บ้านเหลือเงิน400 สู้จนมีธุรกิจเป็นของตัวเองเดือนละ2แสน

กระทู้คำถาม
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
เป็นเด็กที่มีหัวการค้ามากเลย และไม่อยู่นิ่งด้วย

อนาคตต้องรวยแน่ๆคนแบบนี้. อวยพรให้ประสบผลสำเร็จนะคะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
สวัสดีครับ ผมเอาเรื่องราวของผมมาแชร์คับ สำหรับคนท้อหมดหวัง ผมผ่านจุดที่มันแย่มากๆมาได้ครับ

ผมบอกก่อนเลยคับว่าที่บ้านผมรวยตั้งแต่ผมเกิดครับ ผมมีพี่น้อง3คนเป็นแฝด3ครับอยากได้อะไรก็ได้สุขสบายพี่เลี้ยงเป็น10ครับ จุดที่มันเปลี่ยนชีวิตผม คือพ่อผมเสียครับ คุณพ่อผมก็ทิ้งมรดกไว้เยอะครับตอนนั้นผมอายุ13ปี ที่นี้ก็ไช้เงินไปเรื่อยๆ
แม่ผมเป็นคนใจดีใครเดือดร้อนมาช่วย ญาติพี่น้องมาหานี้ให้เงินเป็นหมื่นได้ ผมเห็นตลอดตอนเด็กๆผมรู้เรื่องหมด แต่ด้วยแม่ผมยังปรับนิสัยตัวเองไม่ได้ ไช้เงินเหมือนตอนพ่อผมอยู่ พ่อหาเงินได้วันละหลายแสนแม่หาได้แค่หมื่น เงินที่ไช้ก็เงินมรดกไปเรื่อยๆ ผมก็ไม่คิดอะไรเพราะผมยังเด็กตอนนั้นยังไงก็ได้ผมขอเงินเที่ยวแม่ก็ให้แล้วให้ที่ต้องให้3คน แล้วแต่ก่อนเสื้อผ้าใส่ตัวละ100ไม่ได้คับต้องเป็นพันตอนนั้นกำลังโตซื้อเสื้อผ้ากันที่เป็นหมื่น เป็นเด็กเกเรเสารออาทิตแต่ก่อนชอบไปตั้งแก๊ง อยู่สยาม อยู่เซนลาด แต่ก่อนเข้าเรียกเด็กแก๊ง ตอนนั้นพอจะรู้ว่าเงินที่บ้านใกล้หมด เริ่มขายที่ขายรถ รถประมาน5คันก็ขายกินหมด ที่ดิน
ขายหมดเลย จนตอนนั้นแม่ผมไปต่างประเทศ3เดือนไปหาญาติเพื่อจะหาจ้างจดทะเบียนกับต่างชาติ ก็ได้มาเป็นคนรู้จักกับแฟนญาติ

