าตอบ ไปเวียงจันทน์ เราก็อ๋อ เครๆ แถวกระเป๋าคือแถววังเวียงเนอะ
คุยกันเสียงดังนิดๆ น้องที่ต่อแถวเลยกรุณาบอก พี่ครับนี่แถววังเวียงครับ
เอาล่ะสิ วันแรกก็เอ๋อกันละ ก็เลยเดินมึนๆ ไปต่อแถว เป็นคนสุดท้าย
พร้อมบ่นกันกระปอดกระแปด แบบนี้จะเอากระเป๋ามาต่อแถวทำไมฟระ บ่นกันเป็นกลุ่มที่พึ่งถามกันไป
ผ่านไปพักใหญ่แถวขยับไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่ถึงคิวสักที
เกือบ 8 โมง ก็มีเสียงสวรรค์ (เหรอ) ของเจ้าหน้าบอกว่า
ตั้งแต่น้องผู้หญิงคนนั้น ไปต่อแถวไปรถเวียงจันทน์ เพราะรถเต็มแล้ว
...........................
ตามคาด เราก็ตกรถไปวังเวียง เลยย้ายมาต่อแถวไปเวียงจันทน์
ระหว่างนั้นก็บ่นกัน น้องคนนั้นที่โดนตัดแถวก็มาต่อแถวกะเรา
เลยเริ่มต้นคุยกันว่าจะไปไหน ไปยังไง ไปกี่คน สรุปพวกเราก็ตกลงกันว่า
จะนั่งรถไปลงหนองคาย แล้วเหมารถตู้ไปส่งวังเวียง
รวมสมาชิกได้จาก 3 กลุ่ม เป็น 9 คน เลขสวยมาก (เรา 2 คน น้องที่โดนตัดแถว 3 คน และแก้งค์พี่ๆ 4 คน)
เราเหมารถตู้จากด่านไปวังเวียงราคาคนละ 450 ถึงจะแพงไปหน่อย (ปกติเหมาไปไม่เกิน 3,000 บาท)
แต่เพราะเค้ามารับเราเลย ไม่ต้องไปต่อแถวขึ้นรถตู้ และไปส่งถึงที่พักทุกกรุ๊ปเลย จึงตกลง
ถึงแล้วด่านตรวจคนเข้าเมืองที่หนองคาย พวกเรากรอกเอกสารผ่านแดนกันบนรถทัวร์กันหมดแล้ว

ฟ้าที่ด่านสดใสมาก เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเดินทาง
แต่ถึงจะอ่านมาหลายกระทู้ พอไปจริงๆ เราก็ลืมบ้าง งงบ้าง ข้ามไปอีกฝั่งละ ก็ลืมซื้อ ONE WAY TICKET
ต้องกลับมาต่อแถวซื้ออีก สรุปก็ทำตามคนข้างหน้าเค้า ถามเจ้าหน้าที่ด้วย เจ้าหน้าที่ฟังไทย พูดไทยได้ค่ะ
ข้ามมาเราก็จัดการแลกเงิน 3,000 บาท ได้มาทั้งหมด 6 แสนกว่ากีบ (ที่แลกเงินมีทั้งฝั่งไทยและฝั่งลาวค่ะ แลกตรงไหนก็ได้)
และก็ไม่ลืมที่จะถ่ายอวด

