เมื่อทางเลือกที่ดีที่สุดของผมคือ การเดินออกมา (Letting go does less damage) - (ช รัก ช 18+)

สวัสดีครับทุกๆคน
นี่เป็นกระทู้แรกในชีวิตของผม (ผมสมัคร user เพียงเพื่อมาตั้งกระทู้นี้โดยเฉพาะครับ ปกติไม่เคยมี user พันทิปเลย)
หากมีข้อผิดพลาดประการใด ตัวผมน้อมรับทุกคำติชมและคำวิจารณ์ครับ

** เรื่องที่เล่าต่อไปนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นความจริงที่เกิดขึ้นกับผมทั้งนั้น เจตนาในการตั้งกระทู้ของผมคือ 'ผมแค่อยากระบายมันออกมา' เพราะผมไม่สามารถทนเก็บมันไว้คนเดียวได้จริงๆครับ เศร้า

-----------------------------------
ก่อนอื่น ผมชื่อ เอ (นามสมมติ) ผมเป็น นศ มหาวิทยาเอกชนในตัว กทม ผมมีรสนิยมชอบทั้งผู้ชายและผู้หญิง และเคยมีแฟนมาแล้วทั้งสองเพศ (อย่างนี้คือ Bisexual รึปล่าวครับ?) ตัวผมเองหากมองผิวเผินก็คือผู้ชายธรรมดาคนนึง หน้าตาไม่ได้ดีเด่อะไร ชอบเล่นกีฬา แฮงค์เอาท์บ้างตามโอกาสแต่ไม่บ่อยเพราะผมไม่ชอบดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิดครับ ผมไม่สูบบุหรี่ เพราะเกลียดกลิ่นของมัน และไม่ชอบเรื่อง sex สักเท่าไหร่ เพราะหากไม่ใช่คนที่ผมรักจริงๆ ผมก็ไม่มั่วแน่นอน

เรื่องมันเริ่มต้น ตอนที่ผมได้เจอกับคนๆนึง ใน Application สาเหตหลักๆ ที่ผมโหลดแอพนั้นมาก็เพราะ 'ผมเหงาครับ' ผมเลิกกับแฟนเก่า (ที่เป็นผู้ชายคนแรกและคนเดียว) มาได้ 3 ปีแล้วครับ คนที่เจอเป็นรุ่นพี่ ชื่อ บี (นามสมมติ) ผมเป็นคนทักแชทส่วนตัวเขาไปผ่านแอพ (ซึ่งจริงๆแล้ว ในแอพนั้น เราไม่ต้องสร้าง account แต่ก็ยังสามารถ แชทกับคนอื่นได้ รวมถึงเห็นคนที่เล่นในรัศมีใกล้ๆได้ด้วย  ผมไม่สร้าง account ครับ เพราะผมมีเหตผล คือ ไม่อยากให้คนรู้จักมาเห็นโดยบังเอิญ จริงๆแล้วผมไม่ได้บอกใครว่าผมมีรสนิยมชอบผู้ชายด้วย มีเพียงเพื่อนสนิทจริงๆของผมเท่านั้นที่รู้ )

ตอนผมทักเขาไป ผมแนบรูปตัวเองไปให้ดูด้วยครับ แล้วหลังจากนั้น เราก็คุยกัน คุยไปคุยมาก็พบว่า เขาอยู่ใกล้ๆหอเรา เขาจึงอยากมาหาผมที่ห้อง ตอนนั้นเอง ผมก็รู้สึกกลัวอยู่เหมือนกัน เพราะ เราไม่ได้รู้จักเค้าขนาดที่ว่าไปมาหาสู่กันได้ (หัวโบราณเนอะ -_-) แต่ผมก็ยอมให้บีมาหาครับ แต่มีสัญญาอยู่ข้อนึงคือ ถ้ามาหาแล้ว ผมไม่อนุญาตให้มีเซ็กส์ด้วย (เป็นไงล่ะ หัวโบราณจริงๆบอกแล้ว)

