สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
-สุดท้าย-
ในวันที่ 19 เมษายน 1989 ป้อมปืนหลักที่ 2 ของตัวเรือก็ได้เกิดการระเบิดขึ้นสืบเนื่องมาจากข้อบกพร่องของตัวเรือที่ถูกละเลยมานานตั้งแต่ทำการคืนสภาพตัวเรือตั้งแต่ในปี 1984 เป็นต้นมาการระเบิดครั้งนี้สาเหตุสำคัญนั้นมาจากส่วนในห้องเก็บดินปืนของป้อมปืนหลักที่ 2 แรงระเบิดครั้งนี่คร่าชีวิตลูกเรือไปกว่า 47 คน และถือว่าเป็นอุบัติเหตุที่ร้ายแรงทางเรือของสหรัฐมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของกองทัพเรือสหรัฐ
ป้อมปืนหลักที่ 2 ในขณะที่กำลังระเบิดเนื่องมาจากห้องเก็บดินปืนในป้อมปืนหลักได้เกิดการระเบิดขึ้น

หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายในช่วงต้นทศวรรศที่ 1990 เป็นต้นมา ทำให้ภัยคุกคามทางด้านกองเรือสหรัฐที่มีต่อโซเวียตที่ล่มสลายได้หมดไป หลังนั้นเป็นต้นมางบประมาณของกองทัพเรือสหรัฐก็ได้ถูกตัดทอนลงไปเป็นจำนวนมาก และเรือประจัญบานในตอนนั้นก็กลายเป็นแค่เศษเหล็กจนาดใหญ่ มันกลายเป็นเพียงสิ่งที่ไม่จำเป็นอีกต่อไป มันล้าสมัย และหมดคุณค่าทางยุทธศาสตร์ในการรบทางทะเลยุคใหม่ ทำให้สุดท้ายตัวเรือ iowa ที่ป้อมปืนหลักที่ 2 เสียหายจากการระเบิดเนื่องจากอุบัติเหตุ ได้ถูกปลดประจำการลงอีกครั้งในวันที่ 26 ตุลาคม 1990 ซึ่งเป็นเรือประจัญบานลำแรกที่ถูกปลดประจำการอย่างเป็นทางการในช่วงทศวรรศที่ 1990 หลังจากปลดประจำการตัวเรือได้แล่นเดินทางไปจอดเทียบท่าที่เมือง Newport รัฐโรดส์ไอร์แลน ก่อนที่ตัวเรือจะเดินทางเข้าสู่อ่าว Suisun Bay ใกล้ๆกับรัฐแคลิฟอร์เนีย ในวันที่ 21 เมษายน 2001 เพื่อเข้าร่วมกับกองเรือสำรองลำอื่นๆของกองทัพเรือสหรัฐ และในเดือน มีนาคม 2006 ตัวเรือถูกส่งให้กับ Naval Vessel Register ซึ่งเป็นองค์อีกส่วนหนึ่งของกองทัพเรือสหรัฐเป็นคนดูและเพื่อรอให้เอกชนมาทำการซื้อตัวเรือเพื่อเอาไปแยกชิ้นส่วนหรือทำเป็นเรือพิพิธภัณฑ์ต่อไป โดยตัวเรือจอดอยู่ที่นั่นจนถึงเดือน พฤศจิกายน 2011 ตัวเรือได้ถูกบริจาคแก่องค์เอกชนไม่แสวงหาผลกำไรของสหรัฐเพื่อเอาตัวเรือไปทำเป็นเรือพิพิธภัณฑ์ ตัวเรือได้ทำการแล่นเดินทางไปเทียบท่ายังเมือง Los angeles รัฐแคลิฟอร์เนียเพื่อทำการดัดแปลงและจอดทิ้งไว้เป็นเรือพิพิธภัณฑ์ ในปี 2012 ถือว่าเป็นการปิดฉากเรือประจัญบานผู้รับใช้กองทัพเรือสหรัฐมายาวนานกว่า 40 ปี พร้อมกับเหรียญกล้าหาญจำนวนกว่า 11 ดวงได้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความยิ่งใหญ่ เสียสละ และความกล้าหาญที่ตัวเรือได้รับใช้กองทัพเรือสหรัฐและประเทศสหรัฐมาอย่างกล้าหาญอย่างสวยงาม
