สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิป และ เพื่อนห้องบูลแพลนเน็ต ทุกคนนะครับ
กระทู้นี้เป็นกระทู้แรก และครั้งแรกที่ได้มีโอกาสแชร์ประสบการณ์การเดินทาง
หากผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้ครับ
การเดินทางครั้งนี้ เริ่มต้น ที่ โอซาก้า (ญี่ปุ่น) ถึง เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (รัสเซีย)
การเดินทางครั้งนี้ เริ่มต้น วันที่ 20 ตุลาคม ถึง 14 พฤศจิกายน 2558
การเดินทางครั้งนี้ เดินทางโดย เครื่องบิน เรือ และ รถไฟ (ทรานไซบีเรีย)
จุดเริ่มต้นของการเดินทาง
วันนั้นผมนั้งอ่านกระทู้ในห้องบูลแพลนเน็ต ว่าปี 2558 นี้ ผมจะไปแบคแพคที่ไหนดี?
เหมือนฟ้าสั่งมา สายตาผมสะดุด กับกระทู้ของ "หมอๆตะลุยโลก" หลังอ่านจบ
ผมจึงตัดสินใจ ...... เอ้าเว้ย !!! ข้าจะไปทรานไซบีเรีย
(ขอขอบคุณ คุณหมอโจ้ และ คุณหมอวิน มากนะครับ สำหรับแรงบันดาลใจ)
แต่เมื่ออ่านกระทู้จบ จุดสำคัญคือ ผมขี้เกียจไปทำวีซ่าเข้าประเทศจีน ครับ
ผมจึงเริ่มหาข้อมูลว่ามีทางไหนบ้างที่จะสามารถนั้งรถไฟทรานไซบีเรีย จาก วลาดิวอสต๊อก ถึง เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ได้บ้าง
และแล้ว ผมก็เจออีกเส้นทางนึง คือ นั้งเรือจาก เมือง ซาไคมินาโตะ (ญี่ปุ่น) ถึง วลาดิวอสต๊อก (รัสเซีย)
ประกอบกับ ตั๋วเครื่องบินไปลง โอซาก้า มีโปรโมชั่นพอดี รออะไรล่ะครับ !!! จัดสิครับ
โอซาก้า (Osaka) ถึง โอกายามะ (Okayama)
เดินทางโดยรถไฟชินคังเซน ใช้เวลาเพียง 65 นาที ราคา 6,230 เยน
แต่เดี๊ยวก่อนไหนๆ ก็จะไป โอกายามะ แวะเที่ยว ฮิเมจิ ที่เป็นทางผ่าน แล้วชมปราสาทฮิเมจิ ที่เป็นมรดกโลกกันสักหน่อยดีกว่านะครับ
และแล้วเราก็มาถึงโอกายามะ เมืองเกิดของ โมโมทาโร่ นั้นเองครับ
ที่เมืองโอกายามะ ผมแนะนำ ร้านอาหารแนว อิเซะคายะ ร้านนึงนะครับ พิกัดอยู่เรียบริมคลองกลางเมืองโอกายามะ(ขอภัยผมจำชื่อร้านไม่ได้ครับ)
ถ้าเห็นนาฬิกาอันนี้แล้วแสดงว่าถึงร้านแล้วนะครับ
ง่ายๆนะครับ หันหลังให้สถานีรถไฟ แล้วเดินตรงไปสักพักจนเจอ คลองกลางเมือง แล้วเดินเรียบคลองไปทางซ้ายครับ
ผมชอบบรรยากาศ การทำอาหารของที่นั้นมากๆครับ
โอกายามะ (Okayama) ถึง ซาไคมินาโตะ (Sakaiminato)
การเดินทางโดยรถไฟธรรมดา ใช้เวลาราว 3 ชั่วโมง ราคา 5,700 เยน
การเดินทางไป Sakaiminato ต้องไปเปลี่ยนรถไฟที่สถานี Yonago ก่อนนะครับ
เราต้องขึ้นรถไฟสาย IZUMOSHI นะครับ
เป็นขบวนที่น่าจดจำมาก เป็นครั้งแรกที่ตกรถไฟญี่ปุ่น เพราะ รถไฟสาย IZUMOSHI ดันมาก่อนเวลาราว 10 นาที
ผมก็ไม่มั่นใจว่าใช่ขบวนนี้รึป่าว ป้ายไฟที่แจ้งก็ไม่ใช่สถานี Yonago แต่มามั่นใจตอนเสียงประตูรถไฟเตือน ปี๊บ ปี๊บ ปี๊บ !!!
