ขอแชร์ประสบการณ์ดีๆที่ได้รับจากรีสอร์ทชื่อ "บ้านฟองตา รีสอร์ท"

สวัสดีครับ วันนี้ผมจะขอแชร์ประสบการณ์ดีๆที่ได้พบในช่วงที่ไปเที่ยวปีใหม่ที่ผ่านมาครับ
วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม 2559 ผมไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน โดยผมและเพื่อน เข้าพักที่รีสอร์ทแห่งนึง ชื่อ บ้านฟองตา รีสอร์ท
ซึ่งที่ตั้งของรีสอร์ทแห่งนี้ จะต้องวิ่งไปทางประตูด้านหลังของทางอุทยาน ไปตามเส้นที่ทะลุไปหมู่บ้านแม่กำปอง แต่ไปแค่ 3-4 กิโลเมตร ก็จะพบรีสอร์ทตั้งอยู่ด้านซ้ายมือ



ตอนกลางคืน พวกผมให้ทางรีสอร์ทช่วยจัดเตรียมหมูกะทะพร้อมเครื่องดื่ม ซึ่งพี่เจ้าของรีสอร์ทชื่อ "พี่อ๊อฟ" ก็จัดเตรียมอาหารให้อย่างดีเยี่ยม

ผมขอพูดถึงประเด็นที่มาตั้งกระทู้นี้เลยดีกว่า
พวกผม check out วันจันทร์ที่ 4 มกราคม 2558 แล้วเดินทางไปนอนค้างคืนต่อที่ตัวเมืองกำแพงเพชร

เมื่อผมมาถึงที่พักกำแพงเพชร ผมก็จะเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อเล่นน้ำริมแม่น้ำปิง สิ่งที่ผมตกใจก็คือ สร้อมทองหนักสองบาทพร้อมพระเครื่องหนึ่งองค์ ไม่ได้อยู่ที่คอผม

ผมรีบคิดทันทีว่า ผมลืมสร้อยทองเอาไว้ที่ไหน หรือว่าสร้อยทองหลุดหายไปตั้งแต่เมื่อไหร เพราะสร้อยทองเส้นนี้มันหลุดบ่อย แต่เมื่อหลุดผมจะรู้สึกตัวตลอด

สุดท้าย ผมนึกได้ลางๆว่า น่าจะถอดสร้อยไว้ตอนที่นอนที่ บ้านฟองตารีสอร์ท โดยน่าจะถอดวางไว้ใต้หมอน

แฟนผมจึงรีบโทรหาพี่อ๊อฟเจ้าของรีสอร์ททันที แต่โทรไปแล้วพี่เค้าไม่รับสาย ยิ่งทำให้ผมกระวนกระวายใจ ภาวนาขอให้ทางรีสอร์ทเห็นและเก็บไว้ให้

พี่อ๊อฟโทรกลับมา แจ้งว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่รีสอร์ท จะโทรเช็คกับแม่บ้านให้ว่าเห็นสร้อยมั้ย ผ่านไปประมาณสามนาที พี่อ๊อฟโทรกลับมาแจ้งว่า แม่บ้านไปทำความสะอาด แล้วพบสร้อยของผม แต่ไม่ได้เจอที่ใต้หมอนนะครับ แต่เห็นแขวนเอาไว้ใกล้ๆกับประตู

แต่ไม่ว่าเจอที่ไหน ผมก็รู้สึกดีใจมากๆที่แม่บ้านเจอของลูกค้าลืมไว้ แล้วเก็บรักษาเอาไว้ ซึ่งถือว่าผมโชคดีมากๆที่เจอแม่บ้านนิสัยดีชื่อพี่กุ้ง

