{Dimension dying} "ศึกมิติมรณะ" (บทนำ)

กระทู้สนทนา
บทนำ



เมื่อครั้งอดีตกาลก่อนที่โลกจะถือกำเนิด ท่ามกลางจักรวาลที่แสนมืดมิด ร่างของผู้ควบคุมสรรพสิ่งสองร่างได้ยืนคุยกันในบรรยากาศที่เคว้งคว้าง หนึ่งคือพระเจ้าที่ควบคุมพลังแห่งแสงสว่าง นาม ดิอ้อน สองคือจอมปีศาจที่มีพลังแห่งความมืด นาม นูก้า ทั้งคู่เป็นดั่งมิตรสหายที่ดีต่อกันมาโดยตลอด หากแต่พระเจ้ากลับรู้สึกโดดเดี่ยวและเบื่อหน่ายกับความเงียบเหงาที่มีอยู่ จึงมีความคิดต้องการที่จะสร้างดวงดาวเพื่อให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตต่างๆขึ้นมา แต่ทว่าพลังแห่งแสงที่ตนมีนั้นกลับไม่เพียงพอที่จะสร้างดวงดาวอย่างที่ตนต้องการได้ เพราะการให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตจะต้องประสานพลังสองส่วน คือ แสงสว่าง และ ความมืด

“นี่นูก้า ข้าอยากจะสร้างดาวเป็นของตัวเองน่ะ”  ดิอ้อนเอ่ยปากบ่นพลางชี้ไปยังจุดที่หมายจะสร้าง

“น่าสนุกดีนี่ เจ้าก็สร้างสิ” นูก้าตอบกลับด้วยท่าทางนึกสนุก

“พลังของข้ามันไม่พอ การให้กำเนิดดวงดาวมันใช้เพียงพลังแห่งแสงไม่ได้ ข้าจึงมาขอพลังเจ้าเพื่อสร้างดาวของเรา เมื่อดาวที่เราสร้างถือกำเนิดขึ้น เราก็แยกมันออกเป็น 2 ดวง ของเจ้าหนึ่ง ของข้าอีกหนึ่ง และต่างคนก็ต่างไปดูแลดาวของตัวเอง เจ้าคิดว่าเช่นไร?” ดิอ้อนเอ่ยพร้อมกับจ้องหน้าคู่สนทนาอย่างใคร่รู้ นูก้าเหยียดยิ้มเล็กๆ

“น่าสนุกดี  ไม่มีปัญหา ข้าตกลง”  

เมื่อนูก้าตกลง ทั้งสองจึงช่วยกันลงมือสร้างดวงดาวที่ตนปรารถนา พลังแห่งแสงถูกส่งออกมารวมกับพลังแห่งความมืดที่ก่อตัวเกาะกลุ่มกันอยู่เมื่อก่อนหน้า แสงสว่างและความมืดกลืนกินกันจนกลายเป็นหนึ่งเดียว และแล้ว... ดวงดาวขนาดใหญ่ที่ทั้งคู่ร่วมกันสร้างก็ถือกำเนิดขึ้นมา ดิอ้อนและนูก้ายกยิ้มอย่างภาคภูมิใจก่อนจะลงมือขั้นต่อไป นั่นก็คือการแบ่งดวงดาวออกเป็น 2 ดวง เพื่อแบ่งกันปกครอง มนุษย์ สรรพสัตว์และเหล่าพืชพรรณต่างๆได้ถูกสร้างขึ้นบนดวงดาวที่ทั้งคู่ปกครอง เพียงแต่รูปร่างและลักษณะจะต่างกันตามที่ผู้สร้างต้องการ หลังจากนั้นไม่นานนัก ดิอ้อนและนูก้าก็ให้กำเนิดลูกหลานของฝ่ายตนสืบต่อมา แต่เมื่อมีครบทุกอย่างแล้ว ความซ้ำซากจึงบังเกิดขึ้น จอมปีศาจอย่างนูก้ารู้สึกเบื่อหน่ายกับการมองดูวิถีชีวิตเดิมๆของสิ่งมีชีวิตบนดาวของตนเอง จึงมีความคิดแผลงๆทำในสิ่งที่โหดร้ายและทารุณ เขาได้กลั่นแกล้ง เข่นฆ่า ทำลายความสงบสุขของดวงดาวที่ตนเองสร้างมาด้วยความสนุกสนาน ข่าวนี้หลุดไปเข้าหูของพระเจ้าผู้ร่วมสร้าง ดิอ้อนจึงรีบเดินทางมาเพื่อห้าม