ตอนนั้นผมอายุ15แหละคับปัญหาเยอะมากตั้งแต่พ่อเสียผมต้องลาออกจากโรงเรียนคับตอนนั้น ม3  แม่ผมขายทุกอย่างที่ไทยทิ้งเช่าคอนโดอยู่ เพราะจะไปอยู่ ตปท กันรอฝรั้งมาจดทะเบียนสมรสคับ
พอมันมาจดคับจดเรียบร้อยแต่ขอเอกสารไปมันบอกลืมเอามา ก็จ่ายให้มันไปเกือบล้านก็ครึ่งนึงบอกไปว่าถ้ามันส่งเอกสารมาจะจ่ายอีกครึ่ง มันกับประเทศมันไปมันหายไปเลยคับเป็นเพื่อนญาติด้วยญาติก็ไม่ตามให้ ทั้งที่ตัวเองพามา ที่นี้ไม่ได้ไปแล้วคับฟ้องหญ่า ก็ต้องหาธุรกิจทำสิครับเหลือเงินมากเอนหนึ่ง มีญาติอยู่ ลพบุรีคับ เค้าชวนไปทำโรงไม้ คือพ่อผมเป็นเซลขายไม้ ไม้แปรรูปก็คิดกันน่าจะโอเคเพราะรู้จักวงการไม้เยอะก็ได้ที่สร้างเสร็จ ทำสัญญาได้แค่ปีเดียว แม่ผมไม่เคยทำธุรกิจ ได้ทำสัญญาเช่าที่ดินไว้1ปี นี้คือเสี่ยงมากๆ ปีเดียวยังไม่ได้ทุนคืนเลย แล้วปีนั้นน้ำท่วหนักมาก เจ้าของที่ก็บอกต่อเป็นปีๆไปไม่เป็นไรยังไงก็ต่อให้ ก็โอเค ก็ลงทุนไปเยอะมากๆครับ ญาติก็อาสาจะซื้อของให้ก็บวกกำไลเพิ่มเยอะ แม่ก็รู้แต่แม่นิสัยใจดีครับ55  ก็ให้เข้าโกงนู้นโกงนี้เอานู้นเอานี้ไป นี้ขนาดน้องแม่แท้ๆนะเนี้ย ผมไม่ได้ไปไหนเลยคับอยู่นั้นได้ปี1 บอกก่อนว่าผมไช้เงินเยอะแต่ผมเก็บเงินเก่งคับ เก็บแล้วบอกไม่มีเงินเป็นคนขี้งกคับ ไม่ค่อยได้เที่ยวเลย  แม่ผมก็ให้เงินคนละก้อนไปลงทุนคับ ผมเปิดร้านขนมอยู่ใกล้ๆ ขายดีครับ วันละหลายพัน ทำขนมจัดกล่องส่งตามงาน
งานศพ งานแต่ง ประชุม ขายดีมาก ผมก็มีเงินเก็บคับส่วนหนึ่ง  โรงไม้ก็ลูกค้าเยอะคับ แม่เหนว่าลูกค้าเยอะคับ ก็เลยสั่งไม้มาเป็นล้านเลยครับแต่บริษัทให้เครดิต  3เดือนค่อยจ่าย ตอนนั้นก็เปิดโรงไม้ได้เกือบปี  ปัญหาใหญ่เกิดขึ้นครับน้ำท่วมคับช่วงนึง ทำให้ขายไม่ได้เลย ติดหนี้บริษัทเป็นล้านครับ เงินเก็บเหลือน้อย ค่ารถไม่จ่าย4เดือน แย่มาก แต่ร้านขนมผมก็ขายได้คแต่จะมาช่วยโรงไม่ไม่ได้หลอกครับ ไม่งั้นก็เจ๊ง  นี้ว่าแย่แล้ว สันยาครบนึงปี เจ้าของที่
ไม่ต่อสันยาให้ ทะเลาะกับเจ้าของที่ ตอนนั้นไม่เหลือเงินกันทั้งบ้าน ผมมีเงินอยู่แต่ไม่มากไม่กี่หมื่น ผมก็ต้องเก็บไว้บอกว่าไม่มีเหมือนกัน ไม่รู้จะทำไงดี จนมีน้องสาวแม่คนเล็กสุดคับ บอกก่อนเลยว่าแม่ผมมีพี่น้อง5คนคับ เค้ารู้เรื่องเค้าบอกจะช่วยให้ย้ายมาอยู่ใกล้ๆเข้า คืออยู่ ขอนแก่น -สารคามคับ ก็ย้ายของไปตั้งโรงไม้ให้อยู่ที่สารคาม

