สวัสดีค่ะ
หลายคนอาจจะสงสัยว่าอะไรคือคำตอบที่1 เเละอะไรคือคำถามของคำตอบ
ทริปนี้มันเกิดจากอารมณ์เบื่ออยากเจออะไรใหม่ๆ คำถามหนึ่งมันเลยผุดขึ้นในหัวว่า "คนเราเกิดมาทำไม? เเล้วชีวิตจริงๆคืออะไร?" เเละนี่เลยเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งนี้ เพียงเพราะหวังว่าเราอาจจะได้เจอกับอะไรสักอย่างระหว่างทาง ซึ่งเราก็ยังไม่รู้ ว่าไอ้อะไรสักอย่างมันคืออะไร? ฮ่าๆๆ
บันทึกการเดินทาง วันสุดท้าย จากไดอารี่
31 ธันวาคม 2558 - เวลา 11:40 น. - สถานที่ บนรถทัวร์ ขณะกลับกรุงเทพ
ตอนนี้เราขึ้นรถมาเเล้ว พักจนหายเหนื่อย มีเวลาว่างพอที่จะมานั้งคิดทบทวนเรื่องราวทั้งหมด7คืน8วันที่ผ่านมา เราไม่รู้ว่ามันเรียกว่าทริปเที่ยวคนเดียวได้เต็มปากไหมเพราะได้เจอคนมากหน้าหลายตาเหลือเกิน ถามว่าผิดหวังไหมที่เลือกไปเที่ยวคนเดียวในครั้งนี้ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะยังไปอยู่ไหม เราตอบได้เลยว่ามันคุ้มค่ามาก ขอบคุณทุกๆสิ่งที่ทำให้เราตัดสินใจไปเที่ยวคนเดียวในวันนั้น
เรื่องราวมันเกิดขึ้นเยอะมาก สำหรับนักเที่ยวคนอื่นอาจจะคิดว่ามันธรรมดา เเต่สำหรับเรา ผู้หญิงคนนี้ กับการเที่ยวครั้งเเรกครั้งนี้ เเม๋งโคตร Adventure เลยว่ะ!!!
ตอนนี้ได้เเต่นั้งคิดนะว่าจะจดบันทึกอย่างไรให้ถ่ายทอดได้เหมือนกับสิ่งที่เจอมาจริงๆ เขียนอธิบายยังไงให้มันละเอียดที่สุด เเต่เชื่อเถอะ ต่อให้คุณเป็นคนบรรยายเรื่องราวเก่งเเค่ไหนมันก็ไม่สามารถเล่าสิ่งที่คุณเจอมาได้หมดหรอก การเดินทางมันยาวนะ เเละ ทุกๆวินาทีของระหว่างทางมันจะเกิดอะไรที่ไม่คาดฝันเมื่อไรก็ได้
"อยากรู้ต้องลอง ถ้าลองเเล้วคุณจะรู้ว่าเราหมายถึงอะไร"
สุดท้ายขอบคุณที่ตัดสินใจเดินออกมาจากกรอบสี่เหลี่ยม เเละขอบคุณที่ยังรอดเเละพร้อมที่จะเดินทางครั้งต่อไป : )
เริ่มกันเลย ลุยเดี่ยว ตัวคนเดียว ผู้หญิงคนนี้ที่ชื่อ " มาธนี "
ระหว่างวันที่ 24-31 ธันวาคม 2558
จาก กรุงเทพ-หนองคาย-เวียงจันทร์-วังเวียง-หลวงพระบาง

ก่อนวันเดินทาง... พรุ่งนี้เเล้วเว้ย!! เก็บของเตรียมทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เเผนในครั้งนี้คือ เราจะนั้งรถไฟฟรีไปลงหนองคายเเล้วข้ามฝั่งไปลาว ส่วนเรื่องที่พักของโชคดีว่าพี่รหัสเราเเนะนำ comunity หนึ่งให้เราลองใช้ มันมีไว้หาโฮสสำหรับนักท่องเที่ยวbackpackต่างประเทศ ก่อนไปเราได้ติดต่อคนในประเทศลาว เเละโชคดีได้รับการตอบรับจากคนเกาหลีคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ที่เวียงจันทร์ ซึ่งนั้นหมายความว่าเราได้ที่พักฟรีเพราะเค้ายินดีจะเป็นโฮสให้เรา โดยมีห้องนอนเเยกห้องให้ เราก็โอเคเอาวะ ลุย!! ฟรีค่าฟรี เพราะไงก็เเยกห้องนอน เเล้วcomunityนี้ก็คนใช้เเพร่หลาย (ใครสนใจสอบถามเรื่องcomunityที่ว่า หลังไมค์มาได้เลยนะคะ) เมื่อเตรียมทุกอย่างคร่าวๆเสร็จเรียบร้อย รีบนอนให้เต็มอิ่มเพราะวันรุ่งขึ้นต้องตื่นเเต่เช้าไปจองตั๋วรถไฟฟรี
บันทึกการเดินทางวันเเรก วันที่ 24 ธันวาคม 2558
วันนี้ต้องตื่นเเต้เช้ามาจองตั๋วรถไฟ เคยนั้งรถไฟไกลสุดก็เเค่จากลาดกระบังไปหัวลำโพง เเต่คราวนี้ต้องนั้งไปหนองคายเลยนะ ล่อไป13ชม.ที่ต้องอยู่บนรถไฟ โดนขู่มาก็เยอะว่ามันเหม็นบ้าง เเออัดบ้าง อันตรายบ้าง ถามว่ากลัวไหม กลัวดิ่ครับ!!เหลืออะไร เเต่ตัดสินใจไปเเล้วไม่ลองก็ไม่รู้! พอสักเก้าโมงเราได้ตั๋วรถไฟเป็นที่เรียบร้อยก็กลับมาบ้าน เก็บกระเป๋าต่อ จัดมันวันเดินทางนั้นเเหละ ไม่รีบบบเล้ยย สัก18:40 น. เราก็ลาพ่อเเม่เตรียมออกเดินทาง (ทุกวันนี้พ่อเเม่ยังนึกว่าไปภูกระดึงอยู่เลย เราไม่ได้บอกเค้าว่าลูกสาวหนีไปเที่ยวลาวคนเดียว5555)
เวลา 19:30น. ก็ถึงที่หัวลำโพงเเบบงงๆ มาก่อนเวลาว่ะไม่รู้ทำไรดีเเละหลังจากนี้เรามีเรื่องจะเล่าให้ฟัง

"บางครั้งนะ มิตรภาพมันเกิดขึ้นเมื่อไหร่เราไม่รู้หรอก มันอยู่ที่เราเตรียมเปิดรับมันมากเเค่ไหนมากกว่า"
วันนี้รอบรถไฟฟรี 20:45 น. เเล้วดันมาถึงก่อนเวลา หัวสมองลำดับเหตุการณ์ว่าเอออันดับเเรกหาที่นั้งรอก่อนเว้ย เเละเเล้วก็ได้ที่หนึ่งข้างตู้เอทีเอ็มมีผญวัยสามสิบต้นๆนั้งอยู่ เราก็เปิดเลยค่ะชวนคุย มาคนเดียวต้องหน้าด้านเข้าไว้ "เอิ่ม พี่ค่ะตรงนี้นั้งได้ไหมค่ะพี่" หลังจากคำถามนี้ ก็มีบทสนทนาต่อมายาวเยียดกว่าอีก 20นาที
ใช่ที่ว่ามันอาจจะเป็นเวลาที่ไม่นานมาก เเต่คุณรู้อะไรไหม ว่าคุณจะไม่สามารถมองเห็นอีกมุมของชีวิตใครสักคนได้เลยถ้าคุณเอาเวลา20นาทีเพียงนั้งรอพร้อมกดโทรศัพท์เล่นเฉยๆ