และก็ซื้อซิมการ์ดของลาว เพื่อใช้การท่องเน็ตได้ตลอดทริป
เราไปซื้อที่ไปรษณีย์อยู่ฝั่งลาว เป็นล็อคๆ ใกล้ที่แลกเงิน ให้เจ้าหน้าที่เค้าจัดการให้เลย
ทั้งเปลี่ยนซิม เติมเงิน สมัครเน็ต สะดวกมาก หมดไป 300 บาท
แต่ เดี๋ยวก่อน ถ้าท่านไปซื้อซิมแถวเวียงจันทน์ ซึ่งออกไปอีกไม่ไกลมาก
จาก 300 จะเหลือ 150 ทันที เรามารู้ตอนที่อีกกรุ๊ปเค้าแวะกันข้างทาง
ที่แวะข้างทางได้เพราะเราเหมารถตู้ส่วนตัว ถ้าไปกับรถทัวร์อาจแวะไม่สะดวก ดังนั้นใครสะดวกก็ซื้อที่ด่านเลยค่ะ
ตั้งแต่เช้าเรายังไม่ได้กินกาแฟเลย (ติดกาแฟ)
ใกล้ๆ รถตู้มีร้านขายพวกน้ำ กาแฟถุง ชาเย็น เลยไปซื้อ
เหมือนบ้านเรานะ แต่หนักเครื่องเยอะมาก โดยเฉพาะครีมเทียม ใส่ไปเกือบครึ่งแก้ว
ได้มาละ กาแฟโบราณ 1 ถุง ราคา 50 บาท แพงมากกกกกกกก ถ้าไทยคง 20 บาท
(ปล.กินไม่หมด ไม่ไหว ดูดไปทีเหมือนกินน้ำหวาน ข้น มัน หวาน)
รถตู้พร้อม คนขับพร้อม ทุกคนพร้อม เราก็ออกเดินทาง เวลาประมาณ เกือบ 11 โมง
ระหว่างทางเราก็แวะเรื่อยๆ ตามใจจะแวะ แวะซื้อซิม

ใกล้ๆ ร้ายขายมือถือ มีร้านขายเบียร์
มาลาวก็ต้องกินเบียร์ลาว จัดไประหว่างทาง คนละป๋อง 2 ป๋อง

เราเพิ่งมาแนะนำตัวเองกันหลังจากได้เบียร์แล้ว 555
แนะนำชื่อ อายุกัน สรุปว่ามีผู้หญิง 6 คน ผู้ชาย 3 คน
มาจากเชียงใหม่ 3 กรุงเทพ 5 คน มีต่างชาติคือฟิลิปปินส์ 1 คน มาด้วย
ชนป๋องเบียร์และก็ออกเดินทาง
นั่งรถไปพักใหญ่เราก็หิวกัน แวะกินก๋วยเตี๋ยวข้างทาง หรือเฝอนี่แหล่ะค่ะ
เฝอเนื้อของสมาชิกอีกคน

เค้าจะมีเหมือนน้ำพริกเอาไว้จิ้ม แต่ไม่เผ็ดเลยค่ะ รสชาติหวานๆ เหมือนมีถั่วด้วย

มีผักให้ เยอะมาก

โดยรวมก๋วยเตี๋ยวรสชาติใช้ได้นะคะ คงเพราะผงชูรส หลังจากกินก็คอแห้งกันมาตลอดทางทีเดียว
หลังจากนั้นก็นั่งรถตู้มายาวเลย
อันนี้น่าจะเป็นตู้ยามจราจรของลาวนะคะ

แวะพักปั้มน้ำมันใหญ่ก่อนขึ้นเขา แวะกินไอติมและก็ชมท้องฟ้า

ระหว่างทาง เดินทางมาทั้งวัน จนพระอาทิตย์จะตกแล้ว

และแล้วเราก็มาถึงวังเวียง เกือบ 6 โมงเย็น พร้อมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงาม

เรามาส่งที่พักของกรุ๊ป 4 คนก่อน พักแถวต้นมะพร้าว 2 ยอด
มีปัญหานิดหน่อย หมายเลขอโกด้าไม่ตรงกัน แต่สุดท้ายก็โอเค
ส่วนกรุ๊ปน้องจากเชียงใหม่ 3 คน เริ่มมีปัญหา เพราะติดต่อที่พักไป โดยใช้มือถือของคนขับรถตู้โทรถาม
ทางที่พักบอกว่าห้องเต็มแล้ว แต่น้องเค้าจองและจ่ายตังเรียบร้อยแล้ว
ยืนรอคุยกันนานมาก สรุปว่าห้องเต็ม เค้าไม่ได้เตรียมห้องให้
เราเลยบอกน้องๆ ว่าไปที่พักเราก่อน เผื่อมีห้องว่าง เราพักที่ Malany Villa 1 เพราะสะดวกมาก
รูปภาพจากอโกด้านะคะ ไม่ได้ถ่ายไว้เลย ห้องสะอาดค่ะ เตียงนุ่มมาก