ไม่ทันแหละ เป็นไงละครับ รอที่ชานชะลา อีก 1 ชม. นั้นเอง ดีนะที่ขบวนนี้ออกทุกชั่วโมง
ถึงแล้ววววววววว Yonago แล้วเราก็มาต่อรถไฟสาย Local เข้าเมือง Sakaiminato กันครับ
เป็นรถไฟขบวนที่น่ารักมากเป็น ลายการ์ตูน อสูรน้อยคิทาโร่ เพราะว่าเมือง Sakaiminato
เป็นเมืองเกิดของ อ. Mizuki Shigeru อาจารย์ผู้วาดการ์ตูนเรื่องดังกล่าวนั้นเองครับ
ส่วนด้านในก็เป็นลายการ์ตูนเหมือนกันครับ
ระดับความเร็ว ไม่ต้องพูดถึง หวานเย็นกันเลยทีเดียว เพราะเป็นรถไฟรุ่นเก่า แต่ผมชอบมากเพราะเราได้ซึมซับบรรยากาศบนรถไฟกันอย่างเต็มที่
และที่สำคัญ เสียงที่บอกว่าถึงสถานีไหนแล้วก็เป็นเสียงการ์ตูน ซึ่งน่ารักมากๆ
การเดินทางจาก Yonago จนถึง Sakaiminato 45 นาที
เมื่อลงที่สถานีรถไฟ ผมเองก็ต้องใช้ความพยายามอีกครั้ง ในการหารถประจำทางไปยังท่าเรือให้ได้
แบคแพคจนๆ อย่างเราจะนั้งแท๊คซี่สัญชาติญี่ปุ่นก็คงไม่ไหว ก็เดินถามคนโน้นทีคนนี้ที จนในที่สุดก็เจอจนได้ครับ

ป้ายรถประจำทางอยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟเลยครับ ไม่ไกลเลยราว 20 เมตร ที่สำคัญรับส่ง
ฟรี

หน้าตารถประจำทางที่จะพาเราไปท่าเรือ
ถ้ามีโอกาสผมจะกลับมาเมืองนี้อีกครั้ง และนอนสัก 1 คืน น่าเสียดายตกรถไฟทำให้ไม่มีโอกาสเยี่ยมชมเมืองนี้สักหน่อย
และแล้วก็มาถึงท่าเรือที่จะพาเราไป วลาดิวอสต๊อก รัสเซียกันแล้ว !!!!!
