เพิ่งดูตอนล่าสุด (ep18) จบ และเพิ่งเข้ามาเห็นว่าวันนี้บอร์ดที่เคยสงบสุข (มาช่วงนึง 5555) กลับมาเดือดอีกแล้วคับท่าน
เดือดในที่นี้ไม่ใช่เดือดใส่กันเองแบบ Fan War อย่างของบอร์ดนอกแต่เดือดกับทีมทำซีรี่ย์เรื่องนี้ เลยทำให้เราใจชื้นขึ้นมาบ้าง
ที่เห็นว่าสมาชิกที่เล่นกันอยู่ในบอร์ดเราเหนียวแน่นและเป็นผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะและเคารพในความคิดเห็นกันพอ
(อันนี้อย่าไปพูดถึงบอร์ดนอก เพราะมันไร้สาระและปัญญาอ่อนกันมาก ทั้ง netizen/บางคนใน soompi/บางคนใน dramabeans)
สารภาพว่าเล่นพันทิปมาเป็น10ปี แต่ตั้ง/ตอบกระทู้ จำนวนนับนิ้วได้ ดูซีรี่ย์ทั้งอเมริกา ไต้หวัน ฮ่องกง เกาหลี ญี่ปุ่น จีน
เลยคิดว่าตัวเองมีเทสต์ที่หลากหลายพอสมควร วันนี้อาจจะยาวหน่อย เพราะอยากแชร์ความรู้สึกว่าทำไม
ถึงยังไม่คิดว่าผิดหวังกับ Reply Series และอยากให้ทั้งสองทีม (team junghwan / team taek)
ดูซีรี่ย์ด้วยใจที่ปล่อยวางและดูอย่างเป็นสุขขึ้น
สำหรับซีรี่ย์ของฝั่งเกาหลี เรื่องแรกที่ดูและทำให้ชอบเลยก็คือ All about eve (เราได้ดูตอนปี 2002)
เพราะรู้สึกว่ามันแตกต่างจากอะไรๆที่เคยดูมาในเชิงพล็อตและการที่ตัวละครทุกตัวมีขาวดำ มีงานมีการทำ
มีจุดมุ่งหมายในความทะเยอทะยานของตัวเอง มีสำนึกผิดและมีให้อภัย ดูเรื่อยมาจนถึงวันนี้ปี 2016 มีแค่ไม่กี่เรื่องที่พูดได้
เต็มปากว่าชอบและอยู่ในความทรงจำ เพราะหลังๆเกาหลีเองก็เริ่มหมดมุข พล็อตเดิมๆ มุขเดิมๆบางทีก็น่าเบื่อ
จนวันนึงตอนที่ดูซี่รี่ย์เรื่องนึงอยู่นั้น (ถ้าจำไม่ผิดคือ Queen Inhyun's man) ไฟล์ที่โหลดมาดูเค้าเจือกไม่ได้ตัดโฆษณาทิ้ง
อยู่ดีๆก็มี teaser ซีรี่ย์เรื่องนึงโผล่ขึ้นมา ตอนดูไม่ได้สนใจเลย มองผ่านๆ เพราะแวบแรกที่เห็นฉากkey คือตอนที่มีเด็กสาวม.ปลาย
ถือไม้ม็อบยืนหันมามองเด็กหนุ่มม.ปลาย ถอดเสื้อครึ่งตัวเพิ่งล้างหน้าเสร็จตัวเปียกๆผมเปียกๆยืนมองกันอยู่ที่ก็อกน้ำ
555555ใช่แล้ว คือซีนล่างนี้เลย
เห็นปุ๊บแว้บแรกคิดเลย "แมร่งนางเอกหน้าแก่ พระเอกหน้าหยั่งกะซูนิโอะ" แล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก ไม่ได้คิดจะดูซักนิด
ไม่สนด้วยว่าเรื่องชื่ออะไรเพราะภาพดูเก่าๆเลยคิดว่าไม่ใช่แนว แต่หลังจากนั้นไม่นานทุกเว็บขาประจำที่เข้าไปอ่าน
จะมีแต่ข่าว/กระทู้อวย ซีรี่ย์ชื่อ Answer Me 1997 ว่าดีหยั่งงั้นหยั่งงี้ เป็นซีรี่ย์ที่กระแสและเรตติ้งเริ่มมาเพราะคำว่า "ปากต่อปาก"
เราก็เลยไปโหลดมาเก็บไว้กลัวตกเทรนด์ พอเริ่มดูวันแรกเห็นหน้านางเอกปุ๊บจำได้เลย นี่มันน้องหน้าแก่นี่หว่า
จะใช่เรื่องเดียวกันกับที่กรุเห็นวันนั้นป่ะวะ ใจก็คิดว่าเอาแล้วโคตรเปลืองเมมเครื่อง โหลดมาตั้งหลายตอนละจะทิ้งก็เสียดาย
