นี่ผมคุยกับเขาทุกวันในฐานะอะไร แล้วเขาคิดยังไงกันแน่ ??? *เล่ายาวมากนะครับ*

คือเมื่อประมาณ 9 เดือนก่อนครับ เป็นวันเปิดเทอมวันแรกของผมในระดับชั้นม.5 วันนั้นผมก็ไปเข้าแถวหน้าเสาธงเป็นปกติในที่ประจำ(หน้าสุดเพราะห้องผมค่อนข้างเอื่อยเฉื่อยถ้าไม่มีใครเริ่มก็ไม่ต้องเข้ามัน-*-) วันนั้นมีนักเรียนใหม่ย้ายเข้ามาคนนึงครับเป็นนักเรียนหญิง เดินมาหน้าแถวแล้วก็มาเข้าหน้าสุดข้างๆ ผมเลยเพื่อนผมก็หลบให้เข้า เพราะอาจารย์เป็นคนพามาเข้าที่แถว แล้ววันนั้นทั้งวันเขาก็ไปไหนมาไหนกับกลุ่มของผมครับ โดยมีเพื่อนผู้หญิงในกลุ่มของผมคอยช่วยคอยแนะนำให้(กลุ่มผมมีแค่ 3 คนเองครับ ช 2 ญ 1 พอดีผมพูดน้อยแลัวก็ไม่ชอบเอะอะโวยวายเลยไม่ค่อยไปอยู่กับเพื่อนๆหมู่มากเท่าไร)

หลังจากเปิดเทอมวันแรกได้ประมาณ 3-4 วันครับ เขาก็ทักไลน์ผมมา ว่าอยากจะของานหรือถามเรื่องเกี่ยวกับการบ้านหรืออะไรซักอย่างนึง(ลืมมง่ะ...) แต่กลับคุยกันยาวทั้งคืนไปเลยครับ หลังจากวันนั้นทุกๆ วัน เขาจะเป็นคนทักผมมาตลอดครับ ตอนเช้า ตอนเย็น ทุกวันเป็นประจำ ผมก็คุยกับเขายาวทั้งวัน ทั้งคืน มันก็แปลกนะครับทั้งที่รู้จักกันไม่ถึงอาทิตย์ ผมกับคุยกับเขามากกว่าเพื่อนที่รู้จักกันมา 4-5 ปีอีกครับ(อย่างที่บอกครับปกติพูดน้อย ถ้าจะคุยก็เรื่องานที่จำเป็นแค่นั้นเองครับ)

ผมเริ่มสนิทกับเขามากขึ้นทุกวันๆ แต่เวลาเจอหน้ากันผมไม่ค่อยกล้าทักเท่าไร แต่ผมก็คุยกับเขาได้ปกติเหมือนคนอื่นๆ และเพื่อนในห้องก็ไม่เคยรู้ว่าคุยกันทุกวันครับ นอกจากในกลุ่มของผมเอง และอีกอย่างนึงคือเขามักจะแกล้งผมเป็นประจำครับแบบมาหยิกแก้มมั่ง มาตีมั่ง เอากระเป๋าไปซ่อนมั่ง แล้วก็มายิ้มใส่ผมทั้งวัน เรียกว่าเช้า กลางวัน เย็น วันละ 3 เวลาเลยดีกว่า-3- จนคุยมาประมาณเกือบเดือนได้ครับวันนึงผมเริ่มป่วยขึ้นมาครับ วันนั้นผมตื่นเช้ามาด้วยอาการที่ปัสสาวะไม่ออกแล้วยังปวดท้องน้อยและตรงนั้นน !! มากๆ จนไม่สามารถทำอะไรได้และก็เข้าโรงพยาบาลไป ผมก็บอกเขาไปว่าวันนึ้คงคุยด้วยไม่ได้นะไม่ค่อยสบาย เขาก็ไม่ค่อยว่าอะไรเท่าไรแต่ก็ถามๆ มั่งเหมือนกัน วันนั้นผมเข้าห้องผ่าตัดด่วนในตอนเย็นเพราะหมอบอกว่าเป็นไส้ติ่ง(ทั้งที่ในใจผมแย้งมาตลอดว่ามันใช่หรออ..)