วิธีการจองตั๋วเรือ
ผมจองผ่านเวป
http://www.dbsferry.com/ ซึ่งเราต้องส่งอีเมลไปจองล่วงหน้า ซึ่งเปิดให้จองก่อน 3 เดือน ก่อนถึงวันเดินทาง
*ไม่จำเป็นต้องโอนเงิน หรือ มัดจำใดๆทั้งสิ้น ไปจ่ายหน้าเคาท์เตอร์ที่เดียวตอนทำ Boarding Pass ครับ*
ส่วนราคาค่าโดยสารก็ตามห้องที่เราเลือกนอน ผมเลือกชั้น 2 นอนรวม 8 คน ราคา 30,000 เยน
(ตรงจุดนี้ ผมขอบคุณน้องกอร์ฟ รุ่นน้องผมที่ไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่นคอยจัดการให้ ถ้าน้องกอร์ฟได้มาอ่านกระทู้ พี่ขอบคุณจากใจจริงมากๆครับ)
โดยเรือจะออกจากญี่ปุ่น ทุกวันเสาร์ เวลา 19.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น)
ถึงท่าเรือ DONG HEA ประเทศเกาหลี เวลา 10.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น)
ถึงท่าเรือ vladivostok ประเทศรัสเซีย เวลา 15.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น)
เมื่อถึงเวลาเปิดเคาท์เตอร์ทำ Boarding Pass เราก็จะเจอสาวรัสเซียหน้าตาดี ผู้ที่สามารถพูดได้ถึง 4 ภาษา ญี่ปุ่น เกาหลี รัสเซีย และ อังกฤษ
อย่างน้ำไหลไฟดับ เธอเก่งมาก ที่สำคัญใจดีสุด ผมขอใช้ Wi-fi เพื่อติดต่อกับทางบ้านว่า ผมจะหายตัวติดต่อไม่ได้ราว 3 วัน เพราะบนเรือไม่มี
สัญญาณ Wi-fi และเธอคนนั้น ก็บอกกับผมว่า "เอามือถือเธอมา เดี๊ยวชั้นจะใส่รหัสให้ นี้เป็นความลับนะ" และขยิบตาให้ผม หลงรักกันเลยทีเดียว
สภาพห้องนอนในเรือ ชั้น 2 ห้องนอนรวม 8 คน แต่ห้องผมนอนกันแค่ 4 คนเองครับ
ส่วนในเรือมีเพรียบพร้อมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นห้องอาหาร บาร์ หรือ Duty Free เล็กๆ ซึ่งถ้าดูราคาแล้วถือว่าทั่วไปครับ
ราคาอาหารจะคิดเป็นมื้อนะครับ เป็นบุฟเฟ่ มื้อ เที่ยง/เย็นราคา 10 ดอลล่า ส่วนมื้อเช้าราคาถูกลงมาหน่อย แต่ผมจำไม่ได้เพราะไม่เคยตื่นมากิน
* บนเรือ รับเงิน 3 สกุล คือ ดอลล่า เยน และ วอน *
หลังจากที่ผมได้เดินสำรวจเรือเรียบร้อย พบว่าส่วนมากจะเป็นชาวเกาหลี เหล่าโอปป้า-โอมม่า ซะเป็นส่วนใหญ่
ระดับเสียงถือว่าสูงหลายเดซิเบล ยิ่งถ้าเป็นห้องนอนรวมแบบ Economic Class ไม่ต้องสืบ เหมือนดิสโก้เทคย่อมๆเลยทีเดียว
ดังนั้นถ้ามีโอกาสอย่าเลือก นอนรวมแบบ Economic Class เด็ดขาดเพราะคุณอาจไม่ได้นอน เพราะยิ่งตกดึกเท่าไร
ดีกรีจากแอลกอฮอลของเหล่าโอปป้าได้ดื่ม เข้าไปจะช่วยเร่งเสียงให้ดังยิ่งขึ้น (ผมยอมรับในความดื่มหนักของชาตินี้ทีเดียว ขอคาระวะ)
ซึ่งบนเรือจะมีโซนให้คนเกาหลีปาร์ตี้กันอย่างเต็มที่โดยเฉพาะ และห้ามถ่ายโซนปาร์ตี้นี้เด็ดขาด
ส่วนเพื่อนร่วมห้องผมเป็น 2 พี่น้องชาวญี่ปุ่น ซึ่งเกษียณแล้ว Yamamoto-San และ Uada-San ออกเดินทางท่องเที่ยวด้วยกัน
และอีกหนึ่งคน คือ Mr.Lee ชายวัยกลางคนชาวเกาหลีผู้แสนดี ที่กำลังเดินทางไปทำงานที่รัสเซีย
ทั้ง 3 คนน่ารักมากจริงๆครับ ทำให้ผมไม่เหงาตลอดการเดินทาง 2 วัน 2 คืน
Yamamoto-San และ Uada-San บอกกับผมว่า ทั้งคู่มีครอบครัว แล้วเลี้ยงดูลูกๆจนโตหมดแล้ว
จึงมีเวลาว่างออกเดินทางท่องเที่ยว ทำให้ผมคิดว่า อายุเป็นเพียงตัวเลขจริงๆ ถ้าคุณมีใจอยากออกมาดูโลกกว้าง