อยู่ใจกลางเมือง และที่สำคัญใกล้ซากุระผับ สามารถตุปัดตุเป๋มานอนได้ใกล้ๆ
พอไปถึงเราเช็คอิน สอบถามห้องเพิ่ม โชคดีมาก ที่มีหนึ่งห้องฝรั่งจองไว้แต่ไม่มา
น้องเค้าเลยได้ 1 ห้อง พัก 1 คืน หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
และก็ออกมาหาอาหารเย็นได้ ได้ร้านไก่ทอดอยู่เลยซากุระผับไปนิดเดียว
อาหารอร่อยมาก โดยเฉพาะไก่ แต่อย่างอื่นจะออกหวานๆ เลี่ยนๆ
หมู่มวลสมาชิก

อันนี้ลาบ ใส่ถั่วงอกด้วย

อันนี้มาลาว ต้องชิมส้มตำ เผ็ดๆ

ของขายข้างทาง หน้าร้านข้าว

บาร์บีคิว น่าอร่อย ไม้ละ 10,000 กีบ

หลังจากกินอิ่มเราก็หาทัวร์ที่จะไปพรุ่งนี้กัน ได้ตรงข้ามกับซากุระบาร์เลย
มีอีลุง (อีลุงคนนี้แสบและฮามาก เดี๋ยวตอนทัวร์มาเมาท์) จัดการขายทัวร์ให้เรา พวกเราก็ต่อรองกันสุดฤทธิ์
ขออาหารแบบนี้ เที่ยวที่นี่ บลาๆ สรุปว่า เราไปทัวร์ 3 ที่คือ บลูลากูน พายเรือคายัค และลอดถ้ำน้ำ
ราคาคนละ 150,000 กีบ จริงๆ มีถูกกว่านี้คือ 130,000 แต่เราเลือกที่นี่เพราะเป็นแบบไพรเวท มีแค่พวกเรา
จ่ายเงินเรียบร้อยเสร็จสรรพ นัดแนะการขึ้นรถแล้ว เราก็เตรียมตัวเคาท์ดาวน์กัน
จะเป็นที่ไหนไม่ได้ นี่เลย ซากุระผับ ผับที่ดังที่สุดในวังเวียง

เมื่อเข้าไปเราก็ซื้อเบียร์กัน ถ้าซื้อพวกวอดก้า 2 แก้ว จะได้เสื้อกล้ามของซากุระ 1 ตัว
แต่เรากินแต่เบียร์ ใครชอบอะไรก็สั่งกัน ที่สำคัญ ที่นี่งานดีเพียบ
งานฝรั่ง งานเกาหลี งานไทย เต็มไปหมด ละลานตามาก
ดื่ม เต้น เมา รู้จักคนข้าง พากันเต้น ขึ้นเวทีเต้น เป็นเคาท์ดาวน์ที่สุดเหวี่ยงมาก
เพลงก็เป็นเพลงสากล ตึ้ดๆ เพลงฮิตหลายเพลง
รวมหมู่ ยังไม่เมา แต่ฝรั่งคนนั้นเป็นใครกัน ฮ่าาาา

ต่อๆ หน้าแดงๆ กันละ

หนุกๆ

นี่เลยมีเวทีขึ้นไปอีกชั้น เล็กๆ แค่นี้ แต่ดึกๆ มาขึ้นไปอยู่ข้างบนกันเป็นร้อย
ตอนเคาท์ดาวน์เราก็อยู่ข้างบน สนุกมากกกกกกก ไม่ต้องเต้นเลย เพราะคนเบียดกัน เหมือนเราเต้นตามกันไป

