[CR] 3วัน 2พันกิโล จากเมืองหลวงสู่เมืองหนาว

ขอเกริ่นก่อนเลยว่านี่เป็นกระทู้แรกของเรา หากมีข้อผิดพลาดประการใดเรายินดีรับทุกคำติชมนะครับ

เพื่อเป็นการไม่เสียเวลาเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า

เราออกเดินทางกันคืนวันที่ 30 ธันวาคม 2558 เวลา 22.30 น.

มุ่งหน้าสู่เมืองน่าน พอเข้าเขตภาคเหนืออากาศเย็นมากกกกก น่าจะราวๆ 20 องศาต้นๆ เราเดินทางมาถึงน่านกันประมาณ 9โมงกว่าๆ เราเลยเข้าไปในตัว

เมืองเพื่อหาอะไรทานวนหาอยู่หลายร้าน (อ้อ ลืมบอกไป เราขับรถไปเองนะ รวมเวลาจอดพักแวะปั๊มแล้ว) สุดท้ายมาลงเอยที่ร้านข้าวซอยต้นน้ำ ซึ่งเห็นว่า

มีคนรีวิวค่อนข้างเยอะ ร้านเป็นร้านเล็กๆไม่ใหญ่มาก คนยืนต่อคิวเยอะมากกก ด้วยความที่คนต่อคิวกันเยอะ เราก็เหลือบไปเห็นร้านโรตีร้านหนึ่ง


เลยสั่งมารองท้องสักหน่อย รสชาติดีเลยทีเดียว(หรือเราหิวก็ไม่รู้ 555555) พอเรากินโรตีหมดก็ถึงคิวเราพอดี เราสั่งเมนูเด็ดประจำร้านเลย

นั่นคือ ข้าวซอยนั่นเอง ตามชื่อร้านเลยฮะ 5555 ว่ากันด้วยเรื่องรสชาติอาหารสำหรับตัวผม ก็ไม่ได้ถือว่าอร่อยมาก พอทานได้

แต่ถ้าใครแวะมาก็ถือว่าเป็นร้านที่น่ามาลองเลยทีเดียว

หลังจากนั้นเราก็มุ่งหน้าขึ้นดอยเสมอดาว ซึ่งเราได้จองเต็นท์ที่พักของไร่ภูพิงไว้ และจุดที่เราพักจะได้มุมที่พระอาทิตย์ตกพอดี ขอบอกเลยว่าสวยมากกกก

โรแมนติกมาก หากใครได้ไปกับแฟนคงจะฟินน่าดู เราถึงที่พักกันตอนประมาณบ่าย 2 เลยมีเวลาเก็บของพอสมควร ขอถ่ายรูปเล่นหน่อยแล้วกัน



เซลฟี่แป๊ป 55555



พอตกเย็นประมาณ 6 โมง ฟ้าเริ่มมืด

ความหนาวเย็นเริ่มมาให้เราสัมผัส เราเลยมานั่งทานหมูกระทะกัน(เป็นร้านของทางไร่ภูพิง) บอกเลยว่าเข้ากับบบรรยากาศสุดๆ ทานไปสักพักดาวบนฟ้าก็

ค่อยๆชัดขึ้นเรื่อยๆ สวยมากกก  หลังจากทานหมูกระทะกันจนอิ่มแล้ว ก็ได้เวลา เงยหน้ามองดูดาว เราเลือกจุดปักหมุดกันพอสมควร กว่าจะพอใจ และ

สุดท้าย ก็ไปจบที่จุดดูดาวของดอยเสมอดาวนั่นแหละ ถึงแล้วก็เริ่มเลย ปูเสื่อลงนอน ดาวเต็มท้องฟ้ามาก เหมือนท้องฟ้าจำลองเลย

ขึ้นไปดูดาวก็ประมาณ เกือบ 2 ทุ่ม นอนดูกันอยู่อย่างนั้น ถ่ายรูปบ้างเพื่อเก็บภาพไว้ในความทรงจำ ตอนแรกกะว่าจะเคาท์ดาวน์กันที่นี่แหละ

แต่อีกหลายชั่วโมงเหลือเกิน กว่าจะเที่ยงคืน ทนรอกันไม่ไหว 3 ทุ่มกว่าๆ ก็กลับเข้ามาในเต้นท์แล้ว แต่ที่กลับมาเร็วมีเหตุผลนะ

