สวัสดีค่ะวันนี้เราจะมารีวิว hostel ใน Osaka เอามาแบ่งปันให้กับคนที่ยังเลือกไม่ถูก ว่าในโอซาก้า เราจะไปพักที่ไหนดีนะ?
เอาล่ะ สำหรับคนที่วางแผนเที่ยวเอง ที่พักก็เป็นส่วนสำคัญอย่างหนึ่งใช่ไหม ...
ใช่แล้ว !!!! เพราะการเลือกทำเลที่พักที่ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง !!!!
เยส เลทโกววแมม !! ฟอโล่มี !!! ผูกเชือกรองเท้าแล้วตามมา !!!!
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อาจมีสร้อยคำแปลกๆ ถ้าคนที่เป็นสาวก Oh my Venus จะเข้าใจดีและเข้าใจอารมณ์ของน้ำเสียง สำหรับคนที่ยังไม่เคยดูต้องขออภัย ณ ที่นี้ด้วย แต่แนะนำให้ดู Recommend !!!
ที่ต้องผูกเชือกรองเท้า เพราะทริปเราเน้นเดินค่ะ เน้นหลงด้วย ถ้าไม่หลงก็คงไม่เจอผู้ชาย เอ้ยย .. ไม่ใช่ละ 5555
"เราจะมางงและหลงไปด้วยกัน .." นี่คือคอนเซป ฮ่าาาาาาา
โอเคมาต่อเรื่องที่ค้างกันดีกว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คำพูดของโค้ชชินิม .... ใครไม่รู้ว่าโค้ชชินิม มันเป็นไผ ? ข้ามไปค่ะ ฟิ้ววว
ว่าด้วยเรื่องทำเลที่เราจะไปพักอาศัยกัน อยู่ใกล้สถานี Osaka station ซื้อถือว่าเป็นสถานีหลักๆ ที่เราใช้เดินทางในตัวเมือง โอซาก้า
ซึ่งมันคนละที่กันกับ Shin-Osaka นะ แต่เอาเถอะ ตอนแรกเราก็งง และสงสัย ว่าสถานีที่มันมีชื่อ โอซาก้า มันเยอะเหลือเกิน
มันคือที่ไหนกันแน่ !!! ปล. เราสามารถใช้ JR pass ในการเดินทางได้อย่างสมราคาค่ะ !!!!
จากสถานี Osaka Station เราสามารถเดินทางไป ยังย่านต่างๆที่สำคัญของตัวเมือง Osaka ได้อย่างง่ายดายและหลายหนทาง
ไม่ว่าจะเป็น ย่าน Numba ย่าน Umeda หรือ จะไปขึ้น Shinkansen เพื่อไป Kyoto เพียง 15 นาที .... เอาเป็นว่าคือดีอ่ะ สะดวก
เพื่อให้มองเห็นภาพ ขอขอบพระคุณ google map
วงกลมสีแดงคือที่พักของเรา อีกวงสีน้ำเงิน คือสถานี Osaka station นั้นเอง
การเดินทางไปยัง Drop Inn Osaka
เชื่อว่าหลายคนคงเข้าเมืองตอนดึกกัน เพราะ พวก low cost อย่างเราๆ เน้นประหยัดค่ะ จริงไหม ?
ไม่รู้ว่าสายการบินไหนมีไฟท์ถึงดึกบ้าง แต่เรา จขทก. บินมากับ Thai Air-asiaX บินคุ้มคุณภาพครบ จบเที่ยวเดียว
แอร์ประกาศอย่างฮา ถ้าใครเคยขึ้นจะรู้เลย ....