เวลาที่โหลดไป เลยเอาวะลองดูซักตอน พอเรื่องย้อนกลับไป 1997 ตอนที่พวกนางเอกเล่นเกมส์เต้น Dance Revolution กัน
เราก็จำเพลงมันได้เลย เพราะมันทำให้นึกถึงตอนสมัยเรียนแข่งเล่นเกมส์เต้นกับเพื่อน ความสนใจเลยเริ่มมา จนถึงท้าย episode
ที่พระเอกขยับเสื้อไปปิดสายเสื้อในนางเอก คือจบเลย คือติดเลย โดนมาก ดูต่อยาวๆ
พอชอบก็เริ่มหาอ่านข้อมูลก็ไปเจอว่าเฮ้ยนี่มันของ PD Shin Won Ho ทำให้ชอบขึ้นไปอีกเพราะพี่แกติสต์กันทั้งทีม
ถ้าตามวาไรตี้ของทีมนี้จะรู้ว่าแนวคิดค่อนข้างจะนอกกรอบพอสมควรและกล้าฉีก ทำให้ตอนดู Reply 1997 ถึงเราจะมั่นใจว่า
สุดท้ายสามีชีวอนจะเป็นยุนแจ แต่ก็จะมีเมล็ดเล็กๆในหัวตลอดเวลาว่าอาจจะเป็นพี่พระเอกมาวินได้เหมือนกัน
เพราะความติสต์ของทีมนี้ และการใช้ความเป็นจริงในชีวิตจริงที่ว่า รักแรกส่วนมากมักไม่ลงเอย มาเล่น
ทำให้คนดูเองเกิดความไม่มั่นใจ ซึ่งอาจเพราะเป็น PD Shin Won Ho และทีม1night2daysนี้เอง ที่ทำให้เรา
ดูด้วยใจเปิดกว้างและยอมรับแต่แรก ว่าสามีนางเอกสามารถเป็นใครก็ได้ เพราะกลุ่มนี้ติสต์
จนมาถึง Reply 1994 เราก็ยังดูด้วยใจเป็นกลางแต่แรก เพราะชื่อ Shin Won Ho and team นี้มันค้ำคอ
ทำให้เปิดใจว่าเราจะเสพเฉพาะความสบายใจที่ได้เห็นอะไรในวันวาน ได้รับรู้อะไรๆในปี 1994 โดยไม่ไปจับจดหรือจับจ้องกับ
love line มากจนเกินจำเป็นเพราะนั่นเป็นแค่เครื่องเคียงของจานหลักที่ทีมติสต์นี้ต้องการจะสื่อ
แต่ทีมนี้ก็สามารถพาเราไปถึงจุดๆนึง ที่เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเริ่มกลายเป็น Team Chilbong ทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่าทีมนี้มันไม่น่าวางใจ
พร้อมๆกับที่เริ่มรู้สึกว่าReply ภาคนี้ช่วงหลังๆหลงประเด็นไปทำให้เครื่องเคียงอย่าง loveline กลายไปเป็นอาหารจานหลัก
ทำให้เราก็ไม่ค่อยปลื้มกับเส้นเรื่องช่วงหลัง ถึงแม้ว่าจะรู้สึกได้ตั้งแต่ตอนที่ 2 ที่นางเอกย้อนอดีตพาร์ทพี่ชายของฉัน
ว่า Team Trash มาวิน แต่เราก็ยังรู้สึกว่าไม่แน่อาจมีพลิก เพราะไม่ไว้ใจความติสต์อีกเหมือนเดิม ตอนเฉลยพระเอกตอนสุดท้าย
ทำให้เรารู้เลยว่า ทีมกำกับ/เขียนนี้มันเทพเรื่องจิตวิทยามนุษย์จริงๆ
จนมาภาคล่าสุด Reply 1988 เราก็ยังดูด้วยความเปิดใจตั้งแต่แรก และพร้อมยอมรับกับสิ่งที่เค้าจะนำเสนอ
ซึ่ง storyline ของภาคนี้ดีที่สุด เพราะเกลี่ยบทครบ ทุกคนมีเรื่องราว มีมิติ เค้าสามารถทำให้เราผูกพันกับตัวละครทั้งซอยนี้ได้
ถือว่าเก่งจริงๆ เพราะตัวละครหลักมันไม่ใช่แค่ 3 4 ตัว แต่มันมีเกิน 10 คน ซึ่งยากมากๆที่จะทำให้คนดูแคร์ทุกคน