ส่วน Mr.Lee คอยสอนผมพูดภาษารัสเซียเบื่องต้น เช่น ปรีเวียต, ดา, เนี๊ยต, สปาชิบา, ปาก้าปาก้า (เดาเอาเองนะครับว่าแปลว่าอะไร ^ ^)
และในที่สุดผมก็ได้มาถึงรัสเซีย เมืองวลาดิวอสต๊อก แล้ววววววววว
Vladivostok ต้นทาง และ ปลายทาง ของ
รถไฟสายทรานไซบีเรีย
เรามาทำความรู้จักรถไฟสายนี้กันสักหน่อยนะครับ
Trans-Siberian เดินทางจากรัสเซีย ผ่านรัสเซีย ไปรัสเซีย
Trans-Mongolian เดินทางจากจีน ผ่านมองโกเลียน ถึงรัสเซีย
Trans-Manchurian เดินทางจากจีน ผ่านจีน ถึงรัสเซีย
ส่วนเรื่องตั๋วรถตลอดการเดินทางสายทรานไซบีเรีย ผมจองหน้างานเอาหมดเลยนะครับ ไม่มีการจองล่วงหน้า
เบื่อก็เปลี่ยนเมือง ถูกใจก็เที่ยวต่อนะครับ มีข้อกำหนดอย่างเดียวคือ ต้องถึงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก วันที่ 14/11/2558
หลังจากหลังขดหลังแข็ง ผ่านทะเลแปซิฟิก คาบสมุทรเกาหลี ญี่ปุ่นมาแล้ว สัมผัสได้เลยครับว่า หนาวครับ หนาวมาก
รัสเซียทำไมมันหนาวอย่างนี้ บอกก่อน ผมเป็นเด็กใต้ ชาวระนอง โดนกำเนิด เจออากาศประมาณเลขตัวเดียวนี้
บอกได้เลย
"หนาวอย่างแรง"
เมือง Vladivostok เป็นเมืองท่าทางทิศตะวันออกของรัสเซีย ไม่ไกลจากพรมแดนจีนและเกาหลีเหนือ
แต่ผมว่ามันดูไม่ค่อยเจริญสมกับเป็นเมืองท่า และดูค่อนข้างเงียบเหงา แต่ช่างมันเถอะครับ
คืนนี้ ผมมีนัดทานข้าวเย็นส่งท้ายกับ สองพี่น้องชาวญี่ปุ่น ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ได้ทานข้าวกับคนญี่ปุ่น
ส่วนอาหารที่ทานเป็นอาหารจีนนะครับ รสชาติคุ้นเคย มีซาลาเปา มีผัดเนื้อวัว แล้วก็ผัดพักคล้ายน้ำราดหน้า
สนน ราคาอยู่ที่ 2000 รูเบิ้ล หรือ 1100 บาท (อัตราแลกเปลี่ยนช่วงที่ไปอยู่ที่ 1 บาท ต่อ 0.6 รูเบิ้ล ง่ายๆ ซื้ออะไรหาร 2 เอาครับ)
แต่ด้วยมาทานกับผู้ใหญ่ใจดี 2 พี่น้องชาวญี่ปุ่น เค้าบอกว่า มื้อนี้เค้าทั้งสอง ตั้งใจมาเลี้ยงข้าวผม แต่ผมไม่ยอม จนในที่สุด
ก็ตกลงว่าให้ผมออกแค่ 500 รู้เบิ้ลก็พอ ซึ่งน้ำใจจริงๆครับ มิตรภาพสวยงามเสมอ
ผมชอบเวลาที่ Uada-San ทานครับ เธอยังคงความขิคุ-อาโนเนะ อยู่เสมอแม้อายุจะล่วงเลยถึงวัย 60 กว่า
ลองนึกภาพดูเล่นๆนะครับ ทานไปพร้อมพูดว่า "อูมามิ" พร้อมทั้งทำหน้าตาน่ารักแบบปรึมปริ่มรสอาหารที่กำลังทานอยู่
น่ารักทีเดียวเชียวครับ
ข้อความเกิน 10000 อักษรแล้ว ต่อช่วงที่ 2 ครับ
a backpack 10,000 กิโล โอซาก้า ถึง เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (ทรานไซบีเรีย)
กระทู้นี้เป็นกระทู้แรก และครั้งแรกที่ได้มีโอกาสแชร์ประสบการณ์การเดินทาง
หากผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้ครับ
การเดินทางครั้งนี้ เริ่มต้น ที่ โอซาก้า (ญี่ปุ่น) ถึง เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (รัสเซีย)
การเดินทางครั้งนี้ เริ่มต้น วันที่ 20 ตุลาคม ถึง 14 พฤศจิกายน 2558
การเดินทางครั้งนี้ เดินทางโดย เครื่องบิน เรือ และ รถไฟ (ทรานไซบีเรีย)
จุดเริ่มต้นของการเดินทาง
วันนั้นผมนั้งอ่านกระทู้ในห้องบูลแพลนเน็ต ว่าปี 2558 นี้ ผมจะไปแบคแพคที่ไหนดี?
