สวัสดีค่ะ...ยาวนิดนะคะ
ตอนที่1ก่อนผ่าคลอด
จะมาเล่า ว่าทำไมท้อง2 นี้ถึงมีความเสี่ยงสูง และใครจะคาดคิดมาก่อนว่าเกิดกับเรา เพราะไม่เคยทราบถึงข้อมูลพวกนี้มาก่อน เคสที่นานๆพบทีจากผู้ตั้งครรภ์หลายๆพันคน
ท้องสองนี้ แอดมินเป็นอุบัติการณ์ที่เรียกว่า รกเกาะต่ำคลุมด้านหน้าปิดทั้งหมดและเกาะหนา ควบคู่รกฝังแน่นฝังลึกจนสงสัยว่าไปฝังถึงกระเพาะปัสสาวะ และข้างเคียง
ในการผ่าตัดต้องใช้ทีมแพทย์ รวมถึงคุณหมอศัลยกรรมทางเดินปัสสาวะด้วย เพราะนอกจากต้องตัดมดลูกออกแล้ว ยังอาจจะต้องเย็บซ่อมกระเพาะปัสสะวะ และใส่สายเสียบ สวนปัสสาวะไปอีกนาน โดยเสี่ยงการติดเชื้อที่จะเกิดขึ้นอีก
สาเหตุ
ผ่าคลอดท้องแรกค่ะ รากรกจึงไปชอนไชที่แผลผ่าตัดเดิมจนฝังลึก แจ็กพอตจริงๆค่ะ (ในรายอื่นๆส่วนมาก รกจะขยับขึ้นเองเมื่ออายุครรภ์มากขึ้นอันนี้ตรงข้ามเลยค่ะ)
ฉะนั้นใครตัดสินใจผ่าคลอดก้อควรดูว่าสมควรแก่เหตุหรือไม่ เพราะท้องสอง ยิ่งอายุมาก ก็จะยิ่งเสี่ยงสูงมากเช่นกัน
แอดมิน ต้องย้ายจาก รพ.เอกชนแห่งนึง เพราะ เค้าแจ้งว่าต้องเสียเลือดมากและเลือดอาจไม่เพียงพอ จึงต้องย้ายไป รพ จุฬา ตอนท้องไป6เดือน ซึ่งคลินิกพิเศษที่นั่น ก็ไม่รับคุณแม่ที่มีอายุครรภ์เกิน 4เดือน เป็นเคสเสี่ยงสูงเค้าจึง แนะนำ ให้ฝากครรภ์ที่ ภปร ชั้น 8 คลินิกธรรมดา ซึ่งอาจจะจะเจอเป็น นศ แพทย์ ตรวจให้ หรือคุณหมอ แล้วแต่พยาบาลจะจัดสรรให้
แอดมินเจอ นศ แพทย์ ในครั้งแรก พอเล่าเคส จึงได้ไปอัลต้าซาว และ ให้ไปซาวละเอียดที่ตึก นวมินทร์ ในเดือนถัดไป จากนั้นก็ไปตามคุณหมอนัด ทุก 2 สัปดาห์ ทีมพยาบาล ที่นี่น่ารักค่ะ จะจัดกลุ่มให้ความรู้ คุณแม่ทุกครั้ง เผื่อใครอยากฝากท้องจุฬาถามได้นะคะ ที่สำคัญ คลินิกธรรมดา นี้ แทบไม่มีค่าบริการอะไรเลย นอกจากค่า เจาะเลือด ประมาณเกือบพัน ค่าซาว 400 ค่ายา 20-40บาท ส่วนพวกค่าหมอ ค่าฉีดยาบาดทะยัก ต่างๆ ฟรีหมดค่ะ
เพื่อความสบายใจ แม้จะฝากครรภ์กับ รร. แพทย์ แล้ว แอดมิน ได้พยายามหาข้อมูลให้ได้มากสุดเกี่ยวกับ อุบัติการณ์นี้ (Placenta Percreta and Placenta previa totail) จึงพบว่าไม่ธรรมดาเลย มีโอกาสตกเลือดจนเสียชีวิตสูงมาก จึงหาข้อมูลแพทย์ผู้ชำนาญการ จึงได้คุณหมอที่เชี่ยวชาญ หาทางเข้าพบท่าน ได้คุยท่านจนท่านเมตตารับเป็นคนไข้ฝากพิเศษให้