ตอนนั้นอายุ16คับ
เงินก็มีไม่เยอะน้าสาวก็ช่วยเงินหลายล้านแต่เค้าช่วยแค่นี้ก็เยอะแล้ว เราก็ไม่มีเงินไปจ้างคนงานมาตัดป่าไม้ ที่ไปทำมันอยู่ ชาญเมืองครับ มีแต่ป่าแล้วก็มีหมู่บ้าน ไม่มีตังก็ต้องตัดต้นไม้กันเองคับ ตัดต้นยูคาเป็นไร่ๆเลย มือบวมหมดอะครับเหนื่อยมากเกิดมาไม่เคยเจออะไรแบบนี้ ต้องมาเทปูน ทำเป็นก่อสร้างเองเลยครับ จะร้องไห้ทะเลาะกับแม่บ่อยมาก ปัญหาเยอะ น้ำประปาไม่มีต้องดูดน้ำคลองมาอาบ เหม็นก็เหม็น ชีวิต
เลวร้ายมาก ตังก็เหลือ400 ทั้งบ้าน ไอเงินเก็บผมก็เอาช่วยซื้อข้าวกินด้วยก็จะหมดเหลือเงินไม่กี่พันต้องเก็บผักบุ้งมาผัดกิน ไข่เจียว กินทั้งบ้าน ด้วยผมได้ดูหนังเรื่องนึงพอดี ทำให้ผมมีกำลังใจ วัยรุ่นพันล้านครับ ผมเห็นเห้ยเข้ายังทำได้เลย เราก็ทำได้สิ ผมก็เลยจะหาไรขายคับ มีเงินไม่กี่พัน ผมไม่เคยนั้งรถทัวเลยคับครั้งแรก ปกติไปไกลนั้งเครื่องบิน ด้วยเงินเหลือน้อย ก็นั้งรถทัวไปสำเพ็งไปเอาครีมมาขาย แต่ก่อนขายในบีบีคับ บอร์ดพินขายไป วันนึงได้หลายพัน ขายดีเฉย เพราะผมเป็นรุ่นแบบขายของแรกๆด้วย แต่เงินไม่มีเก็บคับต้องช่วยที่บ้านคับ แล้วที่นี้คนเห็นว่าขายดีมาขายกันเต็มเลยถูกกว่าผมมากผมก็เริ่มขายไม่ได้  ผมก็มีเงินเก็บ
ที่นี้ไปหาขายของตลาดนัดคับ ก็ได้เรื่อยๆคับแต่ไม่ดีนัก โรงไม้นี้ก็ขายไม่ค่อยดีคับ ขายได้ก็ต้องเอาเงินไช้หนี้ไช้กินไช้อยู่ ทำอะไรใหญ่มันต้องมีเงินสำรอง จนน้องแม่คนที่อยู่ต่างประเทศมาเที่ยวไทยก็เห็นว่าเราขายของ ก็ชวนเราไปทำงานต่างประเทศไหมเงินดีนะ ตอนนั้นอะไรก็ได้แล้วอะ ไปก็ไปภาษาก็ไม่เก่งด้วย เอาวะไปก็ไปไปขอเงินค่าตั๋วเครื่องบินน้ามากว่าจะได้ไปลำบากคับ อายุน้อยด้วยเงินกว่าจะยืมเค้าได้แม่งกดดันสุดๆอะไรวะเนี้ยชีวิตตอนนั้นลำบากมากเป็นปี

ตอนนี้ก็อายุได้17
ก็ได้ไปอยู่ตปท
บอกงานเยอะหางานให้ทำ น้าเอาไปช่วยแฟนทำก่อสร้าง ลำบากพม่าชัดๆ กูไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลยคิดในใจ มาสี เทปูนในใจก็สู้หวังได้เงินดี ทำตั้งแต่6โมงเช้ายัน6โมงเย็นแล้วต้องเดินไปทำงานต่อที่ร้านอาหารไทยเปนกิโล
ไม่ขับรถไปส่งด้วย ทำแบบนี้ทุกวัน เหนื่อยมาก น้าก็ทะเลาะกับแฟนทุกวัน โดนตีอีก อยากจะต่อยมากแต่ทำไม่ได้ ก็อดทน โทสับก็ไม่ได้ติดต่อกับแม่เลย ไม่ให้เล่นโทสับอีก นิสัยไม่ดีมาก จนหาทางติดต่อบอกแม่ไม่ไหวแล้วอยากกลับไทย แม่ก็หาเรื่องพูดต้องกลับมาสอบ มันก็คงรู้แหละว่าฟ้องแม่แน่ๆมันก็ให้กลับ
ให้เงินค่าแรง3เดือน ให้กู 2หมื่นไทย กูทำที่ไทยดีกว่าไหม ก็เลยกลับ

กลับมาไทยก็หาทางไปอีก ก็มาศึกษาดูที่นี้ก็ไปวีซ่านักเรียน คือได้โอกาศจากแม่เพื่อนคับเข้ารู้ว่าทางบ้านเราไม่โอเค ก็เลยให้ไปอยู่ด้วยทำงานกับเค้า เค้าเปิดร้านอาหารอยู่หลายสาขาครับ เงินเรียนก็ไปยืมๆเค้ามาไปกู้มา ดอกแพงมากต้องรีบๆคืนเลย ก็ไปถึงฝึกเราเป็นเชฟเลย เราทำจนส่งเงินหมด มีเงินก้อนกลับมาไทยครับ

