สวัสดีค่าาาาาา (ขอใช้ภาษาวิบัตินิดนึงเพื่อความบันเทิงในการอ่านนะคะ) วันนี้เราจะมารีวิวที่เที่ยวเชียงใหม่กัน หลังจากผ่านศึกหนักในช่วงปีใหม่มา เราเพิ่งจะมีเวลามาเขียนกระทู้เน้ออออ อาจจะดีเลย์ไปนิด แต่จะพยายามให้รายละเอียดในแต่ละสถานที่ให้มากที่สุดนะค่ะ ความหฤโหดของทริปนี้ เที่ยวยังไงให้ได้ 4 วัน กับที่สุดแห่งแหล่งท่องเที่ยวกว่าสิบที่ (ที่ชั้นอยากจะไป 555) จะฮาร์ดคอขนาดไหน ไปลุยกันเลยค่ะ
#เราให้เครดิตรีวิวการไปเที่ยวเชียงใหม่ทุกๆ กระทู้เลยนะค่ะ เพราะจุดเริ่มต้นในทริปนี้ความรู้เรื่องการเดินทาง แหล่งท่องเที่ยวเราได้มาจากพันทิปล้วนๆ เลยค่ะ
#เราอาจจะบรรยายละเอียดหน่อยนะค่ะ อยากให้รู้ถึงอารมณ์ค่ะ อิอิ
เราจะเริ่มจากการกำหนดวัน เวลา สถานที่ ที่เราจะไปกันก่อน
เรากำหนดวันที่จะไปนะ ก็คือวันที่ 22-28 ธันวาคม 2558 ซึ่งเราจะเดินทางไปด้วยรถไฟค่ะ งานนี้ตื่นเต้นสุดๆ นั่งรถไฟครั้งแรก แถมขาไปเนี่ยยย ยิงยาวรถไฟตั้งแต่ ฉะเชิงเทรา ถึง เชียงใหม่เลย เราไปนอนบ้านเพื่อนค่ะ ฉะนั้นเราจะรีวิวสถานที่เที่ยวเป็นส่วนใหญ่นะ เรื่องงบ ไม่เกิน 3500 บาท ก็แพ็คกระเป๋าไปกันได้แล้ววววว
22-23 นั่งรถไฟจากหัวลำโพง ไป เชียงใหม่
23 ไหว้พระในตัวเมือง ประตูท่าแพ
24 บ่อนน้ำพุร้อนสันกำแพง ถ้ำเมืองออน
25 ม่อนแจ่ม ม่อนตะวัน สวนพฤกษศาสตร์สิริกิตต์ เก็บสตอเบอรี่
26 นอนดอยอินทนนท์ ดูพระอาทิตย์ตก
27 เส้นทางเดินธรรมชาติกิ่วแม่ปาน สูงสุดแดนสยาม ดอกพญาเสือโคร่ง
27-28 ขึ้นรถเวลาหนึ่งทุ่ม ถึงเวลาตีห้าของวันที่ 28
อันนี้เป็นกำหนดการคร่าวๆ ที่เราว่างก่อนไปนะ เพื่อนๆ อยากเพิ่มอยากลดตรงไหนแล้วแต่ใจที่อยากจะไปเลยค่ะ.....
วางแผนเสร็จจจจจ.....#แพ็คกระเป๋ากันเล้ยยยย^^
....เราออกเดินทางวันที่ 22 ธันวาคม นะค่ะ เรานั่งรถตู้จากชลบุรีไปขึ้นรถไฟฟรีที่ฉะเชิงเทราค่ะ เพราะอยากประหยัดงบสุดๆ 555 ออกจากชลบุรีประมาน 5 โมงเย็นถึงฉะเชิงเทราก้อเกือบๆ 6 โมงค่ะ รถตู้ขับแบบหวานเย็นสุดๆ ลุงจะรู้ไหมค่ะว่าหนูรีบบบบบบบ!!! ทริปนี้มีเรื่องให้ลุ้นตลอดทางค่ะ สุดท้ายถึงที่หมาย ชุมทางฉะเชิงเทราด้วยเวลาเกือบหกโมงเย็น วิ่งกันเหงื่อโชกค่ะงานี้ 555 ไปถึงก็รีบไปรับตั๋ว
ก่อนเลย
....เราออกเดินทางวันที่ 22 ธันวาคม เรานั่งรถตู้จากชลบุรีไปขึ้นรถไฟฟรีที่ฉะเชิงเทรา เพราะอยากประหยัดงบสุดๆ 555 ออกจากชลบุรีประมาน 5 โมงเย็นถึงฉะเชิงเทราก้อเกือบๆ 6 โมงค่ะ รถตู้ขับแบบหวานเย็นสุดๆ ลุงจะรู้ไหมค่ะว่าหนูรีบบบบบบบ!!! ทริปนี้มีเรื่องให้ลุ้นตลอดทางค่ะ สุดท้ายถึงที่หมาย ชุมทางฉะเชิงเทราด้วยเวลาเกือบหกโมงเย็น วิ่งกันเหงื่อโชกค่ะงานี้ 555 ไปถึงก็รีบไปรับตั๋ว