สิ้นสุดคืนแรก แยกย้ายกันเกือบตี 2 นอนพัก เพื่อวันพรุ่งนี้ที่ Adventure มากกกก
[CR] รีวิววังเวียง เมื่อมิตรภาพก่อขึ้นระหว่างทางไป “วังเวียง” แบคแพค ตกรถ และความจริงใจ Slow life ที่กลายเป็น Adventure
เชื่อไม๊ เราทั้ง 9 คน เพิ่งรู้จักกัน
เราตกรถเหมือนกัน เลยรวมตัวกันเหมารถตู้เที่ยว
เราแบคแพคเหมือนกัน มาจากคนละที่
เราต่างคนต่างอาชีพ ดันมาเจอกันพอดี
เราช่วยเหลือกันตั้งแต่แรกเจอ
เราช่วยกันต่อรองราคาทัวร์ให้ได้ดีที่สุด
เราช่วยกันรวมพลัง ต่อสู้กับลุงเจ้าของทัวร์ที่จะเก็บเงินเพิ่ม
เราเมามายด้วยกันในคืนข้ามปี
เราไม่เคยรู้จักกันเลย แต่วันนี้เรามีความสุขที่ได้รู้จักกัน
เราไม่เคยเที่ยวด้วยกัน แต่เรากำลังวางแผนทริปต่อไปด้วยกัน
มิตรภาพและความทรงจำดีๆ กับการแบคแพคไปวังเวียงในครั้งนี้ อลังการ และน่าจดจำมาก
อย่ากลัวที่จะออกไปเที่ยวในโลกกว้าง ออกไปค้นหาสิ่งดีๆ ออกไปมองฟ้าด้วยกัน
กระทู้รีวิวไปเที่ยวครั้งแรกของเราเอง เราตั้งใจไว้แล้ว สิ้นปีที่จะถึงนี้ เราจะไม่อยู่แบบเดียวดาย
ต้องหาที่เคาท์ดาวน์ให้ได้ (ปกติก็เคาท์ดาวน์ที่บ้านตัวเองกับบ้านเพื่อนซึ่งไม่ค่อยมีไรน่าตื่นเต้น)
และที่สำคัญ เมื่อต้นปีของปีที่แล้ว เราก็มีลิสสิ่งที่อยากทำ นั่นก็คือ การแบคแพคเที่ยวคนเดียว
ดังนั้น เมื่อเป้าหมายชัดเจนแล้ว เราเลยหาข้อมูลว่าอยากไปไหน โดยมีเงื่อนไขคือ
1.ไม่ไกลมาก ขอธรรมชาติ (เพราะไม่อยากเสียเวลาเดินทางหลายวัน)
2. นั่งรถทัวร์ไป
3.ไม่แพง (ข้อนี้สำคัญ เพราะเดี๋ยวหมดตูดก่อน)
และก็มาลงตัวที่ วังเวียง ลงตัวทุกเหตุผล เมื่อได้สถานที่ ต่อไปก็หาข้อมูล เซฟเก็บไว้เยอะมาก
แต่ขอบอกเลยว่า เป็นเพียงฐานข้อมูลให้เท่านั้น พอไปจริงๆ ก็ไปเลือกเอาดาบหน้า
หลังจากนั้นก็ลองถามๆ เพื่อนดูว่าใครสนใจจะไปไม๊ สรุปไม่มี (ตามที่คิด)
พอดีเราเล่นแอฟอยู่แอฟหนึ่ง คล้ายเฟส เราก็เลยโพสต์ไว้ว่าใครสนใจไปเที่ยวแบคแพคที่วังเวียงด้วยกันไม๊
สรุปมีเหยื่อมาสนใจคนหนึ่ง จึงกลายเป็นว่าทริปนี้ มีคนไม่เคยรู้จักกันเลยไปร่วมชะตากรรม 1 คน
เริ่มต้นกันที่การเดินทาง เราสรุปว่าไปรถทัวร์ กลับรถทัวร์ แต่ว่ารถทัวร์หลายๆ ที่เต็มหมด เพราะเป็นช่วงเทศกาล
สุดท้ายก็มาได้ของ 407 พัฒนา รถสภาพดีค่ะ ขากลับนั่งของ 999 รถดีมากค่ะ เมื่อทุกอย่างลงตัว ออกเดินทาง
แบคแพคกรุงเทพ-อุดร-วังเวียง-เวียงจันทน์-หนองคาย-กรุงเทพ 30 ธันวาคม 2558 - 4 มกราคม 2559
