[CR] จัดอันดับ 10 มหาวิทยาลัยเอกชนที่ดีที่สุดในประเทศไทยปี 2015

แก้ไขชื่อหัวข้อ นิดนึงนะคะ เนื่องจากมีการใช้คำผิดไป
"10 อันดับมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีการสืบค้นข้อมูลมากที่สุด "

สวัสดีเพื่อนๆชาว Pantip ทุกคนนะคะ ปกติแอนจะเขียนแต่กระทู้รีวิวเรื่องความงาม
แต่วันนี้ขอเข้าโหมดทางการ แอบห่วงใยเยาวชนเล็กน้อย  ^-^ ด้วยว่าเมื่อสองวันก่อน ในขณะที่นั่งรถไฟฟ้า
อยู่บริเวณทางลงสถานีสยาม ก็ได้ยินน้องๆ พูดคุยกันถึงเรื่องคณะในฝัน และแผนในอนาคตของชีวิตในมหาวิทยาลัย
กันอย่างเมามัน จู่ๆ ก็มีน้องคนนึงในกลุ่มพูดขึ้นมาว่า ถ้าเอนทรานซ์ไม่ติดละจะเอายังไงกับชีวิตต่อไปดี จะเรียนที่ไหน
แล้วแต่ละที่มันดียังไง พร้อมเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ นั่นสินะ ! ฟังละแบบฉุกคิดขึ้นมาแทน แต่อยากจะบอกกับ
น้องๆทุกคนว่า อย่ากังวล ขอแค่เราทำมันให้เต็มที่เป็นพอ เครื่องหมายความสำเร็จของชีวิตไม่ได้วัดกันว่าปริญญาที่ได้รับ
มันมาจากมหาวิทยาลัยรัฐบาลชื่อดังหรือเปล่า   ดังนั้นวันนี้แอนจึงหยิบเอาสาระดีดีที่น่าจะเป็นประโยชน์มาฝากน้องๆในวัยเรียน
รวมถึงพี่ๆหรือผู้ปกครองที่ต้องช่วยเหลือน้องๆในการตัดสินใจว่า เมื่อจะก้าวผ่านชีวิตมัธยมออกมา เราจะเดินหน้าต่อไป
ทางไหนดี ชีวิตที่ไม่ประมาทเมื่อมีแผนหนึ่ง เราต้องเตรียมแผนสองสำรองไว้เสมอนะคะ เตรียมตัวกันตั้งแต่เนิ่นๆเป็นดีที่สุดค่ะ

         ดังนั้นวันนี้แอนจะนำเอาผลสำรวจ "10 อันดับมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีการสืบค้นข้อมูลมากที่สุด จากองค์กรที่จัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก Webometrics" มาให้ได้ชมกัน ว่าจะมีมหาวิทยาลัยใดบ้างที่จะสามารถเข้าไปนั่งอยู่ในใจของทุกๆคนนับจากนี้นะคะ ตามมาดูกันเลย...

         จากการสำรวจ ติดตามและวัดผล ล่าสุดwebometrics สถาบันจัดอันดับชื่อดังที่รู้จักกันเป็นอย่างดีจากประเทศสเปน
ได้มีการประกาศผลถึงลำดับมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีการสืบค้นข้อมูลมากที่สุด จากองค์กรที่จัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก Webometrics"ประจำปี 2015 ซึ่งก็มีชื่อของมหาวิทยาลัยในไทยติดอันดับอยู่ด้วย ไปชมกันดีกว่าว่าในปีนี้ 10 อันดับแรก ของมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดจะเป็นมหาวิทยาลัยใดบ้าง ส่วนแชมป์เก่าจะยังคง รักษามาตรฐานและครองตำแหน่งเดิมไว้ได้หรือไม่ ก่อนอื่นเราไปชมเกณฑ์การประเมินของ webometrics กันก่อนดีกว่าค่ะ...