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เหมือนอีกหน่อยแอร์เอเชีย เค้าจะเลื่อนไฟท์ให้เร็วขึ้น ซึ่งก็ดีเลยค่ะ ไม่ถึงดึก ทุกอย่างลงตัว
เริ่มตั้งแต่ลงเครื่องมาเท้าแตะที่พื้นประเทศญี่ปุ่น ผ่าน ตม. รับกระเป๋าเสร็จ ก็เดินออกมาเลยค่ะ หารถลีมูซีนเข้าเมืองกัน
วิธีเดิน คือ เดินตามเค้ามา ตรงไหนไม่มีคนเดินไป อย่าไปเล้ย อย่าเป็นตัวของตัวเองมากไป เดี๋ยวจะ งง และหลงไปเอง
เราสามารถหาข้อมูลการเดินทางเข้าเมืองโอซาก้าได้ตามกระทู้และเว็บต่างๆที่เคยรีวิวไว้ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เหมือนเล่นเกมส์ บันไดงู ให้เปิดไป เปิดมาหลายๆกระทู้ จะได้ข้อมูลที่แตกต่างนะคะ >>> ต้องขอบคุณกระทู้นี้ด้วยที่ทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น http://pantip.com/topic/32503261
วาปมาต่อ เมื่อเรานั่งรถลีมูซีนบัส มา เราต้องลงที่ Habis Ent. ใครคิดไม่ออกก้อ สุดสายค่าาาา เขาเหมือนจะจอดให้ลงตรงนี้หมด
จากนั้นก็จะมีคิวแท็กซี่มาจอดรอรับเราค่ะ เขาไปหมด ไม่มีส่งรถ ไม่มีน้ำมันหมด ไม่มีรถติด ไม่มีปล่อยลงกลางทาง
วิธีขึ้นแทกซี่ที่ญี่ปุ่น เอาพิกัด GPS ที่พักเราให้เขา หรือไม่ก้อปริ้นชื่อโรงแรม เดี๋ยวเขาจะทำการระบุพิกัดเอง ไปเล๊ยยย
ฟิ้ววว จะได้นอนไหมคืนนี้
ปล. ที่พักอยู่ไม่ไกลมากจากที่เราลง ใครใคร่ เดิน เดิน ค่ะ เดี๋ยวแปะแผนที่ให้ แต่แนะนำให้นั่งรถ เพราะมันหนาววววววว
ข้าวของก้อพลุงพลัง ง่วงก้อง่วง ....
แต่ช้าก่อน.... สิ่งที่เราควรจะมีก่อนเข้าที่พัก คือ การติดต่อเขาไว้ก่อนว่าเราจะมาช้านะ เพราะคงไม่มีใครอยู่รอเราถึงดึกดื่นเที่ยงคืน
วิธีการคือ e-mail ไปหาเขา บอกว่าเราจะเข้าไปหลังสี่ทุมนะ แล้วเขาจะเมลกลับบมาหาเราบอกว่า เราจะเข้าไปได้ยังไง กุญแจอยู่ไหน
และเราควรทำอะไรบ้างในวันรุ่งขึ้น .... มันไม่ได้ยากแบบที่คิดเลย สิ่งที่เราต้องมีคือ รหัสในการเข้ามี่พักนั่นเอง !!!!!
โอเคมัวแต่หนาว เลยไม่มีรูป รู้ตัวอีกที เข้ามาในตัวอาคารแล้ว รู้สึกว่าตัวเองเป็นมิจฉาชีพ 55555555
เข้ามาก็เจอลิฟหนึ่งตัวและ ข้อควรรู้ คือ front desk อยู่ชั้น 3 ค่ะ แหม่ะ เราไปถึงก้อค้นใหญ่เลยว่ากุญแจอยู่ไหน ?
ใต้กระถางต้นไม้หรือเปล่า ? หรือซ่อนไว้ลึกลับไหม ? ไม่เลยค่ะ ทุกอย่างอยู่ชั้น 3 เชิญขึ้นลิฟ ....
นี่คือ front desk เขาจะเอากุญแจทิ้งให้เราเอาไว้ตรงนี้พร้อมกับพาสเวิส เข้าห้องอีกที
บรรยากาศพื้นที่ส่วนรวม สวยงามน่ารัก น่าพัก น่าถ่ายรูป
มีเครื่องซักผ้า มีห้องครัว ห้องน้ำแยกชายหญิงอยู่ชั้น 3 หมด แต่ในพื้นที่แต่ละชั้นก้อจะมีห้องส้วมไว้ให้เข้าด้วย
ในห้องน้ำมีไดรเป่าผม และผ้าเช็ดตัวให้ ในห้องอาบน้ำก้อมีแชมพู สบู่ ยาสระผมให้ พร้อมมม ม !!!