เหมือนฟ้าสั่งมา สายตาผมสะดุด กับกระทู้ของ "หมอๆตะลุยโลก" หลังอ่านจบ
ผมจึงตัดสินใจ ...... เอ้าเว้ย !!! ข้าจะไปทรานไซบีเรีย
(ขอขอบคุณ คุณหมอโจ้ และ คุณหมอวิน มากนะครับ สำหรับแรงบันดาลใจ)
แต่เมื่ออ่านกระทู้จบ จุดสำคัญคือ ผมขี้เกียจไปทำวีซ่าเข้าประเทศจีน ครับ
ผมจึงเริ่มหาข้อมูลว่ามีทางไหนบ้างที่จะสามารถนั้งรถไฟทรานไซบีเรีย จาก วลาดิวอสต๊อก ถึง เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ได้บ้าง
และแล้ว ผมก็เจออีกเส้นทางนึง คือ นั้งเรือจาก เมือง ซาไคมินาโตะ (ญี่ปุ่น) ถึง วลาดิวอสต๊อก (รัสเซีย)
ประกอบกับ ตั๋วเครื่องบินไปลง โอซาก้า มีโปรโมชั่นพอดี รออะไรล่ะครับ !!! จัดสิครับ
โอซาก้า (Osaka) ถึง โอกายามะ (Okayama)
เดินทางโดยรถไฟชินคังเซน ใช้เวลาเพียง 65 นาที ราคา 6,230 เยน
แต่เดี๊ยวก่อนไหนๆ ก็จะไป โอกายามะ แวะเที่ยว ฮิเมจิ ที่เป็นทางผ่าน แล้วชมปราสาทฮิเมจิ ที่เป็นมรดกโลกกันสักหน่อยดีกว่านะครับ
และแล้วเราก็มาถึงโอกายามะ เมืองเกิดของ โมโมทาโร่ นั้นเองครับ
ที่เมืองโอกายามะ ผมแนะนำ ร้านอาหารแนว อิเซะคายะ ร้านนึงนะครับ พิกัดอยู่เรียบริมคลองกลางเมืองโอกายามะ(ขอภัยผมจำชื่อร้านไม่ได้ครับ)
ถ้าเห็นนาฬิกาอันนี้แล้วแสดงว่าถึงร้านแล้วนะครับ
ง่ายๆนะครับ หันหลังให้สถานีรถไฟ แล้วเดินตรงไปสักพักจนเจอ คลองกลางเมือง แล้วเดินเรียบคลองไปทางซ้ายครับ
ผมชอบบรรยากาศ การทำอาหารของที่นั้นมากๆครับ
โอกายามะ (Okayama) ถึง ซาไคมินาโตะ (Sakaiminato)
การเดินทางโดยรถไฟธรรมดา ใช้เวลาราว 3 ชั่วโมง ราคา 5,700 เยน
การเดินทางไป Sakaiminato ต้องไปเปลี่ยนรถไฟที่สถานี Yonago ก่อนนะครับ
เราต้องขึ้นรถไฟสาย IZUMOSHI นะครับ
เป็นขบวนที่น่าจดจำมาก เป็นครั้งแรกที่ตกรถไฟญี่ปุ่น เพราะ รถไฟสาย IZUMOSHI ดันมาก่อนเวลาราว 10 นาที
ผมก็ไม่มั่นใจว่าใช่ขบวนนี้รึป่าว ป้ายไฟที่แจ้งก็ไม่ใช่สถานี Yonago แต่มามั่นใจตอนเสียงประตูรถไฟเตือน ปี๊บ ปี๊บ ปี๊บ !!!