แล้วเมื่อถึงห้องผ่าตัดครับ หมอไม่กล้าผ่าเพราะผมเองก็ดันมีโรคประจำตัวทางด้านพันธุกรรมอยู่ซึ่งเป็นโรคที่หาได้ยาก และหมอที่นั่นไม่รู้จักโรคนี้ครับ ในห้องผ่าตัดวันนั้นวุ่นวายมากครับ หมอมาถามหลายรอบมากว่าเป็นยังไงมั่งๆ แล้วก็ประชุมกันเรื่องร่างกายผมกันใหญ่ สุดท้ายถึงเวลาผ่าครับ เนื่องจากน้ำในท้องผมมากเกินไป(ผมไม่ได้ฉี่ทั้งวันตั่งแต่เช้าครับ) หมอจึงไล่ให้ไปปัสสาวะก่อน แต่มันทำไม่ได้ครับเพราะอาการนี่แหละถึงมา รพ. ไง-*- สุดท้ายผมโดนสวนปัสสาวะครับ ในที่สุดผมหายจากอาการปวดท้องไปเลยโดยที่หมอยังไม่ได้หยิบมีดซัดนิด(ก็ว่าฉี่ไม่ออกบอกไส้ติ่ง เห้อ..) แล้วผมก็ใส่สายสวนคาไว้เพื่อให้ปัสสาวะได้นั่นเองครับ พอผมออกจากห้องผ่าตัด เพื่อนของผมก็มารออยู่ข้างหน้าพอดีเพราะเขาดันมาเรียนพิเศษแถวๆ นั้นเลยแวะมาครับ พอผมถึงห้องพักผมก็หยิบโทรศัพท์ก่อนเลยครับ ก็มีข้อความที่เขาทักมาไว้อย่างที่คิด ผมก็เริ่มคุยกับเขาต่อ เล่าอาการให้เขาป่วยให้เขาฟังครับ จนสนิทกันมากขึ้นไปอีก แล้วเขาก็บอกว่าจะมาเยี่ยมผมด้วย(ดีใจครับตอนนั้นไม่คิดว่าจะมาเยี่ยมเลย) วันรุ่งขึ้นมาอย่างเร็วเลยครับกับเพื่อนหญิงอีกคนนึง คุยกันทั้งวันเลยครับวันนั้นจนเริ่มมึดเขาก็กลับไป แล้วก็ทักมาอีกเหมือนเดิมผมก็คุยกับเขาอีก(แปลกจริงๆ นะ ผมก็รู้ตัวว่าตัวเองพูดน้อยจะตายแต่ทำไมอยู่กับเขาแล้วกล้าพูดกล้าคุยนัก...)

คืนนั้นที่คุยก่อนจะนอนเขาถามหาคำว่า "ฝันดี" จากผมครับตอนแรกๆ ผมก็เขินเลยเฉยๆ แล้วเขาก็บอกมาเองเลย "ฝันดีนะค่ะ" ก็เขินไปเลยครับวางโทรศัพท์แล้วนอนทันที(ก็มันไม่เคยคุยกะใครเนอะพอโดนงี้แล้วมันแบบ...) พอเช้าเขาก็ทักมาแบเริ่มสนิทมากขึ้นไปอีกครับ ผมก็เลยเลยหมดอาการเขินแล้วกล้าคุยกับเขามากขึ้น ทุกคืนผมกับเขาจะบอกฝันดีและส่งสติ้กเกอร์ให้กันตลอด แล้วเขาก็ยังมาเยี่ยมผมอยู้อีกประมาณ 2-3 ครั้งด้วย(นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมเข้าโรงพยาบาลแล้วรู้สึกว่าโรงพยาบาลมันไม่น่าเบื่อเลยซักนิด)

แล้วเมื่อผมขาดเรียนไปนานเขาจึงทำงานทำการบ้านให้ผมอีกด้วย เขาเอากระเป๋าผมไปเลยครับเอางานการบ้านทำส่งให้หมด จนอาการผมไม่ค่อยคืบหน้าเลยย้ายไปที่ รพ.พระมงกุฎ ซึ่งเป็น รพ. ที่ผมเกิดด้วย และหมอโรคประจำของผมที่ดูแลมาตั้งแต่เด็กก็อยู่ที่นั่น ตอนที่อยู่ที่นั่นผมแทบไม่ได้เจอหน้าเขาเลยซักครั้งครับเพราะมันไกลจาก รร. และบ้านของผมอยู่พอตัว แต่ผมกับเขาก็ยังคุยกันอยู่ตลลอดไม่ขาดไม่หายเลยครับ เรียกว่าผมไม่เคยจะลืมโทรศัพท์ไว้ที่ไหนเลยซักครั้งเพราะคุยกับเขานั่นแหละ ผมกับเขาเริ่มสนิทกันมากขึ้นไปอีก เริ่มคุยกันได้ในทุกๆ เรื่อง เขาเริ่มถามถึงเรื่องความรักในอดีตของผมว่า "ได้ยินว่า....(ชื่อเพื่อนในห้องคนนึง)เคยจีบหรอ??" ผมก็เล่าๆ ให้ฟังแล้วก็ประมาณว่าหลังจากนั้นจะชอบงอนผมบ่อยๆ