ซึ่งเค้าก็ทำได้ อันนี้ต้องยกให้
ในส่วนของ love line เราเข้ามาด้วยใจเป็นกลางตั้งแต่episode1 เลยทำให้มองค่อนข้างต่างจากคนที่ได้ทีมตั้งแต่ดูแรกๆ
อันนี้เราไม่คิดว่าทีมเขียนบทพลาดที่ใส่ Junghwan มาแรกๆให้เด่น แต่ส่วนตัวเราคิดว่าคนดูพลาด ที่ให้ความสำคัญกับ
Body contact หรือสกินชิพกับซีรี่ย์เกาหลีเกินไป สำหรับเราเท่าที่ดูทีม PD/Writer นี้มา เค้าไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่อง
สกินชิพเท่าไหร่ มันแทบไม่มีความหมายอะไรมาก เค้าสามารถเขียนให้นางเอกสามารถมีสกินชิพกับใครก็ได้โดยที่เค้าไม่ได้
ยึดว่าจะต้องเป็นพระเอกหรือคนที่จะลงเอยด้วยเท่านั้นที่มีสิทธิ์ถูกเนื้อต้องตัวนางเอก เพราะฉะนั้นการที่จองฮวันซอกตึก หรือ
แขนสตองกับต็อกซอนตั้งแต่แรกๆ เราไม่ได้คิดอะไรกับมันมากเลย แค่รู้สึกว่าจะดูว่าภาคนี้ทีมPDนี้จะมาไม้ไหน
ส่วนของ Deokson ที่หลายๆคนเริ่มรู้สึกว่านางโลเลวันทอง ส่วนตัวเราก็ไม่ได้คิดเหมือน เราไม่คิดว่าขนาดโลเลวันทอง
แต่เราคิดว่าชีไม่มีจุดยืนและค่อนข้างimmature และต้องการความสนใจมากเพราะเป็นลูกคนกลางที่ถูกให้ความสำคัญหลังสุด
เสมอ พอรู้ว่ามีใครมาชอบก็จะเริ่มมีความรู้สึกดีๆตอบเค้า เพราะมันเหมือนได้รับการเติมเต็มในส่วนที่คิดว่าไม่มีใครรัก
อีกเรื่องที่เราดูแล้วตะงิดๆตั้งแต่แรกๆคือ ต็อกซอนนางจะเริ่มชอบหลังจากเพื่อนบิ้วท์หรือหลังจากรู้ว่าอีกฝ่ายชอบเท่านั้น
ตั้งแต่แรกมายังไม่มีจุดไหนที่มันเกิดขึ้นจากความเป็นธรรมชาติของความรู้สึกนางเองเลย ทำให้เรายิ่งค่อนข้างมั่นใจว่า
คนที่ใช่สำหรับนางจะถูกเขียนขึ้นให้นางมีความรู้สึกเองแบบธรรมชาติ แบบไม่ได้รับการบิ้วท์มา ซึ่งอาจจะเป็น Taek ที่จนถึง
ตอนนี้ก็ยังไม่มีใครมาบิ้วท์นาง แล้วนางก็เริ่มหวั่นไหวของนางเอง หรืออาจจะไม่ใช่ เพราะเราเดาทางทีมติสต์นี้ผิดอีกแล้วก็ได้
บท Taek สร้างมามีมิติมาก ค่อยๆปล่อยมา เนิบๆแต่ไม่เคยหายไปจากความคิดคนดู ตัวไม่มาแต่ก็ยังรู้สึกเหมือน
อยู่ด้วยกันกับอีก 4 คน เหมือนจะหงอ เหมือนจะทำอะไรไม่เป็นดูแลตัวเองไม่ได้ แต่จริงๆก็ไม่หงอ มีความเป็นผู้ใหญ่สูง
ภายใต้แรงกดดันตั้งแต่เด็ก มีมุมดาร์ก ดูแลคนรอบๆตัวได้ในแบบของเค้าเอง บทนี้ถ้าเล่นไม่ดีมีสิทธิ์ถูกกลืน เพราะepisodeแรกๆ
ออกแต่วิญญาณแต่ร่างจริงไม่ปรากฎ ถ้าดูแบบคนไม่มีทีมจะเห็นตั้งแต่แรกๆแล้วว่าบทนี้คล้ายๆกับเป็น Easter egg
แรกๆจะไม่ค่อยมีบทสกินชิพกับนางเอกมากมายแต่จะถูกสื่อว่าอยู่ในความผูกพันทางความรู้สึกกับนางเอกอยู่เรื่อยๆ
สำหรับคนที่ไม่มีทีมตั้งแต่แรก ดูแล้วคิดว่าคงไม่มีใครแปลกใจว่าทำไม Taek ถึงมีเปอร์เซ็นต์ที่จะเป็นคนนั้นของต็อกซอนได้
