
เราขอไม่เปิดหน้าจริง เลยขออนุญาตยืมตัวละครอันเป็นที่รักคือ โดเรม่อน มาใช้ในการทำครั้งนี้ โดยมี ไจแอนท์ ซูเนโอะ โนบิตะ เป็นตัวแทนเรา3 คน
แต่จริงอีกอย่างก็คือ.....
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เห็นหลายๆโพสที่ผ่านมาโดนแซะเรื่องโชว์รูปมากกว่าโชว์วิว 55555 และด้วยทริปนี้ ไปเที่ยวก็จะถ่ายวิวที่ติดตัวเองและเพื่อนซะส่วนใหญ่ ไม่ค่อยมีวิวหรือสถานที่เปล่าๆเลย ก็เลยทำให้เอาหัวตัวการ์ตูนมาติดดีกว่า ป้องกันดราม่าและโดนแซะ อิอิ ^^
หลังจากได้ รีวิวที่พักในโตเกียว ก็มีเพื่อนๆ อยากให้รีวิวทริปที่ไปมาด้วยยยยย มีเวลาพอดี ก็เลยจัดให้ตามคำขอเลยจ้าาาาาาาาา
ที่พักในนี้เลย.....
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://pantip.com/topic/34642435
การไปญี่ปุ่นรอบนี้ เป็นการไปครั้งที่ 2 และอยู่บริเวณ โตเกียวอีกเช่นเคย แต่รอบนี้จะมีออกนอกเมือง 2 วันจ้า
เราไป 7 วัน 6 คืน และได้ จองที่พักในโตเกียว 6 คืนยาวเลย
ไม่พูดมาก มาเริ่มวันแรกที่เดินทางไปถึงเลยดีกว่าา.......!!!!

ขึ้นเครื่อง ณ สนามบินสุววรณภูมิ บิน Japan airline เพราะเวลาดีมาก บิน 4 ทุ่มนิดๆ ถึง ฮาเนดะ 6 โมงเช้า และได้เที่ยวต่อเลยย
(ในความคิดคือ หวังว่าจะได้นอนบนเครื่อง และถึงเช้าเที่ยวต่อได้เลย แต่จริงๆคือแทบไม่ได้หลับ อาจไม่คุ้นที่ นอนก็ไม่หลับเพลียร่างมาก)

พอถึงสนามบิน เราก็เตรียมตัวเข้าโตเกียว แต่ด้วยห้องพักที่จอง สามารถ เช็คอินได้บ่าย 3 ทำให้ พวกเราต้องไปหาที่ฝากกระเป๋าลากอันใบใหญ่โต
เพราะแต่ละคนเตรียมชุดมาเยอะมาก นึกว่ามาอยู่เป็นเดือน 55555

โชคดีรุ่นพี่ที่ไปกับเราด้วย มีเพื่อนพักที่โตเกียว ก็เลยขออาศัยเอากระเป๋าไปฝากที่ห้องรุ่นพี่ก่อน (กราบขอบคุณพี่มากๆจ้าาา ^^)
หลังจากฝากกระเป๋า ก็ได้เวลาหาของกินแล้ว เพราะของกินบนเครื่อง Jas แทบไม่อิ่มเลยยยยยย ทำให้ตอนนี้หิวมาก
รุ่นพี่ที่ฝากกระเป๋า ก็เลยอาสาพาไปหาของกินแถวๆห้องของพี่เค้า มื้อแรกของเราเลยเป็นอาหารญี่ปุ่นจริงๆ

คือร้านนนนนนนนน......!!!! "Isomaru Suisan Ikebukuro"
เป็นร้านอาหารบรรยากาศญี่ปุ่นมากๆ เก๋ตรงเปิด 24 ชม มีปิ้งย่างทะเล มีข้าวหน้าต่างๆ เยอะมาก ราคาไม่แพงมากด้วย เริดเวอร์อ่า

ข้าวหน้าปลาแซลมอลสดมากกกกกกก ฟินมากกกก

รูปหน้าร้านไม่ได้ถ่ายมา ขอไปแอบเอาจากอากู๋มาให้ชมกันนะจ๊ะ (มั่วแต่หิวไม่ได้ถ่ายหน้าและบรรยากาศในร้านไว้)
ข้อดี : เปิด 24 ชม. มีอาหารให้เลือกมากมาย และราคาไม่แพงมาก
ข้อเสีย : ร้านอาจจะดูมีกลิ่น เพราะว่าสามารถดูดบุหรี่ในร้านได้ และด้วยเป็นร้านเปิด 24 ชม. ก็มีแอบมีเสียงดังเพราะว่ามีคนมากินดื่มจำนวนหนึ่ง
หลังจากกินกันเสร็จ ก็ได้เวลาเที่ยวแล้ววววว ที่แรกที่จะไปกันก็คือ.............

