เสืoกลิ้งตัว
โดย Kawee Sakawee
คนส่วนมากมักจะหาว่า CAT และ TOT เป็นเสือนอนกิน เพราะว่าทั้งสองบริษัทหารายได้ผ่านระบบสัมปทาน นั่นก็คือการนำทรัพยากรของชาติที่ได้มาฟรีๆ ซึ่งในที่นี้ก็คือคลื่นความถี่ มาปล่อยให้เอกชนเช่า โดยตัวเองไม่ต้องลงทุน หรือบริหารมากนัก แค่รอกินส่วนต่าง ว่าง่ายๆ ก็คือการทำตัวเป็นพ่อค้าคนกลางของสินค้าที่ได้ทำการผูกขาดแบบฟรีๆ
แต่ว่าจะเป็นเสือนอนกินตลอดไปก็คงไม่ได้ บางทีก็ต้องขยับเนื้อขยับตัวบ้าง โดยเฉพาะเมื่ออุตสาหกรรมอยู่ในช่วงที่ทุกผู้เล่นไม่ใช่แค่กำลังขยับขยาย แต่กำลังวิ่งแข่งกัน เพราะทุกคนรู้ตัวดีว่าต่อให้แค่เดิน หรือวิ่งช้าหน่อย ก็ตามหลังแล้ว
สำหรับเสือทั้งสองตัวยังไงก็ต้องหากินกับทรัพยากรที่มีอยู่ หลังจากการประมูลมีหลายคำถามว่าแผนการตลาดของแต่ละเจ้าคืออะไร ในวันนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าแต่ละเจ้า ไม่ว่าจะเป็นผู้ชนะ ผู้แพ้ หรือใครก็แล้วแต่ สุดท้ายก็ต้องมาอาศัยเสือทั้งสองอยู่ดี
สำหรับเจ้าตลาด AIS เพื่อนสนิทก็คงหนีไม่พ้น TOT ทาง AIS เองก็ออกมายอมรับว่า AIS และ TOT ได้ตกลงสัญญากันไว้ก่อนจบการประมูลอีก รายระเอียดตอนนี้ยังไม่ถูกเปิดเผยออกมาแต่ที่แน่ๆ 100% คือ AIS จะเช่าคลื่นความถี่ 2100 MHz ของ TOT อีก 15 MHz เพื่อนำมาเสริมกับ 30 MHz ในย่านความถี่ 2100 MHz และ 900 MHz ที่ตัวเองมีอยู่แล้ว ตลอด 25 ปีที่ AIS ประกอบการอยู่บนสัญญาสัมปทานของ TOT ทาง AIS ได้แบ่งรายได้ให้กับ TOT ถึง 240,000 ล้านบาท และยังส่งมอบทรัพย์สินให้อีกกว่า 186,000 ล้านบาท คู่ธุรกิจดีขนาดนี้ไม่แปลกใจว่าทำไม TOT และ AIS ถึงทำงานร่วมกันต่อ
dtac ซึ่งหลายคนเป็นห่วงมากที่สุดเพราะในอีกแค่ 3 ปี สัมปทานกับ CAT ก็จะหมดลงทำให้จะเหลือแค่คลื่น 2100 MHz จำนวน 15 MHz อยู่ในมือเท่านั้น คำถามคือ dtac จะทำอย่างไรให้ dtac ในอีกสามปีแข็งแกร่งกว่า dtac ในวันนี้เพื่อที่ในอีกสามปีเมื่อมีการนำคลื่น 1800 MHz มาประมูล dtac จะได้ชนะกับเขาบ้าง และจะได้มีคลื่นทำธุรกิจต่อไป (จริงๆ 850 MHz ก็จะหมดสัญญาพร้อมๆ กันแต่คาดว่าจะถูกนำไปใช้กับรถไฟความเร็วสูง) เพราะฉะนั้นในช่วง 3 ปีนี้คือเวลาที่ dtac ต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อเตรียมความพร้อม ซึ่งเราก็ได้เห็นแล้วว่า CAT และ dtac ได้ตกลงนำคลื่น 1800 MHz ของ CAT มาให้บริการ 4G เพิ่มอีก 20 MHz ส่วนทาง CAT เองก็ต้องไปสู้กับ กสทช. ถ้าอยากจะเก็บคลื่น 1800 MHz เอาไว้ แต่ก็คงจะยาก เพราะ กสทช. คงไม่ยอม และมีกฏหมายอยู่ข้างตัวเอง
