[CR] ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยจีน 21 วัน ไปกัมพูชา เวียดนาม จีน (รถไฟ) ล่องเรือกลับทางลาว ตอนที่ 10 มหานครปักกิ่ง

“ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก” ตะลุยจีน 21 วัน ผ่านกัมพูชา เวียดนาม สุดทางที่กำแพงเมืองจีน ขากลับล่องเรือผ่านลาว นั่งรถไฟเป็นส่วนใหญ่ ไม่นั่งเครื่องบินเลย

ตอนที่ 10 จัตุรัสเทียนอันเหมิน มหานครปักกิ่ง จีน

กลับจากกำแพงเมืองจีนไปเยี่ยมชมจัตุรัสเทียนอันเหมิน อนุสาวรีย์วีรชน ทำเนียบประธานเหมาเจ๋อตง พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ มหาศาลาประชาชน ที่มีการตรวจตราเข้มข้น มีการสแกนก่อนเข้าเขตจัตุรัส และมีทหารตำรวจแบกปืนเดินแถวแปรขบวนตลอดเวลา

มีรถชัตเติ้ล พาชมข้างในพระราชวัง คนละ 2 หยวน แล้วออกไปส่งที่ถนนสายวัฒนธรรมหลังวังต้องห้าม
หัวถนนสายศิลปวัฒนธรรมอยู่ใกล้ๆทางลงสถานีรถใต้ดินเทียนอันเหมินตะวันออก
ซ้ายสุดคืออนุสาวรีย์วีรชน แล้วก็เป็นมหาศาลาประชาชน ตามด้วยทหารและตำรวจ
วันนี้อากาศหนาวมากอยู่ที่โล่งต้องเก็บทุกส่วนของร่างกาย ที่กำแพงเมืองจีนก็เย็นมาก ทั้งข้างบนและข้างล่าง ถ้าเจอโพรงยิ่งเย็นและลมแรงกว่าที่โล่ง
       
วันนี้ จุดเริ่มต้นคือ พระราชวังต้องห้าม ไปโดย Morning walk เพราะเราพักอยู่ใจกลางเมือง
ที่พักอยู่ถัดจาก Oriental Grand Hotel ใจกลางกรุงเป่ยจิง (ไทยออกเสียง ปักกิ่ง) ทุกแยกใหญ่ที่มีทางม้าลายมีทหารตำรวจ รถพยาบาล ส่วนถนนสายหลักต้องลอดใต้ดิน ซึ่งใช้ร่วมกับสถานีใต้ดิน
เมื่อวานเราไปถึงหน้าพระราชวังต้องห้าม ตอนประตูวังปิดแล้ว ได้ชมเฉพาะภายนอก วันนี้ไปอีก ปิดทั้งวัน เพราะปิดวันจันทร์ ถ้าจะให้เป๊ะ ต้องหาข้อมูลวันปิดเปิด และวางแผนการเดินทางให้รัดกุมกว่านี้
                                          
                                          
ลมตรงปากอุโมงค์กลางจตุรัสเทียนอันเหมินแรงและเย็นมากๆ
ตอนเดินไปถนนโบราณฉางอาน ซึ่งเป็นถนนในเมืองที่ยาวที่สุดในโลก ผ่านห้องน้ำสาธารณะตรงชุมชนโบราณหลังวังต้องห้ามได้แวะใช้บริการมีประตูเปิดเข้าไปเจอส้วมนั่งยอง 2 ที่ โถ 1 ที่โถอัดแน่นไปด้วยข้าศึกใหญ่ ไม่มีร่องรอยการชักโครก ส่วนยองก็มีคนกำลังจัดการกับข้าศึกใหญ่ 1 ที่ ว่าง 1 ที่คนที่ใช้ก่อนหน้าไม่เหยียบชักโครก ไม่มีตะกร้าใส่กระดาษชำระฯ ด้านหน้าเปิดปิด ด้านข้างแค่ไหล่ คนนั่งข้างก็เบ่งเต็มที่ มองเห็นหน้ากันสบายๆ พยายามแอบถ่ายภาพได้มาเท่านี้
                                          