"สวนชินจูกุเงียวเอน (Shinjuku Gyoen)"
เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่สุดของกรุงโตเกียว ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟชินจูกุด้วย เดินนิดเดียวเอง
เราไปช่วงเดือนธันวาคมก็จะได้ชมใบไม้เปลี่ยนสีด้วย สีแดง สีเหลือง อร่ามเป็นสวนเลย สวยมาก
ข้อดี : ชอบที่กว้างขว้าง ถ้าคนเยอะก็ไม่แออัด อากาศสดชื่น และมีที่ให้ถ่ายรูปเยอะเลย
ข้อเสีย : มีค่าเข้าชม 200 เยน (แต่ถือว่าคุ้มกับบรรยากาศและความสวยงาม)
หลังจากดูเวลาก็บ่ายแล้ว เราควรจะย้ายไปเที่ยวที่อื่นบ้าง หลังจากเดินสวนนี้กันนานพอควรเพราะความกว้างใหญ่ของนาง
ที่ต่อไปก็คือ แลนด์มาร์กอันสำคัญของโตเกียว ใครมาเที่ยวแล้วไม่ได้มาที่นี้ก็ถือว่า............. ไม่ได้มาไง 5555 ไม่เห็นจะผิดตรงไหน

ที่พูดถึงก็คือ วัดเซนโซจิ (Sensō-ji Temple) หรือที่รู้จักกันในชื่อ วัดอาซากุสะ
คือการมาของ จขกท มาวัดนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้วก็ชินกับคนเยอะของวัด แต่เพื่อนๆที่มาด้วยเพิ่งมากัน นางเลยบอกว่า คนเยอะไปไหน
ที่วัดเค้ามีของแจกฟรีหรือเทศกาลอะไร ทำไมคนเยอะอะไรขนาดนี้ แต่ก็อย่างว่าละ เป็นแลนด์มาร์กจะให้คนน้อยเป็นป่าช้าได้ไงเนอะ 5555

อาจไม่ต้องอธิบายวัดนี้อะไรมาก เพราะคนรีวิวเยอะมากแล้ววววววเนอะ
ข้อดี : เดินทางมาง่ายใกล้สถานีรถไฟฟ้า ของกินของช็อปปิ้งเยอะ วัดก็สวยดี มีโคมไฟสีแดงเป็นสัญญาลักษ์ต้องมาถ่ายรูปด้วย
ข้อเสีย : อย่างเดียวเลยคือ คนเยอะมากกก เยอะเกินไปบ้าง 55555
หลังจากไหว้พระเสริมสิริมงคลกันแล้ว เราก็มาเดินต่อที่ข้างๆวัดกันเลยคือ.............

"ริมแม่น้ำสุเมดะ Sumida"
วิวตรงนี้ที่คนชอบมาถ่ายรูปก็คือ จะเห็น Tokyo Sky Tree และตึก Asahi ที่คนมาถ่ายรูปเยอะ เพราะว่า มีหลายคนเรียกตึกนี้ว่า ตึกอุนจิ หรือตึกขี้นั้นเอง
จริงๆแล้ว ตึก Asahi เค้าตั้งใจให้เหมือนแก้วเบียร์ แล้วที่บอกว่าเป็นอุนจิ จริงๆคือ เหมือนฟองเบียร์หยดลงมาอีกตึกนึงข้างๆ แต่น่าสงสารดันไปเหมือนอุนจิ โอยยยยยยย นี่เป็นตึกนี้คงเสียใจมาก ฉันคือฟองเบียร์ ไม่ใช่ขี้............!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ข้อดี : ใกล้กับวัดเซ็นโซจิ สามารถเดินเท้ามาได้เลย วิวสวย
ข้อเสีย : อาจไม่มี หรือแค่คนเยอะหน่อย ต้องหามุมดีๆ ถึงได้ภาพสวยๆไม่ติดคน
สำหรับวันแรก เราเที่ยวกันแค่นี้ก็เหนื่อยมากแล้ว เพราะว่า เมื่อคืนบนเครื่องก็ไม่ได้นอน แถมมาเที่ยวต่อเลย ปวดหัว ปวดขา ปวดเท้า ขอตัวกลับไปเอากระเป๋าที่ห้องรุ่นพี่ และกลับห้องพักที่จองไว้ หาอะไรทานแล้วขอพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้เที่ยวไหน ค่อยว่าใหม่ ^^
มาต่อกันวันที่ 2 เลยจ้า หลังจากนอนกันเต็มอิ่มแล้ว บอกก่อนว่าที่แรกที่เราจะไปเพราะใกล้กับห้องพัก
สามารถเดินไปได้ แค่ 600-700 เมตรเองใกล้มากจริงๆ
ที่พูดถึงก็คือ Tokyo Tower ถือเป็นแลนด์มาร์กของโตเกียวเช่นกัน