นูก้า แต่หาได้สำเร็จไม่ นูก้าไม่หยุดสร้างความหวาดผวาให้แก่เหล่าสรรพสิ่งบนดวงดาวที่ตนปกครองตามคำทัดทานของดิอ้อนผู้เป็นเพื่อน ซ้ำร้าย... เขายังบอกกับดิอ้อนด้วยท่าทีที่สนุกสนานไร้ซึ่งความรู้สึกผิดบาปว่า

“ก็นี่เป็นดาวของข้า ข้าสร้างมันขึ้นมา ข้าจะทำอย่างไรก็ได้ ยังไงซะเจ้าพวกมนุษย์ผู้ต้อยต่ำนั่นก็ไม่มีค่าสำหรับพวกเราอยู่แล้ว ข้าต้องการดาวในแบบของข้า ดาวที่สิ้นหวัง เหมือนนรกทั้งเป็น ฮ่าๆ” สิ่งที่นูก้าเอ่ย ทำให้ดิอ้อนนิ่งเงียบไปสักพัก

(ก็จริงเราไม่มีสิทธิ์อะไรเลย) ดิอ้อนบ่นพึมพำในใจก่อนจะกลับไปที่ดาวของตัวเองด้วยความสิ้นหวังที่ไม่อาจช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตน้อยๆของดาวดวงนั้นได้ หลังจากที่ดิอ้อนเดินทางกลับ นูก้าก็เดินหน้าทำลายล้างดาวของตัวเองจนพังพินาศ สรรพสิ่งต่างตกอยู่ภายใต้ความสิ้นหวังดั่งที่เขาต้องการ แต่ทว่านูก้านั้นกลับยังไม่พอใจเพียงแค่นี้ เขาคิดว่าสิ่งที่ตนมีมันยังไม่เพียงพอ เขาหวังคิดที่แย่งดาวของดิอ้อนมารวมเป็นหนึ่งกับดาวของตนเพื่อยึดมาปกครองเองทั้งหมด สิ้นความคิดนั้นนูก้าก็เดินทางไปยังดาวของดิอ้อนทันที เขาลงมือทำลายดาวของดิอ้อนด้วยความสนุก พลังแห่งความมืดกลืนกินและทำลายพื้นที่ไปเป็นบริเวณกว้าง สิ่งมีชีวิตหลายสิ่งต่างวิ่งหนีเอาชีวิตรอดด้วยความตื่นกลัวและไม่เข้าใจ

“นี่เจ้าทำอะไร!!!!!!!!” ดิอ้อนที่ตามมาได้เอ่ยถามขึ้นเสียงดัง

“หึ ช่วยลดจำนวนสิ่งไร้ประโยชน์ให้เจ้าไง” จอมปีศาจตอบก่อนจะเมินสายตาหนีจากดิอ้อน ก้อนพลังสีดำทมิฬที่น่ารังเกียจถูกส่งไปทำลายความสงบสุขอย่างต่อเนื่อง

ดิอ้อนยืนนิ่งมองดูเหล่าผู้คน สรรพสัตว์ และพืชพรรณถูกทำลายมอดไหม้เป็นบริเวณกว้างด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความสับสน ก่อนจะได้สติและตัดสินใจเข้ามาห้ามเพื่อนที่ส่งเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนาน แต่กลับถูกผู้ที่คิดว่าเป็นเพื่อนทำร้ายเอาอย่างคาดไม่ถึง นูก้าใช้พลังแห่งความมืดอัดไปที่ร่างของดิอ้อนอย่างแรง จนร่างของเขาปลิวไปกระแทกเข้ากับภูเขาไฟ เป็นเหตุให้แม็กมาข้างในเกิดการปะทุและพุ่งทะลักออกมาสร้างความเสียหายเพิ่มเติม ลาวาร้อนระอุไหลลงมาจากปล่องภูเขาไฟเข้าทำลายพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง ทั้งผู้คนและสัตว์น้อยใหญ่ต่างตกอยู่ในความสิ้นหวัง ดิอ้อนมองภาพเหล่านั้นด้วยความรู้สึกเสียใจและผิดหวังในตัวเพื่อนรัก เขาตัดสินใจใช้กำลังเข้ามาห้าม สองเผ่าพันธุ์ที่เคยอยู่ด้วยกันอย่างสันติและรักใคร่ บัดนี้กลับต่อสู้กันจนทั่วทั้งจักวาลต้องสั่นสะเทือน และในที่สุดดิอ้อนก็สามารถปลิดชีวิตนูก้าลงได้...