ไม่ทันแหละ เป็นไงละครับ รอที่ชานชะลา อีก 1 ชม. นั้นเอง ดีนะที่ขบวนนี้ออกทุกชั่วโมง
ถึงแล้ววววววววว Yonago แล้วเราก็มาต่อรถไฟสาย Local เข้าเมือง Sakaiminato กันครับ
เป็นรถไฟขบวนที่น่ารักมากเป็น ลายการ์ตูน อสูรน้อยคิทาโร่ เพราะว่าเมือง Sakaiminato
เป็นเมืองเกิดของ อ. Mizuki Shigeru อาจารย์ผู้วาดการ์ตูนเรื่องดังกล่าวนั้นเองครับ
ส่วนด้านในก็เป็นลายการ์ตูนเหมือนกันครับ
ระดับความเร็ว ไม่ต้องพูดถึง หวานเย็นกันเลยทีเดียว เพราะเป็นรถไฟรุ่นเก่า แต่ผมชอบมากเพราะเราได้ซึมซับบรรยากาศบนรถไฟกันอย่างเต็มที่
และที่สำคัญ เสียงที่บอกว่าถึงสถานีไหนแล้วก็เป็นเสียงการ์ตูน ซึ่งน่ารักมากๆ
การเดินทางจาก Yonago จนถึง Sakaiminato 45 นาที
เมื่อลงที่สถานีรถไฟ ผมเองก็ต้องใช้ความพยายามอีกครั้ง ในการหารถประจำทางไปยังท่าเรือให้ได้
แบคแพคจนๆ อย่างเราจะนั้งแท๊คซี่สัญชาติญี่ปุ่นก็คงไม่ไหว ก็เดินถามคนโน้นทีคนนี้ที จนในที่สุดก็เจอจนได้ครับ
ป้ายรถประจำทางอยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟเลยครับ ไม่ไกลเลยราว 20 เมตร ที่สำคัญรับส่ง ฟรี
หน้าตารถประจำทางที่จะพาเราไปท่าเรือ
ถ้ามีโอกาสผมจะกลับมาเมืองนี้อีกครั้ง และนอนสัก 1 คืน น่าเสียดายตกรถไฟทำให้ไม่มีโอกาสเยี่ยมชมเมืองนี้สักหน่อย
และแล้วก็มาถึงท่าเรือที่จะพาเราไป วลาดิวอสต๊อก รัสเซียกันแล้ว !!!!!
