จากประวัติศาสตร์สมัยกรุงธนบุรีของต้นแปะ สู่ชื่อเมืองที่ยิ่งใหญ่ของจังหวัดบุรีรัมย์

ปรับปรุงจากหนังสือ ประวัติศาสตร์เมืองบุรีรัมย์ BURIRAM HISTORY พิมพ์โดย เทศบาลเมืองบุรีรัมย์ พ.ศ.2551


     จากเอกสารประวัติศาสตร์เมืองบุรีรัมย์ เขียนไว้ตรงกันว่า ในสมัยกรุงธนบุรีเมื่อพระยาจักรีเดินทัพมาพบเมืองร้าง อยู่บริเวณลำห้วยจระเข้มากมีชัยภูมิที่ดี จึงให้ตั้งเมืองขึ้นมา เรียกชื่อเมืองตามต้นแปะที่อยู่บริเวณนั้น จึงชื่อว่าเมืองแปะ และให้บุตรพระยานคร เจ้าเมืองพุทไธสมันต์ (บันเตียยชมาร์) ที่ติดตามมาเป็นเจ้าเมืองชื่อ พระนครภักดี เป็นอันว่าเมืองแปะ มีชื่อตามต้นไม้ที่ชื่อว่าต้นแปะ ซึ่งมีอยู่มากในบริเวณที่ตั้งเมืองบุรีรัมย์ตอนนั้น

     สรุปว่า เมืองแปะ เป็นชื่อเมืองที่ตั้งตามชื่อต้นไม้ ไม่ต้องสันนิษฐานว่า อาจเรียกตามชื่ออาแปะอะไรอีก เพราะตาแปะนั้นมาอยู่หลังสร้างเมืองเป็นร้อยปี



ต้นแปะ

     ต้นแปะเป็นต้นไม้ผลัดใบ มีทรงพุ่มขนาดใหญ่ ความสูงของลำต้นมีกล่าวว่าสูงถึง 12 เมตร เปลือกลำต้นสีเทา-ครีม มักแตกและลอกออก คล้ายๆ ต้นตะแบก ตามกิ่งจะมีนม ซึ่งเป็นปุ่มคล้ายหนาม ใบเป็นใบประกอบ 3 ใบย่อย จับดูจะรู้สึกสากๆ คล้ายๆ ใบข่อย มีดอกปลายกิ่งสีขาวออกเหลืองๆ ผลเท่าๆ กับมะเขือพวง สีเขียว ตอนผลแก่ก็ยังเห็นเป็นสีเขียวๆ อยู่ อาจมีสีเหลือง/ดำ เพิ่มขึ้นบ้าง ผลของต้นแปะเอามาเคี้ยวแทนหมาก จะได้น้ำสีเหลืองอมแดง รสฝาด  ประโยชน์ที่ใช้ ปลูกเป็นไม้ประดับ เป็นไม้ดัด ประโยชน์ทางยาไม่เคยทราบ แต่รสฝาดของผลแสดงว่ามี Tannin สามารถใช้ล้างแผลสมานแผลได้

ต้นแปะมีชื่อเรียกแตกต่างกันตามพื้นที่ เช่น
ภาคเหนือ เรียก ฝาเสี้ยน ไผ่เสี้ยน
ภาคใต้ เรียก กำจัง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เรียก สมอตีนเป็ด
กาญจนบุรีเรียก หมากเล็ก หมากน้อย
จันทบุรี เรียก สามใบ
โคราช เรียก แปะ (ผล เรียก หมากแปะหรือหมากอีแปะ)
บางแห่ง เรียก สะคางต้น
ทางพฤกษศาสตร์
ต้นแปะอยู่ในวงศ์ (Family) LABIATAE (Genus) Vitex ชนิด (Species) Canescens Kurzt และมีอีกชนิดหนึ่งที่คล้ายกันคือ ชนิด (Species) Quinata (Lour)
เพื่อรักษาความเป็นมาของชื่อเมือง ควรพิจารณาปลูกใช้ในบ้านในเมืองเราให้มากกว่านี้ ทั้งในฐานะไม้ประจำเมือง และไม้ดัด



