สวัสดีค่ะ ในวันที่ 23/10/15 - 25/10/15 มีโอกาสได้ไปเขื่อนรัชประภา, เขื่อนเชี่ยวหลาน, อุทยานแห่งชาติเขาสก,กุ้ยหลินเมืองไทย
(ทั้งหมดคือสถานที่เดียวกันนะคะ) จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทริปนี้ไปกันทั้งหมด 26 คน เป็นทริปของแผนก MKT ค่ะ มีทั้งผู้สูงวัย ผู้หญิงแรง ผู้ชาย เกย์ รวมถึงผู่หญิงเรื่องเยอะอย่างเรา ซื้อแพ็กเกจที่คีรีวาริน 4,900 บาทต่อหัว ราคานี้รวมที่พัก 2 คืน อาหาร 6 มื้อ ไม่รวมที่ทางเราเหมาเรือไปเที่ยวถ้ำปะการังเพิ่มเติมนะคะ ราคาคนละ 300 บาท
การเดินทางคณะเรานั่งเครื่องไปลงที่สนามบินสุราษฎร์ธานี ถึงสนามบินเวลา 9.30 ทางที่พักจัดรถตู้มารับ นั่งต่อไปอีกชั่วโมงครึ่ง ระหว่างทางรถตู้พาไปเซเว่นเพื่อซื้อขนม และร้านขายเหล้าโชห่วยเล็กๆ เพื่อซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่แพ จะขอความร่วมมือไม่ให้เอาขวดแก้วเข้าไปนะคะ เนื่องจากอาจจะแตกได้ เราก็เลยซื้อเบียร์กระป๋องเป็นส่วนใหญ่ แล้วก็มีเหล้า 3 ขวด โดยคิดเองเออเองว่าสามารถดูแลได้แน่ๆ ไม่แตกแน่นอน พอมาถึงท่าเรือ ก็นั่งเรื่อต่อไปอีก ชั่วโมงครึ่ง ไกลมากจริงๆ ระหว่างทางคนขับเรือพามาดูหิน 3 ก้อน อยู่กลางน้ำ เค้าบอกกันว่าเป็น Landmark ของที่นี่ ต้องถ่ายรูป คิดอยู่ในใจ นี้คือสวยแล้วหรอ อาจจะเป็นเพราะช่วงที่ไปมีควันจากอินโดพอดีคะ เลยทำให้ถ่ายรูปไม่สวย
แต่ละคนก็ตั้งชื่อกันไปต่างๆนานา พี่ที่ออฟฟิศตั้งชื่อว่าเขาสามเกลอ พี่เกย์อีกคนเรียกเขา

ม
มาถึงที่พักเกือบบ่าย 2 ที่พักเป็นแพเรียงต่อกันเป็นรูปตัว Z ด้านหน้าบ้านจะเป็นระเบียง สามารถนั่งเอาเท้าแช่น้ำได้ ด้านหลังบ้านจะเป็นทางเดินเชื่อมต่อกัน มีบางบ้านเท่านั้นที่ด้านหน้าเป็นทางเดิน

พวกเราหิวกันมาก ซึ่งอาหารก็ถูกเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนใหญ่เป็นผัก ไม่ค่อยมีเนื้อสัตว์ อาหารจะเป็นประเภทผัดฟักทอง ไข่เจียว แกงไตปลา ผัดเปรี้ยวหวาน แกงเหลือง มีปลาทอดกระเทียมอยู่ 1 มื้อ ทุกอย่างเติมได้ไม่อั้น ยกเว้นปลา คือ 3 วันนี้กินแต่ผัก กับไข่เจียวเป็นหลักคะ พออิ่มแล้วก็เข้าบ้าน บ้านมี 2 ชั้น นอนได้สูงสุด 8 คน