และ คุณหมอท่านได้นัดผ่าคลอดก่อนกำหนด 1 เดือน เพื่อความปลอดภัย ในวันอังคารที่ 22 ธ.ค.2558 นี้ (ช่างบังเอิญมากๆเป็นวันเกิดวันเดียวกับลูกคนโตเลย) ตั้งแต่ทราบ เรื่องนี้ตอนท้องได้ 6เดือน ช่วงแรกคิดมากร้องไห้บ่อยเพราะ เราเป็นคนร่างกายแข็งแรง พอใจเริ่มยอมรับ ก็ หมั่น ทำบุญ กุศล สวดมนต์ ฟังธรรม ทำสมาธิ เจริญสติ อธิษฐานจิต แผ่เมตตา ทุกวัน ....ธรรมมะโอสถช่วยได้จริงๆค่ะ
กาลครั้งนี้ ทำให้รู้ว่า อย่าได้ประมาทกับชีวิต คิดดี พูดดี ทำดี ทำประโยชน์ต่อผู้อื่น สร้างบุญ กุศล... ทาน ศีล ภาวนา เพราะเราไม่ทราบเลยว่าอะไรจะเกิดกับเราค่ะ
ตอนที่2 หลังผ่าคลอด
รกเกาะต่ำเกาะหนาปิดคลุมด้านหน้าทางปากช่องคลอดทั้งหมดและฝังลึกทะลุชั้นกล้ามเนื้อมดลูก
(Placenta previa totalis and Placenta Accreta)
ปาฏิหาริย์มีจริงค่ะสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงและเราคิดว่าได้เกิดขึ้นกับเราแล้ว
.
ผลบุญกุศลต่างๆที่เคยทำได้กลับมาเป็นเกราะคุ้มครองป้องกันเราและลูกให้ปลอดภัยจากหนักเป็นเบา
.
จากความกังวลกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตมานานหลายเดือนและได้เริ่มปฎิบัติธรรมอุทิศส่วนกุศลแผ่เมตตาตั้งจิตอธิษฐานต่างๆ
.
จากผลอัลต้าซาวน์ 7 ครั้ง โดยหมอ 12 คน และเข้าที่ประชุมมีอาจารย์หมอด้วยสรุปตรงกันว่ารากรก ทะลุจากชั้นกล้ามเนื้อ มดลูกลึกถึงกระเพาะปัสสาวะ เตรียมแพทย์ทางด้านทางเดินปัสสาวะไว้เรียบร้อย ในห้องผ่าตัด
.
ก่อนผ่ามีหมอวิสัญญีมาคุยให้สามีฟังว่าจะต้องใส่ท่อหายใจและต้องเป็นการดมยาเท่านั้นซึ่งผ่าเสร็จแล้วอาจจะต้องย้ายเข้าไอซียูอยู่ถึง 2-3 วันจะมีเอฟเฟคมากในการใส่ท่อช่วยหายใจ เพราะการเอารากรก ออกจากกระเพาะปัสสาวะจะใช้เวลานานและเสียเลือดเพิ่มขึ้นอีกและให้ญาติทำใจด้วยเพราะอาจจะเสียเลือดมากจนช็อคได้ และทางโรงพยาบาลได้ให้สามีเซ็นชื่อรับทราบหากเกิดอะไรขึ้น
.
เข้าไปในห้องผ่าตัด ตอน 12.30 รู้สึกตัวอีกทีตอน 17.30 ตอนดมยา หมอบอกว่า จะให้หลับแล้วนะนับ 1 ถึง 3 ใจเราตอนนั้นคิดแต่พระพุทธพระธรรมพระสงฆ์และจะแข็งแกร่งเพื่อลูกทั้งสองให้ได้ จากนั้นทุกอย่างก็มืดไป
.
พอฟื้นมาคุณหมอบอกว่าโชคดีมากๆรากรกอยู่ห่างจากกระเพาะปัสสาวะเพียงแค่ 1 ถึง 2 มิลลิเมตรเท่านั้น จึงทำให้การผ่าตัดครั้งนี้เอาลูกออกมาและตัดมดลูกออกไปเลยเพื่อป้องกันการตกเลือดในอนาคต เพราะรกเกาะแน่นอยู่กับกล้ามเนื้อมดลูกเลาะไม่ได้ต้องตัดทั้งหมด
.