มาถึง ก็ถ่ายรูปเล่นกัน แต่ไม่ได้ขึ้นไปข้างบนนะจ๊ะ

แต่ข้างล่างของ Tokyo Tower มี Shop ของวันพีชอยู่ ถ้าใครชื่นชอบเรื่องนี้ รับรองว่ากรี๊ดดดแตกแน่ๆ
เพราะของเยอะมากๆ (แต่เรา3คนไม่อินกับเรื่องนี้เท่าไร ก็เลยเดินๆดูแล้วก็ออกมา 5555)
หลังจากเดินออกมาจาก Tokyo Tower เรามีวัดแนะนำใกล้ๆ กันเลย ไปอีกนิดเดียวเอง
เงียบสงบมาก ต่างจากวัด เซ็นโซจิ โดยสิ้นเชิง
ชื่อวัดโซโจจิ – Zojoji Temple

ที่วัดนี้เราถ่ายรูปวิวไว้น้อย กลัวจะไม่เห็นภาพ ก็เลยไปแคป3ภาพนี้จาก รายการที่พวกเราทำกัน มาให้ชมจ้า

เค้ามีผูกอะไรด้วยไม่รู้เยอะมาก ใครทราบบอกหน่อยน้า เห็นสวยดีอ่า

และวัดนี้มีรูปปั้นหินใส่ชุดแบบนี้เยอะมากกกกกกก มากแบบนับไม่ถ้วนอ่าาา ชอบที่มาแต่งชุดด้วย น่ารัก

มุมนี้จากข้างๆวัดจะมองเห็น Tokyo Tower ได้เลยจ้า

ที่วัดนี้มีเครื่องรางเยอะมาก หลายแบบ ช่วยเรื่องโน้นเรื่องนี้เยอะมาก ชอบอ่า เลยซื้อมา3ชิ้น
สีดำคือความโชคดี สีฟ้าคือ ขับรถเดินทางปลอดภัย
ข้อดี : เงียบสงบ วัดสวย มีเครื่องรางให้เลือกเยอะ เดินไม่ไกลจาก Tokyo Tower
ข้อเสีย : ไม่มีของกินของขายแบบวัดเซ็นโซจิ
หลังจากไหว้พระเสร็จแล้ว เราก็ขอตัวกลับห้องพัก เพื่อแต่งตัว เตรียมทำกิจกรรมที่..........
"คนมาเที่ยวญี่ปุ่นอยากทำ แต่ไม่ค่อยกล้าทำ" ลองท้ายดูสิคืออะไร..????
กิจกรรมนั้นก็คือ............
โอ๊ยยย พูดซะตื่นเต้นเหมือนตอนประกาศใครได้เป็น The Face เลย 5555
นั้นก็คือ การ Cosplay นั้นเองงงงงงง...!!!!!!
มาดูกันว่า เรา3คนจะแต่งเป็นตัวอะไรกันบ้างงงงง

มาแล้วววว หลายคนอาจจะรู้จัก หลายคนอาจไม่รู้จัก บางคนอาจรู้จักแค่ตัวเดียวว

มีภาพมาเทียบให้เห็นกันชัดๆไปเลย 5555 | แคมมี่ ชุนลี ซากุระ จาก สตรีทไฟท์เตอร์ |
เราก็ได้ทำการแต่งชุดนี้ไปเดินเล่นที่ ฮาราจุกุ คนเยอะมากกกกกก เราไปถึงก็เย็นๆเกือบค่ำแล้ว