ชั้นล่าง 4 ชั้นบนเป็นห้องใต้หลังคา นอนได้อีก 4 คน มีพัดลมให้ชั้นละ 1 ตัว ทุกที่ไม่มีปลั๊กไฟ ถ้าจะชาร์จเครื่องใช้ไฟฟ้า ต้องไปชาร์จที่ห้องอาหาร ซึ่งคิวชาร์จแน่นมาก และกระแสไฟก็น้อย ขนาดเปิดพัดลมเบอร์ 3 ยังไม่หมุนเลย ต้องเบอร์ 1 เท่านั้น เนื่องจากเค้าปั่นไฟใช้เอง ชั้นล่างจะเย็นกว่าชั้นบน เพราะมีหน้าต่างเปิดได้ทั้ง 3 ด้าน ชั้นบนเปิดประตูด้านหน้าได้ด้านเดียว ถ้าร้อนก็เปิดใช้หมดเลย รับรองว่าไม่มียุง มีแต่แมลงเล่นไฟ ถ้ามีผู้ใหญ่มาด้วย แนะนำให้นอนชั้นล่างนะคะ เพราะบันไดขึ้นชั้นบนแคบมาก ผู้ใหญ่ที่ไปด้วยล้มตกบันไดมาแล้ว ขอให้ระวังมากๆ มีห้องน้ำ 2 ห้อง อยู่ด้านนอก 1 ห้อง และในตัวบ้านชั้นล่าง 1 ห้อง
เราได้บ้านพักไม่ค่อยดี ในห้องน้ำไม่มีราวแขวนผ้า ไม่มีที่วางของเลย ทั้ง 2 ห้อง แต่บ้านอื่นมีนะคะ ทุกอย่างต้องวางที่พื้น พื้นก็ดูน่าวางมว๊าก (ประชด) สำรวจบ้านเสร็จก็เปลี่ยนชุดลงเล่นน้ำ พายเรือแคนู และกระโดดน้ำ บริเวณขอนไม้

เล่นจนมือเปื่อย ก็นั่งเรือไปเที่ยวน้ำตก ไม่รวมอยู่ในแพ็กเกจคะ แต่ทางที่พักใจดีพาไปฟรี ประมาณ 10 นาทีก็ถึง ผู้สูงวัยไม่แนะนำให้ไปนะคะ เพราะต้องเดินสวนน้ำตกขึ้นไป เป็นหินปูน ไม่ลื่น แต่ก็ต้องปีน ชันพอสมควร พอไปถึงสักระยะก็หยุดเล่นน้ำกัน น้ำเย็น ชื่นใจ น่านอนเล่นมากๆ

กลับมาก็กินข้าวเย็นแล้วกินเหล้ากันต่อเลย ที่นี้ไม่มีอะไรให้ทำนะคะ ไม่มีทีวี ไม่มีสังคมก้มหน้าเล่นมือถือ เพราะไม่มีสัญญาณ หากใครคิดจะไป ให้หาอะไรไปทำกันเองนะคะ มองในแง่ดี จะได้สนิทกันมากขึ้น รู้ใจกันมากขึ้น พอ 5 ทุ่มก็เริ่มเข้านอนกัน เนื่องจากที่นี้เงียบมาก เพราะฉะนั้นถ้าจะสังสรรค์กันต่อ ก็ต้องเกรงใจบ้านอื่นๆด้วย แอบเตือนนะคะเพราะประมาณ 5 ทุ่มมีบ้านข้างๆกำลังจะไปเอาเรื่องกลุ่มผู้ชายที่เสียงดังมากหลับหนึ่ง แอบคิดในใจ กลุ่มเราป่าวว่ะ โชคคีที่เสียงเงียบไป ไม่งั้นคงมีเรื่องกัน
เราเข้านอนประมาณ 5 ทุ่ม เรานอนชั้นบนนะคะ พลิกตัวทีก็มีเสียง "โครมมมม" เสียงหัวเข่ากระแทกเพดานอย่างแรงคะ นอนไปสักพักก็ได้ยินเสียงอีก แต่คราวนี้เราไม่พลาดแล้วนะ เป็นเสียงเพื่อนร่วมห้องคะ แอบหัวเรอะเบาๆ พอมาดูผลงานตอนเช้า หัวเข่าเขียวปั้ด
