ปัญหา “พักทำละหมาด” รัฐโคโลราโด ได้ไล่พนักงานมุสลิมเกือบ 200 ชีวิตออก

กระทู้คำถาม
เอเจนซีส์ - โรงงานแปรรูปอาหารประเภทเนื้อสัตว์ คาร์กิล มีต โซลูชันส์ (Cargill Meat Solutions)
                   ในเมืองฟอร์ต มอร์แกน รัฐโคโลราโด ได้ไล่พนักงานมุสลิมสัญชาติโซมาเลียจำนวนเกือบ 200 คนออกจากงาน
               
                   หลังจากเกิดการสไตรก์ผละงานเนื่องจากความไม่พอใจ
          ที่ทางโรงงานไม่อนุญาตให้พนักงานพักเบรกชั่วคราวเพื่อทำละหมาดพร้อมกันทีเดียวถึง 11 คน
       


                         CBS รายงานล่าสุดว่า ปัญหาด้านศาสนาและการทำงานได้เข้าสู่โรงงานแปรรูปอาหารในสหรัฐฯ
                     แล้ว เมื่อพบว่าการทำละหมาด 5 ครั้งต่อวันซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวมุสลิมยึดถือต้องส่งผลทำให้ไม่มีงานทำ
                   
                 หลังจากที่พนักงานมุสลิมในรัฐโคโลราโด 10 คนจากทั้งหมด 11 คนตัดสินใจลาออกด้วยการคืนบัตรผ่าน
          เข้าโรงงานและหมวกนิรภัยให้กับหัวหน้าแผนกควบคุมหลังสิ้นสุดกะงานในวันนั้นเนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปทำละหมาด
       


                        โดยสื่อสหรัฐฯ รายงานว่า คาร์กิล มีต โซลูชันส์ (Cargill Meat Solutions) โรงงานแปรรูปอาหารประเภทเนื้อสัตว์
                    ได้ประกาศแถลงการณ์การเลิกจ้างของลูกจ้างชาวโซมาเลียจำนวน 200 คนผ่านโฆษกของบริษัท
                ไมเคิล มาร์ติน (Michael Martin) ว่า การประกอบกิจกรรมตามความเชื่อทางศาสนาเป็นสิ่งที่พึงปฏิบัติได้
              แต่ทว่าทางโรงงานไม่สามารถอนุญาตให้พนักงานจำนวนมากถึง 11 คน พักงานพร้อมกันเพื่อทำละหมาดได้
       
เม่าเนิร์ดเม่าเนิร์ดเม่าเนิร์ด


                                                      “การที่ต้องหยุดพักการทำงานพร้อมกันจากหลายแผนกนั้น
                                             อาจทำให้เกิดการติดขัดขึ้นในสายการผลิตของโรงงานได้ ดังนั้น
                                  
                                  ซูเปอร์ไวเซอร์ของพนักงานจึงจำเป็นต้องคอยกำกับและดูแลพนักงาน
                             โดยอนุญาตให้พนักงานเหล่านี้สามารถพักเพื่อการทำละหมาด

                                               แต่ทว่าพนักงานเหล่านี้ต้องออกไปพร้อมกันในคราวเดียวโดยมีจำนวนน้อยกว่า 11 คน”
                            มาร์ตินกล่าวให้สัมภาษณ์กับ CBS และเสริมต่อว่า “และควรจะเป็นกลุ่มละ 3 คนต่อครั้งเท่านั้น”
       


                                                         เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในวันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม 2015 แต่อย่างไรก็ตาม
                                                ในวันที่ 21 ธันวาคมซึ่งเป็นวันจันทร์ถัดไปพบว่าพนักงานร่วม 200 คนซึ่ง  

                                                ส่วนใหญ่เป็นผู้อพยพชาวโซมาเลียนับถือศาสนาอิสลามได้พร้อมใจผละงานถึง 3 วันเต็ม
                                         เพื่อประท้วงหลังทราบข่าวการถูกห้ามการทำละหมาดของกลุ่มพนักงาน 11 คนนั้น
                                       แต่ทว่าทำให้บริษัท คาร์กิล มีต โซลูชันส์ ตัดสินใจไล่พนักงานทั้งหมดที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการผละงานออก
       
นานาเรียนนานาเรียนนานาเรียน


                                                                                       โดยมาร์ตินได้ชี้แจงถึงสาเหตุการเลิกจ้างว่า
                                                         “มีความจำเป็นที่ทางบริษัทฯ ไม่สามารถยืดหยุ่นได้”
                                                                                              และเสริมต่อว่า

                   “แต่ทว่า ในตามปกติแล้วทางบริษัทจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของพนักงานในโรงงานแห่งนี้”
       

        การประกาศเลิกจ้างส่งผลให้ทางคาร์กิล มีต โซลูชันส์ ประกาศรับพนักงานเข้าทำงานใหม่ทั้งหมด ซึ่ง CNN สื่อสหรัฐฯ รายงานโดยอ้างอิง KCNC สื่อท้องถิ่นว่า มีลูกจ้างบางส่วนที่ถูกประกาศเลิกจ้างได้ร้องขอสวัสดิการว่างงานจากรัฐบาลสหรัฐฯ
       



        โดย CNN ชี้ว่า ถึงแม้พนักงานจำนวนหลายร้อยคนจะถูกให้ออกจากงาน แต่มีความเป็นไปได้ที่คนเหล่านั้นจะสามารถกลับมาสมัครใหม่ในตำแหน่งงานเดิมได้อีกครั้ง ซึ่งตามกระบวนการแล้วทางบริษัทฯ มีระยะเวลารอจำนวน 6 เดือน ก่อนที่จะเริ่มเปิดการรับสมัครคนใหม่เข้ามา
แต่โฆษกบริษัท คาร์กิล มีต โซลูชันส์ แถลงยืนยันว่า “ช่วงเวลาการรอของบริษัทนั้นมีความเป็นไปได้ที่จะสั้นลง”
       

        แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะถูกเลิกจ้าง แต่ดูเหมือนอดีตพนักงานคาร์กิล มีต โซลูชันส์จะยังคงยืนยันในสิทธิของการทำละหมาดของพวกเขา โดยหนึ่งในอดีตพนักงานที่ถูกเลิกจ้าง โทนี เอเดน (Tony Aden) ได้ให้สัมภาษณ์ผ่าน CBS ว่า
                               
                               “มันไม่สำคัญหากผมไม่มีงานทำ เพราะศาสนาอิสลามเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผม”


พาพันขยัน

อ่านต่อใน  http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9590000000782
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่