ก่อนเลย
รถไฟรอบนี้มาจากอรัญประเทศค่ะ ก้อรอกันไปปป รถไฟมาเลทไปเกือบ 20 นาที
(แล้วฉันจะวิ่งเพื่อออออออ.... บริหารร่างกายกันไปค่ะ 5555 )
เราขอ skip บรรยากาศในรถไฟรอบนี้ไปเลยนะค่ะ เพราะเริ่มพร่ำเพ้อละ 5555
เราบอกไว้นิดนึงนะว่ารถไฟฟรีเนี้ยยยยย แวะทุกสถานีจริงๆ ใครรีบ นี่ข้ามวิธีนี้ไปเลยนะ... แต่พอดีว่าเราไม่รีบไง แถมงก ก็เลยรอได้ค่ะ 5555 มาถึงหัวลำโพงประมาณสองทุ่ม หรืออาจจะเลทมากกว่านี้อีกนะ เราลืมดูเวลาอ่ะ เลยไม่ค่อยแม่นเรื่องเวลาเท่าไหร่นะ
#เราไม่ค่อยได้ถ่ายรูปบรรยากาศที่หัวลำโพงเลย แต่คนเยอะมากๆ เลยค่ะ ทั้งชาวไทยและต่างชาติ หลายคนก็ต่างจุดมุ่งหมายกันไป
เราซื้อตั๋วรถไฟ กรุงเทพ – เชียงใหม่ ควรจองตั๋วรถไฟล่วงหน้านะค่ะ ถ้าจองกระชั้นชิดโอกาสที่เต็มสูงมากค่ะ
เราซื้อตั๋ว เบาะปรับเอน พัดลม รถไฟขบวนที่ 51 (แนะนำขบวนนี้นะค่ะ เพราะเราอ่านรีวิวมาหลายรีวิว ขบวนนี้วิวดีสุดล่ะ และก้อไม่ผิดหวังนะ) รถไฟออกจากสถานีหัวลำโพง เวลา 22.00 น. ถึงที่หมายเชียงใหม่ เวลาประมาณ 13.00 น. (แต่ในตั๋ว ระบุเวลาถึง 12.10 ) ใครที่กลัวรถไฟถึงช้า ไม่ต้องกลัวนะค่ะ รถไฟออกตรงเวลามาก วันที่เราไป สี่ทุ่มนี่คือล้อหมุนนะค่ะ ฉะนั้นต้องไปขึ้นโบกี้ก่อนสี่ทุ่มนะค่ะ ไม่งั้นตกรถไฟแน่ๆ
บรรยากาศในรถไฟ ไม่เหม็น ไม่ร้อน แต่มีเสียงรถไฟนิสสสนึง มันก้อได้อารมณ์ไปอีกแบบนะ มีลมเย็นๆ ตีหน้า ยิ่งรถไฟวิ่งออกไปใกล้จากเมืองเท่าไหร่ เรารู้สึกว่าลมมันยิ่งสดชื่นมากขึ้นนะ แถมมีวิวให้เราได้ดูตลอดทางด้วย เราทนไม่ไหวค่ะ หลับไปตอนเที่ยงคืน ตื่นอีกที ตี 4 มาเริ่มเช้าแถวๆ อุตรดิตถ์มั้ง ถ้าเราจำไม่ผิดนะ มัวแต่มองวิวเพลิน ไม่ค่อยได้สนใจสถานีซักเท่าไหร่อ่ะ เรานั่งฝั่วขวาของขบวนนะ เป็นฝั่งที่เห็นวิวเยอะสุดนะ เพราะด่านซ้ายจะเป็นด่านที่เจอสถานีตลอดอ่ะ
วิวตลอดทางนี่ unseen สำหรับเรามากกกกอ่ะ ทั้งป่า ลำน้ำ ภูเขา ทุ่งนา ตลอดเส้นทางเราไม่รู้สึกเบื่อเลยจริงๆ เพราะ ทุกที่ไม่เหมือนกัน มีจุดตื่นเต้นให้ดูตลอด มีช่วงหนึ่งที่เป็นสะพานเหล็ก มองลงไปด้านล่างเป็นป่า ซึ่งมองลงไปจากสะพานรู้เลยว่าสูงมากกกกกก ก้อตื่นเต้นกันไปตลอดเส้นทางเนาะ ตามประสาคนนั่งรถไฟครั้งแรก 5555+ เราเชื่อเลยนะว่า ถ้านั่งรถส่วนตัวมานี่ ไม่มีทางได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้แน่ๆ
ระหว่างที่นั่งบนรถไฟนี่ไม่ต้องกลัวจะหิวนะ มีของขายตลอด โอเลี้ยง ชาเย็น (เรายังงว่าเค้าไปชงที่ไหน 5555) ข้าวเหนียว ไก่ทอด โอ้ยยยยยย! สารพัดอ่ะ