พร้อมนอนกันรึยัง ?!?!
เอาล่ะ คืนแรกเราจองห้องที่เป็น bunk bed ไว้ เป็น drom รวม บรรยากาศคือ เงียบมาก เงียบที่สุด รูดซิปแรงก้อได้ยิน
หายใจแรงยังไม่ได้ ลักษณะจะเป็นเหมือนช่องเล็กๆให้นอน อะไรทำนองนั้น แต่จริงๆม่เล็กนะ นอนสบายอยู่
ข้างในก้อจะมี โคมไฟ ปลั๊กพ่วงให้ ที่นอนก็ทั้งนุ่ม ทั้งอุ่น อยากจะแบกกลับบ้าน เหลือเกิน ....
มาถึงตอนนี้ถ้าใครรักที่จะสบาย คงร้องอี๋ ห้องแคบเล็กนิดเดียวนอนไปได้ไง
แต่อย่าลืม เรามันชาว low cost !!!!!! ทำมือเหมือนชาวร็อค !!!! ถ้าสบายก็ไม่ใช่เราสิคะ แต่จริงๆมันสบายนะ สบายมาก
โอเค๊ เรายังมีอีกห้องหนึ่ง มานำเสนอ เนื่องจากเราได้ทำการวางแผนไว้ว่าคืนสุดท้ายของเราต้องเยอะแน่ๆ
เราเลยมานอนห้องนี้กัน เป็นแบบ Japanese style นอนได้ สี่คน แต่เรามาสาม สบายๆ
ฟินกันไป ......
สำหรับการเดินทางจากที่พักเราไปสถานี Osaka Station คือเดินค่ะ เดินไปเพลินๆ ก้อถึง
ไม่ไกลมากจากที่พัก ตามแผนที่ ที่ให้ไว้
เราหวังว่ารีวิวนี้คงเป็นประโยชน์ไม่มากก้อน้อยต่อผู้อ่าน
ขอขอบคุณกระทู้หลายๆ กระทู้ ที่ทำให้เกิดกระทู้นี้ขึ้นมา .... นี่จะจบซึ้งใช่ไหม ?
ยัง .... ยังไม่จบ ยังไม่ได้บอกเลยว่าราคาคืนละเท่าไหร่ ? จองยังไง ?
โอเค เราจองที่พักนี้จาก เว็บ hostelworld.com และ booking.com
สองเว็บนี้ต่างกันคือ booking.com ไม่ต้องเสียค่ามัดจำ ถ้า cancel ล่วงหน้าก่อนไปพัก ตามข้อกำหนด นะจ้ะ
คือดีตรงนี้แหละ แต่ต้องมีบัตรเครดิต การันตรีด้วย ไปถึงที่พักค่อยจ่าย แค่นั้นสบายๆ
ส่วนเรื่องราคา คิดว่ามันคงแล้วแต่ช่วงนะ ช่วงที่เราไปเดือน ปลายๆพฤศจิกายน
ราคา ตกอยู่ที่ 700-900 กว่าบาท ประมาณนี้ ราคาพอรับไหว เหลือเงินไปช้อปปิ้งตั้งเยอะ
ถ้ายังไงก็ลองจองล่วงหน้าดู มันจะถูกกว่าจองช่วงใกล้ๆ เพราะยังไงก้อ cancel ฟรี
สุดท้ายนี้ การไปเที่ยวในแต่ละครั้ง เราสามารถ manage เองได้ว่า
1. เราจะเลือกสบายหรือเลือกลำบาก ? เราเลือกสบายได้ ถ้าเรามีตังมากพอ
2. ถ้างบน้อย เอาเงินไปไว้เป็นค่าเดินทางดีกว่าไหม ? หรือค่ากินไหม ? หรือค่าช้อปปิ้งไหม ?