ถนนฉางอานฝั่งตรงข้ามที่เป็นเหมือนดาวกลมใหญ่ ไม่แน่ใจว่าใช่สนามรังนกหรือไม่ ถามจนท.แล้ว ฟังหรือพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย
ด้านช้างพระราชวังต้องห้าม มีสวนสาธารณะที่คาดว่าเคยเป็นพระราชอุทยานต้องเสียค่าผ่านประตูข้างละ 15 หยวน
                                          
เรานั่งรถใต้ดินได้ไปชม ...
วัดเทียนตานตงเหมิน(Tiandandongmen=Temple of Heaven) ทางออก Exit A ค่าเข้าชม 35 หยวนเป็นวัดที่สร้างในปี 1420 ราชวงศ์หมิง เสร็จสมบูรณ์ในราชวงศ์ชิงเป็นที่บูชาฟ้าดินเพื่อขอให้มีฝนอุดมสมบูรณ์สำหรับพืชพันธุ์ธัญญาหาร ที่ไหนที่มีการเก็บค่าผ่านประตู เห็นมีแต่คนจีนที่เข้าชม แม้แต่กำแพงเมืองจีนที่เป็นที่ 1 ของมรดกโลก ผู้เยี่ยมชมก็แทบจะไม่เห็นชาวต่างชาติเลย
                                          
Babaoshan Amusement Park เป็นสวนสนุกที่มี Peijing's Eye มีสถานีรถใต้ดิน 2 สถานี แม้จะไม่ใช่สถานีสุดท้ายแต่ก็เป็นสถานีไปและสถานีกลับ ซื้อตั๋วคนละสถานี เราถูกยึดมีดปอกผลไม้ที่สถานีไป เพราะเรากลับเข้าสถานีนั้นแล้วถูกสแกนพบและจนท.ขอยึดไว้ ลุงพยายามยื้อ โดยบอกว่าไท่กั๋ว ตามที่เคยรอดมาแล้ว เมื่อถูกเรียกขอดูพาสปอร์ตในที่ต่างๆ แต่คราวนี้ไม่รอด! แปลกนะ! เวลาเดินแยกกัน ป้าไม่เคยถูกเรียกเลย แต่ลุงถูกเรียกประจำ โชคดีเป็นของป้าเพราะให้ลุงพกพาสปอร์ตให้ ถ้าถูกเรียกก็คงหัวเสียบ้างเหมือนกัน แต่ดูเหมือนคนจีนจะชอบไท่กั๋วมาก ประกอบกับไท่กั๋วคนก่อนๆ คงทำดีไว้เยอะ พอรู้ว่าเป็นไท่กั๋ว ก็ได้รับรอยยิ้มและไมตรีที่อบอุ่นเสมอ
                                          
โรงเรียนการแสดง Peking Academy รักษาความปลอดภัยเข้มข้น ผู้ปกครองต้องส่งของข้างรั้ว เพราะห้ามบุคคลภายนอกเข้า
การเปลี่ยนสายรถไฟใต้ดินที่ต้องเดินไกลที่สุด เขามีทางเลื่อนเหมือนในสนามบิน
                                          
เมื่อถึงจุดเหนือสุดที่กำแพงเมืองจีน ปักกิ่ง รวมระยะทาง 8,655 กม. เวลา 123 ชม. ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง15,000 บาท ค่าใช้จ่ายอื่นๆ 16,650 รวมทั้งสิ้น 31,650 บาท ระยะเวลา 12 วัน

