เรื่องนี้ก็คงเป็นตัวอย่างให้กับคนที่เข้าใจว่าเมื่อเราอายัดบัตรเครดิตแล้วคิดว่าทุกอย่างคงจบ แต่มันไม่เป็นเช่นนั้น คือเรื่องมันเกิดมาตั้งแต่ประมาณปลายปี5ึ7 กระเป๋าสตางค์ผมหาย เลยแจ้งธนาคารเจ้าของบัตร เพื่อขออายัด ทำจนเสร็จทางธนาคารได้ส่งบัตรใบใหม่กลับมาทั้งหมด3ใบ และบัตรกดเงินสดมาอีก1ใบ รวม 4ใบ หลังจากนั้นเมื่อเดือนที่แล้ว ผมเปิดดูอินเตอรเน็ตแบงคกิ้งดู ปรากฎว่ามีการเรียกเก็บเงินมา 180 บาท จากทาง Paypal แจ้งว่า Facebook เรียกเก็บค่าโฆษณา ที่น่าตกใจคือ ไปเรียกเก็บจากบัตรที่เราได้อายัดไว้กว่า 1 ปีแล้ว และทางธนาคารได้ทำเป็นแถบสีเทาเรียบร้อยแล้ว ผมต้องบอกก่อนว่า บัตรใบนี้ได้ผูกบัญชีกับ Paypal ไว้และมีการยกหนี้มาลงที่ใบใหม่เรียบร้อยแล้ว ผมจึงคิดว่าคงไม่ต้องแจ้ง paypal เพื่อยกเลิก แล้วเพิ่มบัตรใหม่ลงไปเลยทำให้เรามีบัญชีผูกกับpaypal 3ใบ แล้วเมื่อไม่นานมานี้เกิดกรณีพิพาทกับ Facebook เรื่องที่ Facebook เรียกเก็บเงินมาเป็นชุดเลย ทั้งที่เราหยุดโฆษณาไปเป็นเดือนแล้ว หาวิธหยุดไม่ได้ เลยแจ้ง paypal ให้ระงับการจ่ายเงินให้เฟสบุค ทำให้บัตรใบนั้นจ่ายเงินไม่ได้ แต่กลับมาเรียกเก็บจากใบที่2ซึ่งเป็นใบที่อายัดไปนานแล้วแทน ปัญหาก็คือว่าทำไมบัตรเครดิตถึงฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้เอง พอสอบถามไปทางธนาคาร ทางนั้นก็แนะนำให้เราโทรไปคอลเซ็นเตอรของธนาคารอีกทีเพื่อให้โอนหนี้180บาทมาใส่อีกใบนึง เป็นการช่วยเหลือที่ดีมากจริงๆ พร้อมทั้งให้เหตุผลว่ามีการทำรายการก่อนหน้า คือ เมือสองเดือนที่ผ่านมา ทั้งที่บัตรอายัดไปเป็นปีแล้วนี่นะ! เรื่องนี้กำลังจะจบลงเพราะผมยินดีจ่าย 180บาท แต่อยากจะให้เป็นกรณีศึกษาว่า บัตรเครดิต พร้อมเสมอที่จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาตามหลอกหลอนเราได้ตลอดเวลาแม้จะอายัดไปแล้วก็ตาม......
เมื่อบัตรเครดิต ที่อายัดไว้กว่า1ปีที่แล้ว ฟื้นคืนชีพมาเรียกเก็บเงินเราได้อีกครั้งหนึ่ง