พี่เพ็ญคนนี้เพิ่งมาจากที่ทำงานเเถวอโศกเเละกำลังกลับบ้านที่จังหวัดชุมพร ทั้งๆที่รอบรถไฟพี่เค้าเวลา 22:00น. อีกตั้งเกือบสามชม.กว่ารถไฟจะมา เราสงสัยเลยถามพี่เค้าว่าทำไมพี่มารอรถเร็วจังไม่เหนื่อยหรอพี่ เพิ่งเลิกงานจากอโศกมาเเท้ๆก็กลับชุมพรเลย เเละพี่เค้าก็ตอบว่า "พี่จะกลับไปหาลูก" น้ำเสียงเเละเเววตาที่เเสดงออกมา มันให้เรารู้สึกได้เลยว่าความเหนื่อยนั้นไม่สามารถทำอะไรพี่คนนี้ได้เลย เพราะความสุขที่รออยู่ที่บ้านมันคงทำให้พี่เพ็ญกระตือรือร้นที่จะกลับบ้านขนาดนี้ ความรักนี่มันก็เเปลกดีเนอะ ทำร้ายคนก็ได้ เป็นกำลังให้คนก็ยังได้ เราคุยกันไปมาๆถูกคอมาก เค้าก็ถามว่าทำไมเราไปลาวคนเดียว เราก็ไม่รู้จะตอบอะไร เลยได้เเต่บอกว่า ลองดูพี่ 5555 ขำตบไปอีกหนึ่งดอก เเล้วสักพักพี่เค้าก็เอ่ยปากไล่ไห้เราไปขึ้นรถไฟได้เเล้วเพราะมันจะเลท สุดท้ายของบทสนทนาระหว่างเรากับพี่เพ็ญคือ ไว้เจอกันใหม่นะคะพี่ หันหลังกลับมาพร้อมที่จะเดินทางต่อ เเต่สิ่งที่อยู่ในมือคือรูปโพราลอยด์ใบหนึ่งกับชื่อเฟสบุ้คพี่เพ็ญ คนเเปลกหน้าคนเเรกที่ได้คุยของทริปนี้นั้นเอง

บรรยากาศบนรถไฟฟรี โชคดีมากเลยที่เราได้นั้งข้างคุณป้าสองคน ป้าพูดเก่งจนเราหลับไปเเล้วตื่นหนึ่งตื่นมาป้าก็ยังพูดไม่จบ 55555 ด้วยความที่เสียงลมบนรถไฟดังมาก เราจึงไม่ได้ยินสิ่งที่ป้าพูด เราก็ได้เเต่พยักหน้า ค่ะๆ อู้วหู้ว อื้อหื้ออ เเล้วก้อยิ้ม555 ทั้งๆที่ฟังไม่รุ้เรื่อง ป้าเเกดูมีความสุขมากเลยนะที่ได้เล่านู้นนี่ให้เราฟัง เราเเถบจะไม่ได้นอนเลยนั้งฟังป้าทั้งคืน555 เเต่ไม่เป็นไรเห็นป้ามีควาสุขก็โอเคเเล้ว ส่วนเด็กเสื้อเเดงชื่อนับหนึ่งเราได้เล่นกับน้องเค้า เเล้วก็ให้ยืมหมอนนอนไป สุดท้ายพี่เเกเอาไปนอนสบายเลยจ้าาา
ใครที่บอกรถไฟฟรีน่ากลัว เราว่ามันไม่เท่าไหร่นะ มันอยู่ที่มุมมองเรากลับมองว่ามันอาจจะไม่ได้สบายเหมือนรถบัสหรือเครื่องบิน เเต่มันทำให้เราได้เห็นชีวิตของใครหลายๆคน บางคนอาจจะมีอาชีพขายของบนรถไฟ บางคนอาจจะเเก่เเล้วเเต่ก็ยังไปเที่ยวกับเพื่อน เเละอีกหลายคนที่เดินทางเพื่อกลับบ้านไปหาคนที่เรารัก

ระยะเวลา ประมาน 13ชม.กว่าจะถึงหนองคายเราก็นั้งๆนอนพอใกล้เช้า อีกสิ่งที่เราประทับใจคือวิวตอนพระอาทิตย์จะขึ้น วันนั้นเราได้ดูพระอาทิตย์ขึ้นพร้อมกับคนแปลกหน้าตั้งหลายคนด้วยนะสดชื่นมากเลย

ส่วนไอ้ตัวเล็กเด็กผู้ชายเสื้อเเดงพี่เเกตื่นละ เราเลยเรียกมาถ่ายรูปกันบอกขอหล่อๆ มันเเคะขี้มูกใส่กล้องโทรศัพท์เราเฉย ไม่ใช่เเค่รูปเดียวนะมันทำเกือบทุกรูป!!! น่ารักมากเลยไอ้เด็กคนนี้ สุดท้ายน้องก็ลงที่สถานีบางไผ่กับเเม่ ไปพร้อมหมอนนอนของเรานั้นเอง 555 ความสุขมันหาได้ง่ายๆจริงๆเราคงโชคดีที่ได้เจอกับคนเหล่านี้ : )