ส่วนลูกคลอดก่อนกำหนด 1 เดือนที่น้ำหนัก 3000 กรัมพอดีและไม่มีภาวะตัวเหลืองหรือภาวะอะไรแทรกซ้อนเลย แข็งแรงนับว่าโชคดีที่สุดแล้ว
.
หลังจากฟื้นแล้วทุกขเวทนาเจ็บปวดทรมานที่สุดเพราะไม่ได้บล็อกหลังแผลจากการผ่าตัดสดๆใหม่ใหม่ทรมานมากมอร์ฟีนไม่ได้ช่วยอะไรเลย นอกจาก สายน้ำเกลือ สายให้เลือด2 เส้น สายสวนปัสสาวะแล้ว ยังมีสายสวนเลือดออกทางหน้าท้องอีก
.
มาถึงจุดนี้รู้เลยว่าการปฏิบัติธรรมของเรามันอ่อนมากๆเพราะไม่มีสติหรือสมาธิในการปฏิบัติแล้วมีแต่ความเจ็บปวดและอยากหายไวๆ ที่มือทั้งสองข้างเจาะหลังมือ ข้อมือ จนพรุนไปหมดข้างละ 2-3เข็มใหญ่ๆ คิดแต่ว่าอดทนเพื่อลูกเดี๋ยวมันก็ผ่านไป
.
คืนวันที่ 22/12/58 พยาบาลเข้ามาดูอาการทุกครึ่งชั่วโมงวัดความดันเช็คไข้ ต่างๆนาๆ จนถึงรุ่งเช้า เราจะพยายามขยับตัวเพราะเขาบอกว่าหลังผ่าคลอดภายใน 24 ชั่วโมงต้องมีการเคลื่อนไหวเพื่อให้ลำไส้ต่างๆได้กลับมาทำงานให้ปกติ
.
วันที่ 23 ช่วงเย็นพยาบาลเอาสายสวนปัสสาวะและเอาน้ำเกลือและที่เจาะให้เลือดออก แต่ยัง เสียบคาไว้ หลังมือกันฉุกเฉิน 1เข็ม และยังต้องใส่สายสวนเลือดออกจากทางหน้าท้องตลอดเวลาอีกเป็นเวลา 3 วัน หมอแนะนำให้ทานน้ำบ่อยบ่อยเพื่อเวลาปัสสาวะเองจะได้ไม่แสบขัดมาก และพยาบาลจะมาเช็คปริมาณปัสสาวะทุกครั้งในวันแรก
.
การตด การเรอ การปัสสาวะเองสำคัญมากๆมันคือสิ่งที่บ่งบอกว่าลำไส้เรายังทำงานอยู่ปกติดีไหม
เพราะเรางดน้ำงดอาหารเป็นเวลาทั้งหมด 24 ชั่วโมง (12 ชม.ก่อนและหลังคลอด) เมื่อได้จิบน้ำครั้งแรกความรู้สึกขมคอก็ดีขึ้นแต่อาการเสมหะและไอมันเริ่มมาและเจ็บในลำคอมากๆเป็นผลเนื่องจากการใส่ท่อช่วยหายใจนั่นเองแต่จะไอก็ทำได้ยาก ต้องคอยกดแผลไว้เพราะไอหรือกระแอมแต่ละทีเจ็บร้าวไปทั้งท้อง
.
วันนี้วันที่ 25 เป็นวันที่ 3 ของการผ่าตัดเมื่อช่วง 11:00น. คุณหมอมาเอาสายสวนเลือดทางหน้าท้องออกแล้ว (ตอนที่คุณหมอดึงสายสวนออกไม่ต้องมีคำบรรยายเลย) แต่ดีที่รู้สึกปวดแผลน้อยลงมาก
.
พยาบาลยังบอกว่าในกระดาษแผน หมอบอกให้ไว้คือคนไข้รายนี้ต้องไปต่อที่ไอซีอยู่เค้ายังงงมากๆเลยว่าทำไมผ่าตัดเสร็จกลับมานอนพักฟื้นที่วอร์ดได้เลย
เติมเลือดไป6ลิตร (มีภาวะซีดหลังผ่า ในห้องผ่า4 และ เติมเพิ่มอีก2) กราบขอบพระคุณท่านเจ้าของเลือดทุกท่าน เลือดเข้ากับร่างกายได้ไม่แพ้เลย การบริจาคเลือดนับว่าได้บุญมากจริงๆ
.