ในส่วนของ True Move ซึ่งเป็นผู้ชนะการประมูลถึงสองรอบ ก็หนีไม่พ้น CAT อีกอยู่ดี จริงๆ แล้ว CAT กับ True Move มีสัญญาสัมปทานคลื่น 850 MHz ด้วยกันอยู่แล้ว ซึ่งยังมีเวลาเหลืออีกเป็น 10 กว่าปี ในส่วนนี้ True Move ซึ่งไม่ได้มีความต้องการคลื่นมากขึ้น เพราะตัวเองประมูลได้มาถึงสามใบอนุญาตแล้ว (1. 2100 MHz/15 MHz ; 2. 1800 MHz/15 MHz ; 3. 900 MHz/10 MHz) และยังมีสัมปทานอยู่อีก แต่เพื่อรองรับความต้องการ 4G ของผู้บริโภคก็เลยต้องการแก้สัญญาจากการใช้คลื่นทำ 3G มาใช้ให้บริการ 4G แทน และเพราะ BFKT ได้สร้างเสาโทรคมนาคมมากขึ้นจาก 8,000 ต้นเป็น 14,000 ต้น ก็มีความต้องการปรับสัดส่วนการขายส่งขายต่อบริการบนโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ (เอ็มวีเอ็นโอ) จาก 80:20 ซึ่งที่ผ่านมา CAT ได้รับส่วนแบ่งรายได้มามากกว่า 1 แสนล้านบาทแล้ว และคาดว่าก่อนจะหมดสัมปทานในยุค 4G หรือ 5G เป็นต้นไป CAT จะได้รับส่วนแบ่งรายได้อีกถึง 2 แสนล้านบาท
เหตุผลที่ต้องแก้สัญญาเมื่อต้องการเปลี่ยนการให้บริการจาก 3G เป็น 4G ก็คือระบบสัมปทาน ในระบบนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสัญญา จะทำอะไรก็ต้องแก้สัญญา ต้องขออนุญาต ต่างจากระบบใบอนุญาตที่พอได้มาแล้วเอาไปใช้เทคโนโลยีอะไรก็ได้ จะ 4G 5G 10G หรือ 2G ก็แล้วแต่เจ้าของเลย ตอนนี้สัญญา CAT ต้องดูให้ดีๆ เพราะในสัญญาเก่าตอนนี้โดนทาง สตง. ตรวจสอบว่า CAT เสียประโยชน์ถึง 40,000 ล้านบาท ซึ่งสำหรับรัฐวิสาหกิจถือเป็นความผิด
สุดท้ายสำหรับน้องใหม่ JAS Mobile Broadband ต่างจากเจ้าอื่นก็คือไม่ต้องเข้าไปยุ่งเรื่องคลื่น ตัวเองไม่เคยอยู่ในระบบสัมปทาน และก็ไม่ได้ต้องการคลื่นมากไปว่า 10 MHz บนความถี่ 900 MHz ที่ได้มาจากการประมูลเพราะคาดว่าลูกค้าในตอนต้นจะยังไม่เยอะมาก แค่หลัก 2-3 ล้านเลขหมาย แต่สิ่งที่ตัวเองต้องการคือเสาสัญญาณ จะสร้างเองทั้งหมดในตอนต้นก็คงไม่ไหว ทั้งเวลาและเงินเป็นการลงทุนที่สูงเกินไป ก็เลยต้องไปพึ่งพาเสือทั้งสองเพราะทั้งสองเจ้ามีเสาสัญญาณอยู่มากมาย หลายต้นมาจากการส่งมอบของเอกชนเมื่อหมดสัญญาสัมปทาน ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะเช่ากี่ต้น และเช่าต้นไหนบ้าง แต่ทาง JAS ยืนยันแล้วว่าจะมีการเช่าจากทั้งสองเจ้านี้แน่นอน 100%
จะเห็นได้ชัดว่าแม้มีการประมูลมาแล้วภึง 3 รอบ แต่ด้วยทรัพยากรอันมีค่ามหาศาลที่เสือทั้งสองตัวถืออยู่ ทำให้พวกเขาทั้งสองยังมีความสำคัญและความจำเป็นอย่างมากต่ออุตสาหกรรมโทรคมนาคม เขารู้ตัวว่าเขานอนอยู่กับที่ไม่ได้ แต่ต่อให้เขาไม่วิ่งเหมือนใครอื่น ด้วยขนาดที่ใหญ่ แค่กลิ้งตัวสองสามทีก็รู้สึกได้ถึงแรงสั่นไปทั่ววงการแล้ว
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก:
http://mashable.com/2012/05/20/cash-cats-tumblr/#2h_uoNEOK8qt
แหล่งข่าว
เว็ปไซต์หนังสือพิมพ์ Telecomjournalthailand
http://bit.ly/1Pl4g3E
