รีวิวนี้เป็นการเที่ยวแบบครอบครัว โดยที่สถานที่เที่ยวเป็นประเทศที่ พ่อแม่ อยากไป สมาชิกที่ร่วมเดินทางมีทั้งหมด 6 ชีวิต ครอบครัวเราเป็นคนไทย ที่
นับถือศาสนาอิสลาม ที่เรามาทำรีวิวนี้เพราะมีเพื่อนแม่ และเพื่อนเรามาถามว่า ไปจีนเป็นไงบ้าง หาอาหารลำบากไหม น่ากลัวไหม เดินทางไปเที่ยวแต่ละที่ลำบากไหม บลาๆๆ เข้าเรื่องเลยล่ะกัน เรากับพี่สาวได้ทำการบ้านก่อนถึงวันเดินทาง 1 เดือน โดยเลือกสถานที่เที่ยวๆ ค้นหาร้านอาหารมุสลิม เรื่องที่พัก วิธีการจองตั๋วรถไฟ แหล่งข้อมูลดีๆก็คือ พันทิป และ Google นั้นเอง เราเดือนทางเดือนพฤษภาคม วันที่ 21-28 ราคาตั๋วไปกลับตกคนล่ะ ประมาณ 3200 บาท




วันเดินทาง เราจองตั๋วไปเที่ยวครั้งนี้จาก KL -> คุมหมิง เพราะเราอยู่ปัตตานี เลยต้องเดินทางไปมาเลเซีย ก่อน การเดินทางที่เราเลือกไปคือ นั่งรถบัสหน้าลีกาเด้นไป KL ราคาตั๋ว 450 บาท เรานั่งรอบ 1 ทุ่ม ไปถึงเคแอลประมาณตี 3 (เวลาถึงไม่แน่นอนแล้วแต่คนขับและติดวันหยุดหรือเปล่า) ไฟท์บิน 10.00(เวลามาเล) – 15.30(เวลาจีน) พอไปถึงสนามบินคุมหมิง ผ่าน ตม มาแบบง่ายด้าย จากนั้นเราก็เช่ารถตู้ เพื่อเข้าไปในเมือง โดยเราได้ตกลงกับคนขับ (เป็นผู้หญิง) ให้ไปส่งที่สถานีรถไฟคุมหมิง เพื่อ นั่งรถไฟไปลี่เจียงต่อ (ค่ารถประมาณ 120 หยวนได้)

ทางด่วนเข้าเมืองตอนออกจากสนามบิน

สนามบินคุมหมิง
พอเราไปถึงสถานีรถไฟ เรากำลังจะเดินเข้าไปอยู่ๆก็มีตำรวจเดินเข้ามาหาพวกเราประมาณ 5 คนได้ (ตอนนั้นเราก็แต่งตัวปกติแบบสาวมุสลิม ส่วนพ่อเราก็ใส่หมวกสีขาวที่ ผู้ชายมุสลิมเอาไว้ใส่ละหมาด) เข้ามาถามอะไรไมรู้เป็นภาษาจีน (แม้ภาษาจีนเรานี้แข็งมากขอบอกฟังไม่รู้เรื่องเลยคู่มือที่ผ่านไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ตอนนั้น ขอบอกว่ากลัวมากๆ เพราะก่อนที่เราจะไป สถานีรถไฟเกิดประท้วงของคนมุสลิมที่นั้น) จากนั้นพี่สาวเราก็สนทนาเป็นภาษาอังกฤษขึ้น “ฉันเป็นคนไทย กำลังจะไปเที่ยว............มีใครพูดภาษาอังกฤษได้บ้าง” จากนั้นก็มีตำรวจคนหนึ่งพูดขึ้นมาแต่เขาเองก็พูดได้ไม่เก่งเท่าไรแต่ก็พอสนทนากันได้ ตำรวจเขาก็ขอดู passport ตั๋วเครื่องบิน โรงแรมต่างๆที่เราได้ทำการจองไว้ จากนั้นเขาก็ปล่อยเราไป จบจากโดยตำรวจตรวจแล้ว ยังเจอปัญหาใหญ่กว่าอีกคนขายตั๋วรถไฟ พูดอิงไม่ได้เลย ป้ายต่างๆในสถานีก็เป็นภาษาจีนไปหมด ดีที่ว่าก่อนมาเราได้หาข้อมูลกันมาเยอะ เลยได้ให้เพื่อนมีสาวที่เป็นคนจีน เขียน ภาษาจีนในกระดาษ A4 ว่า “ไปลี่เจียง 6 คน เอาที่นั่งแบบ นอน 3 ชั้นติดกัน” ส่วนรอบเดินทางก็ไปเลือกที่นั้นเอาว่าจะได้รอบไหน สุดท้ายเราก็ได้รอบ 21.30 ถึง ลี่เจียง ประมาณ ตี 5.30