ขณะนี้ต้องหัดเดินมากๆเพราะคุณหมอบอกว่ายังมีลมในท้องอยู่เยอะมาก ซึ่งจะทำให้เราปวดแผลภายในเนื่องจากมีลมในท้องเยอะ
.
วันที่ 27 วันอาทิตย์ก็จะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว กราบขอบพระคุณทีมแพทย์สูตินารี โรงพยาบาลจุฬา มีทีมแพทย์ที่เก่งมากๆ ที่ได้ช่วยเหลือชีวิตเราไว้ในครั้งนี้
ค่าใช้จ่ายประมาณ 70,000 บาท รวมใส่ซองแล้วซึ่งถ้าอยู่โรงพยาบาลเอกชนน่าจะหลายแสน
วันนี้14/01/58 ยังเจ็บแผลอยู่ โดนเฉพาะมุมแผลและมีน้ำคาวปลาอยู่บ้าง ปัสสาวะ ยังมีเสียวตรงหน้าท้องบ้าง อันนี้ ไม่แน่ใจว่าจะหายไปเองได้หรือไม่
.
เมื่อบาดแผลสมานหายเจ็บแล้วสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่เราเคยขอพรไว้ เราจะกลับไปปฏิบัติตามที่ได้ขอท่านไว้ค่ะ และยังจดจำความรู้สึกทุกอย่างได้ไม่มีลืมแน่นอนกับประสบการณ์ครั้งนี้และตั้งจิตอธิฐานว่าชีวิตที่เหลืออยู่นี้จะประกอบแต่คุณงามความดีเท่านั้น และหมั่นเร่ง ความเพียรในการปฎิบัติ ภาวนา เพราะในอนาคตเราก็ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเราอีก...ฉะนั้นเราจะไม่ประมาทและต้องเตรียมสติให้มั่นเพื่อที่จะรับมือกับทุกสิ่ง
ใครมีคำถามใดใดยินดีตอบทุกคำถามค่ะ
.
ท้ายสุดขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วทุกสากลโลก พระรัตนตรัย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ปกปักคุ้มครองทุกท่านให้มีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรงปลอดภัยทุกประการเทอญ
.
สวัสดีปีใหม่ 2559 ด้วยค่ะ
แชร์ประสบการณ์ รกฝังแน่น รกงอกติด รกเกาะต่ำ ปิดคลุมปากมดลูกทั้งหมด placenta accreta
ตอนที่1ก่อนผ่าคลอด
จะมาเล่า ว่าทำไมท้อง2 นี้ถึงมีความเสี่ยงสูง และใครจะคาดคิดมาก่อนว่าเกิดกับเรา เพราะไม่เคยทราบถึงข้อมูลพวกนี้มาก่อน เคสที่นานๆพบทีจากผู้ตั้งครรภ์หลายๆพันคน
ท้องสองนี้ แอดมินเป็นอุบัติการณ์ที่เรียกว่า รกเกาะต่ำคลุมด้านหน้าปิดทั้งหมดและเกาะหนา ควบคู่รกฝังแน่นฝังลึกจนสงสัยว่าไปฝังถึงกระเพาะปัสสาวะ และข้างเคียง
ในการผ่าตัดต้องใช้ทีมแพทย์ รวมถึงคุณหมอศัลยกรรมทางเดินปัสสาวะด้วย เพราะนอกจากต้องตัดมดลูกออกแล้ว ยังอาจจะต้องเย็บซ่อมกระเพาะปัสสะวะ และใส่สายเสียบ สวนปัสสาวะไปอีกนาน โดยเสี่ยงการติดเชื้อที่จะเกิดขึ้นอีก
สาเหตุ
ผ่าคลอดท้องแรกค่ะ รากรกจึงไปชอนไชที่แผลผ่าตัดเดิมจนฝังลึก แจ็กพอตจริงๆค่ะ (ในรายอื่นๆส่วนมาก รกจะขยับขึ้นเองเมื่ออายุครรภ์มากขึ้นอันนี้ตรงข้ามเลยค่ะ)
ฉะนั้นใครตัดสินใจผ่าคลอดก้อควรดูว่าสมควรแก่เหตุหรือไม่ เพราะท้องสอง ยิ่งอายุมาก ก็จะยิ่งเสี่ยงสูงมากเช่นกัน