วันเวลาผ่านไปเมื่อลูกชายของจอมปีศาจนูก้านามว่า บาร์นาบี้ ได้เติบโตขึ้น เขาก็ได้ขึ้นปกครองดวงดาวนั้นแทนผู้เป็นพ่อ จอมปีศาจคนใหม่นั้นมีนิสัยที่ต่างจากผู้เป็นพ่ออย่างสิ้นเชิง ทั้งรักสันติและรักความสงบ ทั้งสองเผ่าพันธุ์จึงได้ทำพันธะสัญญาตกลงสงบศึกกัน ดาวทั้งสองจึงปลอดภัยและกลับมาอยู่อย่างสงบสุขเช่นเดิม แต่ขึ้นชื่อว่าปีศาจ มีดีก็ต้องมีร้าย ดิอ้อนรู้สึกหวั่นๆกับสายเลือดของปีศาจ เกรงว่าสักวันจะเป็นแบบผู้เป็นจอมปีศาจในอดีต และถึงแม้ตนจะเป็นพระเจ้า แต่ไม่ว่าพระเจ้าหรือจอมมารร่างกายและพลังก็มีอายุไข มันก็เสื่อมถอยไปตามกาลเวลา ดิอ้อนทราบดีว่าหากวันเวลาเช่นนั้นมาถึงคงเกิดผลกระทบถึงโลกของตนเองเป็นแน่ จึงได้ใช้พลังย้ายดาวของตัวเองไปในอีกมิติจนเกิดมิติคู่ขนานของดาวทั้งสองดวงที่ในปัจจุบันถูกเรียกว่าโลก เขาได้ตกลงกับ บาร์นาบี้ ว่าให้เหล่าลูกหลานและเทพทั้งหมดมาดูแลที่ดาวของปีศาจและยึดหลักที่นี่เพื่อคอยจับตาดูปีศาจและปกป้องมนุษย์ในดาวดวงนี้ ซึ่ง บาร์นาบี้ ก็ยอมตกลงรับด้วยความยินดี

แต่สิ่งที่ดิอ้อนกลัวก็เกิดขึ้นดั่งที่คิดไว้ กลุ่มปีศาจบางกลุ่มได้ก่อกบฏลอบสังหารราชาปีศาจ…บาร์นาบี้ ผู้รักความสงบและเหล่าเชื้อพระวงศ์จนสิ้น และปีศาจตนนั้นก็ได้ยึดอาณาจักรที่เป็นที่ตั้งของพระราชวังได้สำเร็จ และเริ่มสร้างความเดือดร้อนไปทั่วสารทิศ กบฏผู้ถือว่าตนเป็นจอมปีศาจคนใหม่เดินหน้าบุกยึดเมืองต่างๆและนำพาหายนะมาสู่ดวงดาวแห่งนั้นอีกครั้ง เมื่อดิอ้อนทราบเรื่องจึงได้นำเหล่าเทพไปเพื่อช่วยเหลือเหล่าสิ่งมีชีวิตที่แสนอ่อนแอและไม่อาจต่อกรกับเหล่าปีศาจได้ในทันที แต่ทว่าตัวของดิอ้อนนั้นกลับแก่ลงจากเดิมมาก พลังจึงเสื่อมลงตามอายุไขทำให้มีไม่มากเท่าเมื่อก่อน ทำให้ฝั่งพระเจ้าและเหล่าเทพพ่ายแพ้ให้แก่ปีศาจ ดิอ้อนมองภาพตรงหน้าที่มีเหล่าทหารอันเป็นที่รักนอนจมกองเลือดด้วยหัวใจที่อ่อนล้า ก่อนจะตัดสินใจใช้พลังเฮือกสุดท้ายที่มีผนึกเหล่าปีศาจร้ายไว้และได้สิ้นใจไป