และแล้วเค้าก็มาอยู่ในห้องผม เรานอนคุยกันเรื่อยเปื่อย ดูหนังฟังเพลง นอนกอดกันบ้างเป็นธรรมดา ผมรู้สึกอุ่นใจมาก ณ ตอนนั้น เพราะความรู้สึกของผมที่มีต่อเค้าคือ อยู่ด้วยแล้วสบายใจ คุยได้ทุกเรื่อง คำสรรพนามที่ใช้คุยกันคือ กู /  เหมือนเป็นเพื่อนที่สนิทกันมานาน ตัวผมเองไม่ค่อยได้ใช้สรรพนามแบบนี้กับใครถ้าไม่สนิทจริงๆ เพราะ พื้นเพของผม ไม่ได้อยู่ที่ กทม แต่มาจาก ตจว สรรพนามหลักๆที่ใช้ จะเป็น เรา/ นาย ไรงี้มากกว่า

คุยกันไปคุยกันมาเค้าก็เริ่มรุกผมก่อน จากกอดเริ่มกลายเป็นจูบ และมากขึ้นๆเรื่อย จนกระทั่งผมอยู่ในร่างเปลือย (แบบไม่รู้ตัว) ด้วยอารมที่พาไป บวกกับความชำนาญของบี ทำให้ผมผิดคำพูดตัวเอง ใช่ครับ .. เรามีเซ็กส์กัน แต่สำหรับผม การทำเรื่องอย่างว่า เปรียบเหมือนกับการยอมรับว่า เรารักเขา แต่สำหรับบีแล้ว มันไม่ใช่เลยครับ

หลังจากวันนั้น ผมกลายเป็นคนบ้า คิดถึงบีอยู่ตลอดเวลา ทักไลน์ไปก่อน โทรไปหา แต่ เค้าไม่ได้มีวี่แววว่าจะ crazy in love เหมือนที่ผมเป็นอยู่เลย
ผมชักเอะใจ .. เรื่องมันเริ่มร้ายแรงขึ้น ตอนที่เค้าบอกว่าจะมาหาผม แต่ผมก็บอกไปเหมือนเดิมว่า ผมไม่ให้มีเซ็กส์นะ คำตอบที่ผมได้กลับมาคือ เค้าจะไม่มาหาครับ ในวินาทีนั้น เนื่องจากผมไม่ได้บริโภคหญ้าเป็นอาหารหลัก ผมจึงเริ่มเห็นอะไรรางๆขึ้นมาบ้างแล้ว

หลังจากวันนั้น ผมก็ยังเป็นเหมือนคนโง่ บอกตัวเองว่าคงไม่มีอะไร จึงโทรไปหาเขาด้วยความคิดถึง เขาบอกว่าเขาออกไปกินข้าวอยู่กับเพื่อนที่เซนทรัล แล้วเขาจะโทรกลับดึกๆ (ตอนนั้นเป็นเวลา หกโมงเย็น) ... ผมรอเวลาครับ ... ดึกๆ คือกี่ทุ่มหรอ 2? 3? หรือ 4? ผมรอไปจนเห็นเข็มสั้นนาฬิกาชี้ที่เลข 1 ใช่ครับ ตี1 แล้ว ผมก็ยังรอเขาโทรมา ผมทนไม่ไหวแล้ว จึงโทรหาเขาไป 4-5 สาย แต่ก็เหมือนเดิมครับ ไม่มีการตอบรับใดๆ จากบี ผมจึงหลับไปพร้อมกับ 'ความทุกข์' -- บางครั้ง เจ้ากรรมนายเวรอาจจะไม่ได้มาในรูปแบบของ 'ศัตรู' เสมอไป แต่อาจจะมาในรูปแบบของ 'คนรัก' ก็เป็นได้

รุ่งขึ้น เขาตอบในไลน์ผมมาว่า 'ขอโทษนะ กูเผลอหลับไป' .. ผมถามตัวเองว่ามีความน่าเชื่อถือบ้างมั้ย? สมองบอกว่า ไม่ แต่ใจกลับเชื่อ สงสัยผมอาจต้องรับประทานหญ้าจริงๆแล้วครับ ยิ้ม