คราวนี้ผมก็ต้องหาทางที่จะไปเอาสร้อย ซึ่งผมไม่เลือกวิธีการที่จะให้รีสอร์ทส่งมาทาง EMS
ตอนแรกผมตั้งใจว่า วันรุ่งขึ้นจะขี่รถจากกำพงเพชรไปที่ลำปาง ระยะทางประมาณ 300 กว่ากิโล และขี่จากลำปางกลับกรุงเทพอีก 600 กว่ากิโล ระยะทางรวมก็ 900 กว่ากิโลซึ่งไกลมากๆ

พี่ในกลุ่มเห็นผมโพสในเฟชบุค ชื่อพี่ไพ บอกผมว่ามีแผนจะไปเชียงใหม่ วันศุกร์ที่ 8 มกราคมพอดี จะช่วยเข้าไปรับสร้อยให้ จึงทำให้ผมไม่ต้องเดินทางไกล

เมื่อถึงวันศุกร์ พี่ไพเดินทางไปถึงลำปางประมาณบ่ายสาม ก็ได้เจอพี่อ๊อฟเจ้าของรีสอร์ท แล้วได้มอบสร้อยทองคืนให้ ซึ่งพี่อ๊อฟใจดีมากๆ โดยนำสร้อยใส่ซองให้อย่างดี



ผมไม่รู้จะตอบแทนแม่บ้านรีสอร์ทที่ชื่อพี่กุ้งอย่างไรดี จึงบอกพี่ไพให้ช่วยมอบสินน้ำใจ 1000 บาท ซึ่งผมมองว่า เงินจำนวนนี้ ยังน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับสิ่งที่แม่บ้านช่วยเก็บสร้อยผมไว้ให้

รูปนี้เป็นรูปที่พี่ไพ เจอพี่อ๊อฟเจ้าของรีสอร์ท



รูปนี้เป็นรูปแม่บ้านชื่อพี่กุ้ง



สุดท้ายนี้ ผมขอขอบคุณแม่บ้านรีสอร์ทชื่อพี่กุ้งมากๆครับ ที่ช่วยเก็บสร้อยทองผมไว้ให้ ซึ่งผมมาทราบภายหลังว่า ลูกของพี่กุ้งไม่สบาย และพี่กุ้งดีใจมากที่ได้รับสินน้ำใจจากผม 1000 บาท เพราะจะนำเงินไปรักษาลูก
พี่กุ้งเป็นคนดีมากๆครับ เพราะถ้าเป็นคนอื่น ผมอาจจะไม่โชคดีแบบนี้ ยิ่งถ้าเจอคนที่มีเรื่องเดือดร้อน ต้องใช้เงินด้วยแล้ว โอกาสที่จะได้สร้อยคืนคงน้อยมากๆ

ขอบคุณพี่อ๊อฟ เจ้าของบ้านฟองตา รีสอร์ท ที่ช่วยติดต่อสอบถามแม่บ้าน และช่วยเก็บสร้อยทองเอาไว้ให้จนถึงวันที่พี่ผมไปรับคืน ขอบคุณมากๆเลยครับ

ขอบคุณพี่ไพ พี่ชายใจดีที่เสียสละเวลางาน เข้าไปรับสร้อยให้ผม ถ้าไม่มีพี่  ผมคงต้องเหนื่อยหนักมาก และคงเสียทั้งเงินและเวลาในการไปรับสร้อยคืน

ประสบการณ์ที่ผมมาแชร์ อยากจะให้ทุกรีสอร์ท ทุกโรงแรม หรือที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว มีความซื่อสัตย์เหมือนกับที่ บ้านฟองตารีสอร์ทครับ เพราะว่าจะทำให้นักท่องเที่ยวกลับมาเที่ยวที่พักของคุณอีกครั้งแน่นอน
และสำหรับผม  ผมสัญญาว่า จะกลับไปพักที่ บ้านฟองตารีสอร์ทอีกครั้งแน่นอนเมื่อมีโอกาสไปเที่ยวแถวแจ้ซ้อนครับ

ผมไม่ได้โฆษณาที่พักนะครับ แต่อยากแชร์ที่พักที่มีคนดีดูแลเราครับ



ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่