ผลตอบแทนของการอยู่เฉยๆ โดยไม่ต้องเสี่ยง จะเริ่มมีความเสี่ยง
ในเดือนสิงหาคมปีนี้
แต่ละคนต้องหาทางกระจายความเสี่ยงกันเอาเอง
ผมซื้อ ๓ ป้ายนี้มาจากงานถนนคนเดิน ตรงเสาชิงช้า
ซึ่งมีงานแสงสีของกทม. ตรงลานคนเมือง
ซื้อมาในราคา ๓ แผ่น ๑๐๐ บาท
แต่เลือกป้ายนี้เป็นป้ายแรก แล้วค่อยเลือกอันอื่นๆทีหลัง
ห้ามยืมตังค์ ใช้เตือนตัวเองสองข้อคือ
๑ ห้ามยืมตังค์ ของตัวเองในอนาคต เอามาใช้จ่ายในปัจจุบัน (ที่จริงผมปฏิบัติ์แบบนี้มาตลอดชีวิต)
มีเงินอยู่เท่าไร ก็ให้ใช้เท่านั้น อย่าเป็นหนี้เพื่อการบริโภคที่ต้องเสียดอกเบี้ยจ่าย
ถ้าไม่มั่นใจเงินในปัจจุบันของตัวเอง ว่าจะมีจ่ายได้อย่างแน่นอนในอนาคต
ไม่ควรรูดบัตรเครดิต ซื้อของงินผ่อนเพื่อตอบสนองความต้องการบริโภค
๒ ห้ามยืนตังค์ให้คนอื่นๆ
ถ้าต้องเลือกระหว่าง เสียทั้งเงิน เสียทั้งญาติสนิทมิตรสหาย
ผมขอเลือก ไม่ยอมเสียเงิน ยอมเสียญาติสนิทมิตรสหาย



แต่ถ้าพอจะให้ได้บ้าง ก็จะให้ไปเลย
ตามความสามารถและความสบายใจที่เราจะให้ได้
โดยไม่เลือกว่า จะเป็นคนรู้จัก หรือไม่รู้จัก
มาถึงเรื่องสำคัญในปีนี้
ผลตอบแทนของการอยู่เฉยๆ โดยไม่ต้องเสียง จะเริ่มมีความเสี่ยง
ตามภาพประกอบที่ตัดแปะมาจากลิงค์นี้
http://www.dpa.or.th/ewt_news.php?nid=320
ควรจะเน้นกระจายความเสี่ยง ไปตามคำตอบของข้อ ๘
http://www.dpa.or.th/ewt_news.php?nid=812
ของธนาคารมั่นคง เป็นข้อมูลเก่า ที่ตอบตอนปี 2556
หลังวันที่๑๑ สิงหาคมปีนี้
จะได้คืนแค่ หนึ่งล้านบาท ไม่ใช่หนึ่งล้านสองแสนบาท
ที่น่าคิดคือ เงินฝากธนาคารของรัฐ ไม่ได้รับการคุ้มครองจากสถาบันประกันเงินฝาก
เพราะถือว่า รัฐบาลเป็นคนค้ำประกันเงินฝากให้อยู่แล้ว
คำถามคือ แล้วใครจะค้ำประกันรัฐบาล ถ้าเป็นอย่างกรีซ อย่างอาร์เจนติน่า ?
ไปๆมาๆ หุ้นก็น่าจะให้ผลตอบแทนดีกว่าผลตอบแทนอื่นๆ
ถ้าเรารู้จัก กระจายความเสี่ยง ให้เหมาะสมกับความรู้ ความสามารถของตัวเอง
๙ แล้ว ๖ ๖ แล้ว ๙ วินัยทางการเงินที่จะเตือนตัวเองตลอดเวลา ในปีที่ผลตอบแทนของ...เริ่มเสี่ยง
แต่ละคนต้องหาทางกระจายความเสี่ยงกันเอาเอง
ผมซื้อ ๓ ป้ายนี้มาจากงานถนนคนเดิน ตรงเสาชิงช้า
ซึ่งมีงานแสงสีของกทม. ตรงลานคนเมือง
ซื้อมาในราคา ๓ แผ่น ๑๐๐ บาท
แต่เลือกป้ายนี้เป็นป้ายแรก แล้วค่อยเลือกอันอื่นๆทีหลัง
ห้ามยืมตังค์ ใช้เตือนตัวเองสองข้อคือ
๑ ห้ามยืมตังค์ ของตัวเองในอนาคต เอามาใช้จ่ายในปัจจุบัน (ที่จริงผมปฏิบัติ์แบบนี้มาตลอดชีวิต)
มีเงินอยู่เท่าไร ก็ให้ใช้เท่านั้น อย่าเป็นหนี้เพื่อการบริโภคที่ต้องเสียดอกเบี้ยจ่าย
ถ้าไม่มั่นใจเงินในปัจจุบันของตัวเอง ว่าจะมีจ่ายได้อย่างแน่นอนในอนาคต
ไม่ควรรูดบัตรเครดิต ซื้อของงินผ่อนเพื่อตอบสนองความต้องการบริโภค
๒ ห้ามยืนตังค์ให้คนอื่นๆ
ถ้าต้องเลือกระหว่าง เสียทั้งเงิน เสียทั้งญาติสนิทมิตรสหาย
ผมขอเลือก ไม่ยอมเสียเงิน ยอมเสียญาติสนิทมิตรสหาย
แต่ถ้าพอจะให้ได้บ้าง ก็จะให้ไปเลย
ตามความสามารถและความสบายใจที่เราจะให้ได้
โดยไม่เลือกว่า จะเป็นคนรู้จัก หรือไม่รู้จัก
มาถึงเรื่องสำคัญในปีนี้
ตามภาพประกอบที่ตัดแปะมาจากลิงค์นี้
http://www.dpa.or.th/ewt_news.php?nid=320
ควรจะเน้นกระจายความเสี่ยง ไปตามคำตอบของข้อ ๘
http://www.dpa.or.th/ewt_news.php?nid=812
ของธนาคารมั่นคง เป็นข้อมูลเก่า ที่ตอบตอนปี 2556
หลังวันที่๑๑ สิงหาคมปีนี้
จะได้คืนแค่ หนึ่งล้านบาท ไม่ใช่หนึ่งล้านสองแสนบาท
ที่น่าคิดคือ เงินฝากธนาคารของรัฐ ไม่ได้รับการคุ้มครองจากสถาบันประกันเงินฝาก
เพราะถือว่า รัฐบาลเป็นคนค้ำประกันเงินฝากให้อยู่แล้ว
คำถามคือ แล้วใครจะค้ำประกันรัฐบาล ถ้าเป็นอย่างกรีซ อย่างอาร์เจนติน่า ?
ไปๆมาๆ หุ้นก็น่าจะให้ผลตอบแทนดีกว่าผลตอบแทนอื่นๆ
ถ้าเรารู้จัก กระจายความเสี่ยง ให้เหมาะสมกับความรู้ ความสามารถของตัวเอง