กลับมาที่นี้ก็ต้องหาธุรกิจทำครับ เคยเปิดร้านเค้กแล้วขายดี ก็รองดู ไปหาทำเลได้หลัง มอ สารคาม ตรงข้ามผับเลยคับ ทำเลดี แต่ค่าเซ้งก็2แสนกว่าคับ ตอนนั้นมีเงินไม่ถึงคับแต่อยากได้ ก็เอาวะ ไปหากู้ที่เดิมอีก (ผมไม่เนะนำให้ไปกู้นะคับถ้าเราไม่มีเงินส่งตายแน่ๆคับ) รวมๆก็ลงทุนไปทั้งหมด4แสนคับ
ยังไม่มีอะไรเลยได้ร้านมาธรรมดามากๆ ไม่มีแอร์ ตอนแรกๆชงน้ำไม่ได้เรื่องเลยคับ เราบางวันเหลือเงินพันเดียวไว้เป็นตังทอนลูกค้า เปิดมาขายดี วันนึงหลายพันคับ แต่ต้องจ่ายเงินกู้ทุกวันแบบลุ้นทุกวันคับให้ขายดี

ตอนนี้ประมาณ19คับ
ก็เปิดมาได้เป็นปีร้านขายดีใช้หนี้ตัวเองหมดครับขยายร้านทำร้านใหม่มีตังก็ทำไปเรื่อยๆ คืออยากได้ร้านที่ดูดีทุกอย่าง แต่โรงไม้เริ่มไม่โอเคคับค่าไช้จ่ายเยอะเกินไป รายได้มีไม่เท่ารายจ่าย ผมก็บอกให้แม่ขายทิ้งซะ ไช้หนี้แล้วมาอยู่ที่ร้านกับผม ที่นี้ผมก็ ทุกวันนี้แม่ก็เป็นหนี้หลายล้านคับ แต่มันต้องตัดทิ้ง
ที่นี้ผมต้องรับผิดชอบครอบครัว ค่าไช้จ่ายผมก็เยอะเช่นกัน
ผมให้เงินแม่เดือนละ20000  ให้น้องเป็นบาริสต้าเดือนละ15000 ค่าเช่าตึก 30000 ค่าลูกน้องpasstime เดือนละเกือบ20000 ค่าน้ำคราไฟเดือนละ10000
ค่ากินอยู่อีกเดือนเป็น แสนคับ ไช้หนี้สินให้แม่อีกคับ
เปิดมาสักพักก็เปิดร้านสักเพิ่มคับ ผมเป็นคนชอบสักกันเต็มแขนกันเลยคับ3พี่น้อง ลายๆด้เดือนเกือบแสนเหมือนกันจนตอนนี้ผมก็ให้น้องดูแล

ตอนนี้20ได้2เดือน
ผมก็หาอะไรทำเพิ่มอีกคับ ผมกลับมากรุงเทพมาหาของขายก็เลยได้ ตลาดรถไฟรัชดา มาขายบิ๊งซูน้ำแข๊งใสกับปลาหมึกทอดไต้หวันคับก็กว่าจะหาที่ได้ นี้ก็ถือว่าโชคดีมาก
ทุกอย่างสอนให้ผมโตขึ้นคับ ทำอะไรผมก็จะนึกถึงครอบครัว จะไช้เงินซื้ออะไรคิดแล้วคิดอีก กินแพงๆยังไม่กล้าเลย กลัวถ้าวันไหนร้านขายไม่ดีขึ้นมาละเราไช้เงิน ไม่มีจ่ายค่าเช่านะ ไม่มีจ่ายค่านู้นค่านี้นะ ผมก็ยังไม่หยุดแค่นี้หลอกคับ ผมคงหาทางหาเงินเพิ่มไปเรื่อยๆ เราไม่อยากกลับไปลำบากอีก จะขอยืมเงินใครยังยากเลย ท้อมาหลายครั้ง แต่เราสู้คับ อดทน นึกถึงตอนลำบากเสมอ

คงเป็นแรงบันดาลใจให้คนที่กำลังท้อกำลังหมดหวัง จริงๆมีเยอะกว่านี้อีกครับแต่กลัวมันจะยาวเกินไป ขอบคุณครับ

ตอนนี้ผมไช้หนี้สินทุกอย่างทางบ้านหมดแล้วครับแล้วมีเงินเก็บพอสมควร

ผมไช้หนี้หมดแล้วผมก็เลยส่งตัวเองมาเรียนต่อต่างประเทศมาเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยก็มาทำร้านอาหารครับมาล้างจานจนได้เป็นchefเดือนละแสนครับทุกวันนี้ ก็เก็บตังไปเรื่อยๆ หาดูลงทุนศึกษาอะไรหลายๆอย่างไปครับ ไช้หนี้หมดรู้สึกโล่งมากครับทุกวันนี้ ผ่านเรื่องเลวร้ายที่สุดมาได้ มองย้อนกลับไปก็คิดว่ากูมาถึงจุดนี้ได้ไงว่ะ ฮ่าๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่