ไจแอน์ก็ยังชอบแกล้งเพื่อนอยู่ดี 55555

โนบิตะคงเอาคืนบ้างงงง ที่โดน ซูเนโอแกล้งบ่อยๆ 555

เดินในซอย Takeshita เป็นถนนคนเดินแถวๆ สถานีรถไฟ ฮาราจุกุ ขอบอกเลยว่าคนไทยเยอะมาก
โดนขอถ่ายรูปไม่หยุด ทั้งไทย ทั้งเทศ ทั้งคนญี่ปุ่นเองด้วย พวกเราแทบไม่ได้ดูของกันเลย 5555

ไจแอน์ชอบแกล้งเพื่อนดีนัก โดนรุมเอาคืนเลยย 555
ข้อดี : กิจกรรมนี้สนุก ถ้าเราอินกับตัวละครด้วยจะสนุกมาก เรามีความสุขที่เห็นคนรอบข้างยิ้ม
ข้อเสีย : อากาศหนาวมาก แล้วชุดก็ไม่ปกปิดเท่าไร และอีกอย่างแทบไม่ได้ดูของเลย โดนขอถ่ายรูปซะเยอะ
หลังจากมืดแล้ว เราก็ไปต่อกันที่สถานีรถไฟ roppongi

roppongi hills illumination เป็นสถานที่มีแสงไฟสวยงามยามค่ำคืน เค้าจะจัดช่วง
ธค-มค เอาไว้ให้มาถ่ายรูป แสงสวยๆ อากาศหนาวๆ

แต่บางทีก็หนาวไป 4-6 องศาได้ตอนนั้น มีลมด้วย พวกเราเลยขอ ใส่เสื้อคลุมหน่อย ชุดคอสเพลยเอาไม่อยู่แล้ว หนาวเกินนนน

