วัฒนธรรมการชมวิวธรรมชาติไปในขณะอาบน้ำของคนญี่ปุ่น

สิ่งแวดล้อมที่เราเกิดและเติบโตมามักมีอิทธิพลอย่างมากต่อมุมมองชีวิตและพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน
การที่คนไทยกับคนญี่ปุ่นมีอุปนิสัยและวิธีการพูดคุยที่ต่างกันเอาการอยู่่เหมือนกัน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสภาพอากาศ
จขกท.มาเป็นแม่บ้านไทยอยู่เมืองเซนไดได้เกือบจะ 30 ปีแล้ว ได้ซึมซับจากประสบการณ์ว่าเป็นธรรมเนียมคนญี่ปุ่นที่จะต้องทักทายกันด้วยการพูดถึงความเป็นไปของดินฟ้าอากาศในช่วงนั้นๆ เป็นต้นว่า ลมเย็นเริ่มพัดโบกโบยแล้ว.. ช่วงนี้อากาศหนาวขึ้นนะ.. หิมะตกหนักสาหัสสากรรณ์.. อากาศค่อยๆเริ่มอุ่น ดอกบ๊วย (ซะกุระ, ทิวลิป, ฯลฯ)เริ่มบาน ...ก่อนจะเข้าเรื่อง หรือแม้ไม่มีเรื่อง การพูดคุยกันเรื่องพวกนี้ช่วยได้มากเวลาหาเรื่องคุยไม่ได้

ขณะที่จขกท.กำลังเขียนอยู่นี้เป็นช่วงฤดูหนาว เมืองเซนไดที่อยู่ในภูมิภาคโทโฮะกุหรือตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น จะหนาวเย็นกว่าโตเกียว โอซาก้า หรือเมืองอื่นๆที่อยู่ตอนใต้ลงไป และมีภาพลักษณ์ของหิมะที่ตกหนาขาวโพลน ปกคลุมขุนเขาและท้องทุ่ง ใครที่ดูโอชิน ให้นึกถึงฉากเมืองชนบทที่โอชินอยู่ตอนเด็กๆ เพราะเมืองนั้นอยู่ในจังหวัดยะมะกะตะ ข้างๆเซนไดที่จขกทอยู่นั่นเอง

ในเมื่อหิมะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนญี่ปุ่นเขตหนาว ผู้คนต้องขวนขวายหาวิธีต่อสู้กับความหนาวเหน็บ แต่ในขณะเดียวกันเกิดวัฒนธรรมการชื่นชมหิมะในขณะที่ทำอะไรๆไปด้วย ในภาษาญี่ปุ่นถึงกับมีคำหนึ่งที่เรียกความบันเทิงของการชมหิมะในขณะที่ทำอะไรอย่างใดอย่างหนึ่งไปด้วยว่า "ยุคิมิ" (雪見, yukimi)  เช่น คำว่า Yukimi-bune คือการนั่งเรือชมหิมะ,  Yukimi-zake คือการดื่มเหล้าสาเกขณะชมหิมะ, Yukimi-buro คือการอาบออนเซ็นขณะชมหิมะ เป็นต้น

ใกล้ๆเมืองเซนไดที่จขกท.อยู่ มี Akiu Onsen (อะคิอุ ออนเซ็น) ที่มีชื่อติดอันดับของออนเซ็นในญี่ปุ่น ที่นี่มีเรียวกังหลายแห่งที่มีวิวงดงามยามหิมะตกให้ชมในขณะอาบน้ำแร่ เพราะอยู่ในบริเวณหุบเขาใกล้แม่น้ำและโตรกธาร ในช่วงฤดูกาลนี้ โรงแรมต่างๆจะใช้คำว่า "ยุคิมิบุโระ" เป็นคำเรียกร้องดึงดูดความสนใจจากลูกค้า ในขณะที่นักเดินทางก็จะเสริชหาโรงแรมที่มีคีย์เวิร์ดว่า "ยุคิมิบุโระ" กัน โรงแรมที่ขึ้นชื่อที่อะคิอุมีดังต่อไปนี้

โรงแรม  Hananoyu(華乃湯)http://www.hananoyu.com/english/


โรงแรม Kiyomizu(ホテルきよ水) http://www.kiyo-mizu.jp/


โรงแรม  Hotel New Mitoya (ニュー水戸屋) http://www.mitoya-group.co.jp/english/ 


โรงแรม  Ryokusuitei(緑水亭)http://www.ryokusuitei.co.jp/


โรงแรม Iwanuma-ya(岩沼屋)https://www.youtube.com/watch?v=GMMn-9_rM7k


โรงแรม Sakan (佐勘) http://www.sakan-net.co.jp/en/


น้ำแร่ที่แหล่งออนเซ็นอะคิอุ มีความเป็นเกลืออ่อนๆ มีโซเดี่ยม แคลเซี่ยม สรรพคุณ บรรเทาอาการโรครูมาติก, โรคทางเส้นประสาท, แผลหรืออาการที่ผิวหนัง, เลือดจาง, โรคทางนรีเวช ทำให้ตั้งแต่ในสมัยโบราณมีผู้คนเดินทางมาพักในบริเวณนี้นานๆเพื่อรักษาสุขภาพ และสรรพคุณทางการแพทย์นี้เองที่ทำให้อะคิอุมีชื่อตั้งแต่เมื่อ 1500 ปีก่อน เมื่อจักรพรรดิ์คิมเม (欽明天皇) จักรพรรดิ์องค์ที่ 29 ของราชวงศ์ญี่ปุ่นประชวรด้วยโรคทางผิวหนัง รักษาอย่างไรก็ไม่หาย แต่พอได้ยินสรรพคุณของน้ำพุร้อนอะคิอุ ก็บัญชาให้ลำเลียงน้ำส่งมาเพื่อมาลงสรง ปรากฏว่าวันต่อๆมาพระอาการดีขึ้นจนหายสนิทเป็นที่พอพระทัย จนถึงกับแต่งเป็นกลอนสดุดีน้ำแร่ของอะคิอุลงบนหลักศิลาจารึกไว้ และจากนั้นมาสำนักราชวังก็ได้แต่งตั้งให้อะคิอุออนเซ็นเป็นหนึ่งในสามน้ำแร่หลวง (三御湯) บุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นได้เดินทางมาอาบน้ำแร่ที่อะคิอุนี้กันจนถึงทุกวันนี้

จากเริ่มเดิมทีการอาบน้ำเพื่อทำความสะอาดร่างกาย วิวัฒนาการมาเป็นการอาบแช่เพื่อรักษาโรค บำรุงสุขภาพ ขยายไปถึงเป็นการเสริมความงามของผิวกาย และกลายการมาเป็นการแช่พลางชมวิวเพื่อความสุนทรีย์ทางอารมณ์ จขกท.พยายามนึกว่าที่เมืองไทยมีวัฒนธรรมความบันเทิงใดใกล้เคียงหรือเทียบเท่ากับวิวัฒนาการของการอาบน้ำแร่ญี่ปุ่นได้บ้าง นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก นึกได้แต่เห็นภาพวัฒนธรรมการกินอาหารตามร้านริมคลองของบ้านเรา ที่เริ่มจากพื้นฐานการกินอาหารเพื่อประทังชีพ พัฒนามาเป็นการกินเพื่อความสนุกหรรษา และเพลิดเพลินชมวิวไปด้วย ...ในขณะที่ของญี่ปุ่นจะเป็นความบันเทิงแบบเงียบๆ ของไทยจะมีเสียง มีสีสรร เป็นความบันเทิงของคนสองชาติที่มีลักษณะต่างกันสิ้นเชิง
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่