สวัสดีวันมหาสงกรานต์
เรารอรถไฟ ไปมหานครฉงชิ่ง อยู่ที่สถานีปักกิ่งตะวันตก ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าสถานีจนกว่าจะถึงเวลา 18.25 น. เพราะรถออกเวลา 22.25 น. การเดินทางโดยรถไฟเที่ยวนี้นานที่สุด ใช้เวลา 36 ชั่วโมง แต่ไปรถนอนนุ่ม ค่าตั๋วคงพอๆกับเครื่องบิน นี่ขนาดซื้อล่วงหน้า 2 วันยังเกือบไม่ได้ตั๋ว

เย็นนี้ตื่นเต้นที่สุด ห้องส้วมที่หน้าสถานีปักกิ่ง เข้าไปแล้ว เสร็จธุระแล้ว เปิดออกไม่ได้ ป้าตบประตู ส่งเสียงดัง จนจนท.ต้องเอากุญแจไปไขให้ มันเป็นส้วมสาธารณะที่เอาตู้คอนเทนเนอร์มาทำ ไม่มีรูระบายอากาศ ชักโครกก็ไม่มี เขาปล่อยโฟมออกมาตรงขอบๆตัวส้วม ถ้ามีการจัดการกับข้าศึกใหญ่แบบรอบทิศทาง ก็คงจะต้องให้จนท.กำจัดเท่านั้นเพราะในห้องไม่มีน้ำเลย
              
อาหารเย็นวันนี้ ตามนิ้วที่เราชี้ในเมนู ข้าวผัดไข่กับเส้นต้มยำ แทบมองไม่เห็นผักเลย แต่ก็ยังดีที่ได้กินข้าวอีกมื้อ ทั้งหมด 39 หยวน ถูกกว่ากล้วยหอมที่ขายเป็นกก. ตกลูกละ 10 บาท

เหลือเวลาอีก 10 นาที ก่อนได้รับอนุญาตให้เข้าไปรอในสถานี ตอนเช้าหนาวมากอุณหภูมิ 11 องศาเราใส่เสื้อกันคนละ 6 ตัว กางเกง 2 หมวก ถุงมือ ผ้าพันคอ ตอนที่ออกจากสวนสนุก ถอดเสื้อกันหนาว หมวกอุ่น และผ้าพันคอ ตอนนี้อากาศเริ่มเย็นลงไปที่ 15 องศา คาดว่าในสถานีรถไฟคงอุ่นกว่านี้
เข้าสถานีได้แล้วแต่ไม่มีที่นั่ง แม้แต่ที่ว่างข้างกำแพงก็ถูกจับจองไปหมดแล้ว ตอนนี้ได้แต่รอให้ผู้โดยสารขบวน 19.58 น. ลุกไปเช็คอิน ซึ่งเขาจะเรียกก่อน 30 นาที ยกเว้นรถไฟความเร็วสูงเช็คอินล่วงหน้าแค่ 10 นาที เพราะเขาขายตั๋วล่วงหน้าใครไม่ทันก็รับผิดชอบกันเอง แต่รถไฟธรรมดา แม้ตั๋วล่วงหน้าหมดเขาก็ขายตั๋วยืนด้วย คนที่จะไปให้ได้ก็ต้องยอม.....
อ้าว! ได้ที่นั่งแล้ว....คอยจ้องจนตาจะพลัดกันเลยทีเดียว....คนเยอะมาก ขนาดมี 3 สถานีซุปเปอร์จัมโบ้ ไม่นับสถานีเล็ก ยังไม่พอกับความต้องการ การเดินทางข้ามมณฑล เขานิยมใช้รถไฟ เพราะเป็นบริการสาธารณะที่รัฐบาลจัดให้ ส่วนการเดินทางในปักกิ่ง คนส่วนใหญ่นิยมใช้รถใต้ดิน ที่มีมากถึง 17 สาย ใช้รถประจำทางเท่าที่จำเป็น คือออกนอกเมือง ทำให้การจราจรบนดินไม่คับคั่ง ยกเว้นวันหยุด ที่ลูกหลานพาพ่อแม่ปู่ย่าตายายออกไปเที่ยว ถนนจะแออัดเป็นพิเศษ เราได้เห็นทั้งวันหยุดและวันทำงาน

