[Spoiler Alert]+[Review] The Hateful Eight คุณจัดให้อยู่อันดับที่เท่าไหร่ของหนังเควนติน แทแรนติโน

The Hateful Eight เป็นหนังคนเดือดเลือดสาดของแปดเกรียนยิงดุยิงแหลก หนังเรื่องนี้สนุกดี ไม่ผิดหวัง และยาวมากกกกก (ช่วงแรกที่เดินเรื่องอืดมากๆ แอบกังวลว่า มันจะแป๊กปะว่ะ แต่สุดท้ายพอดูจบก็โล่งอก)

อย่างไรก็ตาม ถ้าพูดถึงความเป็นที่สุด เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่สนุกที่สุด โหดที่สุด เกรียนที่สุด หรือดิบเถื่อนที่สุดของเควนติน ทาเรนติโน (โดยสนุกที่สุด ยกให้ Inglourious Basterds, โหดที่สุด ยกให้ Kill Bill, กวนเกรียนที่สุด ยกให้ Pulp Fiction, และดิบเถื่อนที่สุด ยกให้ Django Unchained) คือหนังเรื่องไม่มีความอะไรเป็นที่สุดสักอย่าง แต่ก็ไม่ใช่ว่านั้นเป็นเรื่องไม่ดี เพราะหนังเรื่องนี้เป็นการเอาทุกอย่างที่ว่าไปมาผสมกันจนค่อนข้างลงตัว เรื่องนี้เลยให้ไป B+

แล้วในแง่การถ่ายทำ หนังเรื่องนี้ยังพิเศษตรงที่ถ่ายทำด้วยกล้อง 70 มม. (ในรูปแบบ Ultra Panavision 70) ผลลัพธ์ที่ได้คือ ภาพที่ออกมาจะกว้างเป็นพิเศษ ด้วยอัตราส่วน 2.76:1 ค่ะ ไปดูมาแล้ว บอกเลยว่า ภาพกว้างสะใจมากกกกกกกกกกกกกกกกกก และกล้องก็จับภาพทิวทัศน์ที่งดงามท่ามกลางหิมะที่เย็นยะเยือกได้สวยมากกกกกกกด้วย (ครั้งสุดท้ายที่เคยมีการถ่ายทำภาพยนตร์ด้วยกล้องในระบบนี้ คือ นานมากกว่าสี่สิบปีมาแล้ว)

The Hateful Eight ภาพยนตร์อีกหนึ่งเรื่องโดยเควนติน ทาเรนติโน ที่ยังเต็มไปด้วยเอกลักษณ์ของเควนติน ทาเรนติโน ได้แก่

1. ตัวละครแปลกๆกวนๆเกรียนๆ (และบางครั้งอาจถึงขั้นบ้าๆบอๆ)

ฝากตัวละครที่คนดูรู้ว่าเป็นใครมาจากไหน 4 คน
นักล่าค่าหัวผิวสีนามว่า มาร์ควิน – นักล่าค่าหัวผิวขาวนามว่า จอห์น รูธ – นักโทษหญิงที่ชอบแสยะยิ้ม เดซี่ – ชายแก่นั่งหน้าเตาผิงในโรงเตี๊ยมที่ชื่อ นายพลแซนดี้ สมิธเธอร์

และฝากตัวละครที่คนดูไม่แน่ใจว่าเป็นใครมาจากไหน อีก 4 คน
นายอำเภอจอมกาก กวน และเกรียน ชื่อ คริส แมนนิกส์(เขาบอกว่าเขากำลังจะได้เป็นนายอำเภอ แต่ก็ไม่ได้มีหลักฐานอะไรมาแสดง) – บ็อบ ชายผู้บอกว่าดูแลสถานที่แทนสามีภรรยาเจ้าของโรงเตี๊ยม – ออสวัลโด โมเบร ชายผู้บอกว่าตนทำอาชีพเพชฌฆาต (มือแขวนคอนักโทษ) – โจ เกจ โคบาลผู้บอกว่ากำลังจะกลับบ้านไปฉลองคริสต์มาสกับแม่