3. การเที่ยวต่างประเทศ ไม่ใช่เรื่องไกลตัว ลองดูสักครั้ง ลองทำเอง แล้วคุณจะรู้ว่า แค่นี้เองชิวๆ
ปล. ใช้ชีวิตให้สนุกลุกนั่งสบาย ตั้งใจทำงานกันนะทุกคน จะได้ไปเที่ยวกัน ^^
ฝาก Drop Inn Osaka ไว้เป็นตัวเลือก
Byeeeeeeeeeeeeeeeeee
ภาพสุดท้ายไม่เกี่ยว 55555555555555555
https://www.facebook.com/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B8%87%E0%B8%87-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0-%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99-1527903420836823/
ฝากเพจไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ ^^
[CR] ***รีวิวที่พักใน Osaka ใกล้สถานี Osaka Station [Drop Inn Osaka]***
เอาล่ะ สำหรับคนที่วางแผนเที่ยวเอง ที่พักก็เป็นส่วนสำคัญอย่างหนึ่งใช่ไหม ...
ใช่แล้ว !!!! เพราะการเลือกทำเลที่พักที่ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง !!!!
เยส เลทโกววแมม !! ฟอโล่มี !!! ผูกเชือกรองเท้าแล้วตามมา !!!! [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ที่ต้องผูกเชือกรองเท้า เพราะทริปเราเน้นเดินค่ะ เน้นหลงด้วย ถ้าไม่หลงก็คงไม่เจอผู้ชาย เอ้ยย .. ไม่ใช่ละ 5555
"เราจะมางงและหลงไปด้วยกัน .." นี่คือคอนเซป ฮ่าาาาาาา
โอเคมาต่อเรื่องที่ค้างกันดีกว่า [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ว่าด้วยเรื่องทำเลที่เราจะไปพักอาศัยกัน อยู่ใกล้สถานี Osaka station ซื้อถือว่าเป็นสถานีหลักๆ ที่เราใช้เดินทางในตัวเมือง โอซาก้า
ซึ่งมันคนละที่กันกับ Shin-Osaka นะ แต่เอาเถอะ ตอนแรกเราก็งง และสงสัย ว่าสถานีที่มันมีชื่อ โอซาก้า มันเยอะเหลือเกิน
มันคือที่ไหนกันแน่ !!! ปล. เราสามารถใช้ JR pass ในการเดินทางได้อย่างสมราคาค่ะ !!!!
จากสถานี Osaka Station เราสามารถเดินทางไป ยังย่านต่างๆที่สำคัญของตัวเมือง Osaka ได้อย่างง่ายดายและหลายหนทาง
ไม่ว่าจะเป็น ย่าน Numba ย่าน Umeda หรือ จะไปขึ้น Shinkansen เพื่อไป Kyoto เพียง 15 นาที .... เอาเป็นว่าคือดีอ่ะ สะดวก
เพื่อให้มองเห็นภาพ ขอขอบพระคุณ google map
วงกลมสีแดงคือที่พักของเรา อีกวงสีน้ำเงิน คือสถานี Osaka station นั้นเอง
การเดินทางไปยัง Drop Inn Osaka
เชื่อว่าหลายคนคงเข้าเมืองตอนดึกกัน เพราะ พวก low cost อย่างเราๆ เน้นประหยัดค่ะ จริงไหม ?