แอดมิน ต้องย้ายจาก รพ.เอกชนแห่งนึง เพราะ เค้าแจ้งว่าต้องเสียเลือดมากและเลือดอาจไม่เพียงพอ จึงต้องย้ายไป รพ จุฬา ตอนท้องไป6เดือน ซึ่งคลินิกพิเศษที่นั่น ก็ไม่รับคุณแม่ที่มีอายุครรภ์เกิน 4เดือน เป็นเคสเสี่ยงสูงเค้าจึง แนะนำ ให้ฝากครรภ์ที่ ภปร ชั้น 8 คลินิกธรรมดา ซึ่งอาจจะจะเจอเป็น นศ แพทย์ ตรวจให้ หรือคุณหมอ แล้วแต่พยาบาลจะจัดสรรให้
แอดมินเจอ นศ แพทย์ ในครั้งแรก พอเล่าเคส จึงได้ไปอัลต้าซาว และ ให้ไปซาวละเอียดที่ตึก นวมินทร์ ในเดือนถัดไป จากนั้นก็ไปตามคุณหมอนัด ทุก 2 สัปดาห์ ทีมพยาบาล ที่นี่น่ารักค่ะ จะจัดกลุ่มให้ความรู้ คุณแม่ทุกครั้ง เผื่อใครอยากฝากท้องจุฬาถามได้นะคะ ที่สำคัญ คลินิกธรรมดา นี้ แทบไม่มีค่าบริการอะไรเลย นอกจากค่า เจาะเลือด ประมาณเกือบพัน ค่าซาว 400 ค่ายา 20-40บาท ส่วนพวกค่าหมอ ค่าฉีดยาบาดทะยัก ต่างๆ ฟรีหมดค่ะ
เพื่อความสบายใจ แม้จะฝากครรภ์กับ รร. แพทย์ แล้ว แอดมิน ได้พยายามหาข้อมูลให้ได้มากสุดเกี่ยวกับ อุบัติการณ์นี้ (Placenta Percreta and Placenta previa totail) จึงพบว่าไม่ธรรมดาเลย มีโอกาสตกเลือดจนเสียชีวิตสูงมาก จึงหาข้อมูลแพทย์ผู้ชำนาญการ จึงได้คุณหมอที่เชี่ยวชาญ หาทางเข้าพบท่าน ได้คุยท่านจนท่านเมตตารับเป็นคนไข้ฝากพิเศษให้
และ คุณหมอท่านได้นัดผ่าคลอดก่อนกำหนด 1 เดือน เพื่อความปลอดภัย ในวันอังคารที่ 22 ธ.ค.2558 นี้ (ช่างบังเอิญมากๆเป็นวันเกิดวันเดียวกับลูกคนโตเลย) ตั้งแต่ทราบ เรื่องนี้ตอนท้องได้ 6เดือน ช่วงแรกคิดมากร้องไห้บ่อยเพราะ เราเป็นคนร่างกายแข็งแรง พอใจเริ่มยอมรับ ก็ หมั่น ทำบุญ กุศล สวดมนต์ ฟังธรรม ทำสมาธิ เจริญสติ อธิษฐานจิต แผ่เมตตา ทุกวัน ....ธรรมมะโอสถช่วยได้จริงๆค่ะ
กาลครั้งนี้ ทำให้รู้ว่า อย่าได้ประมาทกับชีวิต คิดดี พูดดี ทำดี ทำประโยชน์ต่อผู้อื่น สร้างบุญ กุศล... ทาน ศีล ภาวนา เพราะเราไม่ทราบเลยว่าอะไรจะเกิดกับเราค่ะ
ตอนที่2 หลังผ่าคลอด
รกเกาะต่ำเกาะหนาปิดคลุมด้านหน้าทางปากช่องคลอดทั้งหมดและฝังลึกทะลุชั้นกล้ามเนื้อมดลูก
(Placenta previa totalis and Placenta Accreta)
ปาฏิหาริย์มีจริงค่ะสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงและเราคิดว่าได้เกิดขึ้นกับเราแล้ว
.
ผลบุญกุศลต่างๆที่เคยทำได้กลับมาเป็นเกราะคุ้มครองป้องกันเราและลูกให้ปลอดภัยจากหนักเป็นเบา
.
จากความกังวลกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตมานานหลายเดือนและได้เริ่มปฎิบัติธรรมอุทิศส่วนกุศลแผ่เมตตาตั้งจิตอธิษฐานต่างๆ
.