วันต่อมา อีเกย์ชั้นล่างมาปลุกตั้งแต่ 6 โมงเช้า เพื่อให้ไปดูทะเลหมอก เราเลยรีบล้างหน้า แปรงฟัน ปัญหาคือน้ำไหลยังกับเยี่ยวแมว เลยแปรงฟันไม่ค่อยสะอาด จากนั้นก็รีบขึ้นเรือไปดูทะเลหมอก สิ่งที่เห็นคืออะไรอ่ะ เหมือนเมื่อวานเลย แอบเซ็ง เสียเวลานอนเลยให้คนขับเรือกลับ ระหว่างทางกลับผ่านแพ 500 ไร่ คนขับเรือจองอยู่นาน ให้ดูเพื่อ..... คือเค้ามีครบกว่าคะ ที่เลิศคือสระว่ายน้ำ

กลับมาทานอาหารเช้า แล้วเล่นน้ำต่อ ที่นี่มีเครื่องเล่นที่ไม่เหมือนที่พักอื่นคะ คือมีคอนไม้ผูกเชือกไว้ แนะนำวิธีเล่นให้สนุกนะคะ ให้คนอ้วนที่สุดในกลุ่มไปอยู่ด้านหน้าของขอนไม้ แล้วโยกไปมาซ้ายขาว คนอื่นที่อยู่บนขอนไม้ก็ต้องหมุนตาม บางคนเสียหลังก็ตกน้ำ ต้องปีกขึ้นมาบนขอนใหม่ มันยากตรงนี้ละคะ
พอทานกลางวันเสร็จบางคนก็ไปถ้ำ แต่เราขออยู่บ้าน เพราะทางไปลำบาก อยากนอนอยู่บ้านมากกว่า เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับเพราะร้อนมว๊ากกกก โดยการเดินทางจะเริ่มจากนั่งเรือจากที่พักเป็นเวลา 1.30 ชม. ต่อด้วยเดินทางลื่นๆอีกเกือบ 1 กม. แนะนำให้ใส่รองเท้าผ้าใบค่ะ เพราะลื่นมาก ระหว่างทางมีขายไม้ค้ำ แต่ไม่มีใครซื้อจึงไม่ทราบราคา น้ำอัดลมก็มีขายนะคะ เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุด เลยต้องนั่งรอแพประมาณ 15 นาที หนึ่งแพนั่งได้ประมาณ 20 คน ครบทีมที่ไปพอดีคะ นั่งแพประมาณ 20 นาทีก็ถึงถ้ำคะ

ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยเป็นรูปต่างๆ ไกด์จะอธิบายให้ฟังเองคะ อยู่ในถ้ำ 20 นาทีก็กลับทางเดิมมาที่พักคะ

ระหว่างที่เพื่อนๆไปถ้ำ เราก็พายเรือไปแพ 500 ไร่ ระยะทางไกลพอสมควร ลักษณะที่พักดูไฮโซกว่าคะ พอเราหายเหนื่อยก็พายกลับ กลับมาก็เจอกลุ่มที่ไปถ้ำเล่นน้ำอยู่บริเวณขอนไม้กันอย่างสนุกสนาน เพราะมีหนุ่มวัยขบเผาะเล่นอยู่ด้านหน้า พี่เกย์ กับเพื่อนเกย์ 2 คนตีตั๊วแถวหน้าอยู่ใกล้สุด ผู้หญิงแรงส์อยู่ถัดไป กำลังเล่นขอนไม้หมุน
หนุ่มวัยขบเผอะ : "พวกพี่เล่นอะไรกันเนี้ย แต่ก็หนุกดี"
เพื่อนเกย์ : หัวเรอะชอบใจ
หญิงแรงส์แถวหลังสุด : "ยังมีหนุกกว่านี้อีกมั้ยคะ....."