ไม่รู้ว่าสายการบินไหนมีไฟท์ถึงดึกบ้าง แต่เรา จขทก. บินมากับ Thai Air-asiaX บินคุ้มคุณภาพครบ จบเที่ยวเดียว
แอร์ประกาศอย่างฮา ถ้าใครเคยขึ้นจะรู้เลย .... [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เริ่มตั้งแต่ลงเครื่องมาเท้าแตะที่พื้นประเทศญี่ปุ่น ผ่าน ตม. รับกระเป๋าเสร็จ ก็เดินออกมาเลยค่ะ หารถลีมูซีนเข้าเมืองกัน
วิธีเดิน คือ เดินตามเค้ามา ตรงไหนไม่มีคนเดินไป อย่าไปเล้ย อย่าเป็นตัวของตัวเองมากไป เดี๋ยวจะ งง และหลงไปเอง
เราสามารถหาข้อมูลการเดินทางเข้าเมืองโอซาก้าได้ตามกระทู้และเว็บต่างๆที่เคยรีวิวไว้ค่ะ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
วาปมาต่อ เมื่อเรานั่งรถลีมูซีนบัส มา เราต้องลงที่ Habis Ent. ใครคิดไม่ออกก้อ สุดสายค่าาาา เขาเหมือนจะจอดให้ลงตรงนี้หมด
จากนั้นก็จะมีคิวแท็กซี่มาจอดรอรับเราค่ะ เขาไปหมด ไม่มีส่งรถ ไม่มีน้ำมันหมด ไม่มีรถติด ไม่มีปล่อยลงกลางทาง
วิธีขึ้นแทกซี่ที่ญี่ปุ่น เอาพิกัด GPS ที่พักเราให้เขา หรือไม่ก้อปริ้นชื่อโรงแรม เดี๋ยวเขาจะทำการระบุพิกัดเอง ไปเล๊ยยย
ฟิ้ววว จะได้นอนไหมคืนนี้
ปล. ที่พักอยู่ไม่ไกลมากจากที่เราลง ใครใคร่ เดิน เดิน ค่ะ เดี๋ยวแปะแผนที่ให้ แต่แนะนำให้นั่งรถ เพราะมันหนาววววววว
ข้าวของก้อพลุงพลัง ง่วงก้อง่วง ....
แต่ช้าก่อน.... สิ่งที่เราควรจะมีก่อนเข้าที่พัก คือ การติดต่อเขาไว้ก่อนว่าเราจะมาช้านะ เพราะคงไม่มีใครอยู่รอเราถึงดึกดื่นเที่ยงคืน
วิธีการคือ e-mail ไปหาเขา บอกว่าเราจะเข้าไปหลังสี่ทุมนะ แล้วเขาจะเมลกลับบมาหาเราบอกว่า เราจะเข้าไปได้ยังไง กุญแจอยู่ไหน
และเราควรทำอะไรบ้างในวันรุ่งขึ้น .... มันไม่ได้ยากแบบที่คิดเลย สิ่งที่เราต้องมีคือ รหัสในการเข้ามี่พักนั่นเอง !!!!!
โอเคมัวแต่หนาว เลยไม่มีรูป รู้ตัวอีกที เข้ามาในตัวอาคารแล้ว รู้สึกว่าตัวเองเป็นมิจฉาชีพ 55555555
เข้ามาก็เจอลิฟหนึ่งตัวและ ข้อควรรู้ คือ front desk อยู่ชั้น 3 ค่ะ แหม่ะ เราไปถึงก้อค้นใหญ่เลยว่ากุญแจอยู่ไหน ?
ใต้กระถางต้นไม้หรือเปล่า ? หรือซ่อนไว้ลึกลับไหม ? ไม่เลยค่ะ ทุกอย่างอยู่ชั้น 3 เชิญขึ้นลิฟ ....
นี่คือ front desk เขาจะเอากุญแจทิ้งให้เราเอาไว้ตรงนี้พร้อมกับพาสเวิส เข้าห้องอีกที
บรรยากาศพื้นที่ส่วนรวม สวยงามน่ารัก น่าพัก น่าถ่ายรูป
มีเครื่องซักผ้า มีห้องครัว ห้องน้ำแยกชายหญิงอยู่ชั้น 3 หมด แต่ในพื้นที่แต่ละชั้นก้อจะมีห้องส้วมไว้ให้เข้าด้วย
ในห้องน้ำมีไดรเป่าผม และผ้าเช็ดตัวให้ ในห้องอาบน้ำก้อมีแชมพู สบู่ ยาสระผมให้ พร้อมมม ม !!!
พร้อมนอนกันรึยัง ?!?!
เอาล่ะ คืนแรกเราจองห้องที่เป็น bunk bed ไว้ เป็น drom รวม บรรยากาศคือ เงียบมาก เงียบที่สุด รูดซิปแรงก้อได้ยิน
หายใจแรงยังไม่ได้ ลักษณะจะเป็นเหมือนช่องเล็กๆให้นอน อะไรทำนองนั้น แต่จริงๆม่เล็กนะ นอนสบายอยู่
ข้างในก้อจะมี โคมไฟ ปลั๊กพ่วงให้ ที่นอนก็ทั้งนุ่ม ทั้งอุ่น อยากจะแบกกลับบ้าน เหลือเกิน ....