เกณฑ์การประเมินของ webometrics มีดังนี้

1. PRESENCE (15%) = เนื้อหาการตีพิมพ์, จำนวนเว็บเพจภายใต้โดเมน จากเว็บไซต์ทั้งหมด
รวมทั้งเว็บแบบไดนามิก (วัดด้วย Google)

2. OPENNESS (15%) = จำนวนไฟล์เอกสาร แฟ้มข้อมูล หรือเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ทั้งหมด
ที่อยู่ภายในdomainเดียวกัน ในรูปของ Acrobat (pdf), PostScript (ps), MS Word (doc), MS Powerpoint (ppt), MS Excel (xls)

3. IMPACT (50%) = จำนวนลิงค์ภายนอก (external links) ที่ได้รับ (inlinks) มีการเชื่อมโยง
หรืออ้างอิงมาจากภายนอก สืบค้นโดยใช้ search engines เช่น Yahoo และใช้ syntax ในการค้น วัดด้วย Majestic SEO and ahrefs)

4. EXCELLENCE (20%) = จำนวนบทความวิชาการ และการอ้างอิงบทความทางวิชาการ
ที่ปรากฎภายใน domain ของมหาวิทยาลัย และสามารถสืบค้นได้ด้วย google scholar

             เมื่อทราบถึงเกณฑ์การประเมินไปแล้วข้างต้น เพื่อไม่ให้เป็นการ เสียเวลา ตามมาดูกันดีกว่าว่าจะมี
มหาวิทยาลัยในดวงใจ ของใครหลายๆคนติดโผกันอยู่บ้างไหมน้า ...... เรามาเริ่มกันที่แชมป์ประจำปีนี้
อันดับที่ 1 ของเรากันเลยดีกว่าค่ะ

อันดับที่1 : มหาวิทยาลัยรังสิต


              มหาวิทยาลัยรังสิต ( Rangsit University; ชื่อย่อ: มรส. หรือ RSU) สำหรับอันดับที่1 ของเราเรียกว่า
(เบียดมหาวิทยาลัยอื่นจนได้ขึ้นมาเป็นอันดับที่ 19 ของไทย) ขึ้นมาครองตำแหน่งแชมป์ในปีนี้ได้อย่างไม่น่าสงสัย
ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาหลักสูตร และความทันสมัย จนได้รับการประเมินจากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมิน
คุณภาพการศึกษา (สมศ.) ให้เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนเพียงแห่งเดียวที่ได้รับการจัดให้อยู่ในระดับ “ดีมาก”
ในกลุ่มสถาบันที่เน้นการผลิตบัณฑิต มหาวิทยาลัยรังสิตก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2528 ปัจจุบันมหาวิทยาลัยรังสิต
มีหลักสูตรที่เปิดสอนทั้งหมดกว่า 138 สาขาวิชา ทั้งในระดับปริญญาตรี ปริญญาโทและปริญญาเอก และเป็น
มหาวิทยาลัยเอกชนที่มีจำนวนศาสตราจารย์มากเป็นลำดับต้นๆของประเทศไทย
ไม่เพียงเท่านั้นยังได้รับความนิยมจากบุคคลที่มีชื่อเสียงในเมืองไทย ทั้งนักร้องและนักแสดงที่ต่างก็ตบเท้า
กันเข้ามาเรียนที่นี่อย่างเนืองแน่น

ดูข้อมูลเพิ่มเติม : www.rsu.ac.th

อันดับที่2 : มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร


               มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร (Mahanakorn University of Technology ชื่อย่อ มทม. หรือ MUT)
เรียกว่าเป็นม้ามืดที่ มาแรงแซงโค้ง ขึ้นจากอันดับ 5 ในปีก่อนหน้ามาเป็นอันดับที่ 2 ในปีนี้ เรียกว่า (ตามที่ 1 มาติดๆ
ด้วยอันดับที่ 23 ของไทย)มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานครได้รับอนุมัติจากทบวงมหาวิทยาลัยให้จัดตั้งขึ้นในนามของ
"วิทยาลัยมหานคร" ในปี 2533 ด้วยว่า ณ เวลานั้น ประเทศของเราขาดแคลนวิศวกร โดยระยะแรก เปิดดำเนินการสอน
เพียงหนึ่ง คณะวิชา คือ คณะวิศวกรรมศาสตร์
                * ในปี 1998 "มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร" ได้รับเกียรติให้เป็น มหาวิทยาลัยยอดเยี่ยมทาง
ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (Best Science and Technology)แห่งเอเชียในลำดับที่ 32 จากนิตยสารเอเชียวีค
(Asia Week Magazine) อีกด้วย ยังมีคนนำไปกล่าวไว้แบบติดตลกว่ามหาลัยชื่อนี้การันตีอนาคตการทำงาน
เพราะว่าบัณฑิตที่จบที่นี่ไปขึ้นชื่อเรื่อง "ทำงานเก่ง คุ้มค่าแรง" ซึ่งนั่นหมายความว่า บุคลากรที่นี่เป็นคู่แข่งที่น่ากลัว
ไม่ใช่น้อยที่จะได้รับโอกาสในการจ้างงานสูง ซึ่งนักศึกษาที่จบแล้วไปนั้น กว่า 95% มีงานทำ ถือว่าเป็นยอดที่สูงมากทีเดียว