ตัวเรือตอนนี้ได้กลายสภาพเป็นเรือพิพิธภัณฑ์เรียบร้อยแล้ว

ข้อมูลโดยรวมของตัวเรือ
1943
อาวุธ : ปืนใหญ่เรือขนาด 16 นิ้ว 3 ป้อม ป้อมละ 3 กระบอก
: ปืนรองแท่นคู่ขนาด 5 นิ้ว 10 ป้อม ป้อมละ 2 กระบอก
: ปืนต่อต้านอากาศยานขนาด 40 มิลลิเมตร 20 แท่น แท่นละ 4 กระบอก
: ปืนต่อต้านอากาศยานขนาด 20 มิลลิเมตร 49 กระบอก
ระวางขับน้ำ 45000 ตัน
ความเร็วสูงสุด 32.5 น็อต
ลูกเรือ 2788 คน
เครื่องบินทะเลจำนวน 3 ลำ พร้อมรางปล่อยเครื่องบินอีก 2 ราง
1984
อาวุธ : ปืนใหญ่เรือขนาด 16 นิ้ว 3 ป้อม ป้อมละ 3 กระบอก
: ปืนรองแท่นคู่ขนาด 5 นิ้ว 6 ป้อม ป้อมละ 2 กระบอก
: ขีปนาวุธโจมตีภาคพื้นดินแบบ Tomahawk พร้อมกับท่อยิงแบบ mark 143 จำนวน 8 ชุด ชุดละ 4 ท่อยิง
: ขีปนาวุธโจมตีเรือแบบ Harpoon พร้อมกับท่อยิงแบบ mark 141 จำนวน 4 ชุด ชุดละ 4 ท่อยิง
: แท่นปืนกลขนาด 20 มิลลิเมตร แบบ Phalanx จำนวน 4 แท่น
: เรดาร์แบบ An/sps 49 และ An/sps 67
: ระบบทำสงครามอิเล็กทรอนิกส์แบบ An/slq 32(V)
: ท่อยิงเป้าลวงแฟลร์ระยะประชิด แบบอินฟาเรดและคลื่นวิทยุแบบ mark 36 srboc
: เป้าลวงตอร์ปิโดแบบ An/slq 25 nixie
ระวางขับน้ำ 45000 ตัน
ลูกเรือประมาณ 1800 คน
ความเร็วสูงสุด 32.5 น็อต
โดรนชี้เป้าให้แก่ปืนใหญ่ขนาด 16 นิ้ว แบบ RQ2 Pioneer 5 ลำ พร้อมโรงเก็บ
เฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำแบบ Sea hawk 3 ลำ พร้อมลานจอดด้านหลังเรือ
อ้างอิง
http://www.cs.mcgill.ca/~rwest/link-suggestion/wpcd_2008-09_augmented/wp/i/Iowa_class_battleship.htm
https://en.m.wikipedia.org/wiki/USS_Iowa_(BB-61)
https://en.m.wikipedia.org/wiki/Iowa-class_battleship
กดถูกใจและโหวตกระทู้ จขกท. จะเป็นการให้กำลังใจ จขกท. เป็นอย่างดีครับ

กระทู้เก่าๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ในวันที่ 19 เมษายน 1989 ป้อมปืนหลักที่ 2 ของตัวเรือก็ได้เกิดการระเบิดขึ้นสืบเนื่องมาจากข้อบกพร่องของตัวเรือที่ถูกละเลยมานานตั้งแต่ทำการคืนสภาพตัวเรือตั้งแต่ในปี 1984 เป็นต้นมาการระเบิดครั้งนี้สาเหตุสำคัญนั้นมาจากส่วนในห้องเก็บดินปืนของป้อมปืนหลักที่ 2 แรงระเบิดครั้งนี่คร่าชีวิตลูกเรือไปกว่า 47 คน และถือว่าเป็นอุบัติเหตุที่ร้ายแรงทางเรือของสหรัฐมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของกองทัพเรือสหรัฐ
ป้อมปืนหลักที่ 2 ในขณะที่กำลังระเบิดเนื่องมาจากห้องเก็บดินปืนในป้อมปืนหลักได้เกิดการระเบิดขึ้น

หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายในช่วงต้นทศวรรศที่ 1990 เป็นต้นมา ทำให้ภัยคุกคามทางด้านกองเรือสหรัฐที่มีต่อโซเวียตที่ล่มสลายได้หมดไป หลังนั้นเป็นต้นมางบประมาณของกองทัพเรือสหรัฐก็ได้ถูกตัดทอนลงไปเป็นจำนวนมาก และเรือประจัญบานในตอนนั้นก็กลายเป็นแค่เศษเหล็กจนาดใหญ่ มันกลายเป็นเพียงสิ่งที่ไม่จำเป็นอีกต่อไป มันล้าสมัย และหมดคุณค่าทางยุทธศาสตร์ในการรบทางทะเลยุคใหม่ ทำให้สุดท้ายตัวเรือ iowa ที่ป้อมปืนหลักที่ 2 เสียหายจากการระเบิดเนื่องจากอุบัติเหตุ ได้ถูกปลดประจำการลงอีกครั้งในวันที่ 26 ตุลาคม 1990 ซึ่งเป็นเรือประจัญบานลำแรกที่ถูกปลดประจำการอย่างเป็นทางการในช่วงทศวรรศที่ 1990 หลังจากปลดประจำการตัวเรือได้แล่นเดินทางไปจอดเทียบท่าที่เมือง Newport รัฐโรดส์ไอร์แลน ก่อนที่ตัวเรือจะเดินทางเข้าสู่อ่าว Suisun Bay ใกล้ๆกับรัฐแคลิฟอร์เนีย ในวันที่ 21 เมษายน 2001 เพื่อเข้าร่วมกับกองเรือสำรองลำอื่นๆของกองทัพเรือสหรัฐ และในเดือน มีนาคม 2006 ตัวเรือถูกส่งให้กับ Naval Vessel Register ซึ่งเป็นองค์อีกส่วนหนึ่งของกองทัพเรือสหรัฐเป็นคนดูและเพื่อรอให้เอกชนมาทำการซื้อตัวเรือเพื่อเอาไปแยกชิ้นส่วนหรือทำเป็นเรือพิพิธภัณฑ์ต่อไป โดยตัวเรือจอดอยู่ที่นั่นจนถึงเดือน พฤศจิกายน 2011 ตัวเรือได้ถูกบริจาคแก่องค์เอกชนไม่แสวงหาผลกำไรของสหรัฐเพื่อเอาตัวเรือไปทำเป็นเรือพิพิธภัณฑ์ ตัวเรือได้ทำการแล่นเดินทางไปเทียบท่ายังเมือง Los angeles รัฐแคลิฟอร์เนียเพื่อทำการดัดแปลงและจอดทิ้งไว้เป็นเรือพิพิธภัณฑ์ ในปี 2012 ถือว่าเป็นการปิดฉากเรือประจัญบานผู้รับใช้กองทัพเรือสหรัฐมายาวนานกว่า 40 ปี พร้อมกับเหรียญกล้าหาญจำนวนกว่า 11 ดวงได้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความยิ่งใหญ่ เสียสละ และความกล้าหาญที่ตัวเรือได้รับใช้กองทัพเรือสหรัฐและประเทศสหรัฐมาอย่างกล้าหาญอย่างสวยงาม
ตัวเรือตอนนี้ได้กลายสภาพเป็นเรือพิพิธภัณฑ์เรียบร้อยแล้ว

ข้อมูลโดยรวมของตัวเรือ
1943
อาวุธ : ปืนใหญ่เรือขนาด 16 นิ้ว 3 ป้อม ป้อมละ 3 กระบอก
: ปืนรองแท่นคู่ขนาด 5 นิ้ว 10 ป้อม ป้อมละ 2 กระบอก
: ปืนต่อต้านอากาศยานขนาด 40 มิลลิเมตร 20 แท่น แท่นละ 4 กระบอก
: ปืนต่อต้านอากาศยานขนาด 20 มิลลิเมตร 49 กระบอก
ระวางขับน้ำ 45000 ตัน
ความเร็วสูงสุด 32.5 น็อต
ลูกเรือ 2788 คน
เครื่องบินทะเลจำนวน 3 ลำ พร้อมรางปล่อยเครื่องบินอีก 2 ราง
1984
อาวุธ : ปืนใหญ่เรือขนาด 16 นิ้ว 3 ป้อม ป้อมละ 3 กระบอก
: ปืนรองแท่นคู่ขนาด 5 นิ้ว 6 ป้อม ป้อมละ 2 กระบอก
: ขีปนาวุธโจมตีภาคพื้นดินแบบ Tomahawk พร้อมกับท่อยิงแบบ mark 143 จำนวน 8 ชุด ชุดละ 4 ท่อยิง
: ขีปนาวุธโจมตีเรือแบบ Harpoon พร้อมกับท่อยิงแบบ mark 141 จำนวน 4 ชุด ชุดละ 4 ท่อยิง