เห็นบางความเห็นของบอร์ดนอก บอกว่าจนป่านนี้ยังมองไม่เห็นว่าจะไปชอบกันได้ตอนไหน หรือต็อกซอนสามารถ
ชอบแท็กได้ตอนไหน สำหรับคนไม่มีทีมดูแล้วบอกได้ว่ามีหลายโม้เม้นท์เลย สุดท้าย Taek จะเป็นเธอคนนั้นของนางเอกหรือไม่
ก็ต้องติดตามกันต่อไป อาจจะเป็นแค่คนที่มีสายใยทางความรู้สึกแต่ไม่ได้ลงเอยกันก็เป็นได้เหมือนกัน
๋
เรื่องนึงของซีรี่ย์ตระกูล Reply ที่ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยซักภาค คือ Kiss Scene
ตระกูลนี้ไม่มีงกเรื่องนี้ และต้องออนแอร์ช่องเคเบิ้ลเท่านั้นถึงจะทำได้5555
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


อีกเรื่องคือ คู่รอง ......นอกจาก Reply 1997 แล้ว อีกสองภาคหลัง เราชอบคู่รองมากกว่าคู่หลักทั้งหมดเลย
และมีความรู้สึกว่าเค้าใส่ใจในการเขียนความเป็นไปของคู่รองให้ออกมากินใจมาก อาจเพราะไม่มีแรงกดดันเรื่อง
สามีนางเอกมาเป็นตัวแปร
ในทั้ง 3 ภาคนี้ ภาคที่เราประทับใจมากที่สุดคือ Reply 1997 ทุกอย่างลงตัว เคมีพระนาง ความสนิทสนมในกลุ่มเพื่อน
ทุกตัวเป็นที่น่าจดจำ ถึงแม้ว่า storyline จะเกลี่ยไม่ทั่วถึงเพราะเน้นไปที่นางเอก แต่กลับเป็นภาคที่เรารู้สึกว่า
PD Shin Won Ho & Team ทำด้วยใจมากที่สุด โดยไม่มีแรงกดดันจากทางช่อง ไม่สนกระแสและเรตติ้ง
ขอแค่ทำออกมาให้ได้ตามที่ตั้งใจในอุดมคติ ผลลัพธ์คือคนดูรับรู้ได้เลยว่าซีรี่ย์แบบนี้ถ้าคนทำไม่มีใจและ
ไม่เคยผ่านอะไรๆในเรื่องมา คงทำไม่ได้
ภาค 1994 เป็นภาคที่ทำให้รู้สึกว่าทีมได้รับแรงกดดันจากทางช่องแน่นอน เพราะต้องการต่อยอดสร้างให้ช่องสามารถ
ผงาดไปยืนสมรภูมิเดียวกับสามช่องหลักได้ โดยใช้ Reply ของ Shin Won Ho เป็นบันได ทำให้ Reply 1994
กลายเป็นแค่ Product เท่านั้น
ภาค 1988 ก็ยังรับรู้ถึงแรงกดดันนั้นอยู่แต่น้อยลง เหมือนทีมกำกับ/ทีมเขียนเองก็เริ่มรู้สึกว่า "ใจ" ของซีรี่ย์มันหายไป
เพราะเป็นความหวังในหลายๆเรื่องของช่อง ยังคงต้องดำเนินไปตามครรลองธุรกิจแต่ก็ไม่ลืมที่จะใส่ "ใจ" ของ Reply กลับเข้ามา
ทำให้มันกลับมาน่าประทับใจอีกครั้ง ถึงแม้จะไม่เท่าภาคแรก อย่างน้อยก็พอรับรู้ได้ว่าพยายามปรานีปรานอมทั้งทางฝั่งธุรกิจ(ช่อง)
และ คนดู
สุดท้ายนี้ แค่อยากให้ทุกคนดูด้วยใจที่เปิดกว้าง และยอมรับกับสิ่งที่เค้าจะนำเสนอ ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร
ก็อยากให้เข้าใจทีมคนทำเค้าด้วยว่ามันมีปัจจัยหลายอย่างที่บางทีเค้าก็ต่อต้านมากไม่ได้ จนกว่าจะมีวันนั้นวันที่ติสต์
ได้ครองโลกจริงๆ เราคงจะได้เห็นความน่าประทับใจ 100% กลับมาอีกครั้ง
เหลืออีกสองตอน ขอให้ดูให้สนุกกันทุกคนนะจ๊ะ