หลังจากตื่นตั้งแต่ตีสี่นี่ เราหลับไม่ลงเลยจริงๆ วิวสวย ลมเย็น แต่ว่าหลักๆ นี่รอลอดอุโมงค์ล้วนๆ ค่ะ 5555 จะมีอุโมงค์ทั้งหมด 3 อุโมงค์นะ เราบอกเวลาแน่นอนไม่ได้ว่าจะเจออุโมงค์ตอนไหน นั่งลุ้นไปค่ะประมาน 9-10 โมงนู้นแหละ (ถ้าเราจำไม่ผิดนะ 5555) แต่ถ้าเจออุโมงค์แรกแล้ว อย่ามั่วก้มหน้าก้มตาเช็ครูป หรือเล่นโทรศัพท์นะ เพราะอุโมงค์ที่สองมาไวมากกกกกกกก ย้ำว่ามากนะค่ะ เพราะเรามั่วแต่ก้มเช็ครูป อุโมงค์ที่สองผ่านไป ดูไม่ทันจริงๆ 55555 ทำได้เพียงคอยอุโมงค์ที่ 3 อุโมงค์ขุนตาน นั้นเอง เรารออุโมงค์นี่ค่ะ เพราะตั้งใจจะถ่ายรูปให้ได้
แถ่น แถ้น แถ๊นนนนนนนน!!!! มาแล้ววววว
มาแบบไม่ทันตั้งตัวจริมๆๆ เปิดกล้องกันแทบไม่ทันค่ะ 5555 อุโมงค์ขุนตานนี่ยาวนิดนึงนะ รถไฟจะเริ่มชะลอๆ ภายในอุโมงค์ค่ะ พอโพล่ออกมาก้อจะไปศาลเจ้าพ่อขุนตานค่ะ ก้อจะจอดที่สถานนีนี่ด้วยนะ แปบเดียวจริงๆ พอถึงขุนตานก้อใกล้ถึงเชียงใหม่แล้วละค่ะ อีกอึดใจเดียว ตลอดทางก้อมีผู้โดยสารขึ้นลงตลอด รถไฟขบวนนี้จะจอด เฉพาะสถานีประจำจังหวัดและสถานีใหญ่ๆ เท่านั้นนะ
เวลาประมาณบ่ายโมงก็ถึงสถานีเชียงใหม่พอดี ไม่ได้ถ่ายรูปอีกแล้ว รู้สึกเสียดาย 555 ลงจากรถไฟได้ มุ่งหน้าหาของกินค่ะ อันเนื่องมาจากหิววววว ......และก็หนีไม่พ้น เซเว่น!! ซัดซาลาเปาไปก่อน จากนั้นเดินหาร้านข้าวค่ะ เดินมานิดเดียวเจอร้านแล้ววววว พักกินข้าวกันก่อน
#ร้านอาหารรสชาติกลางๆ เลยค่ะ ไม่ต้องกลัวว่ากินไม่ได้ ราคานี่ก็ไม่แพงนะ เมนูละ 50-60 บาท
หลังจากนั้นเราก้อนั่งรถแดงไปประตูท่าแพกันค่ะ เดี๋ยวเค้าจะหาว่ามาไม่ถึง 5555
( รถแดงที่นี่ ไม่ว่าคุนจะนั่งไปไหน ใกล้หรือไกลก้อ 20 บาทนะค่ะ 5 คนเค้าก้อไปละ แต่ถ้าไม่อยากเสียค่ารถแบบพวกเราก้อวิธีเดิมค่ะ เดินนนนนน...) ที่นี่มันแลนมาร์ค ของเชียงใหม่นะย่ะ ถ่ายรูป เช็คอิน กันซักหน่อย แล้วค่อยไปต่อกันนน
เพื่อความเป็นสิริมงคลของทริป ก็ควรเริ่มทริปด้วยการไปไหว้พระกัน ก็เดินกันตั้งแต่ประตูท่าแพอ่ะค่ะ เดินไปก้อมีป้ายบอก ที่เราใช้วิธีเดินเพราะวัดถี่มากกกกกนะ
วัดแรกที่เราไปนี่เลย.....วันพันอ้น
วัดที่นี่สวยมากจริงๆ นะ ทุกวัดเลย หลังจากนั้นก้อตระเวนวัดเลยค่ะ ไปต่อกันที่
...วัดพันเตา วัดนี้มาจากชื่อวัดพันเท่านะค่ะ ก้อสวยไม่แพ้กันเลย ที่นี่จะมีรอบๆ วัดให้เดินเที่ยวด้วยนะค่ะ ด้านหลังก้อจะมีเจดีย์จำลองให้ดู ด้วยนะค่ะ