พอคนเริ่มทยอยลงกับตามสถานีอื่นๆใกล้จะหมด ที่ข้างเรามันก็ว่างอยู่ดีๆก็มีผู้ชายมานั้งเราก็เเบบไม่ได้ว่าอะไรเพราะคิดว่าเค้าคงเพิ่งขึ้นมามั้ง สักพักเอาล่ะครับเริ่มทำนู้นนี้ อยู่ไม่นิ่ง จับกางเกงอยู่นั้น เเจคพอตเเตกที่เราค่ะทุกคน!! เเม๋งเปิดซิปกางเกงโชว์ไอ้นั้นเเต่เห็นเเค่นิดหน่อยนะไม่ได้ขนาดงัดออกมา ผมนี่รีบลุกไปนั้งที่อื่นเลยครับผมมม ค่อยๆเก็บของเเละเดินออกไปนิ่งๆ ไอบ้าเอ้ยย นี่ไงเเอดเวนเจอร์ไหมล่ะ ติดตาบอกเลยค่ะ 555

นั้งๆนอนสักพักก็ถึงสถานีหนองคาย สุดสายปลายทางพอดี ตื่นเต้นว่ะเพราะหลังจากนี้ไม่รู้ว่าต้องทำไงต่อเเล้ว เกิดมาไม่เคยไปต่างจังหวัดคนเดียว ขับรถก็ไม่เปน ทางในกรุงเทพยังหลงเลย เเต่เอาหล่ะมาถึงขนาดนี้เเล้ว บ๊ายบายนะเจ้ารถไฟคันโตตตตต

หลังจากลงรถไฟคันนี้เเล้ว เราต้องออกไปเจออะไรใหม่ๆจริงๆเเล้วนะ หนองคายไม่เคยมา ด่านไทยลาวไม่รู้จัก เเละอีกหลายๆอย่างหลังจากนี้ เเต่เเค่นี้ก็รู้สึกดีเเล้วที่ตัวหลุดออกมาจากกรอบที่เคยอยู่มานาน หลุดออกมาเที่ยวคนเดียวไกลขนาดนี้ได้เป็นครั้งเเรก
- คำตอบที่1 " ล า ว มีเรื่องจะเล่าให้ฟัง " 7คืน8วันกับผู้หญิงคนเดียว ด้วยเงิน7000กว่าบาท
ทริปนี้มันเกิดจากอารมณ์เบื่ออยากเจออะไรใหม่ๆ คำถามหนึ่งมันเลยผุดขึ้นในหัวว่า "คนเราเกิดมาทำไม? เเล้วชีวิตจริงๆคืออะไร?" เเละนี่เลยเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งนี้ เพียงเพราะหวังว่าเราอาจจะได้เจอกับอะไรสักอย่างระหว่างทาง ซึ่งเราก็ยังไม่รู้ ว่าไอ้อะไรสักอย่างมันคืออะไร? ฮ่าๆๆ
31 ธันวาคม 2558 - เวลา 11:40 น. - สถานที่ บนรถทัวร์ ขณะกลับกรุงเทพ
ตอนนี้เราขึ้นรถมาเเล้ว พักจนหายเหนื่อย มีเวลาว่างพอที่จะมานั้งคิดทบทวนเรื่องราวทั้งหมด7คืน8วันที่ผ่านมา เราไม่รู้ว่ามันเรียกว่าทริปเที่ยวคนเดียวได้เต็มปากไหมเพราะได้เจอคนมากหน้าหลายตาเหลือเกิน ถามว่าผิดหวังไหมที่เลือกไปเที่ยวคนเดียวในครั้งนี้ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะยังไปอยู่ไหม เราตอบได้เลยว่ามันคุ้มค่ามาก ขอบคุณทุกๆสิ่งที่ทำให้เราตัดสินใจไปเที่ยวคนเดียวในวันนั้น
เรื่องราวมันเกิดขึ้นเยอะมาก สำหรับนักเที่ยวคนอื่นอาจจะคิดว่ามันธรรมดา เเต่สำหรับเรา ผู้หญิงคนนี้ กับการเที่ยวครั้งเเรกครั้งนี้ เเม๋งโคตร Adventure เลยว่ะ!!!