จาก 2012 - 2015 ยังมีคนที่ไม่ผิดหวังกับซีรี่ย์ตระกูล REPLY (Answer Me)
เพิ่งดูตอนล่าสุด (ep18) จบ และเพิ่งเข้ามาเห็นว่าวันนี้บอร์ดที่เคยสงบสุข (มาช่วงนึง 5555) กลับมาเดือดอีกแล้วคับท่าน
เดือดในที่นี้ไม่ใช่เดือดใส่กันเองแบบ Fan War อย่างของบอร์ดนอกแต่เดือดกับทีมทำซีรี่ย์เรื่องนี้ เลยทำให้เราใจชื้นขึ้นมาบ้าง
ที่เห็นว่าสมาชิกที่เล่นกันอยู่ในบอร์ดเราเหนียวแน่นและเป็นผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะและเคารพในความคิดเห็นกันพอ
(อันนี้อย่าไปพูดถึงบอร์ดนอก เพราะมันไร้สาระและปัญญาอ่อนกันมาก ทั้ง netizen/บางคนใน soompi/บางคนใน dramabeans)
สารภาพว่าเล่นพันทิปมาเป็น10ปี แต่ตั้ง/ตอบกระทู้ จำนวนนับนิ้วได้ ดูซีรี่ย์ทั้งอเมริกา ไต้หวัน ฮ่องกง เกาหลี ญี่ปุ่น จีน
เลยคิดว่าตัวเองมีเทสต์ที่หลากหลายพอสมควร วันนี้อาจจะยาวหน่อย เพราะอยากแชร์ความรู้สึกว่าทำไม
ถึงยังไม่คิดว่าผิดหวังกับ Reply Series และอยากให้ทั้งสองทีม (team junghwan / team taek)
ดูซีรี่ย์ด้วยใจที่ปล่อยวางและดูอย่างเป็นสุขขึ้น
สำหรับซีรี่ย์ของฝั่งเกาหลี เรื่องแรกที่ดูและทำให้ชอบเลยก็คือ All about eve (เราได้ดูตอนปี 2002)
เพราะรู้สึกว่ามันแตกต่างจากอะไรๆที่เคยดูมาในเชิงพล็อตและการที่ตัวละครทุกตัวมีขาวดำ มีงานมีการทำ
มีจุดมุ่งหมายในความทะเยอทะยานของตัวเอง มีสำนึกผิดและมีให้อภัย ดูเรื่อยมาจนถึงวันนี้ปี 2016 มีแค่ไม่กี่เรื่องที่พูดได้
เต็มปากว่าชอบและอยู่ในความทรงจำ เพราะหลังๆเกาหลีเองก็เริ่มหมดมุข พล็อตเดิมๆ มุขเดิมๆบางทีก็น่าเบื่อ
จนวันนึงตอนที่ดูซี่รี่ย์เรื่องนึงอยู่นั้น (ถ้าจำไม่ผิดคือ Queen Inhyun's man) ไฟล์ที่โหลดมาดูเค้าเจือกไม่ได้ตัดโฆษณาทิ้ง
อยู่ดีๆก็มี teaser ซีรี่ย์เรื่องนึงโผล่ขึ้นมา ตอนดูไม่ได้สนใจเลย มองผ่านๆ เพราะแวบแรกที่เห็นฉากkey คือตอนที่มีเด็กสาวม.ปลาย
ถือไม้ม็อบยืนหันมามองเด็กหนุ่มม.ปลาย ถอดเสื้อครึ่งตัวเพิ่งล้างหน้าเสร็จตัวเปียกๆผมเปียกๆยืนมองกันอยู่ที่ก็อกน้ำ
555555ใช่แล้ว คือซีนล่างนี้เลย
เห็นปุ๊บแว้บแรกคิดเลย "แมร่งนางเอกหน้าแก่ พระเอกหน้าหยั่งกะซูนิโอะ" แล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก ไม่ได้คิดจะดูซักนิด
ไม่สนด้วยว่าเรื่องชื่ออะไรเพราะภาพดูเก่าๆเลยคิดว่าไม่ใช่แนว แต่หลังจากนั้นไม่นานทุกเว็บขาประจำที่เข้าไปอ่าน
จะมีแต่ข่าว/กระทู้อวย ซีรี่ย์ชื่อ Answer Me 1997 ว่าดีหยั่งงั้นหยั่งงี้ เป็นซีรี่ย์ที่กระแสและเรตติ้งเริ่มมาเพราะคำว่า "ปากต่อปาก"
เราก็เลยไปโหลดมาเก็บไว้กลัวตกเทรนด์ พอเริ่มดูวันแรกเห็นหน้านางเอกปุ๊บจำได้เลย นี่มันน้องหน้าแก่นี่หว่า