ผมตัดสินใจเงียบไป จนวันที่สอบเสร็จ ผมต้องเตรียมตัวกลับบ้าน ตจว เค้าก็ทักไลน์มาครับ แล้วบอกให้เรารีบกลับมา เขาคิดถึง ผม 'สับสน' มากๆในตอนนั้น เพราะเค้าจะทำแบบนี้ไปทำไม ในเมื่อเค้ามองเราเป็นแค่ 'ของเล่นคลายเหงา' ผมไม่ได้ตอบอะไรไปมากมายครับ จนเมื่อถึงวันต้องเดินทางกลับ

ขณะที่ผมนั่งรถกลับบ้านอยู่ เราได้มีบทสนทนาในไลน์กันครับ
บี: ถึงไหนแล้ว
ผม: กูก็ไม่รู้มันมืด ทำอะไรอยู่หล่ะ
--- เค้าเงียบไปครับ นานๆ ถึงจะมาตอบสักครั้ง ซึ่งเขาเป็นแบบนี้ทุกครั้ง ผมตอบเขาทันทีที่ข้อความเขาเด้ง แต่เขากลับหายไปอีกแล้ว ผมน้อยใจเขามาก ผมจึงตัดพ้อกับเขาไปว่า
ผม: ทำไมกูต้องรอตอบด้วยเฮ้อ กูรอตอบจนแบทจะหมดละ (ผมก็แกล้งพูดติดตลกไปบ้าง ทั้งๆที่ในใจนี่ มันร้อนรนตลอดเวลา)
บี(ราวๆ 5นาทีถัดมา): ชอบกูไง
ผม: เออกูชอบ แล้วกูก็พยายามเลิกชอบอยู่ด้วย ไม่แคร์กูเลย เห็นเกมโทรศัพท์สำคัญกว่ากูด้วยซ้ำ (เค้าเคยอ้างว่าที่เค้าตอบช้าเพราะติดเกมส์โทรศัพท์) แล้วกูก็รู้ตัวด้วย ว่าไม่ได้ชอบกู (ผมพิมบอกแบบนี้ตรงๆเลยครับ)
บี: ใครบอกว่ากูไม่ได้ชอบ กูชอบนะ แต่ขอเวลาให้กูปรับตัวหน่อย กูติดเกมส์ อีกอย่าง ถ้าคบกับกูแล้ว ต้องตามใจกูมากๆ แล้วก็ สอนภาษาอังกฤษกูแบบเด็ก ป4 ด้วย --- (วินาทีนั้น ความพยายามของผมที่จะลืมบี กลายเป็นศูนย์อย่างไม่ทันตั้งตัวครับ ผมทั้งสับสน ดีใจ ปะปนกันไปอย่างบอกไม่ถูก)
ผม: กูไม่เคยไม่ตามใจหรอ อะหัดตามใจกูบ้าง กูน้อยใจจนกูต้องหายเองมาหลายครั้งแล้วนะ อะต้องหัดใส่ใจกูบ้าง
--- เขาเงียบไปอีกแล้วครับ ผมก็ได้แต่นั่งถอนหายใจ ขนาดพึ่งบอกชอบกัน ยังไม่ได้คุยกันเลย คุยกันก็นับประโยคได้ อย่างนี้คือคนที่ชอบกันเค้าทำกันหรอครับ? สุดท้าย ผมจึงเป็นคนตัดสินใจโทรหาเขาไป แต่เราคุยกันได้ไม่ถึงนาที เค้าก็ตัดสายไป แล้วก็หายไปเลย ---

วันรุ่งขึ้น ผมถึงบ้าน ผมเตรียมตัวเดินทางต่อเพื่อไปเที่ยว ตจว กับเพื่อน เค้าก็โทรมาหาผมครับ ตอนกำลังนั่งรถอยู่ และเป็นอีกครั้งที่เราคุยกันได้ไม่ถึงนาที หลังจากนั้น ผมก็ทักไลน์เขาไป เขาก็เป็นเหมือนเดิมเลยครับ คือ ตอบแล้วหาย -- มันเหมือนกับว่า ทุกครั้งที่เค้าไม่สนใจผม ปฏิบัติกับผมเหมือนเป็นของไร้ค่า เหงาเมื่อไหร่ก็หยิบไปเล่น ผมก็สร้างกำแพงขึ้นมากั้นเขาไว้ แต่กำแพงที่ผมสร้างนั้น มันช่างเปราะบางเหลือเกินครับ มัน 'ถล่ม' ทุกครั้งที่เค้าตอบไลน์มา พอจะมีใครแนะนำยี่ห้อปูนที่ไม่พังลงมาง่ายๆ บ้างมั้ยครับ ผมอยากได้เหลือเกิน..