พอจองตั๋วเสร็จเราก็เหลือเวลาอีกประมาณ 4 ชม.กว่าๆ เราเลยออกมาเดินดูของกินแล้วถ่ายรูปเมืองใกล้ๆสถานีรถไฟ อากาศตอนนี้กำลังดีเลยไม่หนาวมากอากาศประมาณ 20 องศาได้ หลังจากเดินหาของกิน (ส่วนใหญ่จะได้พวกขนมและขนมปังต่างๆ ร้านอาหารมุสลิมยังหากันไม่เจอนะคะ) ตอนเดินจะเข้าสถานีรถไฟจะต้องผ่านเครื่องตรวจตอนนี้ในมือเรามี มาม่า อยู่ 3 ถ้วน พนักงานที่ตรวจเขาคงพูดประมาณว่า “เอาถ้วนมาม่าเข้าเครื่องสแกนด้วย เพื่อเขาแอบเอาอะไรใส่มา” แม่เจ้ามาที่ใสน้ำร้อนมาเรียบร้อยต้องผ่านเครื่องสแกนจะเหลืออะไรล่ะค่ะงานนี้ มาม่าหกใส่เครื่องสแกนไปค่ะ 1 ถ้วน
พนักงานก็ทำท่าทางจะบ่น พวกเราก็เลยหยิบอีก 2 ถ้วนที่ไม่หกแล้วเดินเข้าไปเลย ปล่อยให้พนักงานที่ตรวจเขาเก็บไป (เราก็บอกเขาไปนะว่าเราใส่น้ำร้อนแล้ว หรือเขาจะเข้าใจภาษาที่เราพูดเรายังเปิดรูปภาพในคู่มือให้เขาดูแล้วน่ะ) ถึงได้เวลาขึ้นรถไฟแล้ว จะบอกว่าคนที่นี้เขาเข้าแถวเรียบร้อยมากเพื่อจะลงไปที่ชานชาลารถไฟ(ชานชาลารถไฟแนวๆเฮนรี่เลยอ่ะ ในความคิดเรานะ)
บนรถไฟก็ไม่ต่างอะไรกับรถไฟของประเทศไทย(แค่เร็วกว่ามาก) โชคดีที่โปกี้เรานอนมีคนไม่มากเท่าไร แต่คนจีนพูดเสียงดังมาก ถ้าไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์แค่ฟังแต่เสียงคิดว่าเขาทะเลาะกัน ส่วนห้องน้ำบนรถไฟเปิดปิดเป็นเวลานะคะ ถ้าหิวไม่ต้องกลัวบนรถไฟจะมีเจ้าหน้าที่รถไฟเดินขายมาม่าตามโบกี้ พร้อมเติมน้ำร้อนให้เลย

โบกี้ที่เราเลือกเป็นแบบนี้ แนวๆนี้
ถึงลี่เจียงแล้ว เดียวมาต่อนะคะ จะบอกว่ารอบนี้ลงจากสถานีรถไฟไป มีทหารมาเดินเข้ามาหาเลย