จะใช่เรื่องเดียวกันกับที่กรุเห็นวันนั้นป่ะวะ ใจก็คิดว่าเอาแล้วโคตรเปลืองเมมเครื่อง โหลดมาตั้งหลายตอนละจะทิ้งก็เสียดาย
เวลาที่โหลดไป เลยเอาวะลองดูซักตอน พอเรื่องย้อนกลับไป 1997 ตอนที่พวกนางเอกเล่นเกมส์เต้น Dance Revolution กัน
เราก็จำเพลงมันได้เลย เพราะมันทำให้นึกถึงตอนสมัยเรียนแข่งเล่นเกมส์เต้นกับเพื่อน ความสนใจเลยเริ่มมา จนถึงท้าย episode
ที่พระเอกขยับเสื้อไปปิดสายเสื้อในนางเอก คือจบเลย คือติดเลย โดนมาก ดูต่อยาวๆ
พอชอบก็เริ่มหาอ่านข้อมูลก็ไปเจอว่าเฮ้ยนี่มันของ PD Shin Won Ho ทำให้ชอบขึ้นไปอีกเพราะพี่แกติสต์กันทั้งทีม
ถ้าตามวาไรตี้ของทีมนี้จะรู้ว่าแนวคิดค่อนข้างจะนอกกรอบพอสมควรและกล้าฉีก ทำให้ตอนดู Reply 1997 ถึงเราจะมั่นใจว่า
สุดท้ายสามีชีวอนจะเป็นยุนแจ แต่ก็จะมีเมล็ดเล็กๆในหัวตลอดเวลาว่าอาจจะเป็นพี่พระเอกมาวินได้เหมือนกัน
เพราะความติสต์ของทีมนี้ และการใช้ความเป็นจริงในชีวิตจริงที่ว่า รักแรกส่วนมากมักไม่ลงเอย มาเล่น
ทำให้คนดูเองเกิดความไม่มั่นใจ ซึ่งอาจเพราะเป็น PD Shin Won Ho และทีม1night2daysนี้เอง ที่ทำให้เรา
ดูด้วยใจเปิดกว้างและยอมรับแต่แรก ว่าสามีนางเอกสามารถเป็นใครก็ได้ เพราะกลุ่มนี้ติสต์
จนมาถึง Reply 1994 เราก็ยังดูด้วยใจเป็นกลางแต่แรก เพราะชื่อ Shin Won Ho and team นี้มันค้ำคอ
ทำให้เปิดใจว่าเราจะเสพเฉพาะความสบายใจที่ได้เห็นอะไรในวันวาน ได้รับรู้อะไรๆในปี 1994 โดยไม่ไปจับจดหรือจับจ้องกับ
love line มากจนเกินจำเป็นเพราะนั่นเป็นแค่เครื่องเคียงของจานหลักที่ทีมติสต์นี้ต้องการจะสื่อ
แต่ทีมนี้ก็สามารถพาเราไปถึงจุดๆนึง ที่เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเริ่มกลายเป็น Team Chilbong ทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่าทีมนี้มันไม่น่าวางใจ
พร้อมๆกับที่เริ่มรู้สึกว่าReply ภาคนี้ช่วงหลังๆหลงประเด็นไปทำให้เครื่องเคียงอย่าง loveline กลายไปเป็นอาหารจานหลัก
ทำให้เราก็ไม่ค่อยปลื้มกับเส้นเรื่องช่วงหลัง ถึงแม้ว่าจะรู้สึกได้ตั้งแต่ตอนที่ 2 ที่นางเอกย้อนอดีตพาร์ทพี่ชายของฉัน
ว่า Team Trash มาวิน แต่เราก็ยังรู้สึกว่าไม่แน่อาจมีพลิก เพราะไม่ไว้ใจความติสต์อีกเหมือนเดิม ตอนเฉลยพระเอกตอนสุดท้าย
ทำให้เรารู้เลยว่า ทีมกำกับ/เขียนนี้มันเทพเรื่องจิตวิทยามนุษย์จริงๆ
จนมาภาคล่าสุด Reply 1988 เราก็ยังดูด้วยความเปิดใจตั้งแต่แรก และพร้อมยอมรับกับสิ่งที่เค้าจะนำเสนอ
ซึ่ง storyline ของภาคนี้ดีที่สุด เพราะเกลี่ยบทครบ ทุกคนมีเรื่องราว มีมิติ เค้าสามารถทำให้เราผูกพันกับตัวละครทั้งซอยนี้ได้
ถือว่าเก่งจริงๆ เพราะตัวละครหลักมันไม่ใช่แค่ 3 4 ตัว แต่มันมีเกิน 10 คน ซึ่งยากมากๆที่จะทำให้คนดูแคร์ทุกคน