ดูข้อมูลเพิ่มเติม : www.mut.ac.th

อันดับที่3 : มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ


                มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (Assumption University ชื่อย่อ มอช. หรือ ชื่อเรียกที่คุ้นหูกันดีอย่าง เอแบค ABAC)
มาอยู่อันดับที่ 3 จากการลำดับมหาวิทยาลัยในประเทศไทย ในอันดับที่ 26 สิ่งที่เป็น ที่เลื่องลือที่สุดคือ ความสวยงาม
ของมหาวิทยาลัยซึ่งตกแต่งและออกแบบ ได้อลังการที่สุด แห่งหนึ่งในประเทศไทย มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญเป็น
มหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทยที่มี ระบบการเรียนการสอนหลักสูตรนานาชาติ เน้นการใช้ภาษาอังกฤษ
ในทุกๆด้าน เรียกได้ว่าจบมาศักยภาพทางภาษา แน่นปึ้ก ติดต่อสื่อสารกับชาวต่างชาติได้สบายหายห่วง
และนอกจากที่นี่จะเป็นศูนย์รวมของนักธุรกิจที่จะส่งลูกเข้ามาเรียนแล้ว ยังประกอบไปด้วยนักร้องนักแสดง
และคนมีชื่อเสียงจากทั่วทุกวงการอีกด้วย

ดูข้อมูลเพิ่มเติม : www.au.edu

อันดับที่4 : มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย


                มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย (The University of the Thai Chamber Commerce ชื่อย่อ มกค. หรือ UTCC)
โดยในปีนี้มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ติดอยู่ในอันดับที่ 30 มหาวิทยาลัยเอกชนที่มีการสืบค้นข้อมูลมากที่สุด
จากองค์กรที่จัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก Webometrics" ยังคงครองตำแหน่ง
อันดับที่ 4 จากปีก่อนหน้า โดยไร้ผู้แย่งชิงบัลลังก์ ปัจจุบันมีการเปิดสอนหลักสูตรตั้งแต่ระดับปริญญาตรี - ปริญญาเอก
รวมทั้งหลักสูตรนานาชาติอีกด้วย  มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยมีประวัติการก่อตั้งที่ยาวนาน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2483 โดยทุก
หลักสูตรของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยมีจุดเด่นที่เน้นด้านธุรกิจ เรียกได้ว่า ให้กำเนิดนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพเข้าสู่
ประเทศไทยมาแล้วไม่น้อยเลยทีเดียว

ดูข้อมูลเพิ่มเติม : www.utcc.ac.th

อันดับที่5 : มหาวิทยาลัยพายัพ


                  มหาวิทยาลัยพายัพ (Payap University ชื่อย่อ P.Y.U) โดยนับเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งแรกของ
ประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอเมืองเชียงใหม่ ก่อตั้งตั้งแต่ พ.ศ. 2517 โดยคณะมิชชันนารีจากอังกฤษ คริสต์ศาสนานิกาย
โปรเเตสแตนท์ โดยเปิดสอนทั้งหมด 8 สาขาวิชา ภายใต้ชื่อ “วิทยาลัยคริสเตียนพายัพ”และในเวลาต่อมาจึงได้รับอนุญาต
จากทบวงมหาวิทยาลัยเปลี่ยนประเภท จากวิทยาลัยเป็นมหาวิทยาลัย และเปลี่ยนชื่อมาเป็น “มหาวิทยาลัยพายัพ”
ในปี พ.ศ.2527 เป็นต้นมา บัณฑิตของมหาวิทยาลัยได้รับการยอมรับสูง เช่น สาขาวิชาดุริยศิลป์ บริหารธุรกิจ
และพยาบาลศาสตร์ และจากการจัดอันดับ webometrics ในปี 2558 นี้ มหาวิทยาลัยพายัพ ติดอยู่ในอันดับที่ 33
ของมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีการสืบค้นข้อมูลมากที่สุด จากองค์กรที่จัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก
Webometrics" ด้วยเหตุนี้จึงครองอันดับที่5 ได้อย่างงดงาม