(รูปมาจากหลายๆ คนนะคะ จากกล้องมือถือเป็นส่วนใหญ่ค่ะ)
ออกเดินทางวันที่ 30 ไปถึงสถานีขนส่งอุดรประมาณ 6.20 น. เพราะรถติดมากๆ
พอมาถึงเราก็ตามหาที่ซื้อตั๋วไปวังเวียง เดินเข้าไปแบบเอ๋อ แล้วก็เห็น ตามภาพ
สรุปเราก็เอาเป้เราจองไว้ เมื่อนับด้วยสายตา คาดว่าเราจะได้ตั๋วไปแน่นอน เพราะรถทัวร์น่าจะนั่งได้ 40 คน
พอสบายใจละก็ไปเข้าห้องน้ำกัน ไปเซเว่นซื้อหนมไปตุน พร้อมกดตังค์เอาไปแลก
ดูนาฬิกา อีก 10 นาที เคาท์เตอร์ขายตั๋วจะเปิด เลยชวนน้องเข้าไป พอไปถึง สิ่งที่เห็นคือ มี 2 แถว
แถวหนึ่งคนยืน อีกแถวเป็นกระเป๋า เราก็มึนๆ มองซ้ายมองขวาก็เจอคนหนึ่งสถานการณ์เดียวกะเรา
เลยถามเค้า แถวที่ต่อไปไหน เค้าตอบ ไปเวียงจันทน์ เราก็อ๋อ เครๆ แถวกระเป๋าคือแถววังเวียงเนอะ
คุยกันเสียงดังนิดๆ น้องที่ต่อแถวเลยกรุณาบอก พี่ครับนี่แถววังเวียงครับ
เอาล่ะสิ วันแรกก็เอ๋อกันละ ก็เลยเดินมึนๆ ไปต่อแถว เป็นคนสุดท้าย
พร้อมบ่นกันกระปอดกระแปด แบบนี้จะเอากระเป๋ามาต่อแถวทำไมฟระ บ่นกันเป็นกลุ่มที่พึ่งถามกันไป
ผ่านไปพักใหญ่แถวขยับไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่ถึงคิวสักที
เกือบ 8 โมง ก็มีเสียงสวรรค์ (เหรอ) ของเจ้าหน้าบอกว่า
ตั้งแต่น้องผู้หญิงคนนั้น ไปต่อแถวไปรถเวียงจันทน์ เพราะรถเต็มแล้ว
...........................
ตามคาด เราก็ตกรถไปวังเวียง เลยย้ายมาต่อแถวไปเวียงจันทน์
ระหว่างนั้นก็บ่นกัน น้องคนนั้นที่โดนตัดแถวก็มาต่อแถวกะเรา
เลยเริ่มต้นคุยกันว่าจะไปไหน ไปยังไง ไปกี่คน สรุปพวกเราก็ตกลงกันว่า
จะนั่งรถไปลงหนองคาย แล้วเหมารถตู้ไปส่งวังเวียง
รวมสมาชิกได้จาก 3 กลุ่ม เป็น 9 คน เลขสวยมาก (เรา 2 คน น้องที่โดนตัดแถว 3 คน และแก้งค์พี่ๆ 4 คน)
เราเหมารถตู้จากด่านไปวังเวียงราคาคนละ 450 ถึงจะแพงไปหน่อย (ปกติเหมาไปไม่เกิน 3,000 บาท)
แต่เพราะเค้ามารับเราเลย ไม่ต้องไปต่อแถวขึ้นรถตู้ และไปส่งถึงที่พักทุกกรุ๊ปเลย จึงตกลง
ถึงแล้วด่านตรวจคนเข้าเมืองที่หนองคาย พวกเรากรอกเอกสารผ่านแดนกันบนรถทัวร์กันหมดแล้ว
ฟ้าที่ด่านสดใสมาก เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเดินทาง
แต่ถึงจะอ่านมาหลายกระทู้ พอไปจริงๆ เราก็ลืมบ้าง งงบ้าง ข้ามไปอีกฝั่งละ ก็ลืมซื้อ ONE WAY TICKET
ต้องกลับมาต่อแถวซื้ออีก สรุปก็ทำตามคนข้างหน้าเค้า ถามเจ้าหน้าที่ด้วย เจ้าหน้าที่ฟังไทย พูดไทยได้ค่ะ