ถึงหนาวเราก็ยังอยากมีรูปสวยๆกับแสงไฟอันอลังการ ก็ต้องยอมต้องทน 555
ข้อดี : เดินชมฟรี ใกล้สถานีรถไฟ มีไฟเปลี่ยน2สี สวยงามดีจ้า
ข้อเสีย : ไม่ได้มีตลอดปี
ขอพักรีวิววันที่2ไว้แค่นี้ก่อนนะจ๊ะ เดี่ยววันที่ 3 จะมาใหม่จ้าา รอแปปน้า
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกัน ติชมแนะนำได้เลยน้าาา ^^
[CR] ไจแอนท์ ซูเนโอะ โนบิตะ แก๊งค์เพื่อนซี้โดเรม่อน ตะลอนเที่ยวญี่ปุ่น
เราขอไม่เปิดหน้าจริง เลยขออนุญาตยืมตัวละครอันเป็นที่รักคือ โดเรม่อน มาใช้ในการทำครั้งนี้ โดยมี ไจแอนท์ ซูเนโอะ โนบิตะ เป็นตัวแทนเรา3 คน
แต่จริงอีกอย่างก็คือ.....
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากได้ รีวิวที่พักในโตเกียว ก็มีเพื่อนๆ อยากให้รีวิวทริปที่ไปมาด้วยยยยย มีเวลาพอดี ก็เลยจัดให้ตามคำขอเลยจ้าาาาาาาาา
ที่พักในนี้เลย.....
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
การไปญี่ปุ่นรอบนี้ เป็นการไปครั้งที่ 2 และอยู่บริเวณ โตเกียวอีกเช่นเคย แต่รอบนี้จะมีออกนอกเมือง 2 วันจ้า
เราไป 7 วัน 6 คืน และได้ จองที่พักในโตเกียว 6 คืนยาวเลย
ไม่พูดมาก มาเริ่มวันแรกที่เดินทางไปถึงเลยดีกว่าา.......!!!!
ขึ้นเครื่อง ณ สนามบินสุววรณภูมิ บิน Japan airline เพราะเวลาดีมาก บิน 4 ทุ่มนิดๆ ถึง ฮาเนดะ 6 โมงเช้า และได้เที่ยวต่อเลยย
(ในความคิดคือ หวังว่าจะได้นอนบนเครื่อง และถึงเช้าเที่ยวต่อได้เลย แต่จริงๆคือแทบไม่ได้หลับ อาจไม่คุ้นที่ นอนก็ไม่หลับเพลียร่างมาก)
พอถึงสนามบิน เราก็เตรียมตัวเข้าโตเกียว แต่ด้วยห้องพักที่จอง สามารถ เช็คอินได้บ่าย 3 ทำให้ พวกเราต้องไปหาที่ฝากกระเป๋าลากอันใบใหญ่โต
เพราะแต่ละคนเตรียมชุดมาเยอะมาก นึกว่ามาอยู่เป็นเดือน 55555
โชคดีรุ่นพี่ที่ไปกับเราด้วย มีเพื่อนพักที่โตเกียว ก็เลยขออาศัยเอากระเป๋าไปฝากที่ห้องรุ่นพี่ก่อน (กราบขอบคุณพี่มากๆจ้าาา ^^)
หลังจากฝากกระเป๋า ก็ได้เวลาหาของกินแล้ว เพราะของกินบนเครื่อง Jas แทบไม่อิ่มเลยยยยยย ทำให้ตอนนี้หิวมาก
รุ่นพี่ที่ฝากกระเป๋า ก็เลยอาสาพาไปหาของกินแถวๆห้องของพี่เค้า มื้อแรกของเราเลยเป็นอาหารญี่ปุ่นจริงๆ
คือร้านนนนนนนนน......!!!! "Isomaru Suisan Ikebukuro"
เป็นร้านอาหารบรรยากาศญี่ปุ่นมากๆ เก๋ตรงเปิด 24 ชม มีปิ้งย่างทะเล มีข้าวหน้าต่างๆ เยอะมาก ราคาไม่แพงมากด้วย เริดเวอร์อ่า
ข้าวหน้าปลาแซลมอลสดมากกกกกกก ฟินมากกกก
รูปหน้าร้านไม่ได้ถ่ายมา ขอไปแอบเอาจากอากู๋มาให้ชมกันนะจ๊ะ (มั่วแต่หิวไม่ได้ถ่ายหน้าและบรรยากาศในร้านไว้)
ข้อดี : เปิด 24 ชม. มีอาหารให้เลือกมากมาย และราคาไม่แพงมาก
ข้อเสีย : ร้านอาจจะดูมีกลิ่น เพราะว่าสามารถดูดบุหรี่ในร้านได้ และด้วยเป็นร้านเปิด 24 ชม. ก็มีแอบมีเสียงดังเพราะว่ามีคนมากินดื่มจำนวนหนึ่ง
หลังจากกินกันเสร็จ ก็ได้เวลาเที่ยวแล้ววววว ที่แรกที่จะไปกันก็คือ.............
"สวนชินจูกุเงียวเอน (Shinjuku Gyoen)"
เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่สุดของกรุงโตเกียว ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟชินจูกุด้วย เดินนิดเดียวเอง
เราไปช่วงเดือนธันวาคมก็จะได้ชมใบไม้เปลี่ยนสีด้วย สีแดง สีเหลือง อร่ามเป็นสวนเลย สวยมาก
ข้อดี : ชอบที่กว้างขว้าง ถ้าคนเยอะก็ไม่แออัด อากาศสดชื่น และมีที่ให้ถ่ายรูปเยอะเลย
ข้อเสีย : มีค่าเข้าชม 200 เยน (แต่ถือว่าคุ้มกับบรรยากาศและความสวยงาม)
หลังจากดูเวลาก็บ่ายแล้ว เราควรจะย้ายไปเที่ยวที่อื่นบ้าง หลังจากเดินสวนนี้กันนานพอควรเพราะความกว้างใหญ่ของนาง
ที่ต่อไปก็คือ แลนด์มาร์กอันสำคัญของโตเกียว ใครมาเที่ยวแล้วไม่ได้มาที่นี้ก็ถือว่า............. ไม่ได้มาไง 5555 ไม่เห็นจะผิดตรงไหน
ที่พูดถึงก็คือ วัดเซนโซจิ (Sensō-ji Temple) หรือที่รู้จักกันในชื่อ วัดอาซากุสะ
คือการมาของ จขกท มาวัดนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้วก็ชินกับคนเยอะของวัด แต่เพื่อนๆที่มาด้วยเพิ่งมากัน นางเลยบอกว่า คนเยอะไปไหน
ที่วัดเค้ามีของแจกฟรีหรือเทศกาลอะไร ทำไมคนเยอะอะไรขนาดนี้ แต่ก็อย่างว่าละ เป็นแลนด์มาร์กจะให้คนน้อยเป็นป่าช้าได้ไงเนอะ 5555
อาจไม่ต้องอธิบายวัดนี้อะไรมาก เพราะคนรีวิวเยอะมากแล้ววววววเนอะ
ข้อดี : เดินทางมาง่ายใกล้สถานีรถไฟฟ้า ของกินของช็อปปิ้งเยอะ วัดก็สวยดี มีโคมไฟสีแดงเป็นสัญญาลักษ์ต้องมาถ่ายรูปด้วย
ข้อเสีย : อย่างเดียวเลยคือ คนเยอะมากกก เยอะเกินไปบ้าง 55555
หลังจากไหว้พระเสริมสิริมงคลกันแล้ว เราก็มาเดินต่อที่ข้างๆวัดกันเลยคือ.............
"ริมแม่น้ำสุเมดะ Sumida"
วิวตรงนี้ที่คนชอบมาถ่ายรูปก็คือ จะเห็น Tokyo Sky Tree และตึก Asahi ที่คนมาถ่ายรูปเยอะ เพราะว่า มีหลายคนเรียกตึกนี้ว่า ตึกอุนจิ หรือตึกขี้นั้นเอง
จริงๆแล้ว ตึก Asahi เค้าตั้งใจให้เหมือนแก้วเบียร์ แล้วที่บอกว่าเป็นอุนจิ จริงๆคือ เหมือนฟองเบียร์หยดลงมาอีกตึกนึงข้างๆ แต่น่าสงสารดันไปเหมือนอุนจิ โอยยยยยยย นี่เป็นตึกนี้คงเสียใจมาก ฉันคือฟองเบียร์ ไม่ใช่ขี้............!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ข้อดี : ใกล้กับวัดเซ็นโซจิ สามารถเดินเท้ามาได้เลย วิวสวย
ข้อเสีย : อาจไม่มี หรือแค่คนเยอะหน่อย ต้องหามุมดีๆ ถึงได้ภาพสวยๆไม่ติดคน
สำหรับวันแรก เราเที่ยวกันแค่นี้ก็เหนื่อยมากแล้ว เพราะว่า เมื่อคืนบนเครื่องก็ไม่ได้นอน แถมมาเที่ยวต่อเลย ปวดหัว ปวดขา ปวดเท้า ขอตัวกลับไปเอากระเป๋าที่ห้องรุ่นพี่ และกลับห้องพักที่จองไว้ หาอะไรทานแล้วขอพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้เที่ยวไหน ค่อยว่าใหม่ ^^
มาต่อกันวันที่ 2 เลยจ้า หลังจากนอนกันเต็มอิ่มแล้ว บอกก่อนว่าที่แรกที่เราจะไปเพราะใกล้กับห้องพัก
สามารถเดินไปได้ แค่ 600-700 เมตรเองใกล้มากจริงๆ
ที่พูดถึงก็คือ Tokyo Tower ถือเป็นแลนด์มาร์กของโตเกียวเช่นกัน
มาถึง ก็ถ่ายรูปเล่นกัน แต่ไม่ได้ขึ้นไปข้างบนนะจ๊ะ
แต่ข้างล่างของ Tokyo Tower มี Shop ของวันพีชอยู่ ถ้าใครชื่นชอบเรื่องนี้ รับรองว่ากรี๊ดดดแตกแน่ๆ