วัดนี่นักท่องเที่ยวเยอะนะ ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ ที่เช่าจักรยานแล้วปั่นเที่ยวในเมืองเชียงใหม่ วัดนี้ให้บรรยากาศออกแนวล้านนาเลยละ เพราะจะตกแต่งด้วยโคมที่ออกแนวเหนือๆ อ่ะ หลังจากนั้นเราก้อเดินอีกค่ะ ..เดินกันทั้งทริป 5555
เดินไปที่วัดพระสิงห์ วัดนี่จะมีเสาหลักเมืองเชียงใหม่อยู่ด้วยนะ นักท่องเที่ยวเยอะกว่าวันพันเตาอีก มีรถตู้ที่จอดรอลูกทัวร์เพี้ยบบบบบ ส่วนใหญ่ชาวต่างชาติ นี่ในเมืองเชียงใหม่เดินไปทางไหนนี่ เจอฝรั่ง มากกว่าคนไทยอีก
บรรยากาศวัดพระสิงห์ ก็งดงามตามท้องเรื่องกันไปเนาะ
ถ่ายมาแค่นี้ คนเยอะจริงๆ ถอดใจไม่อยากเข้าเลยยยย ไหวอยู่ข้างนอกก็ได้ ข้างๆ ตรงนี่ก็จะเป็นเสาหลักเมืองนะ บรรยากาศรอบๆ โอเครเลย สวยมากกกกก แต่แดดนี่ร้อนโฮกกกกกกกกก (แต่พี่ฝรั่งเค้าใส่เสื้อกกล้ามท้าแดดกันไป เราคนไทยขอหลบร่มค่ะ 5555)
ไหว้พระกันไปสามวัด ขอไปหาที่พักก่อนละกัน ไม่ต้องสงสัยนะ ทำไมเราไม่พูดถึงเรื่องโรงแรม เพราะเรานอนบ้านเพื่อนค่ะ 5555 ประหยัดไง นั่งรถไกลแค่ไหนฉันก็ยอมมมมมมม ฉะนั้นตัดค่าที่พักเราไปได้เลย (รถแดง 20 เหมือนเดิม รถขาวตลอดสาย 15 บาทเจ้าาาาา) จากนั้นเราก็เข้าแม่ออนกันเลย คืนแรกนอนบ้านเพื่อน อาศัยข้าวเซเว่นกันไปค่ะ
เช้าวันที่ 24 ธันวาคม เราวางแพลนไปเที่ยว ถ้ำเมืองออน กับ บ่อน้ำพุร้อนสันกำแพงค่ะ เพราะอยู่ในอำเภอของบ้านเพื่อนพอดี วันนี้เราเดินทางโดยรถจักรยานยนต์นะ เพราะใกล้ๆ บ้านอ่ะ ประมานสิบโมง ก้อแว๊นกันไปค่ะ ถ้ำเมืองออนที่แรก
ค่าเข้าก็ 20 บาท ซื้อดอกไม้ด้านล่างขึ้นไปไหว้พระได้นะ ทางขึ้นนี่บันได ร้อยกว่าขั้น ก็เดินกันไป ลากกกก...ขากันขึ้นไป 55555 เดินๆ หยุดๆ 5555
ภายในถ้ำ นี่อลังวังเว่ออออออ เหมือนยุในหนังอังกอร์ เสมือนท้องฟ้าวิปริตแปรปรวนทันใดดดดด..... (เว่อไปใช่ไหม 555) สวยมากกกก แต่ทางลงนี่บีบมากค่ะ เรานี่พยายามหยอดตัวลงไป 555 หน้าถ้ำมีไฟฉายให้เช่านะ ก้อเช่าติดมือลงไปด้วยละกัน เอาไว้ส่องทาง ด้านในค่อนข้างจะมืดนิดนึงนะ บันไดนี่แคบมากกกก ขาสั่นกันเลยทีเดียวววว
ภายในถ้ำมีหินงอก หินย้อย ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติค่ะ
อันนี้ เค้าบอกว่าเหมือนไดโนเสาร์นะ เรามองเป็นพันธุ์ที่มันบินได้อ่ะ ไม่รู้จักชื่อเหมือนกัน 555555
ภายในมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ส่วนอีกอันเรียกว่า พระธาตุนมผา ที่เรียกว่าพระธาตุนมผาพระว่า สีเหมือนน้ำนม เกิดจากแคลเซียมที่หยดลงมาจากด้านบนเป็นเวลานาน จนสะสมเป็นแท่งขนาดใหญ่ ปัจจุบันก็ยังมีการหยดอยู่นะค่ะ
เสร็จจากถ้ำเมืองออน เราก็ go to บ่อน้ำพุร้อนสันกำแพงค่ะ ไปต้มไข่กันนนนน....