ดูข้อมูลเพิ่มเติม : www.payap.ac.th

อันดับที่6 : มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ


                  มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ (Huachiew Chalermprakiet University ชื่อย่อ HCU)
ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2524 โดย มูลนิธิฮั้วเคี้ยวป่อเต็กเซี่ยงตึ๊ง ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลจีนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
โดยชื่อของมหาวิทยาลัย "หัวเฉียว" (จีน: 華僑) หมายถึง ชาวจีนโพ้นทะเล และเป็นชื่อที่มูลนิธิใช้เป็นชื่อของ
โรงพยาบาลและวิทยาลัยของมูลนิธิอยู่แล้ว ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยหัวเฉียวได้ขยายหลักสูตรการศึกษาออกไปมากมาย
ทั้งในระดับปริญญาตรี -ปริญญาเอก และหลักสูตรนานาชาติให้ได้เลือกศึกษากัน มหาวิทยาลัยหัวเฉียวถูกจัดอยู่ใน
อันดับที่ 35 ของมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีการสืบค้นข้อมูลมากที่สุด จากองค์กรที่จัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก
Webometrics" ขึ้นมาเป็นอันดับที่6 ในปี 2558 นี้

ดูข้อมูลเพิ่มเติม : www.hcu.ac.th

อันดับที่7 : มหาวิทยาลัยกรุงเทพ


                     มหาวิทยาลัยกรุงเทพ (Bangkok University ชื่อย่อ มกท. หรือ BU) จากอันดับมหาวิทยาลัย
ในประเทศไทย ในอันดับที่ 36 ตกเป็นของ “มหาวิทยาลัยกรุงเทพ” เป็นสถาบันอุดมศึกษาเอกชนที่มีชื่อเสียงและ
เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย เริ่มแรกนั้นได้รับการก่อตั้งในชื่อ “วิทยาลัยไทยเทคนิค” เมื่อปี พ.ศ. 2505
ต่อมาจึงเปลี่ยนชื่อเป็น “วิทยาลัยกรุงเทพ” และได้รับการยกฐานะขึ้นเป็น “มหาวิทยาลัยกรุงเทพ” ในปี พ.ศ. 2527
เปิดการเรียนการสอน ทั้งในระดับปริญญาตรี-ปริญญาเอก ประกอบด้วยหลักสูตรภาษาไทยและนานาชาติ   ปัจจุบัน
เปิดดำเนินการสอน ใน 2 วิทยาเขต ได้แก่ วิทยาเขตกล้วยน้ำไท และวิทยาเขตรังสิต ที่นี่เป็นอีกหนึ่งในมหาวิทยาลัย
ของประเทศไทยที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมไม่แพ้มหาวิทยาลัยเอกชนอื่นๆในประเทศไทย ไฮไลน์เด็ดคงหนีไม่พ้น
BU Diamond หรือ ตึกเพชร เพราะสวยงามทั้งรูปลักษณ์และโดนเด่นด้านความคิดสร้างสรรค์ ทำให้ตึกแห่งนี้คว้ารางวัล
สถาปัตยกรรมดีเด่นระดับนานาชาติ The ARCASIA Awards for architecture 2011


ดูข้อมูลเพิ่มเติม : www.bu.ac.th


อันดับที่8 : มหาวิทยาลัยสยาม


                     มหาวิทยาลัยสยาม (Siam University; ชื่อย่อ: มส. หรือ SU) เป็นมหาวิทยาลัยเอกชน 1 ใน 5 แห่งแรก
ของประเทศไทย และนับได้ว่าเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในย่านฝั่งธนบุรี เปิดดำเนิน
การเรียนการสอนในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก ทั้งหลักสูตรภาษาไทยและหลักสูตรนานาชาติ
รวมทั้งสิ้นกว่า 50 หลักสูตร โดยแบ่งออกเป็น 13 คณะ  อีกทั้งยังเปิดหลักสูตร6ปีเป็นที่แรกของมหาวิทยาลัยเอกชนที่เปิดคณะ
เภสัชศาสตร์ในประเทศไทย ภายใต้ชื่อปริญญาภาษาอังกฤษเป็น “Doctor of Pharmacy” หรือ เภสัชศาสตรบัณฑิต
เป็นการเรียนการสอนแบบแนวใหม่ ในระบบ POPBL (Project Oriented & Problem Based Learning)
ทั้งหลักสูตร เน้นปฏิบัติ
ชื่อสินค้า:   สอบเข้ามหาวิทยาลัย
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่