ซึ่งเค้าก็ทำได้ อันนี้ต้องยกให้
ในส่วนของ love line เราเข้ามาด้วยใจเป็นกลางตั้งแต่episode1 เลยทำให้มองค่อนข้างต่างจากคนที่ได้ทีมตั้งแต่ดูแรกๆ
อันนี้เราไม่คิดว่าทีมเขียนบทพลาดที่ใส่ Junghwan มาแรกๆให้เด่น แต่ส่วนตัวเราคิดว่าคนดูพลาด ที่ให้ความสำคัญกับ
Body contact หรือสกินชิพกับซีรี่ย์เกาหลีเกินไป สำหรับเราเท่าที่ดูทีม PD/Writer นี้มา เค้าไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่อง
สกินชิพเท่าไหร่ มันแทบไม่มีความหมายอะไรมาก เค้าสามารถเขียนให้นางเอกสามารถมีสกินชิพกับใครก็ได้โดยที่เค้าไม่ได้
ยึดว่าจะต้องเป็นพระเอกหรือคนที่จะลงเอยด้วยเท่านั้นที่มีสิทธิ์ถูกเนื้อต้องตัวนางเอก เพราะฉะนั้นการที่จองฮวันซอกตึก หรือ
แขนสตองกับต็อกซอนตั้งแต่แรกๆ เราไม่ได้คิดอะไรกับมันมากเลย แค่รู้สึกว่าจะดูว่าภาคนี้ทีมPDนี้จะมาไม้ไหน
ส่วนของ Deokson ที่หลายๆคนเริ่มรู้สึกว่านางโลเลวันทอง ส่วนตัวเราก็ไม่ได้คิดเหมือน เราไม่คิดว่าขนาดโลเลวันทอง
แต่เราคิดว่าชีไม่มีจุดยืนและค่อนข้างimmature และต้องการความสนใจมากเพราะเป็นลูกคนกลางที่ถูกให้ความสำคัญหลังสุด
เสมอ พอรู้ว่ามีใครมาชอบก็จะเริ่มมีความรู้สึกดีๆตอบเค้า เพราะมันเหมือนได้รับการเติมเต็มในส่วนที่คิดว่าไม่มีใครรัก
อีกเรื่องที่เราดูแล้วตะงิดๆตั้งแต่แรกๆคือ ต็อกซอนนางจะเริ่มชอบหลังจากเพื่อนบิ้วท์หรือหลังจากรู้ว่าอีกฝ่ายชอบเท่านั้น
ตั้งแต่แรกมายังไม่มีจุดไหนที่มันเกิดขึ้นจากความเป็นธรรมชาติของความรู้สึกนางเองเลย ทำให้เรายิ่งค่อนข้างมั่นใจว่า
คนที่ใช่สำหรับนางจะถูกเขียนขึ้นให้นางมีความรู้สึกเองแบบธรรมชาติ แบบไม่ได้รับการบิ้วท์มา ซึ่งอาจจะเป็น Taek ที่จนถึง
ตอนนี้ก็ยังไม่มีใครมาบิ้วท์นาง แล้วนางก็เริ่มหวั่นไหวของนางเอง หรืออาจจะไม่ใช่ เพราะเราเดาทางทีมติสต์นี้ผิดอีกแล้วก็ได้
บท Taek สร้างมามีมิติมาก ค่อยๆปล่อยมา เนิบๆแต่ไม่เคยหายไปจากความคิดคนดู ตัวไม่มาแต่ก็ยังรู้สึกเหมือน
อยู่ด้วยกันกับอีก 4 คน เหมือนจะหงอ เหมือนจะทำอะไรไม่เป็นดูแลตัวเองไม่ได้ แต่จริงๆก็ไม่หงอ มีความเป็นผู้ใหญ่สูง
ภายใต้แรงกดดันตั้งแต่เด็ก มีมุมดาร์ก ดูแลคนรอบๆตัวได้ในแบบของเค้าเอง บทนี้ถ้าเล่นไม่ดีมีสิทธิ์ถูกกลืน เพราะepisodeแรกๆ
ออกแต่วิญญาณแต่ร่างจริงไม่ปรากฎ ถ้าดูแบบคนไม่มีทีมจะเห็นตั้งแต่แรกๆแล้วว่าบทนี้คล้ายๆกับเป็น Easter egg
แรกๆจะไม่ค่อยมีบทสกินชิพกับนางเอกมากมายแต่จะถูกสื่อว่าอยู่ในความผูกพันทางความรู้สึกกับนางเอกอยู่เรื่อยๆ
สำหรับคนที่ไม่มีทีมตั้งแต่แรก ดูแล้วคิดว่าคงไม่มีใครแปลกใจว่าทำไม Taek ถึงมีเปอร์เซ็นต์ที่จะเป็นคนนั้นของต็อกซอนได้