(***ผมไม่เคยมีแฟนนะครับผู้หญิงที่ผมเริ่มคุยด้วยแบบทุกเรื่องก็เพิ่งจะมีเขานี่แหละ***)

เวลาทำอะไรก็มักจะบอกว่า "ก็ไม่ใช่.....นิ" แล้วก็จะพูดแบบหงุดหงิดๆ แต่ก็ไม่ใช่แค่เขานะครับที่เป็นผมเองก็เป็นตามเขาไปด้วย-3- เวลาเขาเล่าเรื่องน้องรหัสในโรงเรียนให้ฟัง ผมก็อยากจะเปลี่ยนเรื่องคุยยังไงไม่รู้ พอผมประชดนิดๆ หน่อยๆ เขาก็บอก "หึงเค้าออ" บอกตามตรงครับตอนนั้นอาจจะรู้สึกขึ้นมาแล้วจริงๆ ครับเริ่มไม่อยากให้เขาคุยกับใครและอยากคุยกับเขาตลอด และพอไม่ได้เจอหน้ากันนานเขาก็มีถ่ายรูปมาให้ผมดูด้วยครับ มีบอกเวลากินข้าวแล้วอยากเห็นหน้าอีก ผมก็เขินไปซิครับ ไม่เคยคุยกับใครอย่างนี้แถมยังคุยไปยิ้มไปเหมือนกับคนบ้าเลยด้วย ซึ่งเขาก็บอกว่าเขาก็เป็นนะครับไม่ใช่ผมคนเดียว และยังถามอีกว่า "คุยกับเรามีความสุขไหม" ไม่อย่างจะบอกครับไม่เคยรู้ว่าเวลาคุยกับใครซักคนแบบเข้าใจทุกเรื่องมันจะมีความสุขมากขนาดนี้ จนถึงตอนนี้ก็คุยมาจะ 5 เดือนแล้วครับ ไม่เคยขาดหายไปไหนซักวันแถมวันล่ะหลายครั้ง จนกระทั่งวันนึงผมไปทำการฉีดสีกับอะไรอีกอย่างนึงตามที่หมอสั่ง มันก็เจ็บครับทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย พอกลับมาถึงห้องก็หลับไปยันเช้าเลยครับ ไม่ได้ทักไปเลย พอตื่นมาตั้งกี่ข้อความไม่รู้ครับมาเป็นแถบยาวเหยียดยืดด เต็มไปหมด ถามมาหมดคับ

"เป็นอะไรหรือป่าว" "เราทำไรให้โกดหรออ" "งอนอะไรอ่ะ" "น.(เป็นชื่อย่อผมล่ะกันครับ) ไม่เคยทำให้เราเหงานี่" "ทำไมวันนี้ทำเราเหงาล่ะ" "เป็นห่วงนะเว้ยย" "เป็นไรก็บอกดิ" "ผันดีนะ น." และก็เนื้อเพลงอะไรซักเพลงนึงครับมาเต็มไปหมด

พอเห็นนี่ไม่คิดว่าจะห่วงกันขนาดนี้เลยครับ(รู้สึกดีใจมากครับพอเห็นเผลอยิ้มออกมาเยอะจนแม่ถามเป็นอะไร) คุยกันสนิทมากครับ จนเขาถามมาว่า
"ถามจริงคิดไรอยู่"  ผมก็ไม่ตอบนะนิ่งๆ แล้วก็เปลี่ยนเรื่องไป(แต่ในใจตอนนั้นรู้ล่ะครับว่าชอบไปแล้วจริงๆ แต่ยังไม่กล้าบอกอยู่) จนเขาบอกว่าจะมาหาครับที่ รพ. อีกครั้งนึง ทั้งที่ไกลก็ไกลนะแถมเขายังย้ายมาไม่กี่เดือนเองเดินทางก็ไม่ค่อยเป็นแต่ก็ดั้นด้นมาหาผมจนถึงที่จนได้ตั้งแต่เช้า แต่มาไม่นานก็กลับไปเฉยเพราะครอบครัวผมมากันเยอะเต็มห้องเลยครับขาเลยไม่ค่อยกล้าอยู่ จนในที่สุดผมก็ได้ออกจาก รพ. ครับแต่ยังไม่หายนะครับเพราะหมอบอกว่าอาจจะเป็นไปตลอดชีวิต พอออกมาผมก็บอกเขา เขาก็บอกให้ไป รร. เลยทีเดียวครับ 55+ บอกว่าหายไปจนจะลืมแล้วเนี้ย ผมเลยบอกว่าจะไปกินข้าวด้วยดีใจไหม เขาก็บอก "จริงอ่ะ ดีใจมาก"