ตอนนี้ได้เเต่นั้งคิดนะว่าจะจดบันทึกอย่างไรให้ถ่ายทอดได้เหมือนกับสิ่งที่เจอมาจริงๆ เขียนอธิบายยังไงให้มันละเอียดที่สุด เเต่เชื่อเถอะ ต่อให้คุณเป็นคนบรรยายเรื่องราวเก่งเเค่ไหนมันก็ไม่สามารถเล่าสิ่งที่คุณเจอมาได้หมดหรอก การเดินทางมันยาวนะ เเละ ทุกๆวินาทีของระหว่างทางมันจะเกิดอะไรที่ไม่คาดฝันเมื่อไรก็ได้
"อยากรู้ต้องลอง ถ้าลองเเล้วคุณจะรู้ว่าเราหมายถึงอะไร"
สุดท้ายขอบคุณที่ตัดสินใจเดินออกมาจากกรอบสี่เหลี่ยม เเละขอบคุณที่ยังรอดเเละพร้อมที่จะเดินทางครั้งต่อไป : )
ระหว่างวันที่ 24-31 ธันวาคม 2558
จาก กรุงเทพ-หนองคาย-เวียงจันทร์-วังเวียง-หลวงพระบาง
ก่อนวันเดินทาง... พรุ่งนี้เเล้วเว้ย!! เก็บของเตรียมทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เเผนในครั้งนี้คือ เราจะนั้งรถไฟฟรีไปลงหนองคายเเล้วข้ามฝั่งไปลาว ส่วนเรื่องที่พักของโชคดีว่าพี่รหัสเราเเนะนำ comunity หนึ่งให้เราลองใช้ มันมีไว้หาโฮสสำหรับนักท่องเที่ยวbackpackต่างประเทศ ก่อนไปเราได้ติดต่อคนในประเทศลาว เเละโชคดีได้รับการตอบรับจากคนเกาหลีคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ที่เวียงจันทร์ ซึ่งนั้นหมายความว่าเราได้ที่พักฟรีเพราะเค้ายินดีจะเป็นโฮสให้เรา โดยมีห้องนอนเเยกห้องให้ เราก็โอเคเอาวะ ลุย!! ฟรีค่าฟรี เพราะไงก็เเยกห้องนอน เเล้วcomunityนี้ก็คนใช้เเพร่หลาย (ใครสนใจสอบถามเรื่องcomunityที่ว่า หลังไมค์มาได้เลยนะคะ) เมื่อเตรียมทุกอย่างคร่าวๆเสร็จเรียบร้อย รีบนอนให้เต็มอิ่มเพราะวันรุ่งขึ้นต้องตื่นเเต่เช้าไปจองตั๋วรถไฟฟรี
บันทึกการเดินทางวันเเรก วันที่ 24 ธันวาคม 2558
วันนี้ต้องตื่นเเต้เช้ามาจองตั๋วรถไฟ เคยนั้งรถไฟไกลสุดก็เเค่จากลาดกระบังไปหัวลำโพง เเต่คราวนี้ต้องนั้งไปหนองคายเลยนะ ล่อไป13ชม.ที่ต้องอยู่บนรถไฟ โดนขู่มาก็เยอะว่ามันเหม็นบ้าง เเออัดบ้าง อันตรายบ้าง ถามว่ากลัวไหม กลัวดิ่ครับ!!เหลืออะไร เเต่ตัดสินใจไปเเล้วไม่ลองก็ไม่รู้! พอสักเก้าโมงเราได้ตั๋วรถไฟเป็นที่เรียบร้อยก็กลับมาบ้าน เก็บกระเป๋าต่อ จัดมันวันเดินทางนั้นเเหละ ไม่รีบบบเล้ยย สัก18:40 น. เราก็ลาพ่อเเม่เตรียมออกเดินทาง (ทุกวันนี้พ่อเเม่ยังนึกว่าไปภูกระดึงอยู่เลย เราไม่ได้บอกเค้าว่าลูกสาวหนีไปเที่ยวลาวคนเดียว5555)
