เราเขียนอธิบายความคิดและความรู้สึกออกมาไม่เก่ง ดังนั้นเราจะไม่อธิบายว่ามันเป็นยังไง เพราะถ้าอธิบายได้ไม่ตรงกับความรู้สึกจริง คนก็จะเข้าใจผิด
แต่เราขอเปรียบเทียบความรู้สึกของเรา คล้ายๆกับตอนที่พระพุทธเจ้าหนีออกบวช ไม่อยากกลับมาเวียนว่ายตายเกิดในโลกมนุษย์อีกแล้ว
เรามองไปที่โลกมนุษย์แล้วก็รู้สึกแบบเดียวกับที่พระพุทธเจ้ามองไปที่โลกมนุษย์ในตอนนั้น
เราอยากหลับตาแล้วก็ตายไปเลย หายไปเป็นความว่างเปล่า ถ้าชาติหน้ามีจริงก็ไม่อยากมาเกิดอีก
เรารู้สึกแบบที่พระพุทธเจ้ารู้สึกอยู่ตลอดเวลา แต่เราก็ยังมีบ่วงอยู่คือ พ่อกับแม่ของเรา
เราไม่กล้าตายก่อนพ่อแม่ เราคิดว่ามันเลวทรามมาก หากเราเบื่อจนไปฆ่าตัวตาย เพราะพ่อกับแม่ก็จะต้องใช้ชีวิตที่เหลืออย่างร้องไห้เสียใจและโศกเศร้าที่ลูกฆ่าตัวตาย ถ้าเราจะตายต้องตายหลังพ่อแม่เท่านั้น
ดังนั้นทุกวันนี้เราจึงฝืนใช้ชีวิต ใช้ชีวิตไปจนกว่าพ่อแม่เราจะตายทั้งคู่ เมื่อพวกท่านทั้งคู่ตายไปแล้ว วันนั้นเราก็จะไปอย่างสงบอย่างที่เราต้องการ
บางทีเราก็อยากให้พ่อกับแม่จากโลกนี้ไปไวๆเหมือนกัน เราจะได้ตายซักที
มีใครกำหนด"ช่วงเวลาตาย"ของตัวเองไว้บ้างไหม ?
แต่เราขอเปรียบเทียบความรู้สึกของเรา คล้ายๆกับตอนที่พระพุทธเจ้าหนีออกบวช ไม่อยากกลับมาเวียนว่ายตายเกิดในโลกมนุษย์อีกแล้ว
เรามองไปที่โลกมนุษย์แล้วก็รู้สึกแบบเดียวกับที่พระพุทธเจ้ามองไปที่โลกมนุษย์ในตอนนั้น
เราอยากหลับตาแล้วก็ตายไปเลย หายไปเป็นความว่างเปล่า ถ้าชาติหน้ามีจริงก็ไม่อยากมาเกิดอีก
เรารู้สึกแบบที่พระพุทธเจ้ารู้สึกอยู่ตลอดเวลา แต่เราก็ยังมีบ่วงอยู่คือ พ่อกับแม่ของเรา
เราไม่กล้าตายก่อนพ่อแม่ เราคิดว่ามันเลวทรามมาก หากเราเบื่อจนไปฆ่าตัวตาย เพราะพ่อกับแม่ก็จะต้องใช้ชีวิตที่เหลืออย่างร้องไห้เสียใจและโศกเศร้าที่ลูกฆ่าตัวตาย ถ้าเราจะตายต้องตายหลังพ่อแม่เท่านั้น
ดังนั้นทุกวันนี้เราจึงฝืนใช้ชีวิต ใช้ชีวิตไปจนกว่าพ่อแม่เราจะตายทั้งคู่ เมื่อพวกท่านทั้งคู่ตายไปแล้ว วันนั้นเราก็จะไปอย่างสงบอย่างที่เราต้องการ
บางทีเราก็อยากให้พ่อกับแม่จากโลกนี้ไปไวๆเหมือนกัน เราจะได้ตายซักที