ทุกนาง : หันไปมองหญิงแรงแถวหลังสุด แล้วพูดพร้อมกัน "มีผัวแล้วนะ"
วันรุ่งขึ้นก็กลับบ้านคะ
ข้อเสียของทริปนี้
1. ห้องน้ำไม่มีที่วางของ และที่แขวนผ้า
2. น้ำไหลน้อย
3. ควันจากอินโด
4. ห้องชั้นบนร้อนนอนไม่หลับ
5. ห้องชั้นบน หลังคาเตี้ย จึงทำให้หัวเข่าโขกเพดานห้อง
ข้อดีของทริปนี้
1. ไม่มีสังคมก้มหน้าเล่นมือถือ
2. น้ำใสแจ๋ว เห็นตัวปลา
3. อาหารอร่อย ถึงแม้มีผักเป็นส่วนใหญ่
หลังจากกลับจากเขื่อนเชี่ยวหลานไม่นาน ก็ไปวังเวียงต่อ จึงเปรียบเทียบกัน สรุปว่าวังเวียงวิวสวยกว่าคะ
เขื่อนเชี่ยวหลานขอไปครั้งเดียวพอคะ
ขอจบรีวิวเพียงเท่านี้นะคะ ถ้าเขียนผิดหรือมีอะไรผิดพลาดก็ขออภัยด้วยคะ
[CR] เขื่อนเชี่ยวหลาน คีรีวาริน ในมุมมองของผู้หญิงเรื่องเยอะ
(ทั้งหมดคือสถานที่เดียวกันนะคะ) จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทริปนี้ไปกันทั้งหมด 26 คน เป็นทริปของแผนก MKT ค่ะ มีทั้งผู้สูงวัย ผู้หญิงแรง ผู้ชาย เกย์ รวมถึงผู่หญิงเรื่องเยอะอย่างเรา ซื้อแพ็กเกจที่คีรีวาริน 4,900 บาทต่อหัว ราคานี้รวมที่พัก 2 คืน อาหาร 6 มื้อ ไม่รวมที่ทางเราเหมาเรือไปเที่ยวถ้ำปะการังเพิ่มเติมนะคะ ราคาคนละ 300 บาท
การเดินทางคณะเรานั่งเครื่องไปลงที่สนามบินสุราษฎร์ธานี ถึงสนามบินเวลา 9.30 ทางที่พักจัดรถตู้มารับ นั่งต่อไปอีกชั่วโมงครึ่ง ระหว่างทางรถตู้พาไปเซเว่นเพื่อซื้อขนม และร้านขายเหล้าโชห่วยเล็กๆ เพื่อซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่แพ จะขอความร่วมมือไม่ให้เอาขวดแก้วเข้าไปนะคะ เนื่องจากอาจจะแตกได้ เราก็เลยซื้อเบียร์กระป๋องเป็นส่วนใหญ่ แล้วก็มีเหล้า 3 ขวด โดยคิดเองเออเองว่าสามารถดูแลได้แน่ๆ ไม่แตกแน่นอน พอมาถึงท่าเรือ ก็นั่งเรื่อต่อไปอีก ชั่วโมงครึ่ง ไกลมากจริงๆ ระหว่างทางคนขับเรือพามาดูหิน 3 ก้อน อยู่กลางน้ำ เค้าบอกกันว่าเป็น Landmark ของที่นี่ ต้องถ่ายรูป คิดอยู่ในใจ นี้คือสวยแล้วหรอ อาจจะเป็นเพราะช่วงที่ไปมีควันจากอินโดพอดีคะ เลยทำให้ถ่ายรูปไม่สวย
แต่ละคนก็ตั้งชื่อกันไปต่างๆนานา พี่ที่ออฟฟิศตั้งชื่อว่าเขาสามเกลอ พี่เกย์อีกคนเรียกเขา
มาถึงที่พักเกือบบ่าย 2 ที่พักเป็นแพเรียงต่อกันเป็นรูปตัว Z ด้านหน้าบ้านจะเป็นระเบียง สามารถนั่งเอาเท้าแช่น้ำได้ ด้านหลังบ้านจะเป็นทางเดินเชื่อมต่อกัน มีบางบ้านเท่านั้นที่ด้านหน้าเป็นทางเดิน