บทความ : เสืoกลิ้งตัว
เสืoกลิ้งตัว
โดย Kawee Sakawee
คนส่วนมากมักจะหาว่า CAT และ TOT เป็นเสือนอนกิน เพราะว่าทั้งสองบริษัทหารายได้ผ่านระบบสัมปทาน นั่นก็คือการนำทรัพยากรของชาติที่ได้มาฟรีๆ ซึ่งในที่นี้ก็คือคลื่นความถี่ มาปล่อยให้เอกชนเช่า โดยตัวเองไม่ต้องลงทุน หรือบริหารมากนัก แค่รอกินส่วนต่าง ว่าง่ายๆ ก็คือการทำตัวเป็นพ่อค้าคนกลางของสินค้าที่ได้ทำการผูกขาดแบบฟรีๆ
แต่ว่าจะเป็นเสือนอนกินตลอดไปก็คงไม่ได้ บางทีก็ต้องขยับเนื้อขยับตัวบ้าง โดยเฉพาะเมื่ออุตสาหกรรมอยู่ในช่วงที่ทุกผู้เล่นไม่ใช่แค่กำลังขยับขยาย แต่กำลังวิ่งแข่งกัน เพราะทุกคนรู้ตัวดีว่าต่อให้แค่เดิน หรือวิ่งช้าหน่อย ก็ตามหลังแล้ว
สำหรับเสือทั้งสองตัวยังไงก็ต้องหากินกับทรัพยากรที่มีอยู่ หลังจากการประมูลมีหลายคำถามว่าแผนการตลาดของแต่ละเจ้าคืออะไร ในวันนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าแต่ละเจ้า ไม่ว่าจะเป็นผู้ชนะ ผู้แพ้ หรือใครก็แล้วแต่ สุดท้ายก็ต้องมาอาศัยเสือทั้งสองอยู่ดี
สำหรับเจ้าตลาด AIS เพื่อนสนิทก็คงหนีไม่พ้น TOT ทาง AIS เองก็ออกมายอมรับว่า AIS และ TOT ได้ตกลงสัญญากันไว้ก่อนจบการประมูลอีก รายระเอียดตอนนี้ยังไม่ถูกเปิดเผยออกมาแต่ที่แน่ๆ 100% คือ AIS จะเช่าคลื่นความถี่ 2100 MHz ของ TOT อีก 15 MHz เพื่อนำมาเสริมกับ 30 MHz ในย่านความถี่ 2100 MHz และ 900 MHz ที่ตัวเองมีอยู่แล้ว ตลอด 25 ปีที่ AIS ประกอบการอยู่บนสัญญาสัมปทานของ TOT ทาง AIS ได้แบ่งรายได้ให้กับ TOT ถึง 240,000 ล้านบาท และยังส่งมอบทรัพย์สินให้อีกกว่า 186,000 ล้านบาท คู่ธุรกิจดีขนาดนี้ไม่แปลกใจว่าทำไม TOT และ AIS ถึงทำงานร่วมกันต่อ
dtac ซึ่งหลายคนเป็นห่วงมากที่สุดเพราะในอีกแค่ 3 ปี สัมปทานกับ CAT ก็จะหมดลงทำให้จะเหลือแค่คลื่น 2100 MHz จำนวน 15 MHz อยู่ในมือเท่านั้น คำถามคือ dtac จะทำอย่างไรให้ dtac ในอีกสามปีแข็งแกร่งกว่า dtac ในวันนี้เพื่อที่ในอีกสามปีเมื่อมีการนำคลื่น 1800 MHz มาประมูล dtac จะได้ชนะกับเขาบ้าง และจะได้มีคลื่นทำธุรกิจต่อไป (จริงๆ 850 MHz ก็จะหมดสัญญาพร้อมๆ กันแต่คาดว่าจะถูกนำไปใช้กับรถไฟความเร็วสูง) เพราะฉะนั้นในช่วง 3 ปีนี้คือเวลาที่ dtac ต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อเตรียมความพร้อม ซึ่งเราก็ได้เห็นแล้วว่า CAT และ dtac ได้ตกลงนำคลื่น 1800 MHz ของ CAT มาให้บริการ 4G เพิ่มอีก 20 MHz ส่วนทาง CAT เองก็ต้องไปสู้กับ กสทช. ถ้าอยากจะเก็บคลื่น 1800 MHz เอาไว้ แต่ก็คงจะยาก เพราะ กสทช. คงไม่ยอม และมีกฏหมายอยู่ข้างตัวเอง