: แท่นปืนกลขนาด 20 มิลลิเมตร แบบ Phalanx จำนวน 4 แท่น
: เรดาร์แบบ An/sps 49 และ An/sps 67
: ระบบทำสงครามอิเล็กทรอนิกส์แบบ An/slq 32(V)
: ท่อยิงเป้าลวงแฟลร์ระยะประชิด แบบอินฟาเรดและคลื่นวิทยุแบบ mark 36 srboc
: เป้าลวงตอร์ปิโดแบบ An/slq 25 nixie
ระวางขับน้ำ 45000 ตัน
ลูกเรือประมาณ 1800 คน
ความเร็วสูงสุด 32.5 น็อต
โดรนชี้เป้าให้แก่ปืนใหญ่ขนาด 16 นิ้ว แบบ RQ2 Pioneer 5 ลำ พร้อมโรงเก็บ
เฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำแบบ Sea hawk 3 ลำ พร้อมลานจอดด้านหลังเรือ
อ้างอิง
http://www.cs.mcgill.ca/~rwest/link-suggestion/wpcd_2008-09_augmented/wp/i/Iowa_class_battleship.htm
https://en.m.wikipedia.org/wiki/USS_Iowa_(BB-61)
https://en.m.wikipedia.org/wiki/Iowa-class_battleship
กดถูกใจและโหวตกระทู้ จขกท. จะเป็นการให้กำลังใจ จขกท. เป็นอย่างดีครับ


กระทู้เก่าๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
USS Iowa BB-61 เรือประจัญบานที่ทรงพลังและสง่างามมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของกองทัพเรือสหรัฐ
uss iowa นั้นถูกวางโครงแบบในช่วงปี 1938 โดยสำนักงานออกแบบ Bureau of Construction and Repair ซึ่งเป็นอีกส่วนหนึ่งของกองทัพเรือสหรัฐ ที่ทำหน้ารับผิดชอบในส่วนของการออกแบบเรือ ก่อสร้าง จัดซื้อ ดัดแปลง และซ่อมแซมเรือต่างๆในกองทัพเรือสหรัฐ ตัวเรือนั้นเป็นเรือประจัญบานในชั้น iowa class battleship และยังเป็นเรือประจัญบานลำแรกที่ถูกต่อในชั้นนี้ ตัวเรือถูกปล่อยลงในน้ำในวันที่ 27 สิงหาคม 1942 และเข้าประจำการอย่างเป็นทางการในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 1943 ตัวเรือนั้นถือว่าเป็นเรือประจัญบานที่ใหญ่โตและสง่างามที่สุดเท่าที่กองทัพสหรัฐเคยสร้างมาในตอนนั้น ไม่ว่าจะเป็นระวางขับน้ำถึง 45000 ตัน พร้อมกับความทรงพลังของมันไม่ว่าจะเป็น ปืนใหญ่เรือขนาด 16 นิ้ว 3 ลำกล้อง 50 คาลิเบอร์ แบบ mark 7 ที่มีระยะยิงถึง 37 กิโลเมตร และปืนใหญ่รองขนาด 5 นิ้ว 38 คาลิเบอร์ ลำกล้องคู่ ระยะยิง 22 กิโลเมตร ทำให้มันคือเรือที่ทรงพลังมากที่สุดเท่าที่กองทัพเรือสหรัฐเคยมีมา เนื่องด้วยสมรภูมิในแปซิฟิกนั้นเรือบรรทุกเครื่องบินได้กลายเป็นเรือรบหลักในการดำเนินกลยุทธ์ของทั้งฝ่ายตนเองและฝ่ายศัตรู มันทีความอเนคประสงค์ที่เหนือกว่าเรือทุกแบบของกองเรือสหรัฐ นั่นเองทำให้สมรภูมิที่แปซิฟิกนั้นเต็มไปด้วยเครื่องบินฝ่ายศัตรูที่พร้อมจะบินมาทำลายเรือบรรทุกเครื่องบินของในกองเรือของฝ่ายตนเองและเรือลำอื่นๆในกองเรือ ด้วยความที่เรือบรรทุกเครื่องบินนั้นเป็นเสหมือนแกนกลางหลักในกองเรือของตนเองทำให้มันต้องมีความสามารถในการป้องกันภัยทางอากาศให้แก่เรือบรรทุกเครื่องบินและเรือลำอื่นๆในกองเรือของตนเอง ทำให้ตัวเรือได้ทำการติดตั้งปืนต่อต้านอากาศแบบ bofors ขนาด 40 มิลลิเมตร 4 ลำกล้อง และปืนต่อต้านอากาศแบบ oerlikon ขนาด 20 มิลลิเมตร เข้าไปเพิ่มเติมอีก