จากถ้ำเมืองออน ขับรถมาประมาน 5 กิโลค่ะ (หรือหลายกิโลเนี้ยแหละ เราก้อจำไม่ได้ หลายที่เกิ้นนนน) ก้อจะถึงบ่อน้ำพุร้อน ทางไม่ลำบากนะ ไม่มีขึ้นเขา ขับชิวๆ เลย เราไปตอน 11 โมง คนเริ่มเยอะแล้วนะ แต่แดดนี่ มาเปรี้ยงเลยค่ะ
เดี๋ยวไปต่อข้างล่างเน้อออออ
[CR] ฉันจะไปเชียงใหม่...หนึ่งอาทิตย์ กับการเที่ยวแบบไม่ยั้ง #สะเปะสะปะทริป @เชียงใหม่
#เราให้เครดิตรีวิวการไปเที่ยวเชียงใหม่ทุกๆ กระทู้เลยนะค่ะ เพราะจุดเริ่มต้นในทริปนี้ความรู้เรื่องการเดินทาง แหล่งท่องเที่ยวเราได้มาจากพันทิปล้วนๆ เลยค่ะ
#เราอาจจะบรรยายละเอียดหน่อยนะค่ะ อยากให้รู้ถึงอารมณ์ค่ะ อิอิ
เราจะเริ่มจากการกำหนดวัน เวลา สถานที่ ที่เราจะไปกันก่อน
เรากำหนดวันที่จะไปนะ ก็คือวันที่ 22-28 ธันวาคม 2558 ซึ่งเราจะเดินทางไปด้วยรถไฟค่ะ งานนี้ตื่นเต้นสุดๆ นั่งรถไฟครั้งแรก แถมขาไปเนี่ยยย ยิงยาวรถไฟตั้งแต่ ฉะเชิงเทรา ถึง เชียงใหม่เลย เราไปนอนบ้านเพื่อนค่ะ ฉะนั้นเราจะรีวิวสถานที่เที่ยวเป็นส่วนใหญ่นะ เรื่องงบ ไม่เกิน 3500 บาท ก็แพ็คกระเป๋าไปกันได้แล้ววววว
22-23 นั่งรถไฟจากหัวลำโพง ไป เชียงใหม่
23 ไหว้พระในตัวเมือง ประตูท่าแพ
24 บ่อนน้ำพุร้อนสันกำแพง ถ้ำเมืองออน
25 ม่อนแจ่ม ม่อนตะวัน สวนพฤกษศาสตร์สิริกิตต์ เก็บสตอเบอรี่
26 นอนดอยอินทนนท์ ดูพระอาทิตย์ตก
27 เส้นทางเดินธรรมชาติกิ่วแม่ปาน สูงสุดแดนสยาม ดอกพญาเสือโคร่ง
27-28 ขึ้นรถเวลาหนึ่งทุ่ม ถึงเวลาตีห้าของวันที่ 28
อันนี้เป็นกำหนดการคร่าวๆ ที่เราว่างก่อนไปนะ เพื่อนๆ อยากเพิ่มอยากลดตรงไหนแล้วแต่ใจที่อยากจะไปเลยค่ะ.....
วางแผนเสร็จจจจจ.....#แพ็คกระเป๋ากันเล้ยยยย^^
....เราออกเดินทางวันที่ 22 ธันวาคม นะค่ะ เรานั่งรถตู้จากชลบุรีไปขึ้นรถไฟฟรีที่ฉะเชิงเทราค่ะ เพราะอยากประหยัดงบสุดๆ 555 ออกจากชลบุรีประมาน 5 โมงเย็นถึงฉะเชิงเทราก้อเกือบๆ 6 โมงค่ะ รถตู้ขับแบบหวานเย็นสุดๆ ลุงจะรู้ไหมค่ะว่าหนูรีบบบบบบบ!!! ทริปนี้มีเรื่องให้ลุ้นตลอดทางค่ะ สุดท้ายถึงที่หมาย ชุมทางฉะเชิงเทราด้วยเวลาเกือบหกโมงเย็น วิ่งกันเหงื่อโชกค่ะงานี้ 555 ไปถึงก็รีบไปรับตั๋ว
ก่อนเลย
....เราออกเดินทางวันที่ 22 ธันวาคม เรานั่งรถตู้จากชลบุรีไปขึ้นรถไฟฟรีที่ฉะเชิงเทรา เพราะอยากประหยัดงบสุดๆ 555 ออกจากชลบุรีประมาน 5 โมงเย็นถึงฉะเชิงเทราก้อเกือบๆ 6 โมงค่ะ รถตู้ขับแบบหวานเย็นสุดๆ ลุงจะรู้ไหมค่ะว่าหนูรีบบบบบบบ!!! ทริปนี้มีเรื่องให้ลุ้นตลอดทางค่ะ สุดท้ายถึงที่หมาย ชุมทางฉะเชิงเทราด้วยเวลาเกือบหกโมงเย็น วิ่งกันเหงื่อโชกค่ะงานี้ 555 ไปถึงก็รีบไปรับตั๋ว
ก่อนเลย