ในส่วนของ True Move ซึ่งเป็นผู้ชนะการประมูลถึงสองรอบ ก็หนีไม่พ้น CAT อีกอยู่ดี จริงๆ แล้ว CAT กับ True Move มีสัญญาสัมปทานคลื่น 850 MHz ด้วยกันอยู่แล้ว ซึ่งยังมีเวลาเหลืออีกเป็น 10 กว่าปี ในส่วนนี้ True Move ซึ่งไม่ได้มีความต้องการคลื่นมากขึ้น เพราะตัวเองประมูลได้มาถึงสามใบอนุญาตแล้ว (1. 2100 MHz/15 MHz ; 2. 1800 MHz/15 MHz ; 3. 900 MHz/10 MHz) และยังมีสัมปทานอยู่อีก แต่เพื่อรองรับความต้องการ 4G ของผู้บริโภคก็เลยต้องการแก้สัญญาจากการใช้คลื่นทำ 3G มาใช้ให้บริการ 4G แทน และเพราะ BFKT ได้สร้างเสาโทรคมนาคมมากขึ้นจาก 8,000 ต้นเป็น 14,000 ต้น ก็มีความต้องการปรับสัดส่วนการขายส่งขายต่อบริการบนโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ (เอ็มวีเอ็นโอ) จาก 80:20 ซึ่งที่ผ่านมา CAT ได้รับส่วนแบ่งรายได้มามากกว่า 1 แสนล้านบาทแล้ว และคาดว่าก่อนจะหมดสัมปทานในยุค 4G หรือ 5G เป็นต้นไป CAT จะได้รับส่วนแบ่งรายได้อีกถึง 2 แสนล้านบาท
เหตุผลที่ต้องแก้สัญญาเมื่อต้องการเปลี่ยนการให้บริการจาก 3G เป็น 4G ก็คือระบบสัมปทาน ในระบบนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสัญญา จะทำอะไรก็ต้องแก้สัญญา ต้องขออนุญาต ต่างจากระบบใบอนุญาตที่พอได้มาแล้วเอาไปใช้เทคโนโลยีอะไรก็ได้ จะ 4G 5G 10G หรือ 2G ก็แล้วแต่เจ้าของเลย ตอนนี้สัญญา CAT ต้องดูให้ดีๆ เพราะในสัญญาเก่าตอนนี้โดนทาง สตง. ตรวจสอบว่า CAT เสียประโยชน์ถึง 40,000 ล้านบาท ซึ่งสำหรับรัฐวิสาหกิจถือเป็นความผิด
สุดท้ายสำหรับน้องใหม่ JAS Mobile Broadband ต่างจากเจ้าอื่นก็คือไม่ต้องเข้าไปยุ่งเรื่องคลื่น ตัวเองไม่เคยอยู่ในระบบสัมปทาน และก็ไม่ได้ต้องการคลื่นมากไปว่า 10 MHz บนความถี่ 900 MHz ที่ได้มาจากการประมูลเพราะคาดว่าลูกค้าในตอนต้นจะยังไม่เยอะมาก แค่หลัก 2-3 ล้านเลขหมาย แต่สิ่งที่ตัวเองต้องการคือเสาสัญญาณ จะสร้างเองทั้งหมดในตอนต้นก็คงไม่ไหว ทั้งเวลาและเงินเป็นการลงทุนที่สูงเกินไป ก็เลยต้องไปพึ่งพาเสือทั้งสองเพราะทั้งสองเจ้ามีเสาสัญญาณอยู่มากมาย หลายต้นมาจากการส่งมอบของเอกชนเมื่อหมดสัญญาสัมปทาน ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะเช่ากี่ต้น และเช่าต้นไหนบ้าง แต่ทาง JAS ยืนยันแล้วว่าจะมีการเช่าจากทั้งสองเจ้านี้แน่นอน 100%
จะเห็นได้ชัดว่าแม้มีการประมูลมาแล้วภึง 3 รอบ แต่ด้วยทรัพยากรอันมีค่ามหาศาลที่เสือทั้งสองตัวถืออยู่ ทำให้พวกเขาทั้งสองยังมีความสำคัญและความจำเป็นอย่างมากต่ออุตสาหกรรมโทรคมนาคม เขารู้ตัวว่าเขานอนอยู่กับที่ไม่ได้ แต่ต่อให้เขาไม่วิ่งเหมือนใครอื่น ด้วยขนาดที่ใหญ่ แค่กลิ้งตัวสองสามทีก็รู้สึกได้ถึงแรงสั่นไปทั่ววงการแล้ว
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก: http://mashable.com/2012/05/20/cash-cats-tumblr/#2h_uoNEOK8qt
แหล่งข่าว
เว็ปไซต์หนังสือพิมพ์ Telecomjournalthailand http://bit.ly/1Pl4g3E