ข้ามมาเราก็จัดการแลกเงิน 3,000 บาท ได้มาทั้งหมด 6 แสนกว่ากีบ (ที่แลกเงินมีทั้งฝั่งไทยและฝั่งลาวค่ะ แลกตรงไหนก็ได้)
และก็ไม่ลืมที่จะถ่ายอวด
และก็ซื้อซิมการ์ดของลาว เพื่อใช้การท่องเน็ตได้ตลอดทริป
เราไปซื้อที่ไปรษณีย์อยู่ฝั่งลาว เป็นล็อคๆ ใกล้ที่แลกเงิน ให้เจ้าหน้าที่เค้าจัดการให้เลย
ทั้งเปลี่ยนซิม เติมเงิน สมัครเน็ต สะดวกมาก หมดไป 300 บาท
แต่ เดี๋ยวก่อน ถ้าท่านไปซื้อซิมแถวเวียงจันทน์ ซึ่งออกไปอีกไม่ไกลมาก
จาก 300 จะเหลือ 150 ทันที เรามารู้ตอนที่อีกกรุ๊ปเค้าแวะกันข้างทาง
ที่แวะข้างทางได้เพราะเราเหมารถตู้ส่วนตัว ถ้าไปกับรถทัวร์อาจแวะไม่สะดวก ดังนั้นใครสะดวกก็ซื้อที่ด่านเลยค่ะ
ตั้งแต่เช้าเรายังไม่ได้กินกาแฟเลย (ติดกาแฟ)
ใกล้ๆ รถตู้มีร้านขายพวกน้ำ กาแฟถุง ชาเย็น เลยไปซื้อ
เหมือนบ้านเรานะ แต่หนักเครื่องเยอะมาก โดยเฉพาะครีมเทียม ใส่ไปเกือบครึ่งแก้ว
ได้มาละ กาแฟโบราณ 1 ถุง ราคา 50 บาท แพงมากกกกกกกก ถ้าไทยคง 20 บาท
(ปล.กินไม่หมด ไม่ไหว ดูดไปทีเหมือนกินน้ำหวาน ข้น มัน หวาน)
รถตู้พร้อม คนขับพร้อม ทุกคนพร้อม เราก็ออกเดินทาง เวลาประมาณ เกือบ 11 โมง
ระหว่างทางเราก็แวะเรื่อยๆ ตามใจจะแวะ แวะซื้อซิม
ใกล้ๆ ร้ายขายมือถือ มีร้านขายเบียร์
มาลาวก็ต้องกินเบียร์ลาว จัดไประหว่างทาง คนละป๋อง 2 ป๋อง
เราเพิ่งมาแนะนำตัวเองกันหลังจากได้เบียร์แล้ว 555
แนะนำชื่อ อายุกัน สรุปว่ามีผู้หญิง 6 คน ผู้ชาย 3 คน
มาจากเชียงใหม่ 3 กรุงเทพ 5 คน มีต่างชาติคือฟิลิปปินส์ 1 คน มาด้วย
ชนป๋องเบียร์และก็ออกเดินทาง
นั่งรถไปพักใหญ่เราก็หิวกัน แวะกินก๋วยเตี๋ยวข้างทาง หรือเฝอนี่แหล่ะค่ะ
เฝอเนื้อของสมาชิกอีกคน
เค้าจะมีเหมือนน้ำพริกเอาไว้จิ้ม แต่ไม่เผ็ดเลยค่ะ รสชาติหวานๆ เหมือนมีถั่วด้วย
มีผักให้ เยอะมาก
โดยรวมก๋วยเตี๋ยวรสชาติใช้ได้นะคะ คงเพราะผงชูรส หลังจากกินก็คอแห้งกันมาตลอดทางทีเดียว
หลังจากนั้นก็นั่งรถตู้มายาวเลย
อันนี้น่าจะเป็นตู้ยามจราจรของลาวนะคะ
แวะพักปั้มน้ำมันใหญ่ก่อนขึ้นเขา แวะกินไอติมและก็ชมท้องฟ้า
ระหว่างทาง เดินทางมาทั้งวัน จนพระอาทิตย์จะตกแล้ว
และแล้วเราก็มาถึงวังเวียง เกือบ 6 โมงเย็น พร้อมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงาม
เรามาส่งที่พักของกรุ๊ป 4 คนก่อน พักแถวต้นมะพร้าว 2 ยอด
มีปัญหานิดหน่อย หมายเลขอโกด้าไม่ตรงกัน แต่สุดท้ายก็โอเค
ส่วนกรุ๊ปน้องจากเชียงใหม่ 3 คน เริ่มมีปัญหา เพราะติดต่อที่พักไป โดยใช้มือถือของคนขับรถตู้โทรถาม