หมายเหตุ ประทับใจการแสดงของ Walton Goggins ในบทนายอำเภอคริส แมนนิกส์มากกกกกกก เกือบเท่ากับตอนที่ประทับใจการแสดงของคริสตอฟ วอลซ์ ใน Inglourious Basterds เลยยยยย

2. เดินเรื่องด้วยการเริ่มต้นเรื่องแบบเนิบๆก่อนจะโยนสารพัดอย่างเข้ามาตอนกลางเรื่องหรือค่อนไปทางท้ายๆเรื่อง

เริ่มต้นเรื่องด้วยอารมณ์เรื่อยๆมาเรียงๆ มีอืดบ้าง จนคนดูที่ไม่เคยดูหรือไม่ชอบหนังของเควนติน ทาเรนติโน อาจเบื่ออาจหลับเลยก็ได้ แต่สุดท้ายเมื่อถึงจุดๆหนึ่ง หนังจะโยนความไคลแมกซ์มาให้ลุ้นกันตัวโก่งตอนท้ายๆว่า จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เรื่องทั้งหมดจะขมวดปมแล้วคลี่คลายยังไง หนังจะจบแบบไหน หรือแม้แต่ใครจะตายเป็นคนต่อไป

3. บทสนทนาคมคายแฝงปรัชญาหรือประเด็นทางสังคม


ในหนึ่งชั่วโมงแรกของหนังจะเป็นเรื่องของการพูด พูด พูด และพูดกันของตัวละครหลัก สนทนากันเกี่ยวกับเรื่องสงครามกลางเมือง ความยุติธรรมและความอยุติธรรม ประเด็นเรื่องทาสเรื่องสีผิว

แต่ประเด็นที่ตัวละครคุยกันแล้วโดนที่สุด ชอบที่สุด คือประเด็นวิเคราะห์เรื่องความยุติธรรม โดยตัวละครที่ชื่อ ออสวัลโด โมเบร สรุปว่า ความยุติธรรมที่แท้จริงอยู่ที่มือแขวนคอนักโทษ เพราะว่าเป็นคนเดียวที่อยู่ตรงนั้นโดยไม่ได้มีความรู้สึกร่วมอะไรเลย แค่ต้องทำในสิ่งที่ต้องทำ ไม่ได้สะใจและไม่ได้เสียใจ มีเพียงอย่างเดียว คือ ความเมิยเฉย เพราะความยุติธรรมที่แท้จริงต้องไม่มีความรู้สึกใดๆมาเจือปน ฉากนี้รู้สึกเหมือนนั่งเรียนวิชาปรัชญาแบบไม่ยืดยาดผ่านบทพูดที่คมคายของตัวละคร

4. ความรุนแรงเลือดสาดแบบบทจะมาก็มาบทจะไปก็ไป

การฆ่ากันแบบเลือดสาดเกินจริง และเลือดก็จะแดงแบบไฟประดับต้นคริสต์มาสแทนที่จะแดงแบบเลือดจริงๆ ฉากยิงกันหัวกระจุยแบบการ์ตูนๆ

5. หักมุมแบบเกรียนๆกวนๆ


[Spoiler Alert!!]
ไม่ว่าจะเป็นการหักมุมของเหตุการณ์ อย่างเช่นตอนที่.....


ฉากที่นายอำเภอกำลังจะดื่มกาแฟที่มียาพิษอยู่แล้วเชียว แต่ดันรอดแบบหวุดหวิดเพียงเพราะคนที่ดื่มก่อนหน้านี้เริ่มแสดงอาการว่าโดนวางยาขึ้นมาพอดิบพอดี

ฉากที่โจ เกจคว้าปืนที่ซ่อนไว้ใต้โต๊ะมายิง บทหนังพยายามจะหลอกคนดูให้คิดว่า โจ เกจจะทำให้เกมส์พลิกได้ แต่สุดท้าย เขากลับโดนยิงตายก่อนเพื่อน และการเปิดฉากยิงของเขาก็สร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรได้ไม่มากนัก