มาถึงตอนนี้ถ้าใครรักที่จะสบาย คงร้องอี๋ ห้องแคบเล็กนิดเดียวนอนไปได้ไง
แต่อย่าลืม เรามันชาว low cost !!!!!! ทำมือเหมือนชาวร็อค !!!! ถ้าสบายก็ไม่ใช่เราสิคะ แต่จริงๆมันสบายนะ สบายมาก
โอเค๊ เรายังมีอีกห้องหนึ่ง มานำเสนอ เนื่องจากเราได้ทำการวางแผนไว้ว่าคืนสุดท้ายของเราต้องเยอะแน่ๆ
เราเลยมานอนห้องนี้กัน เป็นแบบ Japanese style นอนได้ สี่คน แต่เรามาสาม สบายๆ
ฟินกันไป ......
สำหรับการเดินทางจากที่พักเราไปสถานี Osaka Station คือเดินค่ะ เดินไปเพลินๆ ก้อถึง
ไม่ไกลมากจากที่พัก ตามแผนที่ ที่ให้ไว้
เราหวังว่ารีวิวนี้คงเป็นประโยชน์ไม่มากก้อน้อยต่อผู้อ่าน
ขอขอบคุณกระทู้หลายๆ กระทู้ ที่ทำให้เกิดกระทู้นี้ขึ้นมา .... นี่จะจบซึ้งใช่ไหม ?
ยัง .... ยังไม่จบ ยังไม่ได้บอกเลยว่าราคาคืนละเท่าไหร่ ? จองยังไง ?
โอเค เราจองที่พักนี้จาก เว็บ hostelworld.com และ booking.com
สองเว็บนี้ต่างกันคือ booking.com ไม่ต้องเสียค่ามัดจำ ถ้า cancel ล่วงหน้าก่อนไปพัก ตามข้อกำหนด นะจ้ะ
คือดีตรงนี้แหละ แต่ต้องมีบัตรเครดิต การันตรีด้วย ไปถึงที่พักค่อยจ่าย แค่นั้นสบายๆ
ส่วนเรื่องราคา คิดว่ามันคงแล้วแต่ช่วงนะ ช่วงที่เราไปเดือน ปลายๆพฤศจิกายน
ราคา ตกอยู่ที่ 700-900 กว่าบาท ประมาณนี้ ราคาพอรับไหว เหลือเงินไปช้อปปิ้งตั้งเยอะ
ถ้ายังไงก็ลองจองล่วงหน้าดู มันจะถูกกว่าจองช่วงใกล้ๆ เพราะยังไงก้อ cancel ฟรี
สุดท้ายนี้ การไปเที่ยวในแต่ละครั้ง เราสามารถ manage เองได้ว่า
1. เราจะเลือกสบายหรือเลือกลำบาก ? เราเลือกสบายได้ ถ้าเรามีตังมากพอ
2. ถ้างบน้อย เอาเงินไปไว้เป็นค่าเดินทางดีกว่าไหม ? หรือค่ากินไหม ? หรือค่าช้อปปิ้งไหม ?
3. การเที่ยวต่างประเทศ ไม่ใช่เรื่องไกลตัว ลองดูสักครั้ง ลองทำเอง แล้วคุณจะรู้ว่า แค่นี้เองชิวๆ
ปล. ใช้ชีวิตให้สนุกลุกนั่งสบาย ตั้งใจทำงานกันนะทุกคน จะได้ไปเที่ยวกัน ^^
ฝาก Drop Inn Osaka ไว้เป็นตัวเลือก
Byeeeeeeeeeeeeeeeeee
ภาพสุดท้ายไม่เกี่ยว 55555555555555555
https://www.facebook.com/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B8%87%E0%B8%87-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0-%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99-1527903420836823/
ฝากเพจไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ ^^