รถไฟรอบนี้มาจากอรัญประเทศค่ะ ก้อรอกันไปปป รถไฟมาเลทไปเกือบ 20 นาที
(แล้วฉันจะวิ่งเพื่อออออออ.... บริหารร่างกายกันไปค่ะ 5555 )
เราขอ skip บรรยากาศในรถไฟรอบนี้ไปเลยนะค่ะ เพราะเริ่มพร่ำเพ้อละ 5555
เราบอกไว้นิดนึงนะว่ารถไฟฟรีเนี้ยยยยย แวะทุกสถานีจริงๆ ใครรีบ นี่ข้ามวิธีนี้ไปเลยนะ... แต่พอดีว่าเราไม่รีบไง แถมงก ก็เลยรอได้ค่ะ 5555 มาถึงหัวลำโพงประมาณสองทุ่ม หรืออาจจะเลทมากกว่านี้อีกนะ เราลืมดูเวลาอ่ะ เลยไม่ค่อยแม่นเรื่องเวลาเท่าไหร่นะ
#เราไม่ค่อยได้ถ่ายรูปบรรยากาศที่หัวลำโพงเลย แต่คนเยอะมากๆ เลยค่ะ ทั้งชาวไทยและต่างชาติ หลายคนก็ต่างจุดมุ่งหมายกันไป
เราซื้อตั๋วรถไฟ กรุงเทพ – เชียงใหม่ ควรจองตั๋วรถไฟล่วงหน้านะค่ะ ถ้าจองกระชั้นชิดโอกาสที่เต็มสูงมากค่ะ
เราซื้อตั๋ว เบาะปรับเอน พัดลม รถไฟขบวนที่ 51 (แนะนำขบวนนี้นะค่ะ เพราะเราอ่านรีวิวมาหลายรีวิว ขบวนนี้วิวดีสุดล่ะ และก้อไม่ผิดหวังนะ) รถไฟออกจากสถานีหัวลำโพง เวลา 22.00 น. ถึงที่หมายเชียงใหม่ เวลาประมาณ 13.00 น. (แต่ในตั๋ว ระบุเวลาถึง 12.10 ) ใครที่กลัวรถไฟถึงช้า ไม่ต้องกลัวนะค่ะ รถไฟออกตรงเวลามาก วันที่เราไป สี่ทุ่มนี่คือล้อหมุนนะค่ะ ฉะนั้นต้องไปขึ้นโบกี้ก่อนสี่ทุ่มนะค่ะ ไม่งั้นตกรถไฟแน่ๆ
บรรยากาศในรถไฟ ไม่เหม็น ไม่ร้อน แต่มีเสียงรถไฟนิสสสนึง มันก้อได้อารมณ์ไปอีกแบบนะ มีลมเย็นๆ ตีหน้า ยิ่งรถไฟวิ่งออกไปใกล้จากเมืองเท่าไหร่ เรารู้สึกว่าลมมันยิ่งสดชื่นมากขึ้นนะ แถมมีวิวให้เราได้ดูตลอดทางด้วย เราทนไม่ไหวค่ะ หลับไปตอนเที่ยงคืน ตื่นอีกที ตี 4 มาเริ่มเช้าแถวๆ อุตรดิตถ์มั้ง ถ้าเราจำไม่ผิดนะ มัวแต่มองวิวเพลิน ไม่ค่อยได้สนใจสถานีซักเท่าไหร่อ่ะ เรานั่งฝั่วขวาของขบวนนะ เป็นฝั่งที่เห็นวิวเยอะสุดนะ เพราะด่านซ้ายจะเป็นด่านที่เจอสถานีตลอดอ่ะ
วิวตลอดทางนี่ unseen สำหรับเรามากกกกอ่ะ ทั้งป่า ลำน้ำ ภูเขา ทุ่งนา ตลอดเส้นทางเราไม่รู้สึกเบื่อเลยจริงๆ เพราะ ทุกที่ไม่เหมือนกัน มีจุดตื่นเต้นให้ดูตลอด มีช่วงหนึ่งที่เป็นสะพานเหล็ก มองลงไปด้านล่างเป็นป่า ซึ่งมองลงไปจากสะพานรู้เลยว่าสูงมากกกกกก ก้อตื่นเต้นกันไปตลอดเส้นทางเนาะ ตามประสาคนนั่งรถไฟครั้งแรก 5555+ เราเชื่อเลยนะว่า ถ้านั่งรถส่วนตัวมานี่ ไม่มีทางได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้แน่ๆ
ระหว่างที่นั่งบนรถไฟนี่ไม่ต้องกลัวจะหิวนะ มีของขายตลอด โอเลี้ยง ชาเย็น (เรายังงว่าเค้าไปชงที่ไหน 5555) ข้าวเหนียว ไก่ทอด โอ้ยยยยยย! สารพัดอ่ะ