ปัญหาการออกเสียงแปะหรือแป๊ะ

     ในอดีตเมืองบุรีรัมย์ เมืองนางรองขึ้นกับเมืองนครราชสีมา ผู้ปกครองส่วนหนึ่งจะมาจากนครราชสีมา ภาษาของคนบุรีรัมย์ นางรอง และโคราช จะใช้ภาษาเดียวกัน เรียกว่าภาษาไทยโคราช ดังนั้นการออกเสียงส่วนใหญ่จะเพี้ยนจากภาคกลาง เช่น พ่อ แม่ โคราชออกเสียงเป็น เพาะ แมะ คำว่า รู้ โคราชออกเสียงเป็น รู่ คำว่า แปะ โคราชออกเสียงเป็น แป๊ะ หมากอีแปะ ออกเสียงเป็นหมากอีแป๊ะดังนั้นการออกเสียงเรียกชื่อเมืองจะออกเสียงตามภาษากลาง หรือจะออกเสียงตามภาษาท้องถิ่นนั้น ขึ้นอยู่กับความเข้มของคนท้องถิ่น ถ้าเราพร้อมใจเรียกชื่อเมืองว่า เมืองแป๊ะ ก็เขียนว่าเมืองแป๊ะ พูดก็พูดว่าเมืองแป๊ะไม่น่าจะผิดอะไร ยกตัวอย่างอำเภอจักราช ชาวบ้านออกเสียงจั๊กกะหราด แม้เขียนว่าจักราช ซึ่งอ่านออกเสียง จัก กะ ราด

     ปัญหาที่น่าคิดและหาทางคลี่คลายปัญหา คือ ชื่อเมืองบุรีรัมย์ อ่านในข้อเขียนประวัติเมืองบุรีรัมย์แล้วพบว่า ชื่อเมืองบุรีรัมย์ตั้งแต่สมัยพระนารายณ์มหาราช ในจารึกวัดโพธิ์ (วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม) พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ให้จารึกชื่อหัวเมืองไว้เมื่อประมาณ พ.ศ.2377 มีชื่อเมืองบุรีรำ อยู่หนตะวันออกนครราชเสมา แสดงว่า เมืองบุรีรัมย์นี้มาก่อนแล้ว
แล้วมาเปลี่ยนชื่อเมืองแปะ เป็นเมืองบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2411 หลังจากรัชกาลที่ 5 ทรงครองราชย์ได้ 65 วัน



ต้นไม้ประจำจังหวัดบุรีรัมย์ คือ ต้นแปะ Vitex : Canescens Kurzt LABIATAE

ต้นไม้มงคลพระราชทานจังหวัดบุรีรัมย์ คือ ต้นกาฬพฤกษ์ Cassia grandis Linn.f วงศ์ LEGUMINOSAE (CAESAALPINIODEAE) ดอกสีชมพู ฝักใหญ่ มีครีบ กว้าง 4-5 ซม. ยาวประมาณ 30 ซม.

ต้นไม้ประจำปราสาทพนมรุ้ง คือต้นสุพรรณิการ์ หรือฝ้ายดำ และบุรีรัมย์เคยเรียกฝ้ายอรพิม Cochlospermum religiosum Alstan วงศ์ COCHLOSPERMACEAE

ต้นไม้ที่ปลูกข้างทางหลวง (ถนนจิระ ถนนเลี่ยงเมือง) คือ ต้นทรงบาดาล Cassia (Senna) surattensis (Burn.f.) Irwin & braneby วงศ์ LEGUMINOSAE (CAESAALPINIODEAE)

ต้นไม้ที่เขากระโดง เขาพนมรุ้ง คือ ต้นยิ้มผี หรือมะกอกโคก มะกอกดอน มะกักป่า Schebera Swicteniodes Roxb วงศ์ OLEACEAE และไม่ใช่ต้นสำโรงที่นางอรพิมฝากโยนีไว้ตามที่เขียนไว้ที่เขากระโดง

ต้นไม้นี้มีปัญหา

ชัยพฤกษ์ คือ คูน ไม่ใช่ราชพฤกษ์

(บน) คูนถูกเรียกว่า ชัยพฤกษ์ เพราะนำไปใช้เป็นเสาหลักเมืองกรุงเทพฯ มีดอกสีเหลือง นำไปเป็นสัญลักษณ์ประดับยศที่อินทรธนูและหน้ากะบังหมวก เรียกว่า ช่อชัยพฤกษ์ ไม่เรียกว่า ช่อราชพฤกษ์

(ล่าง) ที่เทศบาลเมืองบุรีรัมย์ปลูกส่วนหนึ่งเป็นต้นกัลปพฤกษ์ C. bakeriana ดอกสีชมพูและจางเกือบขาว ฝักยาวเหมือนคูน และต้นราชพฤกษ์ C. Agnes, C. Nodosa มีดอกสีชมพูปนขาว ฝักยาวเหมือนคูน แต่ฝักมีขนนุ่ม สีน้ำตาลเทา

ขอขอบคุณที่มา : มติชนออนไลน์ 21 พฤศจิกายน 2551 หน้า 20
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่