แล้วผมก็ไป รร. ครับแต่เวลาเจอหน้ากันจริงๆ มันก็เขินแปลกๆ นะครับคุยกันมาหลายเดือนแล้วก็จริงแต่ผมกับเขาก็ไม่ค่อยยได้เจอกันเลย ก็เลยไม่ค่อยเหมือนที่เคยคุยอ่ะนะ เขินๆ คุยกันนิดๆ เหมือนเพิ่งเจอกันใหม่ๆ เลย 555+ จนพักหลังๆ นี้ครับที่ผมเริ่มไป รร. เป็นปกติ เขาเริ่มหายไปครับ คือเขาไม่ทักมาเหมือนเดิมไม่ค่อยแกล้งผมเหมือนเดิม แล้วช่วงนั้นผมก็ไม่ได้ทักไปด้วยเพราะผมยุ่งมากๆ ต้องตามเรื่องที่ขาดเรียนไปหลายเดือนตามซื่อมอยู่หลายวิชามาก ไหนจะไป รพ. แล้วผมก็ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยปัสสาวะใน 4-6 ชม. ด้วยพอจะว่างๆ หน่อยก็ต้องสวนปัสสาวะอีกทำให้ 1 อาทิตย์เต็มๆ ที่ผมไม่ได้คุยกับเขาเลย ผมก็คิดถึงเขาครับกลัวมากว่าเขาเป็นอะไรไปเขาไม่เคยหายไปขนาดนั้นพอผมเริ่มมีเวลาผมก็รอเขาให้ทักมาเหมือนเดิม แต่ไม่มีเลยครับซักนิดเดียววี่แววว่าจะทักมาก็ยังไม่มี ช่วงนั้นหลังจากที่ผมกลับจาก รร. ผมก็คิดถึงเขาตลอดเวลาอยู่คนเดียวทีไรนี่อดคิดไม่ได้เลยครับ พอกลับมาก็นอนคิดอยู่คนเดียวพอรู้สึกตัวอีกทีก็มึดแล้ว ยังไม่ได้กินอะไรเลยครับ ตอนนั้นแม่ผมเป็นห่วงมากแล้วก็บอกว่าเปลี่ยนไปนะอีกตะหาก
ซึ่งตอนนั้นผมพึ่งนึกขึ้นมาได้อย่างนึงครับคือเขาเคยขอผมอยู่ 3 อย่าง ตามนี้ครับ
1.ผมต้องสอนวิชาเคมีให้เขาทุกเช้า(เหมือนว่า รร. เก่าของเขาจะสอนช้ากว่า รร. ของผมเขายังไม่ได้เรียนเลยตามไม่ทันครับ)
2.ผมต้องทักไปหาเขาหลังเลิกเรียนทุกวันพร้อมทั้งบอกการบ้านให้ด้วย
3.ผมจะต้องเป็นคนที่ให้เขาแกล้งบ่อยที่สุดให้ห้อง

ซึ่งผมคิดว่าเขาอาจจะโกดเพราะข้อที่ 2 ที่ผมไม่ได้ทักไป เพราะตอนนั้นมันยุ่งอย่างที่บอกนั่นแหละครับไม่ได้แตะโทรศัพท์เลย แต่เขาก็ไม่ทักด้วยT^T
สุดท้ายไม่ไหวครับผมทักเขาไปประมาณ 17.00 น. กว่าเขาจะอ่านก็ประมาณ 20.00 น. ซึ่งระหว่างนั้นผมไม่ทำอะไรเลยครับรอย่างเดียว แล้วก็ได้คุยกันนิดเดียวครับประมาน 2-3 ปรระโยคเอง เขาก็ไม่ได้อ่านจนถึงเช้าวันถัดมา พออ่านก็กว่าจะตอบเว้นไปนานมาก ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนผมยังพิมไม่ทันจะเสร็จก็ถามหาแล้วว่าไปไหน ผมเลยบอกเขาเลยครับว่าที่ผ่านมารู้สึกยังไง เป็นห่วงว่าหายไปไหนยังไง แต่ก็บอกแบบอ้อมๆ นิดๆ แต่ก็คงรู้แหละครับ สุดท้ายเขาบอกว่ากลัวเพื่อนในห้องล้อ(มีวันนึงผมดันเผลอเปิดไลน์ทิ้งไว้แล้วเดินไปล้างหน้าครับเพื่อนผมมันมาอ่านเล่นแล้วเจอที่ผมคุยกับเขามันก็แคปไปลงในไลน์กลุ่มห้อง-*-)