หลังจากตื่นตั้งแต่ตีสี่นี่ เราหลับไม่ลงเลยจริงๆ วิวสวย ลมเย็น แต่ว่าหลักๆ นี่รอลอดอุโมงค์ล้วนๆ ค่ะ 5555 จะมีอุโมงค์ทั้งหมด 3 อุโมงค์นะ เราบอกเวลาแน่นอนไม่ได้ว่าจะเจออุโมงค์ตอนไหน นั่งลุ้นไปค่ะประมาน 9-10 โมงนู้นแหละ (ถ้าเราจำไม่ผิดนะ 5555) แต่ถ้าเจออุโมงค์แรกแล้ว อย่ามั่วก้มหน้าก้มตาเช็ครูป หรือเล่นโทรศัพท์นะ เพราะอุโมงค์ที่สองมาไวมากกกกกกกก ย้ำว่ามากนะค่ะ เพราะเรามั่วแต่ก้มเช็ครูป อุโมงค์ที่สองผ่านไป ดูไม่ทันจริงๆ 55555 ทำได้เพียงคอยอุโมงค์ที่ 3 อุโมงค์ขุนตาน นั้นเอง เรารออุโมงค์นี่ค่ะ เพราะตั้งใจจะถ่ายรูปให้ได้
แถ่น แถ้น แถ๊นนนนนนนน!!!! มาแล้ววววว
มาแบบไม่ทันตั้งตัวจริมๆๆ เปิดกล้องกันแทบไม่ทันค่ะ 5555 อุโมงค์ขุนตานนี่ยาวนิดนึงนะ รถไฟจะเริ่มชะลอๆ ภายในอุโมงค์ค่ะ พอโพล่ออกมาก้อจะไปศาลเจ้าพ่อขุนตานค่ะ ก้อจะจอดที่สถานนีนี่ด้วยนะ แปบเดียวจริงๆ พอถึงขุนตานก้อใกล้ถึงเชียงใหม่แล้วละค่ะ อีกอึดใจเดียว ตลอดทางก้อมีผู้โดยสารขึ้นลงตลอด รถไฟขบวนนี้จะจอด เฉพาะสถานีประจำจังหวัดและสถานีใหญ่ๆ เท่านั้นนะ
เวลาประมาณบ่ายโมงก็ถึงสถานีเชียงใหม่พอดี ไม่ได้ถ่ายรูปอีกแล้ว รู้สึกเสียดาย 555 ลงจากรถไฟได้ มุ่งหน้าหาของกินค่ะ อันเนื่องมาจากหิววววว ......และก็หนีไม่พ้น เซเว่น!! ซัดซาลาเปาไปก่อน จากนั้นเดินหาร้านข้าวค่ะ เดินมานิดเดียวเจอร้านแล้ววววว พักกินข้าวกันก่อน
#ร้านอาหารรสชาติกลางๆ เลยค่ะ ไม่ต้องกลัวว่ากินไม่ได้ ราคานี่ก็ไม่แพงนะ เมนูละ 50-60 บาท
หลังจากนั้นเราก้อนั่งรถแดงไปประตูท่าแพกันค่ะ เดี๋ยวเค้าจะหาว่ามาไม่ถึง 5555
( รถแดงที่นี่ ไม่ว่าคุนจะนั่งไปไหน ใกล้หรือไกลก้อ 20 บาทนะค่ะ 5 คนเค้าก้อไปละ แต่ถ้าไม่อยากเสียค่ารถแบบพวกเราก้อวิธีเดิมค่ะ เดินนนนนน...) ที่นี่มันแลนมาร์ค ของเชียงใหม่นะย่ะ ถ่ายรูป เช็คอิน กันซักหน่อย แล้วค่อยไปต่อกันนน
เพื่อความเป็นสิริมงคลของทริป ก็ควรเริ่มทริปด้วยการไปไหว้พระกัน ก็เดินกันตั้งแต่ประตูท่าแพอ่ะค่ะ เดินไปก้อมีป้ายบอก ที่เราใช้วิธีเดินเพราะวัดถี่มากกกกกนะ
วัดแรกที่เราไปนี่เลย.....วันพันอ้น
วัดที่นี่สวยมากจริงๆ นะ ทุกวัดเลย หลังจากนั้นก้อตระเวนวัดเลยค่ะ ไปต่อกันที่
...วัดพันเตา วัดนี้มาจากชื่อวัดพันเท่านะค่ะ ก้อสวยไม่แพ้กันเลย ที่นี่จะมีรอบๆ วัดให้เดินเที่ยวด้วยนะค่ะ ด้านหลังก้อจะมีเจดีย์จำลองให้ดู ด้วยนะค่ะ
วัดนี่นักท่องเที่ยวเยอะนะ ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ ที่เช่าจักรยานแล้วปั่นเที่ยวในเมืองเชียงใหม่ วัดนี้ให้บรรยากาศออกแนวล้านนาเลยละ เพราะจะตกแต่งด้วยโคมที่ออกแนวเหนือๆ อ่ะ หลังจากนั้นเราก้อเดินอีกค่ะ ..เดินกันทั้งทริป 5555