แต่ด้วยคำที่เค้าบอกว่า 'ชอบผม' เป็นเสมือนหน้ากากออกซิเจน ให้ผมยังสามารถหายใจได้ต่อ ผมจึงพยายามที่จะไม่คิดอะไรมาก คิดแค่ว่า เขาเป็นตัวเขาแบบนี้ เราชอบเขาในแบบที่เขาเป็นหนิ จริงมั้ย?  -- ระหว่างที่ผมกำลังไปเที่ยว ตจว กับเพื่อน บีเอาอีกแล้วครับ หายไปอีกแล้ว คราวนี้เขาบอกว่าเขาไปเที่ยวผับ กับกลุ่มเพื่อน หลายคน ตัดสายผมไปเพราะ เขาบอกว่าเสียงเพลงมันดัง ไม่ได้ยิน -- ไม่ได้ยินเพราะไม่ได้ใช้ใจฟัง ใช่มั้ย?

และแล้ว ผมก็รวบรวมความแข็งแกร่งทั้งหมดที่ยังหลงเหลืออยู่ ตัดสินใจเริ่ม mission เอา (ไอ)บี ออกจากหัวใจ ผมบลอคไลน์เขาครับ แต่ไม่ได้บลอคเบอร์โทรด้วย เพราะต้องการจะวัดใจว่า บีจะกลับมาง้อผมมั้ยถ้าผมหายไป และแล้วก็คงเป็นอย่างที่ทุกคนคาดเดาไว้ครับ ใช่ .. เขาไม่โทรมาสักสายเดียว กลับกลายเป็นผมเองที่เหมือนจะขาดใจให้ได้อยู่ตลอด ยังดีหลังจากผมกลับมาจากเที่ยว ก็มีเพื่อนๆ ชวนไปทำกิจกรรมนู่นนี่นั่น ตลอด ทำให้พอลืมๆ เขาไปบ้าง แต่แค่ระยะสั้นๆเท่านั้นแหละครับ สุดท้าย เวลาผมอยู่ตัวคนเดียว ผมก็กลับมาคิดถึงเขาอยู่ดี บวกกับการเป็นคนชอบคิดมากอยู่ด้วยแล้ว มันมีความรู้สึกเหมือนกับ หัวใจของผมแตกร้าว แหลกละเอียด ไม่เหลือชิ้นดี เป็นความรู้สึกที่ ข้างในไม่ไหวแล้ว แต่ผมยังคงต้อง ยิ้ม ทำตัวเป็นปกติกับคนรอบข้าง กับครอบครัว เพราะผมไม่ได้เปิดเผยเรื่องนี้กับใคร จะเล่าให้ใครฟังก็คงไม่ได้ -- ผมเก่งครับ ผมแสดงเก่งมากครับ ไม่มีใครรู้เลยว่า ภายใต้ใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม เฮฮาอยู่ตลอด จริงๆแล้ว มันคือ 'หน้ากาก' ดีๆนี่เอง เพราะ 'ภายใน' มันก็พังไปหมดแล้ว

ผมดำเนินชีวิตตามปกติ จนถึงช่วงใกล้ปีใหม่ (วันที่ 31 ธค) เพื่อนๆของผมต่างก็แยกย้ายกันไป บ้านญาติของตัวเอง เหลือตัวผม กับเพื่อนสนิทของผมคนนึง (เพื่อนสนิทของผมคนนี้ เค้ารู้ครับว่าผมชอบผู้ชาย ผมเล่าเรื่องบีให้เค้าฟังครับ แต่ไม่กล้าบอกว่ามีอะไรกันแล้ว) ผมเหมือนคนสติหลุด ผมเดินไปห้างแถวบ้านคนเดียว เดินวนทุกชั้น ไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น ในความคิดผมตอนนั้นก็คอยเฝ้าด่าตัวเอง ทำไมปล่อยให้ตัวเองตกต่ำได้ถึงขนาดนี้ ผมเลยเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าโรงหนังครับ หาหนังดู และคิดจะดูคนเดียว อย่างน้อย ในเวลาที่หนังฉายเกือบ 2 ชั่วโมง มันทำให้ผมกลับมา 'รับรู้' อะไรได้บ้าง