เพราะของเยอะมากๆ (แต่เรา3คนไม่อินกับเรื่องนี้เท่าไร ก็เลยเดินๆดูแล้วก็ออกมา 5555)
หลังจากเดินออกมาจาก Tokyo Tower เรามีวัดแนะนำใกล้ๆ กันเลย ไปอีกนิดเดียวเอง
เงียบสงบมาก ต่างจากวัด เซ็นโซจิ โดยสิ้นเชิง
ชื่อวัดโซโจจิ – Zojoji Temple
ที่วัดนี้เราถ่ายรูปวิวไว้น้อย กลัวจะไม่เห็นภาพ ก็เลยไปแคป3ภาพนี้จาก รายการที่พวกเราทำกัน มาให้ชมจ้า
เค้ามีผูกอะไรด้วยไม่รู้เยอะมาก ใครทราบบอกหน่อยน้า เห็นสวยดีอ่า
และวัดนี้มีรูปปั้นหินใส่ชุดแบบนี้เยอะมากกกกกกก มากแบบนับไม่ถ้วนอ่าาา ชอบที่มาแต่งชุดด้วย น่ารัก
มุมนี้จากข้างๆวัดจะมองเห็น Tokyo Tower ได้เลยจ้า
ที่วัดนี้มีเครื่องรางเยอะมาก หลายแบบ ช่วยเรื่องโน้นเรื่องนี้เยอะมาก ชอบอ่า เลยซื้อมา3ชิ้น
สีดำคือความโชคดี สีฟ้าคือ ขับรถเดินทางปลอดภัย
ข้อดี : เงียบสงบ วัดสวย มีเครื่องรางให้เลือกเยอะ เดินไม่ไกลจาก Tokyo Tower
ข้อเสีย : ไม่มีของกินของขายแบบวัดเซ็นโซจิ
หลังจากไหว้พระเสร็จแล้ว เราก็ขอตัวกลับห้องพัก เพื่อแต่งตัว เตรียมทำกิจกรรมที่..........
"คนมาเที่ยวญี่ปุ่นอยากทำ แต่ไม่ค่อยกล้าทำ" ลองท้ายดูสิคืออะไร..????
กิจกรรมนั้นก็คือ............
โอ๊ยยย พูดซะตื่นเต้นเหมือนตอนประกาศใครได้เป็น The Face เลย 5555
นั้นก็คือ การ Cosplay นั้นเองงงงงงง...!!!!!!
มาดูกันว่า เรา3คนจะแต่งเป็นตัวอะไรกันบ้างงงงง
มาแล้วววว หลายคนอาจจะรู้จัก หลายคนอาจไม่รู้จัก บางคนอาจรู้จักแค่ตัวเดียวว
มีภาพมาเทียบให้เห็นกันชัดๆไปเลย 5555 | แคมมี่ ชุนลี ซากุระ จาก สตรีทไฟท์เตอร์ |
เราก็ได้ทำการแต่งชุดนี้ไปเดินเล่นที่ ฮาราจุกุ คนเยอะมากกกกกก เราไปถึงก็เย็นๆเกือบค่ำแล้ว
ไจแอน์ก็ยังชอบแกล้งเพื่อนอยู่ดี 55555
โนบิตะคงเอาคืนบ้างงงง ที่โดน ซูเนโอแกล้งบ่อยๆ 555
เดินในซอย Takeshita เป็นถนนคนเดินแถวๆ สถานีรถไฟ ฮาราจุกุ ขอบอกเลยว่าคนไทยเยอะมาก
โดนขอถ่ายรูปไม่หยุด ทั้งไทย ทั้งเทศ ทั้งคนญี่ปุ่นเองด้วย พวกเราแทบไม่ได้ดูของกันเลย 5555
ไจแอน์ชอบแกล้งเพื่อนดีนัก โดนรุมเอาคืนเลยย 555
ข้อดี : กิจกรรมนี้สนุก ถ้าเราอินกับตัวละครด้วยจะสนุกมาก เรามีความสุขที่เห็นคนรอบข้างยิ้ม
ข้อเสีย : อากาศหนาวมาก แล้วชุดก็ไม่ปกปิดเท่าไร และอีกอย่างแทบไม่ได้ดูของเลย โดนขอถ่ายรูปซะเยอะ
หลังจากมืดแล้ว เราก็ไปต่อกันที่สถานีรถไฟ roppongi
roppongi hills illumination เป็นสถานที่มีแสงไฟสวยงามยามค่ำคืน เค้าจะจัดช่วง
ธค-มค เอาไว้ให้มาถ่ายรูป แสงสวยๆ อากาศหนาวๆ
แต่บางทีก็หนาวไป 4-6 องศาได้ตอนนั้น มีลมด้วย พวกเราเลยขอ ใส่เสื้อคลุมหน่อย ชุดคอสเพลยเอาไม่อยู่แล้ว หนาวเกินนนน
ถึงหนาวเราก็ยังอยากมีรูปสวยๆกับแสงไฟอันอลังการ ก็ต้องยอมต้องทน 555
ข้อดี : เดินชมฟรี ใกล้สถานีรถไฟ มีไฟเปลี่ยน2สี สวยงามดีจ้า
ข้อเสีย : ไม่ได้มีตลอดปี
ขอพักรีวิววันที่2ไว้แค่นี้ก่อนนะจ๊ะ เดี่ยววันที่ 3 จะมาใหม่จ้าา รอแปปน้า
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกัน ติชมแนะนำได้เลยน้าาา ^^