หลังจากดิอ้อนเสียชีวิตได้ไม่กี่ปี ผนึกก็คลายลงอย่างที่ได้คาดการณ์ไว้ เหล่ากองทัพปีศาจที่ชั่วร้ายได้หลุดออกมาและหวังที่จะแก้แค้นและยึดครองดาวทั้งคู่ให้มาเป็นของตน เหล่าทวยเทพรับรู้ถึงลางร้ายจึงได้นำทัพมาต่อต้าน ทั้งสองจึงเกิดการต่อสู้เหมือนกับในอดีต และฝ่ายเทพก็เสียเปรียบเหล่าปีศาจ พวกเทพทำได้เพียงแค่ต้านพวกมันไว้เรื่อยๆ เพื่อไม่ให้มันบุกมายึดเมืองที่ตนรับหน้าที่ปกป้องได้เท่านั้นเอง แต่ท้ายที่สุดก็พ่ายแพ้และเสียเมืองให้แก่เหล่าปีศาจไปอย่างไม่อาจต้านทาน แต่ละเมืองค่อยๆโดนปีศาจยึดและทำลายล้างจนพังพินาศไม่เหลือแม้แต่เค้าโครงของเมือง ภาพที่ปรากฏไม่ต่างอะไรจากนรกบนดิน เพลิงไหม้ที่ลุกโหมกระหน่ำ ซากปรักหักพังของบ้านเรือน ซากศพที่นอนเกลื่อนเต็มพื้น และผู้รอดชีวิตที่ร้องโอดครวญอย่างน่าเวทนาด้วยร่างกายที่ไม่สมบูรณ์เช่นเดิม กองทัพปีศาจเคลื่อนตัวบุกเมืองต่างๆไปเรื่อยๆจนมาถึงเมืองที่รักษาและผนึกประตูข้ามมิติ อาร์มันโด้จอมปีศาจคนใหม่ผู้นำแห่งกฏบจึงได้สั่งการลูกน้องให้บุกยึดเมืองแห่งนี้และไปยึดดาวอีกดวง ทันทีที่ปีศาจบุกเข้าโจมตีเหล่าเทพก็ต้านทานอย่างสุดความสามารถ ทว่าเหล่าเทพนั้นค่อนข้างเสียเปรียบในด้านของจำนวนและพละกำลังแต่ก็ยังพอสามารถที่จะต้านทานกองทัพของปีศาจไว้ได้ แต่ในท้ายที่สุด... เหล่าทวยเทพก็ได้พ่ายไปและต้องสังเวยด้วยชีวิตที่ไม่อาจหวนคืน ทหารปีศาจที่เหลืออยู่เมื่อกำจัดเหล่าเทพได้สิ้นแล้วก็เปิดประตูแห่งมิติกาลและก้าวข้ามไปยังอีกฟากด้วยความกระหายเลือด...