พวกเราหิวกันมาก ซึ่งอาหารก็ถูกเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนใหญ่เป็นผัก ไม่ค่อยมีเนื้อสัตว์ อาหารจะเป็นประเภทผัดฟักทอง ไข่เจียว แกงไตปลา ผัดเปรี้ยวหวาน แกงเหลือง มีปลาทอดกระเทียมอยู่ 1 มื้อ ทุกอย่างเติมได้ไม่อั้น ยกเว้นปลา คือ 3 วันนี้กินแต่ผัก กับไข่เจียวเป็นหลักคะ พออิ่มแล้วก็เข้าบ้าน บ้านมี 2 ชั้น นอนได้สูงสุด 8 คน ชั้นล่าง 4 ชั้นบนเป็นห้องใต้หลังคา นอนได้อีก 4 คน มีพัดลมให้ชั้นละ 1 ตัว ทุกที่ไม่มีปลั๊กไฟ ถ้าจะชาร์จเครื่องใช้ไฟฟ้า ต้องไปชาร์จที่ห้องอาหาร ซึ่งคิวชาร์จแน่นมาก และกระแสไฟก็น้อย ขนาดเปิดพัดลมเบอร์ 3 ยังไม่หมุนเลย ต้องเบอร์ 1 เท่านั้น เนื่องจากเค้าปั่นไฟใช้เอง ชั้นล่างจะเย็นกว่าชั้นบน เพราะมีหน้าต่างเปิดได้ทั้ง 3 ด้าน ชั้นบนเปิดประตูด้านหน้าได้ด้านเดียว ถ้าร้อนก็เปิดใช้หมดเลย รับรองว่าไม่มียุง มีแต่แมลงเล่นไฟ ถ้ามีผู้ใหญ่มาด้วย แนะนำให้นอนชั้นล่างนะคะ เพราะบันไดขึ้นชั้นบนแคบมาก ผู้ใหญ่ที่ไปด้วยล้มตกบันไดมาแล้ว ขอให้ระวังมากๆ มีห้องน้ำ 2 ห้อง อยู่ด้านนอก 1 ห้อง และในตัวบ้านชั้นล่าง 1 ห้อง
เราได้บ้านพักไม่ค่อยดี ในห้องน้ำไม่มีราวแขวนผ้า ไม่มีที่วางของเลย ทั้ง 2 ห้อง แต่บ้านอื่นมีนะคะ ทุกอย่างต้องวางที่พื้น พื้นก็ดูน่าวางมว๊าก (ประชด) สำรวจบ้านเสร็จก็เปลี่ยนชุดลงเล่นน้ำ พายเรือแคนู และกระโดดน้ำ บริเวณขอนไม้
เล่นจนมือเปื่อย ก็นั่งเรือไปเที่ยวน้ำตก ไม่รวมอยู่ในแพ็กเกจคะ แต่ทางที่พักใจดีพาไปฟรี ประมาณ 10 นาทีก็ถึง ผู้สูงวัยไม่แนะนำให้ไปนะคะ เพราะต้องเดินสวนน้ำตกขึ้นไป เป็นหินปูน ไม่ลื่น แต่ก็ต้องปีน ชันพอสมควร พอไปถึงสักระยะก็หยุดเล่นน้ำกัน น้ำเย็น ชื่นใจ น่านอนเล่นมากๆ
กลับมาก็กินข้าวเย็นแล้วกินเหล้ากันต่อเลย ที่นี้ไม่มีอะไรให้ทำนะคะ ไม่มีทีวี ไม่มีสังคมก้มหน้าเล่นมือถือ เพราะไม่มีสัญญาณ หากใครคิดจะไป ให้หาอะไรไปทำกันเองนะคะ มองในแง่ดี จะได้สนิทกันมากขึ้น รู้ใจกันมากขึ้น พอ 5 ทุ่มก็เริ่มเข้านอนกัน เนื่องจากที่นี้เงียบมาก เพราะฉะนั้นถ้าจะสังสรรค์กันต่อ ก็ต้องเกรงใจบ้านอื่นๆด้วย แอบเตือนนะคะเพราะประมาณ 5 ทุ่มมีบ้านข้างๆกำลังจะไปเอาเรื่องกลุ่มผู้ชายที่เสียงดังมากหลับหนึ่ง แอบคิดในใจ กลุ่มเราป่าวว่ะ โชคคีที่เสียงเงียบไป ไม่งั้นคงมีเรื่องกัน
เราเข้านอนประมาณ 5 ทุ่ม เรานอนชั้นบนนะคะ พลิกตัวทีก็มีเสียง "โครมมมม" เสียงหัวเข่ากระแทกเพดานอย่างแรงคะ นอนไปสักพักก็ได้ยินเสียงอีก แต่คราวนี้เราไม่พลาดแล้วนะ เป็นเสียงเพื่อนร่วมห้องคะ แอบหัวเรอะเบาๆ พอมาดูผลงานตอนเช้า หัวเข่าเขียวปั้ด
วันต่อมา อีเกย์ชั้นล่างมาปลุกตั้งแต่ 6 โมงเช้า เพื่อให้ไปดูทะเลหมอก เราเลยรีบล้างหน้า แปรงฟัน ปัญหาคือน้ำไหลยังกับเยี่ยวแมว เลยแปรงฟันไม่ค่อยสะอาด จากนั้นก็รีบขึ้นเรือไปดูทะเลหมอก สิ่งที่เห็นคืออะไรอ่ะ เหมือนเมื่อวานเลย แอบเซ็ง เสียเวลานอนเลยให้คนขับเรือกลับ ระหว่างทางกลับผ่านแพ 500 ไร่ คนขับเรือจองอยู่นาน ให้ดูเพื่อ..... คือเค้ามีครบกว่าคะ ที่เลิศคือสระว่ายน้ำ