-เรือโดยสาร-
หลังจากที่ตัวได้เข้าระวางประจำการอย่างเป็นทางการแล้ว ตัวเรือก็ไปทำการแล่นเดินทางไปทดสอบที่อ่าว Chesapeake Bay ทางชายฝั่งของมหาสมุทรแอตแลนติก เมื่อทำการทดสอบสำเร็จเรียบร้อยในวันที่ 27 สิงหาคม 1943 ตัวเรือได้แล่นเดินทางไปเทียบท่ายังที่เกาะ argentina (คนละอันกับประเทศอาร์เจนติน่า) ในหมู่เกาะ Newfoundland ประเทศแคนาดา เพื่อทำภารกิจในการตามล่าเรือประจัญบาน tirpitz ของเยอรมันที่ตอนนี้กำลังเกรียนแตกอาละวาดถล่มกองขบวนเรือสินค้าของฝ่ายสัมพันธมิตรไปทั่วในน่านน้ำของประเทศนอร์เวย์ และได้แล่นเดินทางกลับมายังสหรัฐในวันที่ 25 ตุลาคม 1943 ก่อนที่ 2 สัปดาห์ต่อมาตัวเรือจะเดินทางไปยังอู่เรือที่ norfolk navy yard เพื่อเติมน้ำมันและสัมภาระของที่จำเป็นกับเรือลำอื่นๆ เพื่อทำภารกิจเป็นเรือโดยสารของท่านประธานาธิบดีของสหรัฐ แฟรงคลิ้น ดี. รูสเวลต์ และคณะนายทหารชั้นสูงของสหรัฐคนอื่นๆ ในการพาท่านประธานาธิบดีของสหรัฐและคนอื่นๆไปประชุมยังที่กรุงเตหะหร่าน ประเทศอิหร่าน เพื่อประชุมกับสุดยอดผู้นำของฝ่ายสัมพันธมิตรคือ โจเซฟ สตาลิน จากสหภาพโซเวียต และ วินส์ตั้น เชอร์ชิล ประเทศอังกฤษ โดยจะแวะที่เมืองท่า Mers El Kébir ประเทศอัลจีเรียก่อนที่จะเดินทางต่อไปเทียบท่ายังกรุงเตหะหร่าน ประเทศอิหร่าน แต่ในระหว่างที่กำลังเดินทางไปยังกรุงเตหะหร่านนั้นก็ได้เกือบจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นเมื่อเรือพิฆาต USS William d. porter จอมปัญหาที่ได้เดินทางไปกับตัวเรือด้วย ได้เกิดความผิดพลาดโดยได้เผลอยิงตอร์ปิโดเข้ามายังตัวเรือ iowa ที่มีประธานาธิบดีของสหรัฐ แฟรงคลิ้น ดี. รูสเวลต์ โดยสารอยู่ ในการฝึกซ้อมปราบเรือดำน้ำเพื่อเป็นการโชว์แก่ประธานาธิบดีสหรัฐ
โชคดีที่ตัวเรือหลบทันและตอร์ปิโดจาก USS William d. porter ได้วิ่งเฉียดผ่านด้านหลังเรือไปอย่างหวุดหวิด ตัวเรือไม่ได้รับความเสียหายอะไรจากเหตุการณ์ครั้งนี้ หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจในการรับ-ส่ง เป็นที่โดยสารของประธานาธิบดีสหรัฐพร้อมกับคณะนายทหารชั้นสูงคนอื่นๆ ในตอนที่ตัวเรือได้ส่งประธานาธิบดียังท่าเรือของประเทศสหรัฐอเมริกาในวันที่ 16 ธันวาคม 1943 ประธานาธิบดีของสหรัฐ แฟรงคลิ้น ดี. รูสเวลต์ ได้ทำการกล่าวกับลูกเรือก่อนที่จะลงจากตัวเรือว่า "จากสิ่งที่ฉันทั้งเห็นและได้ยินมาทั้งหมด ฉันคิดว่าเรือ iowa เป็นเรือที่มีความสุขและได้รับใช้กองทัพเรือสหรัฐด้วยความภาคภูมิใจมาหลายปี(จริงๆแค่ 1 ปีเองนะตอนนั้นนะฮา) ผมรู้และคุณก็รู้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร" โดยเขาได้ทำการเดินไปข้างหน้าก่อนที่จะลงเรือและได้กล่าวทิ้งท้ายว่า "จำไว้ว่าจิตวิญญาณของผมจะยังคงอยู่กับคุณและพวกคุณทุกๆคน"
แบบแปลนตัวเรือ
-สู่แปซิฟิก-
ตัวเรือในตอนนี้ที่ได้รับการแต่งตั้งในฐานะเรือธงของเรือประจัญบานที่ 7 และเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพเรือสหรัฐที่ตอนนี้ได้รับภารกิจให้เดินทางไปยังสมภูมิ ณ มหาสมุทรแอคแลนติก ที่ตอนนี้กองทัพของจักรวรรดิญี่ปุ่นกำลังโดนกองทัพสหรัฐที่ตอนนี้กำลังเป็นฝ่ายมีชัยเหนือกว่าได้ไล่ต้อนให้กองทัพญี่ปุ่นได้เริ่มจนมุมมากขึ้นเรื่อยๆ ตัวเรือได้ทำการแล่นผ่านคลองปานามา ในวันที่ 7 มกราคม 1944 และได้ทำการเปิดตัวในสมรภูมิที่แปซิฟิกในฐานะเรือประจัญบานที่ยิ่งใหญ่และสง่างามที่สุดในประวัติศาสตร์ของกองทัพเรือสหรัฐในยุทธการที่หมู่เกาะ marshalls เพื่อสนับสนุนและคุ้มกันกองเรือบรรทุกเครื่องบินในกองเรือเฉพาะกิจที่ 38.3 ที่มีพลเรือเอก Frederick C. Sherman เป็นผู้บัญชากองเรือ ในภารกิจส่งกองกำลังทางอากาศเข้าทำการโจมตีเกาะ Kwajalein และ Eniwetok และทำภารกิจเดียวกันอีกครั้งในการโจมตีเกาะ Truk และหมู่เกาะ Caroline เพื่อทำลายสิ่งปลูกสร้างทางการทหารทั้งหมดของญี่ปุ่นที่อยู่บนเกาะ
หน้าเรือ iowa ไกลๆที่เห็นนั่นคือเรือประจัญบาน USS Indiana
ต่อมาในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 1944 ตัวเรือและกองเรืออีกบางส่วนได้แยกออกมาจากกองเรือหลักเพื่อทำการคุ้มกันทางอากาศตรงเกาะ Truk และได้รับภารกิจให้ทำการแล่นไปมาอยู่แถวๆทางนอกชายฝั่งของเกาะ Truk ซักพักหนึ่ง เพื่อทำการดักรอกองเรือของญี่ปุ่นที่ตอนนี้กำลังหนีขึ้นไปทางเหนือของตัวเกาะ ระหว่างที่กำลังปฏิบัติภารกิจตัวเรือและเรือประจัญบานชั้นเดียวกันอย่าง USS New jersey สามารถทำแต้มสังหารโดยการจมเรือลาดตระเวณเบา Katori ของกองทัพเรือญี่ปุ่นที่กำลังแล่นเดินทางหนีไปทางเกาะ Truk ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 1944 ตัวเรือได้รับภารกิจให้แล่นเดินทางไปเข้าร่วมกับกองเรือเฉพาะกิจที่ 58 เพื่อทำหน้าคุ้มกันและช่วยเรือบรรทุกเครื่องบินในกองเรือที่ตอนนี้กำลังส่งกองกำลังทางอากาศเข้าโจมตีเกาะ Saipan เกาะ Tinnian เกาะ Rota และเกาะ Guam ที่อยู่ในหมู่เกาะ Marias ที่ตอนนี้กำลังตกอยู่ภายใต้การยึดครองของญี่ปุ่น