รีวิวแบกเป้ เที่ยวเมืองจีนกับครอบครัว (คุมหมิง – ลี่เจียง – ต้าลี้)
วันเดินทาง เราจองตั๋วไปเที่ยวครั้งนี้จาก KL -> คุมหมิง เพราะเราอยู่ปัตตานี เลยต้องเดินทางไปมาเลเซีย ก่อน การเดินทางที่เราเลือกไปคือ นั่งรถบัสหน้าลีกาเด้นไป KL ราคาตั๋ว 450 บาท เรานั่งรอบ 1 ทุ่ม ไปถึงเคแอลประมาณตี 3 (เวลาถึงไม่แน่นอนแล้วแต่คนขับและติดวันหยุดหรือเปล่า) ไฟท์บิน 10.00(เวลามาเล) – 15.30(เวลาจีน) พอไปถึงสนามบินคุมหมิง ผ่าน ตม มาแบบง่ายด้าย จากนั้นเราก็เช่ารถตู้ เพื่อเข้าไปในเมือง โดยเราได้ตกลงกับคนขับ (เป็นผู้หญิง) ให้ไปส่งที่สถานีรถไฟคุมหมิง เพื่อ นั่งรถไฟไปลี่เจียงต่อ (ค่ารถประมาณ 120 หยวนได้)
ทางด่วนเข้าเมืองตอนออกจากสนามบิน
สนามบินคุมหมิง
พอเราไปถึงสถานีรถไฟ เรากำลังจะเดินเข้าไปอยู่ๆก็มีตำรวจเดินเข้ามาหาพวกเราประมาณ 5 คนได้ (ตอนนั้นเราก็แต่งตัวปกติแบบสาวมุสลิม ส่วนพ่อเราก็ใส่หมวกสีขาวที่ ผู้ชายมุสลิมเอาไว้ใส่ละหมาด) เข้ามาถามอะไรไมรู้เป็นภาษาจีน (แม้ภาษาจีนเรานี้แข็งมากขอบอกฟังไม่รู้เรื่องเลยคู่มือที่ผ่านไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ตอนนั้น ขอบอกว่ากลัวมากๆ เพราะก่อนที่เราจะไป สถานีรถไฟเกิดประท้วงของคนมุสลิมที่นั้น) จากนั้นพี่สาวเราก็สนทนาเป็นภาษาอังกฤษขึ้น “ฉันเป็นคนไทย กำลังจะไปเที่ยว............มีใครพูดภาษาอังกฤษได้บ้าง” จากนั้นก็มีตำรวจคนหนึ่งพูดขึ้นมาแต่เขาเองก็พูดได้ไม่เก่งเท่าไรแต่ก็พอสนทนากันได้ ตำรวจเขาก็ขอดู passport ตั๋วเครื่องบิน โรงแรมต่างๆที่เราได้ทำการจองไว้ จากนั้นเขาก็ปล่อยเราไป จบจากโดยตำรวจตรวจแล้ว ยังเจอปัญหาใหญ่กว่าอีกคนขายตั๋วรถไฟ พูดอิงไม่ได้เลย ป้ายต่างๆในสถานีก็เป็นภาษาจีนไปหมด ดีที่ว่าก่อนมาเราได้หาข้อมูลกันมาเยอะ เลยได้ให้เพื่อนมีสาวที่เป็นคนจีน เขียน ภาษาจีนในกระดาษ A4 ว่า “ไปลี่เจียง 6 คน เอาที่นั่งแบบ นอน 3 ชั้นติดกัน” ส่วนรอบเดินทางก็ไปเลือกที่นั้นเอาว่าจะได้รอบไหน สุดท้ายเราก็ได้รอบ 21.30 ถึง ลี่เจียง ประมาณ ตี 5.30
พอจองตั๋วเสร็จเราก็เหลือเวลาอีกประมาณ 4 ชม.กว่าๆ เราเลยออกมาเดินดูของกินแล้วถ่ายรูปเมืองใกล้ๆสถานีรถไฟ อากาศตอนนี้กำลังดีเลยไม่หนาวมากอากาศประมาณ 20 องศาได้ หลังจากเดินหาของกิน (ส่วนใหญ่จะได้พวกขนมและขนมปังต่างๆ ร้านอาหารมุสลิมยังหากันไม่เจอนะคะ) ตอนเดินจะเข้าสถานีรถไฟจะต้องผ่านเครื่องตรวจตอนนี้ในมือเรามี มาม่า อยู่ 3 ถ้วน พนักงานที่ตรวจเขาคงพูดประมาณว่า “เอาถ้วนมาม่าเข้าเครื่องสแกนด้วย เพื่อเขาแอบเอาอะไรใส่มา” แม่เจ้ามาที่ใสน้ำร้อนมาเรียบร้อยต้องผ่านเครื่องสแกนจะเหลืออะไรล่ะค่ะงานนี้ มาม่าหกใส่เครื่องสแกนไปค่ะ 1 ถ้วน
พนักงานก็ทำท่าทางจะบ่น พวกเราก็เลยหยิบอีก 2 ถ้วนที่ไม่หกแล้วเดินเข้าไปเลย ปล่อยให้พนักงานที่ตรวจเขาเก็บไป (เราก็บอกเขาไปนะว่าเราใส่น้ำร้อนแล้ว หรือเขาจะเข้าใจภาษาที่เราพูดเรายังเปิดรูปภาพในคู่มือให้เขาดูแล้วน่ะ) ถึงได้เวลาขึ้นรถไฟแล้ว จะบอกว่าคนที่นี้เขาเข้าแถวเรียบร้อยมากเพื่อจะลงไปที่ชานชาลารถไฟ(ชานชาลารถไฟแนวๆเฮนรี่เลยอ่ะ ในความคิดเรานะ)
บนรถไฟก็ไม่ต่างอะไรกับรถไฟของประเทศไทย(แค่เร็วกว่ามาก) โชคดีที่โปกี้เรานอนมีคนไม่มากเท่าไร แต่คนจีนพูดเสียงดังมาก ถ้าไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์แค่ฟังแต่เสียงคิดว่าเขาทะเลาะกัน ส่วนห้องน้ำบนรถไฟเปิดปิดเป็นเวลานะคะ ถ้าหิวไม่ต้องกลัวบนรถไฟจะมีเจ้าหน้าที่รถไฟเดินขายมาม่าตามโบกี้ พร้อมเติมน้ำร้อนให้เลย
โบกี้ที่เราเลือกเป็นแบบนี้ แนวๆนี้
ถึงลี่เจียงแล้ว เดียวมาต่อนะคะ จะบอกว่ารอบนี้ลงจากสถานีรถไฟไป มีทหารมาเดินเข้ามาหาเลย