ทางที่พักบอกว่าห้องเต็มแล้ว แต่น้องเค้าจองและจ่ายตังเรียบร้อยแล้ว
ยืนรอคุยกันนานมาก สรุปว่าห้องเต็ม เค้าไม่ได้เตรียมห้องให้
เราเลยบอกน้องๆ ว่าไปที่พักเราก่อน เผื่อมีห้องว่าง เราพักที่ Malany Villa 1 เพราะสะดวกมาก
รูปภาพจากอโกด้านะคะ ไม่ได้ถ่ายไว้เลย ห้องสะอาดค่ะ เตียงนุ่มมาก
อยู่ใจกลางเมือง และที่สำคัญใกล้ซากุระผับ สามารถตุปัดตุเป๋มานอนได้ใกล้ๆ
พอไปถึงเราเช็คอิน สอบถามห้องเพิ่ม โชคดีมาก ที่มีหนึ่งห้องฝรั่งจองไว้แต่ไม่มา
น้องเค้าเลยได้ 1 ห้อง พัก 1 คืน หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
และก็ออกมาหาอาหารเย็นได้ ได้ร้านไก่ทอดอยู่เลยซากุระผับไปนิดเดียว
อาหารอร่อยมาก โดยเฉพาะไก่ แต่อย่างอื่นจะออกหวานๆ เลี่ยนๆ
หมู่มวลสมาชิก
อันนี้ลาบ ใส่ถั่วงอกด้วย
อันนี้มาลาว ต้องชิมส้มตำ เผ็ดๆ
ของขายข้างทาง หน้าร้านข้าว
บาร์บีคิว น่าอร่อย ไม้ละ 10,000 กีบ
หลังจากกินอิ่มเราก็หาทัวร์ที่จะไปพรุ่งนี้กัน ได้ตรงข้ามกับซากุระบาร์เลย
มีอีลุง (อีลุงคนนี้แสบและฮามาก เดี๋ยวตอนทัวร์มาเมาท์) จัดการขายทัวร์ให้เรา พวกเราก็ต่อรองกันสุดฤทธิ์
ขออาหารแบบนี้ เที่ยวที่นี่ บลาๆ สรุปว่า เราไปทัวร์ 3 ที่คือ บลูลากูน พายเรือคายัค และลอดถ้ำน้ำ
ราคาคนละ 150,000 กีบ จริงๆ มีถูกกว่านี้คือ 130,000 แต่เราเลือกที่นี่เพราะเป็นแบบไพรเวท มีแค่พวกเรา
จ่ายเงินเรียบร้อยเสร็จสรรพ นัดแนะการขึ้นรถแล้ว เราก็เตรียมตัวเคาท์ดาวน์กัน
จะเป็นที่ไหนไม่ได้ นี่เลย ซากุระผับ ผับที่ดังที่สุดในวังเวียง
เมื่อเข้าไปเราก็ซื้อเบียร์กัน ถ้าซื้อพวกวอดก้า 2 แก้ว จะได้เสื้อกล้ามของซากุระ 1 ตัว
แต่เรากินแต่เบียร์ ใครชอบอะไรก็สั่งกัน ที่สำคัญ ที่นี่งานดีเพียบ
งานฝรั่ง งานเกาหลี งานไทย เต็มไปหมด ละลานตามาก
ดื่ม เต้น เมา รู้จักคนข้าง พากันเต้น ขึ้นเวทีเต้น เป็นเคาท์ดาวน์ที่สุดเหวี่ยงมาก
เพลงก็เป็นเพลงสากล ตึ้ดๆ เพลงฮิตหลายเพลง
รวมหมู่ ยังไม่เมา แต่ฝรั่งคนนั้นเป็นใครกัน ฮ่าาาา
ต่อๆ หน้าแดงๆ กันละ
หนุกๆ
นี่เลยมีเวทีขึ้นไปอีกชั้น เล็กๆ แค่นี้ แต่ดึกๆ มาขึ้นไปอยู่ข้างบนกันเป็นร้อย
ตอนเคาท์ดาวน์เราก็อยู่ข้างบน สนุกมากกกกกกก ไม่ต้องเต้นเลย เพราะคนเบียดกัน เหมือนเราเต้นตามกันไป
สิ้นสุดคืนแรก แยกย้ายกันเกือบตี 2 นอนพัก เพื่อวันพรุ่งนี้ที่ Adventure มากกกก
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น