ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 7 มกราคม ว่า นายยูโซ๊ะ อาเก๊ะ ประธานเครือข่ายสภาเกษตรกร 6 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง (ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สงขลา สตูล พัทลุง) เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า จากปัญหาเกษตรกรที่ปลูกยางพารา มีผลกระทบกรณีที่ราคายางมีราคาต่ำนั้น ตอนนี้หลายๆอำเภอหลาย ๆ หมู่บ้าน กำลังประสบปัญหาราคายางตกต่ำ จนเกตรกรไม่ไหวแล้วเดือดร้อนมาก จะซื้อข้าวกินก็ลำบาก จนล่าสุดไม่มีเงินส่งลูกเรียน ต้องให้หยุดเรียนหลายพื้นที่ แล้ว
เนื่องจากเศรษฐกิจหลักของเกษตรกรคือปลูกยาง เมื่อราคาต่ำทำให้ส่งผลกระทบอย่างเห็นได้ชัด ส่วนรัฐบาลจะแก้ปัญหาประกันราคายาง หรือช่วยเหลือต้นทุนปลูกยาง เป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น ซึ่งรัฐต้องแก้อย่างเป็นระบบและถาวร เพื่อจะได้ไม่มีผลกระทบต่อราคายางอีก ซึ่งขณะทางเครือข่ายสภาเกษตรกร ได้ร่างหนังสือเพื่อยื่นต่อรัฐบาลในการแก้ปัญหาราคายางตกต่ำในมาตรการระยะยาวแล้ว
สำหรับรายละเอียดที่สำคัญคือ 1.เสนอให้รัฐบาลจัดตั้งโรงงาน นำยางของเกษตรกร มาทำเป็นผลิตภัณฑ์ ที่ใช้ในประเทศ เพื่อเพิ่มมูลค่าก่อนส่งออก เช่น นำยางผลิตล้อยางเป็นต้น 2. อย่าใช้กฎหมายบังคับให้ชาวเกษตรกรโค่นต้นยาง เพราะยาง 1 ต้นต้องใช้เวลาปลูกหลายปีจึงจะโค่นได้ แต่ให้เกษตรกรนั้นๆ เป็นคนตัดสินใจเอง อย่าใช้กฎหมายบังคับ
3.ให้มีการพิจารณาต้นทุนของยางในการปลูกของเกษตรกร ซึ่งสรุปแล้วว่า ต้นทุนคือ 62 บาทต่อ 1 กก. ยึดหลักจากสภาเกษตร และผลักดันอย่าให้ราคายางต่ำกว่าต้นทุน และ 4. สภาเกษตรกรแห่งชาติ มีการจัดเวที 4 ภาคแล้ว และมีการร่าง พ.ร.บ.ยางพาราใหม่เพื่อเสนอต่อรัฐบาล ซี่ง พ.ร.บ.ดังกล่าวสรุปได้ว่า ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเกษตรกร ที่ปลูกยางแบบเดิมๆ ให้เป็นลักษณะพึ่งตนเอง ซึ่งกฎเดิม ใน 1 ไร่ ปลูกยาง 70 ต้น แต่ พ.ร.บ.ที่เสนอให้ปลูกเพียง 45 ต้น แต่ที่เหลือปลูกพืช หรือต้นไม้แซม รวมทั้งการเลี้ยงสัตว์ เพื่อสร้างรายได้เพิ่ม เมื่อประสบปัญหายางตกต่ำ
ด้านนายยูโซ๊ะ อาเก๊ะ ประธานเครือข่ายสภาเกษตรกร 6 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง เผยว่า ขณะนี้เราเตรียมยื่นหนังสือต่อรัฐบาล ภายในเดือนนี้อย่างเร่งด่วน เพื่อให้รัฐบาลรีบแก้ปัญหา โดยจะมีเครือข่าย 6 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง จะประชุมครั้งสุดท้าย ในวันที่ 7 ม.ค.ที่สงขลา เพื่อรีบดำเนินการประชุมหาทางช่วยเกลือ ก่อนที่ชาวเกษตรกรสวนยางจะแย่กว่านี้
JJNY : ปธ.สภาเกษตรกร 6 จว.ใต้เผยยางวิกฤตหนัก เด็ก นร.ต้องหยุดเรียนหลายพื้นที่แล้ว
เนื่องจากเศรษฐกิจหลักของเกษตรกรคือปลูกยาง เมื่อราคาต่ำทำให้ส่งผลกระทบอย่างเห็นได้ชัด ส่วนรัฐบาลจะแก้ปัญหาประกันราคายาง หรือช่วยเหลือต้นทุนปลูกยาง เป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น ซึ่งรัฐต้องแก้อย่างเป็นระบบและถาวร เพื่อจะได้ไม่มีผลกระทบต่อราคายางอีก ซึ่งขณะทางเครือข่ายสภาเกษตรกร ได้ร่างหนังสือเพื่อยื่นต่อรัฐบาลในการแก้ปัญหาราคายางตกต่ำในมาตรการระยะยาวแล้ว
สำหรับรายละเอียดที่สำคัญคือ 1.เสนอให้รัฐบาลจัดตั้งโรงงาน นำยางของเกษตรกร มาทำเป็นผลิตภัณฑ์ ที่ใช้ในประเทศ เพื่อเพิ่มมูลค่าก่อนส่งออก เช่น นำยางผลิตล้อยางเป็นต้น 2. อย่าใช้กฎหมายบังคับให้ชาวเกษตรกรโค่นต้นยาง เพราะยาง 1 ต้นต้องใช้เวลาปลูกหลายปีจึงจะโค่นได้ แต่ให้เกษตรกรนั้นๆ เป็นคนตัดสินใจเอง อย่าใช้กฎหมายบังคับ
3.ให้มีการพิจารณาต้นทุนของยางในการปลูกของเกษตรกร ซึ่งสรุปแล้วว่า ต้นทุนคือ 62 บาทต่อ 1 กก. ยึดหลักจากสภาเกษตร และผลักดันอย่าให้ราคายางต่ำกว่าต้นทุน และ 4. สภาเกษตรกรแห่งชาติ มีการจัดเวที 4 ภาคแล้ว และมีการร่าง พ.ร.บ.ยางพาราใหม่เพื่อเสนอต่อรัฐบาล ซี่ง พ.ร.บ.ดังกล่าวสรุปได้ว่า ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเกษตรกร ที่ปลูกยางแบบเดิมๆ ให้เป็นลักษณะพึ่งตนเอง ซึ่งกฎเดิม ใน 1 ไร่ ปลูกยาง 70 ต้น แต่ พ.ร.บ.ที่เสนอให้ปลูกเพียง 45 ต้น แต่ที่เหลือปลูกพืช หรือต้นไม้แซม รวมทั้งการเลี้ยงสัตว์ เพื่อสร้างรายได้เพิ่ม เมื่อประสบปัญหายางตกต่ำ
ด้านนายยูโซ๊ะ อาเก๊ะ ประธานเครือข่ายสภาเกษตรกร 6 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง เผยว่า ขณะนี้เราเตรียมยื่นหนังสือต่อรัฐบาล ภายในเดือนนี้อย่างเร่งด่วน เพื่อให้รัฐบาลรีบแก้ปัญหา โดยจะมีเครือข่าย 6 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง จะประชุมครั้งสุดท้าย ในวันที่ 7 ม.ค.ที่สงขลา เพื่อรีบดำเนินการประชุมหาทางช่วยเกลือ ก่อนที่ชาวเกษตรกรสวนยางจะแย่กว่านี้