ตอนที่นายอำเภอบทจะสลบก็สลบไป จนคนดูต้องลุ้นว่า เดซี่จะเล่นงานมาร์ควินได้หรือไม่ แล้วสุดท้ายนายอำเภอดันบทจะตื่นก็ตื่นมาทันเล่นงานเดซี่ทัน (บทหนังกวนและเกรียน) แต่กว่าจะตื่นขึ้นมาได้ก็เล่นเอามาร์ควินใจเสียเลยเหมือนกัน

ตอนที่นายอำเภอต้องเลือกข้างว่าจะอยู่ฝ่ายเดซี่หรือมาร์ควิน ที่หนังพยายามจะหลอกให้คนดูมั่นใจว่า นายอำเภอต้องเลือกทำตามที่เดซี่เกลี้ยกล่อมแน่นอน ฉากนี้เล่นเอาตัวละครมาร์ควินออกอาการใจเสียฝุดๆ แต่สุดท้าย นายอำเภอที่ดูยังไงก็น่าจะทำตามที่เดซี่หว่านล้อมกลับไม่เอาด้วยซะงั้น โดยเขาไม่เอาด้วยกับแผนของเดซี่ด้วยเหตุผลที่น่าประทับเสียด้วยซิ!!!

ตัวละครที่ดูท่าทางจะเก่งและสำคัญ แต่กลับดันมาตายง่ายๆซะงั้นอย่างโจดี้ ที่รับบทโดยแชนนิ่ง ทาทั่ม

หรือการหักมุมของตัวละครในเรื่อง.....

การที่คนฉลาดๆบางคนก็โง่ในเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างที่จอห์น รูธ นักล่าค่าหัวจัดเจนโลก ที่ดันหลงเชื่อและปลาบปลื้มกับเรื่องจดหมายจากอับราฮัม ลินคอร์นที่มาร์ควินเล่าให้ฟังมาตลอดทั้งเรื่อง แต่ตัวละครที่ดูเป็นคนไม่ได้เรื่องได้ราวอย่างนายอำเภอกลับอ่านออกหมดว่าเป็นเรื่องโกหกโม้แหลกของมาร์ควิน

การที่คนที่(ดูเหมือน)โง่ๆเอาเข้าจริงกลับเป็นคนฉลาดที่รู้ทันทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งก็คือ นายอำเภอกาก-กวน-เกรียนประจำเรื่องนั่นเอง ผู้ซึ่งรู้ทันทั้งเรื่องโกหกของมาร์ควิน และเรื่องโกหกของเดซี่เกี่ยวกับพรรคพวกอีกสิบห้าคนที่รออยู่ในเมือง

หรือการที่ตัวละครที่ดูไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร และก็ดูไม่ได้มีความสำคัญเท่าตัวละครอื่นๆ กลับดันพลิกล็อคมาเป็นผู้มีบทบาทสำคัญสุดๆต่อเนื้อเรื่อง โดยเป็นเหมือนพระเอกแนว anti-hero ของเรื่องไปเลยซะงั้น ซึ่งตัวละครดังกล่าวก็คือ นายอำเภอคริส แมนนิกส์ นั่นเอง

แล้วที่ไม่ใช่จากเอกลักษณ์จากหนังเควนติน ทาเรนติโน แต่มีปรากฏอยู่ในหนังเรื่องนี้ด้วยอย่างโดดเด่นด้วยก็คือ.....

ความตึงเครียดภายในสถานที่คับแคบ

บนรถม้า - ถกเถียงกันในเรื่องซีเรียสๆโดยที่บางคนในนั้นมีปืนอยู่ด้วย

ในโรงเตี๊ยมเล็กๆ – โดยสิ่งที่เกิดขึ้นคือ ต่างคนต่างไม่ไว้ใจกัน โวยวายกัน ทะเลาะกัน และฆ่าแกงกันในที่สุด

นอกจากบรรยากาศตึงเครียดภายในสถานที่คับแคบเหล่านั้นแล้ว มิหนำซ้ำยังต้องมาติดอยู่กลางพายุหิมะอีกทอดนึง!!!
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่