เวลา 19:30น. ก็ถึงที่หัวลำโพงเเบบงงๆ มาก่อนเวลาว่ะไม่รู้ทำไรดีเเละหลังจากนี้เรามีเรื่องจะเล่าให้ฟัง
"บางครั้งนะ มิตรภาพมันเกิดขึ้นเมื่อไหร่เราไม่รู้หรอก มันอยู่ที่เราเตรียมเปิดรับมันมากเเค่ไหนมากกว่า"
วันนี้รอบรถไฟฟรี 20:45 น. เเล้วดันมาถึงก่อนเวลา หัวสมองลำดับเหตุการณ์ว่าเอออันดับเเรกหาที่นั้งรอก่อนเว้ย เเละเเล้วก็ได้ที่หนึ่งข้างตู้เอทีเอ็มมีผญวัยสามสิบต้นๆนั้งอยู่ เราก็เปิดเลยค่ะชวนคุย มาคนเดียวต้องหน้าด้านเข้าไว้ "เอิ่ม พี่ค่ะตรงนี้นั้งได้ไหมค่ะพี่" หลังจากคำถามนี้ ก็มีบทสนทนาต่อมายาวเยียดกว่าอีก 20นาที
ใช่ที่ว่ามันอาจจะเป็นเวลาที่ไม่นานมาก เเต่คุณรู้อะไรไหม ว่าคุณจะไม่สามารถมองเห็นอีกมุมของชีวิตใครสักคนได้เลยถ้าคุณเอาเวลา20นาทีเพียงนั้งรอพร้อมกดโทรศัพท์เล่นเฉยๆ
พี่เพ็ญคนนี้เพิ่งมาจากที่ทำงานเเถวอโศกเเละกำลังกลับบ้านที่จังหวัดชุมพร ทั้งๆที่รอบรถไฟพี่เค้าเวลา 22:00น. อีกตั้งเกือบสามชม.กว่ารถไฟจะมา เราสงสัยเลยถามพี่เค้าว่าทำไมพี่มารอรถเร็วจังไม่เหนื่อยหรอพี่ เพิ่งเลิกงานจากอโศกมาเเท้ๆก็กลับชุมพรเลย เเละพี่เค้าก็ตอบว่า "พี่จะกลับไปหาลูก" น้ำเสียงเเละเเววตาที่เเสดงออกมา มันให้เรารู้สึกได้เลยว่าความเหนื่อยนั้นไม่สามารถทำอะไรพี่คนนี้ได้เลย เพราะความสุขที่รออยู่ที่บ้านมันคงทำให้พี่เพ็ญกระตือรือร้นที่จะกลับบ้านขนาดนี้ ความรักนี่มันก็เเปลกดีเนอะ ทำร้ายคนก็ได้ เป็นกำลังให้คนก็ยังได้ เราคุยกันไปมาๆถูกคอมาก เค้าก็ถามว่าทำไมเราไปลาวคนเดียว เราก็ไม่รู้จะตอบอะไร เลยได้เเต่บอกว่า ลองดูพี่ 5555 ขำตบไปอีกหนึ่งดอก เเล้วสักพักพี่เค้าก็เอ่ยปากไล่ไห้เราไปขึ้นรถไฟได้เเล้วเพราะมันจะเลท สุดท้ายของบทสนทนาระหว่างเรากับพี่เพ็ญคือ ไว้เจอกันใหม่นะคะพี่ หันหลังกลับมาพร้อมที่จะเดินทางต่อ เเต่สิ่งที่อยู่ในมือคือรูปโพราลอยด์ใบหนึ่งกับชื่อเฟสบุ้คพี่เพ็ญ คนเเปลกหน้าคนเเรกที่ได้คุยของทริปนี้นั้นเอง
บรรยากาศบนรถไฟฟรี โชคดีมากเลยที่เราได้นั้งข้างคุณป้าสองคน ป้าพูดเก่งจนเราหลับไปเเล้วตื่นหนึ่งตื่นมาป้าก็ยังพูดไม่จบ 55555 ด้วยความที่เสียงลมบนรถไฟดังมาก เราจึงไม่ได้ยินสิ่งที่ป้าพูด เราก็ได้เเต่พยักหน้า ค่ะๆ อู้วหู้ว อื้อหื้ออ เเล้วก้อยิ้ม555 ทั้งๆที่ฟังไม่รุ้เรื่อง ป้าเเกดูมีความสุขมากเลยนะที่ได้เล่านู้นนี่ให้เราฟัง เราเเถบจะไม่ได้นอนเลยนั้งฟังป้าทั้งคืน555 เเต่ไม่เป็นไรเห็นป้ามีควาสุขก็โอเคเเล้ว ส่วนเด็กเสื้อเเดงชื่อนับหนึ่งเราได้เล่นกับน้องเค้า เเล้วก็ให้ยืมหมอนนอนไป สุดท้ายพี่เเกเอาไปนอนสบายเลยจ้าาา