จากผลอัลต้าซาวน์ 7 ครั้ง โดยหมอ 12 คน และเข้าที่ประชุมมีอาจารย์หมอด้วยสรุปตรงกันว่ารากรก ทะลุจากชั้นกล้ามเนื้อ มดลูกลึกถึงกระเพาะปัสสาวะ เตรียมแพทย์ทางด้านทางเดินปัสสาวะไว้เรียบร้อย ในห้องผ่าตัด
.
ก่อนผ่ามีหมอวิสัญญีมาคุยให้สามีฟังว่าจะต้องใส่ท่อหายใจและต้องเป็นการดมยาเท่านั้นซึ่งผ่าเสร็จแล้วอาจจะต้องย้ายเข้าไอซียูอยู่ถึง 2-3 วันจะมีเอฟเฟคมากในการใส่ท่อช่วยหายใจ เพราะการเอารากรก ออกจากกระเพาะปัสสาวะจะใช้เวลานานและเสียเลือดเพิ่มขึ้นอีกและให้ญาติทำใจด้วยเพราะอาจจะเสียเลือดมากจนช็อคได้ และทางโรงพยาบาลได้ให้สามีเซ็นชื่อรับทราบหากเกิดอะไรขึ้น
.
เข้าไปในห้องผ่าตัด ตอน 12.30 รู้สึกตัวอีกทีตอน 17.30 ตอนดมยา หมอบอกว่า จะให้หลับแล้วนะนับ 1 ถึง 3 ใจเราตอนนั้นคิดแต่พระพุทธพระธรรมพระสงฆ์และจะแข็งแกร่งเพื่อลูกทั้งสองให้ได้ จากนั้นทุกอย่างก็มืดไป
.
พอฟื้นมาคุณหมอบอกว่าโชคดีมากๆรากรกอยู่ห่างจากกระเพาะปัสสาวะเพียงแค่ 1 ถึง 2 มิลลิเมตรเท่านั้น จึงทำให้การผ่าตัดครั้งนี้เอาลูกออกมาและตัดมดลูกออกไปเลยเพื่อป้องกันการตกเลือดในอนาคต เพราะรกเกาะแน่นอยู่กับกล้ามเนื้อมดลูกเลาะไม่ได้ต้องตัดทั้งหมด
.
ส่วนลูกคลอดก่อนกำหนด 1 เดือนที่น้ำหนัก 3000 กรัมพอดีและไม่มีภาวะตัวเหลืองหรือภาวะอะไรแทรกซ้อนเลย แข็งแรงนับว่าโชคดีที่สุดแล้ว
.
หลังจากฟื้นแล้วทุกขเวทนาเจ็บปวดทรมานที่สุดเพราะไม่ได้บล็อกหลังแผลจากการผ่าตัดสดๆใหม่ใหม่ทรมานมากมอร์ฟีนไม่ได้ช่วยอะไรเลย นอกจาก สายน้ำเกลือ สายให้เลือด2 เส้น สายสวนปัสสาวะแล้ว ยังมีสายสวนเลือดออกทางหน้าท้องอีก
.
มาถึงจุดนี้รู้เลยว่าการปฏิบัติธรรมของเรามันอ่อนมากๆเพราะไม่มีสติหรือสมาธิในการปฏิบัติแล้วมีแต่ความเจ็บปวดและอยากหายไวๆ ที่มือทั้งสองข้างเจาะหลังมือ ข้อมือ จนพรุนไปหมดข้างละ 2-3เข็มใหญ่ๆ คิดแต่ว่าอดทนเพื่อลูกเดี๋ยวมันก็ผ่านไป
.
คืนวันที่ 22/12/58 พยาบาลเข้ามาดูอาการทุกครึ่งชั่วโมงวัดความดันเช็คไข้ ต่างๆนาๆ จนถึงรุ่งเช้า เราจะพยายามขยับตัวเพราะเขาบอกว่าหลังผ่าคลอดภายใน 24 ชั่วโมงต้องมีการเคลื่อนไหวเพื่อให้ลำไส้ต่างๆได้กลับมาทำงานให้ปกติ
.
วันที่ 23 ช่วงเย็นพยาบาลเอาสายสวนปัสสาวะและเอาน้ำเกลือและที่เจาะให้เลือดออก แต่ยัง เสียบคาไว้ หลังมือกันฉุกเฉิน 1เข็ม และยังต้องใส่สายสวนเลือดออกจากทางหน้าท้องตลอดเวลาอีกเป็นเวลา 3 วัน หมอแนะนำให้ทานน้ำบ่อยบ่อยเพื่อเวลาปัสสาวะเองจะได้ไม่แสบขัดมาก และพยาบาลจะมาเช็คปริมาณปัสสาวะทุกครั้งในวันแรก
.