วันก่อน ซุนยัตเซ็น เขาออกเสียง ซันย็อตเซิน ถึงวันนี้ไม่เคยได้ยินใครเรียกปักกิ่ง มีแต่ เป่ยจิง คนบัญญัติศัพท์ช่างไม่คำนึงถึงการออกเสียงของเจ้าของภาษาเลย พวกเราก็เชื่อตามๆกัน น่าจะยึดหลักกาลมสูตร คือ อย่าเพิ่งเชื่อจนกว่าจะรู้แจ้ง
                                   
มีเรื่องตื่นเต้นอีกแล้ว ลุงทำกระเป๋าเงินหยวนหาย พร้อมพาสปอร์ต! ลุงไปเดินหาจุดที่เคยนั่งกับพื้น หลังพิงกำแพง ตอนยังไม่มีเก้าอี้นั่ง ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว เฮ้อ ! โล่งอกไปที ลุงวางลืมไว้บนกล่องแดงข้างกำแพง ตอนที่หยุดชะเง้อหาที่นั่ง ผู้โดยสารยังนั่งอยู่แถวนั้นมาก แต่ไม่สนใจ เพราะกระเป๋าแบบรัดเอวของลุงดูเก่าไม่มีราคา และไม่น่ามีสิ่งมีค่าอยู่ข้างใน ขอบอก แม้แต่สามีที่เป็นดอกเตอร์ ก็อย่าไว้ใจ.....
                                   
ใครที่คิดจะไปแบ็คแพ็ค ต้องไปกับคนที่ทะเลาะกันแล้ว โกรธกันได้ไม่นานเท่านั้น ไม่งั้นอาจมีรายการแยกกันเดินตั้งแต่ยังไม่จบทริปก็ได้....จริงๆ นะ!
เขาบอกว่า คู่ฮันนี่มูนไปแบบนี้ ถ้าไม่รักกันมากขึ้น ก็เลิกกันไปเลย
ลุงเดินห่างเมื่อไร โดนตำรวจเรียกตรวจพาสปอร์ต และมักมีเรื่องให้แก้ทุกที....เราเรียนภาษามา ก็ได้เปรียบตรงนี้แหละ....เอาตัวรอดได้เมื่อภัยมา
                            
พอมีเสียงประกาศว่า ผู้โดยสารรถขบวนที่จะไปหนานหนิง ให้ไปเช็คอิน คนที่อยู่บนพื้นข้างหลังเรา ทั้งชายและหญิงปีนข้ามแถวเก้าอี้ที่เรานั่ง ไปแซงคิวคนที่ยืนเข้าแถวรออยู่นานกว่าชม. หน้าตาเฉย เสียดาย มัวแต่ตื่นเต้น ถ่ายภาพไม่ทัน
ตอนเข้าห้องน้ำเจอบ่อยมาก เรายืนรออยู่ เธอมาถึงก็ปาดหน้าเข้าประตูไป แบบไม่อาย
จนท.ถือกระบองตะโกนเสียงดังลั่น กลัวซะเมื่อไร!
นั่งดูพวกเขา คนจีนยั้วเยี้ย แย่งกันไปทุกอย่าง พอพวกเขาไปแล้ว ก็ได้เวลาจนท.มาเก็บกวาดตามหลัง
ก่อนที่เราจะขยับไปต่อท้ายแถว เพราะเรามีตั๋วที่นั่ง ไม่ต้องไปแย่งที่กับใคร ก็ได้เห็นสงครามย่อยๆ คนทำความสะอาดพื้นสุดทนกับแม่สาว 2 คน ที่ทิ้งขยะไม่บันยะบันยัง จนถึงวินาทีสุดท้าย จึงต่อว่า เธอไม่ยอมเพราะเธอเป็นผู้ใช้บริการ ส่วนจนท.มีหน้าที่เก็บกวาด เธอเอาเรื่องเสียงดังลั่น แม่สาวอีกคนก็ช่วยกันถล่มจนท. สถานีเกือบถล่มลงมา
                                          