ผมก็เสียใจครับ ตกใจไปเลยตอนนั้น มันคือยังไงกันแน่เขาคุยกับผมทุกวันอยู่ดีๆ ก็หายไป แล้วบอกว่ากลัวโดนล้อ แล้วที่ช่วยงานช่วยการบ้านผม มาหามาเยี่ยมผมที่ รพ. ตั้งไกล พูดเหมือนห่วงเวลาผมเป็นอะไรอยู่ตลอด เขาคิดยังไงกับผมกันแน่ ?!!! บอกตามตรงสับสนมากๆ สัญญาอะไรต่างๆ เขาก็ขอผมไว้เยอะแยะ ผมเลยเข้าไปดูในเฟสเขาครับ เขาจริงๆ เขามีแฟนเป็นรุ่นพี่มาเกือบ 2 ปีแล้วบอกฝันดีคิดถึงกันหวานแหววตามหน้าเฟสเลย(ปกติผมไม่เล่นเฟสครับปล่อยล้างไปประมาณปีกว่าๆ ได้ แต่ทำไงอ่ะคิดถึงนี่...) แล้วเขามาคุยกับผมทำไมตั้งนานขนาดนั้น พูดเหมือนกับว่าเขาก็คิด หรือผมมันคิดไปเองเพื่อนๆ เขาก็คุยกันแบบนี้อยู่แล้วไอ้ผมเองที่ไม่เคยคุยกับใครแล้วมั่วไปเองหรือเขาใช้ผมคุยเพื่อแก้เหงารอแฟนของเขากันครับ ? ในแชทสุดท้ายของผมกับเขาเขาบอกว่า "เราเสียใจนะที่ทำให้แกเป็นแบบนี้" แล้วผมก็บอกว่าจะเอาช็อคโกแลตไปให้กินตามสัญญา(เป็นอีกอย่างนีงที่เขาขอผมไว้ตอนอยู่ที่ รพ. แล้วผมยังไม่ได้ทำให้ ขอโทษที่ลืมบอกไว้ตอนแรกๆ นะครับ) ในวันต่อมาผมก็ซื้อช็อกโกแลตไปให้เขาโดยฝากเพื่อนเขาไป ซึ่งเป็นวันสอบผมกับเขาแยกห้องกันสอบด้วยเลยไม่ได้เจอหน้ากันเลย  แค่ผ่านๆ นิดๆ จนถึงทุกวันนี้ผมกับเขาก็เจอหน้ากันอยู่ทุกๆ วันที่ รร. เค้าก็มีแกล้งมั่งเหมือนเคยแต่น้อยลงมากจากเมื่อก่อน แล้วมันก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกเจ็บๆ ธรรมดาก็คิดถึงตลอดอยู่แล้ว แค่ไม่ถึงก็ยากแล้ว ก็มาเจอกันทุกวันที่ รร. โดยต้องนิ่งเข้าไว้ต้องคุยกันแบบทำฝืนเหมือนปกติ ทั้งๆที่มันก็ทรมาณเพราะผมไปรักเขาไม่ได้ เป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้นเอง...

ปล.อาจจะยาวไปสักนิดและอ่านยากมากต้องขอโทษมานะที่นี้ด้วยครับผมเป็นคนเขียนกระทู้อะไรแบบนี้ไม่ค่อยเป็นเท่าไร จริงๆ ยังมีรายละเอียดยิบๆ ย่อยๆ อีกมากครับ แต่ตัวอักษรดันจะครบ 10000 ซะแล้ว 555+ ก่อนจะไปผมขอปรึกษาหน่อยครับควรจะทำยังไงดีทุกวันนี้ ก็ยังคิดถึงอยู่ยิ่งเจอกันอีกนี่....ก็ยิ่งอยากคุยด้วยอยากให้เแกล้งเหมือนเดิม ซ้ำยังหวังว่าเขาจะหันมาหามั่งอยู่ตลอดอีกตะหาก(ทั้งที่มันไม่น่าจะหวังเลยนะ..) แล้วมีซักกี่คนที่เจอแบบนี้แล้วสมหวังมั่งครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่