เดินไปที่วัดพระสิงห์ วัดนี่จะมีเสาหลักเมืองเชียงใหม่อยู่ด้วยนะ นักท่องเที่ยวเยอะกว่าวันพันเตาอีก มีรถตู้ที่จอดรอลูกทัวร์เพี้ยบบบบบ ส่วนใหญ่ชาวต่างชาติ นี่ในเมืองเชียงใหม่เดินไปทางไหนนี่ เจอฝรั่ง มากกว่าคนไทยอีก
บรรยากาศวัดพระสิงห์ ก็งดงามตามท้องเรื่องกันไปเนาะ
ถ่ายมาแค่นี้ คนเยอะจริงๆ ถอดใจไม่อยากเข้าเลยยยย ไหวอยู่ข้างนอกก็ได้ ข้างๆ ตรงนี่ก็จะเป็นเสาหลักเมืองนะ บรรยากาศรอบๆ โอเครเลย สวยมากกกกก แต่แดดนี่ร้อนโฮกกกกกกกกก (แต่พี่ฝรั่งเค้าใส่เสื้อกกล้ามท้าแดดกันไป เราคนไทยขอหลบร่มค่ะ 5555)
ไหว้พระกันไปสามวัด ขอไปหาที่พักก่อนละกัน ไม่ต้องสงสัยนะ ทำไมเราไม่พูดถึงเรื่องโรงแรม เพราะเรานอนบ้านเพื่อนค่ะ 5555 ประหยัดไง นั่งรถไกลแค่ไหนฉันก็ยอมมมมมมม ฉะนั้นตัดค่าที่พักเราไปได้เลย (รถแดง 20 เหมือนเดิม รถขาวตลอดสาย 15 บาทเจ้าาาาา) จากนั้นเราก็เข้าแม่ออนกันเลย คืนแรกนอนบ้านเพื่อน อาศัยข้าวเซเว่นกันไปค่ะ
เช้าวันที่ 24 ธันวาคม เราวางแพลนไปเที่ยว ถ้ำเมืองออน กับ บ่อน้ำพุร้อนสันกำแพงค่ะ เพราะอยู่ในอำเภอของบ้านเพื่อนพอดี วันนี้เราเดินทางโดยรถจักรยานยนต์นะ เพราะใกล้ๆ บ้านอ่ะ ประมานสิบโมง ก้อแว๊นกันไปค่ะ ถ้ำเมืองออนที่แรก
ค่าเข้าก็ 20 บาท ซื้อดอกไม้ด้านล่างขึ้นไปไหว้พระได้นะ ทางขึ้นนี่บันได ร้อยกว่าขั้น ก็เดินกันไป ลากกกก...ขากันขึ้นไป 55555 เดินๆ หยุดๆ 5555
ภายในถ้ำ นี่อลังวังเว่ออออออ เหมือนยุในหนังอังกอร์ เสมือนท้องฟ้าวิปริตแปรปรวนทันใดดดดด..... (เว่อไปใช่ไหม 555) สวยมากกกก แต่ทางลงนี่บีบมากค่ะ เรานี่พยายามหยอดตัวลงไป 555 หน้าถ้ำมีไฟฉายให้เช่านะ ก้อเช่าติดมือลงไปด้วยละกัน เอาไว้ส่องทาง ด้านในค่อนข้างจะมืดนิดนึงนะ บันไดนี่แคบมากกกก ขาสั่นกันเลยทีเดียวววว
ภายในถ้ำมีหินงอก หินย้อย ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติค่ะ
อันนี้ เค้าบอกว่าเหมือนไดโนเสาร์นะ เรามองเป็นพันธุ์ที่มันบินได้อ่ะ ไม่รู้จักชื่อเหมือนกัน 555555
ภายในมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ส่วนอีกอันเรียกว่า พระธาตุนมผา ที่เรียกว่าพระธาตุนมผาพระว่า สีเหมือนน้ำนม เกิดจากแคลเซียมที่หยดลงมาจากด้านบนเป็นเวลานาน จนสะสมเป็นแท่งขนาดใหญ่ ปัจจุบันก็ยังมีการหยดอยู่นะค่ะ
เสร็จจากถ้ำเมืองออน เราก็ go to บ่อน้ำพุร้อนสันกำแพงค่ะ ไปต้มไข่กันนนนน....
จากถ้ำเมืองออน ขับรถมาประมาน 5 กิโลค่ะ (หรือหลายกิโลเนี้ยแหละ เราก้อจำไม่ได้ หลายที่เกิ้นนนน) ก้อจะถึงบ่อน้ำพุร้อน ทางไม่ลำบากนะ ไม่มีขึ้นเขา ขับชิวๆ เลย เราไปตอน 11 โมง คนเริ่มเยอะแล้วนะ แต่แดดนี่ มาเปรี้ยงเลยค่ะ
เดี๋ยวไปต่อข้างล่างเน้อออออ