ก่อนเข้าสู่ฉงชิ่ง ซึ่งเป็นมหานครที่ 4 ของจีน ประเทศจีนจัดเมืองที่เป็นเขตเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุด ในแต่ละภาคจะมีเมืองที่เป็นมหานครยกเว้นภาคใต้ แม้มีหลายเมืองที่มีการขยายตัวทางเศรษกิจอยู่ในเกณฑ์ที่สูงอย่างกวางโจว เสิ่นเจิ้น ซัวเถา มาเก๊า และ หนานหนิงซึ่งแปรรูปผลผลิตจากทางตอนใต้ก่อนกระจายไปทั่วประเทศ และส่งออก แต่ยังไม่ได้รับการจัดให้เป็นมหานคร เพราะเมื่อแยกออกเป็นเมืองๆแล้วเศรษฐกิจยังไม่ใหญ่พอ

ปักกิ่งและเทียนจิน ที่อยู่ทางเหนือ มหานครเทียนจินเป็นเมืองที่มีการขยายตัวทางเศรษกิจสูงมากเพราะผลผลิต จากภาคเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือ ได้รับการลำเลียงไปแปรรูปที่นี่ ก่อนกระจายไปทั่วประเทศและส่งออก นอกเหนือจากการเป็นเมืองท่าและเมืองอุตสาหกรรมหนักเกือบทั้งหมดของจีน เทียนจินจึงเป็นมหานครทางตอนเหนือคู่กับมหานครปักกิ่ง
มหานครฉงชิ่ง จะรับผลผลิตจากทางตอนกลางและตะวันตก ไปแปรรูปก่อนกระจายไปทั่วประเทศ และลำเลียงทางน้ำไปยังมหานครเซี่ยงไฮ้เพื่อส่งออก
ส่วนมหานครเซี่ยงไฮ้ นอกจากรับผลิตภัณฑ์จากฉงชิ่งแล้ว ยังรับผลผลิตจากทางตะวันออกของภาคกลางไปแปรรูปก่อนกระจายไปทั่วประเทศและส่ง ออก เฉพาะมหานครเซี่ยงไฮ้แห่งเดียวมีเศรษฐกิจโตกว่าเศรษฐกิจของไทยทั้งประเทศ

ก่อนไปจีนคิดว่าคนจีนส่วนใหญ่กินข้าวเป็นอาหารหลัก เพราะดูหนังจีนเห็นฉากรับประทานอาหารใช้ตะเกียบพุ้ยข้าวเข้าปากแล้วคีบกับข้าวตาม แต่ผ่านมาแล้ว 3 มหานคร หาร้านขายข้าวยากมาก มีแต่แป้งและเส้น เหมือนไปตระเวนเป็นวิทยากรบรรยายแถบอีสาน คิดว่าจะได้กินส้มตำแซ่บๆ กับข้าวเหนียวมื้อเย็นทุกวัน จะได้หุ่นดีเหมือนคนอีสาน แต่หาร้านแบบนั้นตอนเย็นยากมากเช่นกัน : กาลามสูตรสอนไว้ว่า อย่าเพิ่งเชื่อถ้ายังไม่รู้แจ้ง!
เรายังหนาวอยู่ โดยเฉพาะตอนรถไฟจอดรอหลีก รถดับเครื่อง ฮีตเตอร์ไม่ทำงาน หนาวเป็นพิเศษ เพื่อนร่วมห้องยังนอนคลุมโปงอยู่เลย รถขบวนนี้ที่ช้า เพราะจอดรอหลีกบ่อยมั้ง จอดครั้งละไม่ต่ำกว่า 10 นาที แต่เราอยู่ในห้องส่วนตัวจึงไม่เดือดร้อน
                     
ชื่อสินค้า:   มหานครปักกิ่ง จีน
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่