วิธีการจองตั๋วเรือ
ผมจองผ่านเวป http://www.dbsferry.com/ ซึ่งเราต้องส่งอีเมลไปจองล่วงหน้า ซึ่งเปิดให้จองก่อน 3 เดือน ก่อนถึงวันเดินทาง
*ไม่จำเป็นต้องโอนเงิน หรือ มัดจำใดๆทั้งสิ้น ไปจ่ายหน้าเคาท์เตอร์ที่เดียวตอนทำ Boarding Pass ครับ*
ส่วนราคาค่าโดยสารก็ตามห้องที่เราเลือกนอน ผมเลือกชั้น 2 นอนรวม 8 คน ราคา 30,000 เยน
(ตรงจุดนี้ ผมขอบคุณน้องกอร์ฟ รุ่นน้องผมที่ไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่นคอยจัดการให้ ถ้าน้องกอร์ฟได้มาอ่านกระทู้ พี่ขอบคุณจากใจจริงมากๆครับ)
โดยเรือจะออกจากญี่ปุ่น ทุกวันเสาร์ เวลา 19.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น)
ถึงท่าเรือ DONG HEA ประเทศเกาหลี เวลา 10.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น)
ถึงท่าเรือ vladivostok ประเทศรัสเซีย เวลา 15.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น)
เมื่อถึงเวลาเปิดเคาท์เตอร์ทำ Boarding Pass เราก็จะเจอสาวรัสเซียหน้าตาดี ผู้ที่สามารถพูดได้ถึง 4 ภาษา ญี่ปุ่น เกาหลี รัสเซีย และ อังกฤษ
อย่างน้ำไหลไฟดับ เธอเก่งมาก ที่สำคัญใจดีสุด ผมขอใช้ Wi-fi เพื่อติดต่อกับทางบ้านว่า ผมจะหายตัวติดต่อไม่ได้ราว 3 วัน เพราะบนเรือไม่มี
สัญญาณ Wi-fi และเธอคนนั้น ก็บอกกับผมว่า "เอามือถือเธอมา เดี๊ยวชั้นจะใส่รหัสให้ นี้เป็นความลับนะ" และขยิบตาให้ผม หลงรักกันเลยทีเดียว
สภาพห้องนอนในเรือ ชั้น 2 ห้องนอนรวม 8 คน แต่ห้องผมนอนกันแค่ 4 คนเองครับ
ส่วนในเรือมีเพรียบพร้อมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นห้องอาหาร บาร์ หรือ Duty Free เล็กๆ ซึ่งถ้าดูราคาแล้วถือว่าทั่วไปครับ
ราคาอาหารจะคิดเป็นมื้อนะครับ เป็นบุฟเฟ่ มื้อ เที่ยง/เย็นราคา 10 ดอลล่า ส่วนมื้อเช้าราคาถูกลงมาหน่อย แต่ผมจำไม่ได้เพราะไม่เคยตื่นมากิน
* บนเรือ รับเงิน 3 สกุล คือ ดอลล่า เยน และ วอน *
หลังจากที่ผมได้เดินสำรวจเรือเรียบร้อย พบว่าส่วนมากจะเป็นชาวเกาหลี เหล่าโอปป้า-โอมม่า ซะเป็นส่วนใหญ่
ระดับเสียงถือว่าสูงหลายเดซิเบล ยิ่งถ้าเป็นห้องนอนรวมแบบ Economic Class ไม่ต้องสืบ เหมือนดิสโก้เทคย่อมๆเลยทีเดียว
ดังนั้นถ้ามีโอกาสอย่าเลือก นอนรวมแบบ Economic Class เด็ดขาดเพราะคุณอาจไม่ได้นอน เพราะยิ่งตกดึกเท่าไร
ดีกรีจากแอลกอฮอลของเหล่าโอปป้าได้ดื่ม เข้าไปจะช่วยเร่งเสียงให้ดังยิ่งขึ้น (ผมยอมรับในความดื่มหนักของชาตินี้ทีเดียว ขอคาระวะ)
ซึ่งบนเรือจะมีโซนให้คนเกาหลีปาร์ตี้กันอย่างเต็มที่โดยเฉพาะ และห้ามถ่ายโซนปาร์ตี้นี้เด็ดขาด
ส่วนเพื่อนร่วมห้องผมเป็น 2 พี่น้องชาวญี่ปุ่น ซึ่งเกษียณแล้ว Yamamoto-San และ Uada-San ออกเดินทางท่องเที่ยวด้วยกัน