ใครที่บอกรถไฟฟรีน่ากลัว เราว่ามันไม่เท่าไหร่นะ มันอยู่ที่มุมมองเรากลับมองว่ามันอาจจะไม่ได้สบายเหมือนรถบัสหรือเครื่องบิน เเต่มันทำให้เราได้เห็นชีวิตของใครหลายๆคน บางคนอาจจะมีอาชีพขายของบนรถไฟ บางคนอาจจะเเก่เเล้วเเต่ก็ยังไปเที่ยวกับเพื่อน เเละอีกหลายคนที่เดินทางเพื่อกลับบ้านไปหาคนที่เรารัก
ระยะเวลา ประมาน 13ชม.กว่าจะถึงหนองคายเราก็นั้งๆนอนพอใกล้เช้า อีกสิ่งที่เราประทับใจคือวิวตอนพระอาทิตย์จะขึ้น วันนั้นเราได้ดูพระอาทิตย์ขึ้นพร้อมกับคนแปลกหน้าตั้งหลายคนด้วยนะสดชื่นมากเลย
ส่วนไอ้ตัวเล็กเด็กผู้ชายเสื้อเเดงพี่เเกตื่นละ เราเลยเรียกมาถ่ายรูปกันบอกขอหล่อๆ มันเเคะขี้มูกใส่กล้องโทรศัพท์เราเฉย ไม่ใช่เเค่รูปเดียวนะมันทำเกือบทุกรูป!!! น่ารักมากเลยไอ้เด็กคนนี้ สุดท้ายน้องก็ลงที่สถานีบางไผ่กับเเม่ ไปพร้อมหมอนนอนของเรานั้นเอง 555 ความสุขมันหาได้ง่ายๆจริงๆเราคงโชคดีที่ได้เจอกับคนเหล่านี้ : )
พอคนเริ่มทยอยลงกับตามสถานีอื่นๆใกล้จะหมด ที่ข้างเรามันก็ว่างอยู่ดีๆก็มีผู้ชายมานั้งเราก็เเบบไม่ได้ว่าอะไรเพราะคิดว่าเค้าคงเพิ่งขึ้นมามั้ง สักพักเอาล่ะครับเริ่มทำนู้นนี้ อยู่ไม่นิ่ง จับกางเกงอยู่นั้น เเจคพอตเเตกที่เราค่ะทุกคน!! เเม๋งเปิดซิปกางเกงโชว์ไอ้นั้นเเต่เห็นเเค่นิดหน่อยนะไม่ได้ขนาดงัดออกมา ผมนี่รีบลุกไปนั้งที่อื่นเลยครับผมมม ค่อยๆเก็บของเเละเดินออกไปนิ่งๆ ไอบ้าเอ้ยย นี่ไงเเอดเวนเจอร์ไหมล่ะ ติดตาบอกเลยค่ะ 555
นั้งๆนอนสักพักก็ถึงสถานีหนองคาย สุดสายปลายทางพอดี ตื่นเต้นว่ะเพราะหลังจากนี้ไม่รู้ว่าต้องทำไงต่อเเล้ว เกิดมาไม่เคยไปต่างจังหวัดคนเดียว ขับรถก็ไม่เปน ทางในกรุงเทพยังหลงเลย เเต่เอาหล่ะมาถึงขนาดนี้เเล้ว บ๊ายบายนะเจ้ารถไฟคันโตตตตต
หลังจากลงรถไฟคันนี้เเล้ว เราต้องออกไปเจออะไรใหม่ๆจริงๆเเล้วนะ หนองคายไม่เคยมา ด่านไทยลาวไม่รู้จัก เเละอีกหลายๆอย่างหลังจากนี้ เเต่เเค่นี้ก็รู้สึกดีเเล้วที่ตัวหลุดออกมาจากกรอบที่เคยอยู่มานาน หลุดออกมาเที่ยวคนเดียวไกลขนาดนี้ได้เป็นครั้งเเรก