แต่ตอนที่ผมกำลังจะจองตั๋ว เพื่อนสนิทโทรมาพอดี บอกว่าให้ไปกินเลี้ยงด้วยกัน ที่บ้านเค้า เค้าจะมารับผมไปเอง ผมก็เลยต้องล้มเลิกแพลนดูหนังไป .. อืมม เอาจริงๆ ผมเสียดายนะที่ไม่ได้ดู เพราะ ถ้าผมตัดสินใจดูตอนนั้น ก็เท่ากับว่า เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่ผมตัดสินใจดูหนังคนเดียว บางครั้งผมค้นพบตัวเองว่า ผมแอบอินดี้นะเนี่ย เศร้าๆอยู่แล้ว ชอบทำตัวให้เศร้าไปอีก หรือให้เศร้าสุดๆไปเลย ทั้งๆที่ ควรจะหาอะไรทำให้อารมณ์ดี

ตอนผมกำลังกินเลี้ยงที่บ้านเพื่อน ก็มีรุ่นพี่ข้างบ้าน ชวนออกไปนั่งบาร์ครับ ผมก็ว่างอยู่แล้ว เพื่อนสนิทผมก็อยากไป เลยตัดสินใจไปด้วยกันทั้งหมด ผมสั่งเหล้าปั่นมา (เรื่องมันเศร้า แต่ขอเหล้าเข้มๆไม่ไหวครับ ฮ่าๆๆ แค่เหล้าปั่นก็พอ) ณ ตอนนั้น ผมมีเวลาคิดทบทวนเรื่องราวทั้งหมด และคิดว่าตัวเองเข้มแข็งพอแล้ว จึงตัดสินใจ ปลดบลอคไลน์บี ก่อนปีใหม่ เพราะในใจคิดว่า 1) ไม่อยากโกรธหรือเกลียดใครรับปีใหม่ อโหสิให้แล้วกันครับ 2) ผมอยากรู้ความเป็นไปของเขาผ่านรูปในไลน์ ผมคิดแค่นั้นจริงๆ

แต่เรื่องมันกลับกลายเป็นว่า 'เขาทักไลน์ผมมา' ครับ เราก็คุยกันว่า
บี: เปลี่ยนรูปโปร แต่ไม่ทักมานะ
ผม: กูบลอคไลน์ พึ่งปลด
บี: เลวมากบลอคไลน์กู
ผม: กูก็แค่จะลองใจอะ ว่าถ้ากูหายไปแล้ว จะพยายามหากูบ้างมั้ย กูบลอคไลน์ ไปก็จริง แต่กูไม่ได้บลอคเบอร์นี่ มีเบอร์ทำไมไม่โทรมาง้อล่ะ
บี: กูง้อในไลน์แล้วไง แต่ไม่เห็นเอง เพราะบลอค กูเลยไม่โทร เพราะกูคิดว่า ไม่ตอบไลน์แล้ว คงไม่รับเบอร์กูด้วย
ผม: ตรรกะ เชี่ยมาก

ตอนนั้น หลังจากรับรู้ว่าเขาง้อผม ถึงแม้ผมจะไม่เห็น ผมก็กลับไป 'โง่' อีกครั้งอย่างเต็มใจ .. ผมเชื่อทุกอย่างครับ ผมควรยอมรับแล้วหล่ะว่า ผมชอบกินหญ้า

เรื่องราวของผมยังไม่จบครับ แต่ผมเมื่อยมือมาก และ ณ ตอนนี้ ที่ผมพิมอยู่ ผมตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วครับ ว่าผมจะเดินออกมาจากบีเอง เราพึ่งแยกกันเมื่อ 2 ชั่วโมงที่แล้ว ( แยกปั้ป ผมก็พิมกระทู้เลย ) แอบเมื่อยมือด้วย แฮ่ๆ แล้วจะมาอัพเดทนะครับ เรื่องราวตอนหลัง ผมพังกว่าเดิมอีก ฮ่าๆ เศร้า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่