และอีกหนึ่งคน คือ Mr.Lee ชายวัยกลางคนชาวเกาหลีผู้แสนดี ที่กำลังเดินทางไปทำงานที่รัสเซีย
ทั้ง 3 คนน่ารักมากจริงๆครับ ทำให้ผมไม่เหงาตลอดการเดินทาง 2 วัน 2 คืน
Yamamoto-San และ Uada-San บอกกับผมว่า ทั้งคู่มีครอบครัว แล้วเลี้ยงดูลูกๆจนโตหมดแล้ว
จึงมีเวลาว่างออกเดินทางท่องเที่ยว ทำให้ผมคิดว่า อายุเป็นเพียงตัวเลขจริงๆ ถ้าคุณมีใจอยากออกมาดูโลกกว้าง
ส่วน Mr.Lee คอยสอนผมพูดภาษารัสเซียเบื่องต้น เช่น ปรีเวียต, ดา, เนี๊ยต, สปาชิบา, ปาก้าปาก้า (เดาเอาเองนะครับว่าแปลว่าอะไร ^ ^)
และในที่สุดผมก็ได้มาถึงรัสเซีย เมืองวลาดิวอสต๊อก แล้ววววววววว
Vladivostok ต้นทาง และ ปลายทาง ของ รถไฟสายทรานไซบีเรีย
เรามาทำความรู้จักรถไฟสายนี้กันสักหน่อยนะครับ
Trans-Siberian เดินทางจากรัสเซีย ผ่านรัสเซีย ไปรัสเซีย
Trans-Mongolian เดินทางจากจีน ผ่านมองโกเลียน ถึงรัสเซีย
Trans-Manchurian เดินทางจากจีน ผ่านจีน ถึงรัสเซีย
ส่วนเรื่องตั๋วรถตลอดการเดินทางสายทรานไซบีเรีย ผมจองหน้างานเอาหมดเลยนะครับ ไม่มีการจองล่วงหน้า
เบื่อก็เปลี่ยนเมือง ถูกใจก็เที่ยวต่อนะครับ มีข้อกำหนดอย่างเดียวคือ ต้องถึงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก วันที่ 14/11/2558
หลังจากหลังขดหลังแข็ง ผ่านทะเลแปซิฟิก คาบสมุทรเกาหลี ญี่ปุ่นมาแล้ว สัมผัสได้เลยครับว่า หนาวครับ หนาวมาก
รัสเซียทำไมมันหนาวอย่างนี้ บอกก่อน ผมเป็นเด็กใต้ ชาวระนอง โดนกำเนิด เจออากาศประมาณเลขตัวเดียวนี้
บอกได้เลย "หนาวอย่างแรง"
เมือง Vladivostok เป็นเมืองท่าทางทิศตะวันออกของรัสเซีย ไม่ไกลจากพรมแดนจีนและเกาหลีเหนือ
แต่ผมว่ามันดูไม่ค่อยเจริญสมกับเป็นเมืองท่า และดูค่อนข้างเงียบเหงา แต่ช่างมันเถอะครับ
คืนนี้ ผมมีนัดทานข้าวเย็นส่งท้ายกับ สองพี่น้องชาวญี่ปุ่น ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ได้ทานข้าวกับคนญี่ปุ่น
ส่วนอาหารที่ทานเป็นอาหารจีนนะครับ รสชาติคุ้นเคย มีซาลาเปา มีผัดเนื้อวัว แล้วก็ผัดพักคล้ายน้ำราดหน้า
สนน ราคาอยู่ที่ 2000 รูเบิ้ล หรือ 1100 บาท (อัตราแลกเปลี่ยนช่วงที่ไปอยู่ที่ 1 บาท ต่อ 0.6 รูเบิ้ล ง่ายๆ ซื้ออะไรหาร 2 เอาครับ)
แต่ด้วยมาทานกับผู้ใหญ่ใจดี 2 พี่น้องชาวญี่ปุ่น เค้าบอกว่า มื้อนี้เค้าทั้งสอง ตั้งใจมาเลี้ยงข้าวผม แต่ผมไม่ยอม จนในที่สุด
ก็ตกลงว่าให้ผมออกแค่ 500 รู้เบิ้ลก็พอ ซึ่งน้ำใจจริงๆครับ มิตรภาพสวยงามเสมอ
ผมชอบเวลาที่ Uada-San ทานครับ เธอยังคงความขิคุ-อาโนเนะ อยู่เสมอแม้อายุจะล่วงเลยถึงวัย 60 กว่า
ลองนึกภาพดูเล่นๆนะครับ ทานไปพร้อมพูดว่า "อูมามิ" พร้อมทั้งทำหน้าตาน่ารักแบบปรึมปริ่มรสอาหารที่กำลังทานอยู่
น่ารักทีเดียวเชียวครับ
ข้อความเกิน 10000 อักษรแล้ว ต่อช่วงที่ 2 ครับ