กลับมาทานอาหารเช้า แล้วเล่นน้ำต่อ ที่นี่มีเครื่องเล่นที่ไม่เหมือนที่พักอื่นคะ คือมีคอนไม้ผูกเชือกไว้ แนะนำวิธีเล่นให้สนุกนะคะ ให้คนอ้วนที่สุดในกลุ่มไปอยู่ด้านหน้าของขอนไม้ แล้วโยกไปมาซ้ายขาว คนอื่นที่อยู่บนขอนไม้ก็ต้องหมุนตาม บางคนเสียหลังก็ตกน้ำ ต้องปีกขึ้นมาบนขอนใหม่ มันยากตรงนี้ละคะ
พอทานกลางวันเสร็จบางคนก็ไปถ้ำ แต่เราขออยู่บ้าน เพราะทางไปลำบาก อยากนอนอยู่บ้านมากกว่า เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับเพราะร้อนมว๊ากกกก โดยการเดินทางจะเริ่มจากนั่งเรือจากที่พักเป็นเวลา 1.30 ชม. ต่อด้วยเดินทางลื่นๆอีกเกือบ 1 กม. แนะนำให้ใส่รองเท้าผ้าใบค่ะ เพราะลื่นมาก ระหว่างทางมีขายไม้ค้ำ แต่ไม่มีใครซื้อจึงไม่ทราบราคา น้ำอัดลมก็มีขายนะคะ เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุด เลยต้องนั่งรอแพประมาณ 15 นาที หนึ่งแพนั่งได้ประมาณ 20 คน ครบทีมที่ไปพอดีคะ นั่งแพประมาณ 20 นาทีก็ถึงถ้ำคะ
ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยเป็นรูปต่างๆ ไกด์จะอธิบายให้ฟังเองคะ อยู่ในถ้ำ 20 นาทีก็กลับทางเดิมมาที่พักคะ
ระหว่างที่เพื่อนๆไปถ้ำ เราก็พายเรือไปแพ 500 ไร่ ระยะทางไกลพอสมควร ลักษณะที่พักดูไฮโซกว่าคะ พอเราหายเหนื่อยก็พายกลับ กลับมาก็เจอกลุ่มที่ไปถ้ำเล่นน้ำอยู่บริเวณขอนไม้กันอย่างสนุกสนาน เพราะมีหนุ่มวัยขบเผาะเล่นอยู่ด้านหน้า พี่เกย์ กับเพื่อนเกย์ 2 คนตีตั๊วแถวหน้าอยู่ใกล้สุด ผู้หญิงแรงส์อยู่ถัดไป กำลังเล่นขอนไม้หมุน
หนุ่มวัยขบเผอะ : "พวกพี่เล่นอะไรกันเนี้ย แต่ก็หนุกดี"
เพื่อนเกย์ : หัวเรอะชอบใจ
หญิงแรงส์แถวหลังสุด : "ยังมีหนุกกว่านี้อีกมั้ยคะ....."
ทุกนาง : หันไปมองหญิงแรงแถวหลังสุด แล้วพูดพร้อมกัน "มีผัวแล้วนะ"
วันรุ่งขึ้นก็กลับบ้านคะ
ข้อเสียของทริปนี้
1. ห้องน้ำไม่มีที่วางของ และที่แขวนผ้า
2. น้ำไหลน้อย
3. ควันจากอินโด
4. ห้องชั้นบนร้อนนอนไม่หลับ
5. ห้องชั้นบน หลังคาเตี้ย จึงทำให้หัวเข่าโขกเพดานห้อง
ข้อดีของทริปนี้
1. ไม่มีสังคมก้มหน้าเล่นมือถือ
2. น้ำใสแจ๋ว เห็นตัวปลา
3. อาหารอร่อย ถึงแม้มีผักเป็นส่วนใหญ่
หลังจากกลับจากเขื่อนเชี่ยวหลานไม่นาน ก็ไปวังเวียงต่อ จึงเปรียบเทียบกัน สรุปว่าวังเวียงวิวสวยกว่าคะ
เขื่อนเชี่ยวหลานขอไปครั้งเดียวพอคะ
ขอจบรีวิวเพียงเท่านี้นะคะ ถ้าเขียนผิดหรือมีอะไรผิดพลาดก็ขออภัยด้วยคะ