ทางด้านกองทัพใหญ่ของปีศาจ หลังจากที่ส่งทหารปีศาจไปทำลายยึดครองเมืองที่รักษาประตูเชื่อมมิติมันก็หลายวันแล้ว แต่กลับไม่มีใครกลับมาเลยสักตน อาร์มันโด้จึงได้สั่งกองทัพปีศาจที่มีอยู่เดินทางไปที่เมืองนั้นเพื่อจะบุกรอบต่อไปโดยครั้งนี้จอมปีศาจอาร์มันโด้จะนำทัพไปด้วยตนเอง ใช้เวลาเพียงไม่นาน กองทัพใหม่ของเหล่าเผ่าพันธุ์ปีศาจก็เดินทางมาถึง ทางฝ่ายของเทพเอง กองทัพเสริมก็มาถึงในช่วงเวลาเดียวกัน การต่อสู้ที่แสนดุเดือดจึงเกิดขึ้นอีกครั้ง ปีศาจและเทพพุ่งเข้าปะทะกันด้วยกำลังทั้งหมดที่มีอยู่ ความรุนแรงจากพลังเวทย์ทำให้บางส่วนของภูเขาลูกใหญ่ขาดหายไป แผ่นดินเกิดการสะเทือนจนเกิดรอยแยก ท้องนภาที่ร้องกร้าวด้วยความพิโรธ สงครามที่รุนแรงและดุดันนี้ยังคงเพิ่มความเสียหายให้กับเมืองอย่างต่อเนื่อง ชีวิตหลายชีวิตของทั้งฝั่งปีศาจและเทพได้สูญสลายไปจากการต่อสู้ที่แสนยืดเยื้อนี้ ฝ่ายแม่ทัพของฝั่งเทพได้มองดูเหตุการณ์ตรงหน้าได้คิดไตร่ตรองดูถึงผลลัพธ์ที่น่าจะเกิดขึ้นในไม่ช้าจากจำนวนทหารและพลังที่เหลืออยู่ สิ่งที่เขาเห็นทำให้เขาคิดได้แล้วว่า ณ ที่นี้ฝ่ายเทพอาจต้องพ่ายแพ้ไป เมืองนี้อาจถูกทำลายลง หากแต่จะไม่มีทางที่จะยอมปล่อยให้พวกปีศาจรอดผ่านไปยังอีกฟากของมิติเป็นแน่ เร็วเท่าความคิดเทพองค์นั้นได้ขว้างหอกสายฟ้าที่เป็นอาวุธของตนไปที่ประตูมิติอย่างแรง หอกสายฟ้าเสียบคาค้างที่ประตูแห่งมิติก่อนจะค่อยๆร่วงลงสู่พื้นพร้อมกับรอยร้าวที่เริ่มแตกกระจายไปทั่วประตูนั้น

“เฮ้ย!”

“กริ๊ด!”

“เกิดอะไรขึ้น!!!”

“ฉันเวียนหัว!!”

“มิติแปรปรวนงั้นเหรอ?!?”

“พวกเราจะเป็นอะไรมั้ย!”

เสียงร้องแตกตื่นของคนจำนวนมากดังมาจากอีกฟากของมิติก่อนจะเงียบไปเมื่อประตูเชื่อมมิตินั้นแตกสลายลง ภาพของประตูมิติที่บัดนี้กลายเป็นเพียงซากไม้ไร้ประโยชน์ทำให้จอมปีศาจโกรธมาก จอมปีศาจตวัดสายตามองเหล่าทวยเทพทั้งหลายที่สภาพร่อแร่อย่างดุดันก่อนจะสังหารทิ้งอย่างไร้ความปราณี แต่ความโกรธเกรี้ยวภายในใจหาได้ลดลงไม่  

“ทำลาย...ทุกอย่างให้หมด!!!” จอมปีศาจตวาดกร้าวไปทั่วกองทัพ ออกคำสั่งให้ไปทำลายเมืองต่างๆให้ราบเป็นหน้ากองด้วยอารมณ์ที่พุ่งสูงอย่างไม่อาจห้าม กองพลแห่งความมืดค่อยๆคืบคลานแผ่ขยายเดินทางไปสร้างความพินาศให้กับเมืองต่างๆตามคำสั่งของจอมปีศาจผู้เป็นผู้นำสูงสุด การต่อสู้ที่ระหว่างสองเผ่าพันธุ์จึงทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ผลลัพธ์สุดท้ายก็คงมีเพียงแค่... หายนะ...


...........................................................



สวัสดีครับ ผมนามปากกาวันซีโร่ครับ เป็นนักแต่งนิยายมือใหม่ อาจมีผิดพลาดไปบ้างก็ต้องขอโทษด้วยนะรับ ติชม คอมเม้นกันได้นะครับ พลาดตรงไหน จุดไหนผมจะได้นำไปปรับปรุงให้ดีขึ้น เป็นครั้งแรกที่เอานิยายมาลงในถนนนักเขียนครับ ยังไงก็ฝากตัวกับคนอ่านและรุ่นพี่นักแต่งด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
#.OneZero
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่