ในวันที่ 18 มีนาคม 1944 ตัวเรือที่ตอนนี้เป็นที่สั่งการของพลเรือเอก Willis A. Lee ผู้ที่มีอำนาจสั่งการกองเรือประจัญบานทุกลำในแปซิฟิก ได้รับภารกิจให้ทำการระดมยิงทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดของกองทัพญี่ปุ่นบนเกาะ Mili ที่อยู่ในหมู่เกาะ Marshall โดยในระหว่างภารกิจตัวเรือได้โดนปืนใหญ่บนชายฝั่งของกองทัพญี่ปุ่นขนาด 4.7 นิ้วยิงเข้ามา 2 นัด แต่ด้วยความที่ตัวเรือเกราะหนาโคตรๆอยู่แล้ว และกระสุนไม่ได้โดนจุดสำคัญของตัวเรือทำให้ตัวเรือแทบไม่ได้รับความเสียหายอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ในวันที่ 30 มีนาคมตัวเรือทำการแล้นเดินทางไปเข้าร่วมกับกองเรือเฉพาะกิจที่ 58 เพื่อทำภารกิจระดมยิงหมู่เกาะ Palau และเกาะ Woleai ที่อยู่ในหมู่เกาะ Caroline ในไม่กีวันต่อมา
ในวันที่ 22 เมษายน 1944 ตัวเรือได้รับภารกิจให้เข้าร่วมกับกองเรือเฉพาะกิจที่ 58 อีกครั้งและได้รับภารกิจให้ทำการป้องกันและสนับสนุนกองเรือบรรทุกเครื่องบินที่ตอนนี้กำลังส่งกองกำลังอากาศเข้าทำการโจมตีเมืองชายฝั่ง Jayapura ประเทศอินโดนีเซีย และต่อมาตัวเรือพร้อมกับกองเรือบรรทุกเครื่องบินได้ทางไปยังอ่าว Tanahmerah และ Humboldt Bays เพื่อทำทำการสนับสนุนการยกพลขึ้นยกของกองทัพบกและนาวิกโยธินสหรัฐที่หาดเมือง Aitape ทางตะวันออกของ New Guinea ในวันที่ 29-30 เมษายน 1944 ตัวเรือได้รับภารกิจให้ทำการคุ้มกันและและสนับสนุนกองเรือบรรทุกเครื่องบินที่ตอนนี้ได้ส่งกองกำลังอากาศเข้าทำการโจมตีเกาะ Truk เป็นครั้งที่ 2 และยังได้รับภารกิจให้ทำการระดมยิงทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดของกองทัพญี่ปุ่นบนเกาะ Ponape ที่อยู่ในหมู่เกาะ Caroline ในวันที่ 1 พฤษภาคม 1944
ในวันที่ 12 มิถุนายน 1944 ในยุทธการการยกพลขึ้นบกของกองทัพบกและนาวิกโยธินสหรัฐที่หมู่เกาะ Palau และหมู่เกาะ Marianas ตัวเรือได้รับหน้าที่ให้ทำการคุ้มกันกองเรือบรรทุกเครื่องบินในกองเรือเฉพาะกิจที่ 58 ที่ได้รับภารกิจให้ส่งกองกำลังโจมตีทางอกาศสนับสนุนการยกพลขึ้นบกของกองทัพบกและนาวิกโยธินสหรัฐในการยกพลขึ้นบกที่เกาะ Saipan เกาะ Tinnian เกาะ Rota เกาะ Guam และเกาะ Pegan ในวันที่ 13-14 มิถุนายน 1944 ตัวเรือและกองเรืออีกบางส่วนได้ทำการแยกทางออกมาจากกองเรือเฉพาะกิจที่ 58 ชั่วคราวเพื่อทำการระดมยิงทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดของกองทัพญี่ปุ่นและสนับสนุนกองทัพบกและนาวิกโยธินสหรัฐในการยึดเกาะ Tinian และ Saipan ก่อนที่ตัวเรือและกองเรือที่เหลือจะแล่นดินทางไปรวมกับกองเรือเฉพาะกิจที่ 58 อีกครั้ง