การตด การเรอ การปัสสาวะเองสำคัญมากๆมันคือสิ่งที่บ่งบอกว่าลำไส้เรายังทำงานอยู่ปกติดีไหม
เพราะเรางดน้ำงดอาหารเป็นเวลาทั้งหมด 24 ชั่วโมง (12 ชม.ก่อนและหลังคลอด) เมื่อได้จิบน้ำครั้งแรกความรู้สึกขมคอก็ดีขึ้นแต่อาการเสมหะและไอมันเริ่มมาและเจ็บในลำคอมากๆเป็นผลเนื่องจากการใส่ท่อช่วยหายใจนั่นเองแต่จะไอก็ทำได้ยาก ต้องคอยกดแผลไว้เพราะไอหรือกระแอมแต่ละทีเจ็บร้าวไปทั้งท้อง
.
วันนี้วันที่ 25 เป็นวันที่ 3 ของการผ่าตัดเมื่อช่วง 11:00น. คุณหมอมาเอาสายสวนเลือดทางหน้าท้องออกแล้ว (ตอนที่คุณหมอดึงสายสวนออกไม่ต้องมีคำบรรยายเลย) แต่ดีที่รู้สึกปวดแผลน้อยลงมาก
.
พยาบาลยังบอกว่าในกระดาษแผน หมอบอกให้ไว้คือคนไข้รายนี้ต้องไปต่อที่ไอซีอยู่เค้ายังงงมากๆเลยว่าทำไมผ่าตัดเสร็จกลับมานอนพักฟื้นที่วอร์ดได้เลย
เติมเลือดไป6ลิตร (มีภาวะซีดหลังผ่า ในห้องผ่า4 และ เติมเพิ่มอีก2) กราบขอบพระคุณท่านเจ้าของเลือดทุกท่าน เลือดเข้ากับร่างกายได้ไม่แพ้เลย การบริจาคเลือดนับว่าได้บุญมากจริงๆ
.
ขณะนี้ต้องหัดเดินมากๆเพราะคุณหมอบอกว่ายังมีลมในท้องอยู่เยอะมาก ซึ่งจะทำให้เราปวดแผลภายในเนื่องจากมีลมในท้องเยอะ
.
วันที่ 27 วันอาทิตย์ก็จะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว กราบขอบพระคุณทีมแพทย์สูตินารี โรงพยาบาลจุฬา มีทีมแพทย์ที่เก่งมากๆ ที่ได้ช่วยเหลือชีวิตเราไว้ในครั้งนี้
ค่าใช้จ่ายประมาณ 70,000 บาท รวมใส่ซองแล้วซึ่งถ้าอยู่โรงพยาบาลเอกชนน่าจะหลายแสน
วันนี้14/01/58 ยังเจ็บแผลอยู่ โดนเฉพาะมุมแผลและมีน้ำคาวปลาอยู่บ้าง ปัสสาวะ ยังมีเสียวตรงหน้าท้องบ้าง อันนี้ ไม่แน่ใจว่าจะหายไปเองได้หรือไม่
.
เมื่อบาดแผลสมานหายเจ็บแล้วสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่เราเคยขอพรไว้ เราจะกลับไปปฏิบัติตามที่ได้ขอท่านไว้ค่ะ และยังจดจำความรู้สึกทุกอย่างได้ไม่มีลืมแน่นอนกับประสบการณ์ครั้งนี้และตั้งจิตอธิฐานว่าชีวิตที่เหลืออยู่นี้จะประกอบแต่คุณงามความดีเท่านั้น และหมั่นเร่ง ความเพียรในการปฎิบัติ ภาวนา เพราะในอนาคตเราก็ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเราอีก...ฉะนั้นเราจะไม่ประมาทและต้องเตรียมสติให้มั่นเพื่อที่จะรับมือกับทุกสิ่ง
ใครมีคำถามใดใดยินดีตอบทุกคำถามค่ะ
.
ท้ายสุดขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วทุกสากลโลก พระรัตนตรัย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ปกปักคุ้มครองทุกท่านให้มีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรงปลอดภัยทุกประการเทอญ
.
สวัสดีปีใหม่ 2559 ด้วยค่ะ