ลมที่จุดดูดาวดอยเสมอดาวพัดแรงจนเพื่อนๆหนาว น้ำค้างก็ลงอีกต่างหาก และได้รูปตามพอใจแล้ว จึงตัดสินใจกลับเข้าเต็นท์





ตื่นเช้ารับอากาศสดชื่น ล้างหน้าแปรงฟัน ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันที่ดอยเสมอดาว ใช้เวลาอยู่ที่นั่นไม่นานก็เก็บเส้อผ้า พร้อมลุยต่อ (น้ำยังไม่อาบนะฮะ

อากาศเย็นและคนเยอะเกินกว่าจะทนไหว) เดินทางลงดอย เพื่อเข้ามาตัวเมืองน่าน และไหว้พระกันสักหน่อย ก่อนท้องจะร้อง หลังจากผิดหวังเล็กน้อย

กับข้าวซอยเมื่อวาน วันนี้มาหาร้านอาหารต่อ เรามารอร้านเฮือนเจ้านางเปิด แต่ก็ทนหิวไม่ไหว วกรถกลับ นั่น! บังเอิญพอดี พอกับร้าน ท่าล้อ ที่มี

ทั้งอาหารเหนือ ก๋วยเตี๋ยวส้มตำข้าวมันไก่ แล้วก็แวะเลยยยย ร้านเดินเข้าซอยไปไม่ไกลมาก ร้านเป็นบ้านคนที่เปิดขายอาหารหน้าบ้าน(ในบริเวณรั้วบ้านตัว

เอง) สั่งอหารกันใหญ่ ทั้งข้าวซอยไก่ ก๋วยเตี๋ยว เกาเหลา ขนมจีนน้ำเงี้ยว ข้าวมันไก่ มีอะไรกินได้สั่งมาให้หมด

เพราะนี่มันเที่ยงแล้วกว่าอาหารจะตกถึงท้อง อิ่มอร่อยและราคาไม่แพง ใครไปเมืองน่าน แนะนำร้านนี้เลยนะคะ แม่ค้าเป็นกันเอง

อาหารอร่อยและได้เยอะมาก กินแทบไม่หมด






เติมพลังแล้ว ก็พร้อมลุยต่อ เราเดินทางไปอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปกกัน

ด้วยระยะทางและเวลาที่จำกัด (ที่เพิ่งมารู้ว่าต้องไปถึงที่นั่นก่อน 4 โมงเย็น) เหยียบมิดไมล์ ทางโค้งคดเคี้ยวของเขา เราไปไม่ทันเวลากำหนด

แต่ต่อรองกับเจ้าหน้าที่อุทยานแล้ว สุดท้าย ขับรถขึ้นเอง ทางชัด และคดเคี้ยว ที่สำคัญ เป็นดินลูกรัง แต่บอกเลย บ่ยั่น... เราต้องไปถึงยอดดอย ระหว่าง

ทางขึ้นจะมีจุดชมวิว แต่ตอนเราไปฟ้าใกล้มืดแล้ว เลยได้บรรยากาศที่สุดแสนจะโรแมนติก ว่าแล้วก็จับเพื่อนมายืนในเฟรมซะเลย

พอถ่ายรูปกันเสร็จเราก็ขับรถขึ้นมาต่อ ในที่สุดเราก็มาถึงแล้วววววว ลานกางเต็นท์ ดอยผ้าห่มปก ที่พักเราจองออนไลน์ไว้ ไปถึงก็ฟ้ามืดพอดี

เอาของเข้าเต็นท์ หาของกิน เพราะร้านค้าใกล้จะปิดแล้ว (ร้านค้าบนดอยมีร้านเดียว ปิด20.00น.) อาหารตามสั่งไปคนละจาน

ด้วยความหนาวอุณหภูมิแค่องศาเลขตัวเดียว จึงรีบกินรีบเข้าเต็นท์ เตรียมพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้ เราจะไปชมพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดดอยกัน

เจ้าหน้าที่บอกว่าใช้ระยะเวลาเดินไป 2 ชั่วโมง ออกเดินจากจุดกางเต็นท์เนี่ยตั้งแต่ตี4 โอ้แม่เจ้า เหน็ดเหนื่อยจากการขับรถอย่างบ้าคลั่งและ

นอนไม่เพียงพอมา 2 คืนแล้ว คืนนี้ขอนอนไวเพื่อรับแสงแรกของวันพรุ่งนี้ดีกว่า

เช้านี้ ตี4 ตื่นมา ล้างหน้าแปรงฟัน เตรียมตัวปีนเขา ใช้เวลาราว 2 ชั่วโมงตามเจ้าหน้าที่กล่าว ขึ้นมาได้พักหายใจ เกือบครึ่งชั่วโมง