เห็นบางความเห็นของบอร์ดนอก บอกว่าจนป่านนี้ยังมองไม่เห็นว่าจะไปชอบกันได้ตอนไหน หรือต็อกซอนสามารถ
ชอบแท็กได้ตอนไหน สำหรับคนไม่มีทีมดูแล้วบอกได้ว่ามีหลายโม้เม้นท์เลย สุดท้าย Taek จะเป็นเธอคนนั้นของนางเอกหรือไม่
ก็ต้องติดตามกันต่อไป อาจจะเป็นแค่คนที่มีสายใยทางความรู้สึกแต่ไม่ได้ลงเอยกันก็เป็นได้เหมือนกัน
๋เรื่องนึงของซีรี่ย์ตระกูล Reply ที่ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยซักภาค คือ Kiss Scene
ตระกูลนี้ไม่มีงกเรื่องนี้ และต้องออนแอร์ช่องเคเบิ้ลเท่านั้นถึงจะทำได้5555
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อีกเรื่องคือ คู่รอง ......นอกจาก Reply 1997 แล้ว อีกสองภาคหลัง เราชอบคู่รองมากกว่าคู่หลักทั้งหมดเลย
และมีความรู้สึกว่าเค้าใส่ใจในการเขียนความเป็นไปของคู่รองให้ออกมากินใจมาก อาจเพราะไม่มีแรงกดดันเรื่อง
สามีนางเอกมาเป็นตัวแปร
ในทั้ง 3 ภาคนี้ ภาคที่เราประทับใจมากที่สุดคือ Reply 1997 ทุกอย่างลงตัว เคมีพระนาง ความสนิทสนมในกลุ่มเพื่อน
ทุกตัวเป็นที่น่าจดจำ ถึงแม้ว่า storyline จะเกลี่ยไม่ทั่วถึงเพราะเน้นไปที่นางเอก แต่กลับเป็นภาคที่เรารู้สึกว่า
PD Shin Won Ho & Team ทำด้วยใจมากที่สุด โดยไม่มีแรงกดดันจากทางช่อง ไม่สนกระแสและเรตติ้ง
ขอแค่ทำออกมาให้ได้ตามที่ตั้งใจในอุดมคติ ผลลัพธ์คือคนดูรับรู้ได้เลยว่าซีรี่ย์แบบนี้ถ้าคนทำไม่มีใจและ
ไม่เคยผ่านอะไรๆในเรื่องมา คงทำไม่ได้
ภาค 1994 เป็นภาคที่ทำให้รู้สึกว่าทีมได้รับแรงกดดันจากทางช่องแน่นอน เพราะต้องการต่อยอดสร้างให้ช่องสามารถ
ผงาดไปยืนสมรภูมิเดียวกับสามช่องหลักได้ โดยใช้ Reply ของ Shin Won Ho เป็นบันได ทำให้ Reply 1994
กลายเป็นแค่ Product เท่านั้น
ภาค 1988 ก็ยังรับรู้ถึงแรงกดดันนั้นอยู่แต่น้อยลง เหมือนทีมกำกับ/ทีมเขียนเองก็เริ่มรู้สึกว่า "ใจ" ของซีรี่ย์มันหายไป
เพราะเป็นความหวังในหลายๆเรื่องของช่อง ยังคงต้องดำเนินไปตามครรลองธุรกิจแต่ก็ไม่ลืมที่จะใส่ "ใจ" ของ Reply กลับเข้ามา
ทำให้มันกลับมาน่าประทับใจอีกครั้ง ถึงแม้จะไม่เท่าภาคแรก อย่างน้อยก็พอรับรู้ได้ว่าพยายามปรานีปรานอมทั้งทางฝั่งธุรกิจ(ช่อง)
และ คนดู
สุดท้ายนี้ แค่อยากให้ทุกคนดูด้วยใจที่เปิดกว้าง และยอมรับกับสิ่งที่เค้าจะนำเสนอ ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร
ก็อยากให้เข้าใจทีมคนทำเค้าด้วยว่ามันมีปัจจัยหลายอย่างที่บางทีเค้าก็ต่อต้านมากไม่ได้ จนกว่าจะมีวันนั้นวันที่ติสต์
ได้ครองโลกจริงๆ เราคงจะได้เห็นความน่าประทับใจ 100% กลับมาอีกครั้ง
เหลืออีกสองตอน ขอให้ดูให้สนุกกันทุกคนนะจ๊ะ