ก่อนจะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้น วางสัมภาระ หาที่เหมาะ ตั้งกล้อง รอเวลาพระอาทิตย์ขึ้น ระหว่างนี้ อีกด้านหนึ่งของจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น

ก็มีหมอกหนาลอยเหนือภูเขาเป็นปุยนุ่น รอช้าทำไม ขอเก็บภาพคู่ภูเขาและไอหมอกก่อน ก่อนแดดแผดเผาหมอกจางไปแล้วกัน

และแล้วพระอาทิตย์ก็โผล่ผ่านเมฆมาเจอกัน คุ้มค่ากับการรอคอยและเหน็ดเหนื่อยกว่าจะปีนขึ้นมาได้ ชื่นใจแล้วววว ตื่นเต้นพระอาทิตย์ขึ้นจนสมใจ

ท้องก็ร้องเบๆมาแล้ว ดีนะที่เตรียมเสบียงขึ้นมาเล็กน้อย แก้หิวได้บ้างก่อนลงยอดดอยนี้ไป ก็แน่หล่ะ ต้องขอถ่ายรูปคู่กับป้ายยอดดอยไว้เป็นหลักฐานสักหน่อย









ขออนุญาตหลวงน้าด้วยนะครับ


ตอนลงดอย โหยสุดยอด ธรรมชาติระหว่างทางทำให้อดไม่ได้ที่จะชักภาพไม่ขาดสายตลอดทาง

ขอบอกเลยว่าทางลงเขาสวยมากกกก (ตอนขึ้นมาเรามองไม่เห็นเพราะยังมืดอยู่ 5555)

อารมณ์เหมือนเราอยู่ในป่าแบบเดียวกับในแฮรี่พอตเตอร์เลย ต้นไม้สูง หมอกบางๆ อากาศนี่สดชื่นมากก อยากจะเก็บไปกรุงเทพซะจริงๆ















ลงมาได้ก็ขอซดข้าวหน่อย หิวโหยเหลือเกิน อิ่มแล้ววววว เมื่อคืน ความหนาวทำให้เราไม่อาบน้ำ เช้านี้ขออาบน้ำให้สดชื่นก่อนเดินทางต่อนะ



น้ำเย็นมาก เย็นกว่าน้ำแช่เย็นเสียอีกสระผมทีปวดไปยันก้านสมอง แต่ทำยังไงได้ เราต้องอาบ (ก็เน่าแล้วอะ) ลงดอยผ้าห่มปกมา เข้าอุทยาน



ก่อนออกมา ก็ไม่ลืมที่จะแวะจุ่มเท้าในน้ำพุร้อนที่เลื่องชื่อเสียหน่อย สบายใจจจจจ


ไปกันต่อมุ่งหน้าเชียงใหม่ เป้าหมายคือ ถนนวัวลาย เราจะเดินถนนคนเดินก่อนกลับบ้านกัน

ถึงแล้วววววว เชียงใหม่ หิวทนไม่ไหว ขอจัดหมูกระทะเลยแล้วกัน อัศวินหมูกระทะ ขอบคุณมื้อค่ำนี้ แล้วก็ไปลึยกันเลย เดินช้อปปิ้งในถนนคนเดิน

เชียงใหม่ให้ขาลาก 22.00 น. ฤกษ์ดีนี้แหละ เดินทางกลับกทม. ไม่ไหวก็แวะพัก แวะหลับกันไป ถึงแล้ว กทม. มันคุ้มที่สุดตรงที่ทริปนี้

ทุกคนลุยไปด้วยกัน แม้จะบ่นว่าไม่ไป แต่สุดท้าย เราไปด้วยกันทุกที่ ถึงก่อนถึงหลัง แต่ก็รอกัน ขอบคุณความสนุกที่มีความรักอ่อนๆผสมอยู่ทริปนี้

ขอบคุณชาวน่าน ชาวเหนือ อาหารและบรรยากาศ จะเก็บภาพนั้นไว้ในใจ และขอถ่ายทอดภาพถ่ายบางส่วนลงใน





ปล.ค่าใช้จ่ายตลอดทริป เราใช้เงินไปทั้งหมดคนละ 3,000 บาท ไปกันทั้งหมด 7 คน รถ 2 คัน

ปล2. ภาพในกระทู้นี้ถ่ายจากกล้อง Fuji X-T10 กับ olympus omd em-10