๙ แล้ว ๖ ๖ แล้ว ๙ วินัยทางการเงินที่จะเตือนตัวเองตลอดเวลา ในปีที่ผลตอบแทนของ...เริ่มเสี่ยง

ผลตอบแทนของการอยู่เฉยๆ  โดยไม่ต้องเสี่ยง     จะเริ่มมีความเสี่ยงในเดือนสิงหาคมปีนี้

แต่ละคนต้องหาทางกระจายความเสี่ยงกันเอาเอง  


ผมซื้อ ๓ ป้ายนี้มาจากงานถนนคนเดิน  ตรงเสาชิงช้า
ซึ่งมีงานแสงสีของกทม. ตรงลานคนเมือง
ซื้อมาในราคา  ๓ แผ่น ๑๐๐ บาท

แต่เลือกป้ายนี้เป็นป้ายแรก แล้วค่อยเลือกอันอื่นๆทีหลัง







ห้ามยืมตังค์   ใช้เตือนตัวเองสองข้อคือ

๑  ห้ามยืมตังค์ ของตัวเองในอนาคต เอามาใช้จ่ายในปัจจุบัน (ที่จริงผมปฏิบัติ์แบบนี้มาตลอดชีวิต)
มีเงินอยู่เท่าไร ก็ให้ใช้เท่านั้น อย่าเป็นหนี้เพื่อการบริโภคที่ต้องเสียดอกเบี้ยจ่าย

ถ้าไม่มั่นใจเงินในปัจจุบันของตัวเอง  ว่าจะมีจ่ายได้อย่างแน่นอนในอนาคต  
ไม่ควรรูดบัตรเครดิต  ซื้อของงินผ่อนเพื่อตอบสนองความต้องการบริโภค
  


๒ ห้ามยืนตังค์ให้คนอื่นๆ    

ถ้าต้องเลือกระหว่าง   เสียทั้งเงิน เสียทั้งญาติสนิทมิตรสหาย
ผมขอเลือก  ไม่ยอมเสียเงิน ยอมเสียญาติสนิทมิตรสหาย เศร้าเศร้าเศร้าเศร้า

แต่ถ้าพอจะให้ได้บ้าง   ก็จะให้ไปเลย
ตามความสามารถและความสบายใจที่เราจะให้ได้
โดยไม่เลือกว่า  จะเป็นคนรู้จัก หรือไม่รู้จัก


มาถึงเรื่องสำคัญในปีนี้  

ผลตอบแทนของการอยู่เฉยๆ โดยไม่ต้องเสียง  จะเริ่มมีความเสี่ยง



ตามภาพประกอบที่ตัดแปะมาจากลิงค์นี้

http://www.dpa.or.th/ewt_news.php?nid=320


ควรจะเน้นกระจายความเสี่ยง ไปตามคำตอบของข้อ ๘
http://www.dpa.or.th/ewt_news.php?nid=812












ของธนาคารมั่นคง  เป็นข้อมูลเก่า  ที่ตอบตอนปี 2556
หลังวันที่๑๑ สิงหาคมปีนี้
จะได้คืนแค่ หนึ่งล้านบาท  ไม่ใช่หนึ่งล้านสองแสนบาท



ที่น่าคิดคือ  เงินฝากธนาคารของรัฐ ไม่ได้รับการคุ้มครองจากสถาบันประกันเงินฝาก
เพราะถือว่า  รัฐบาลเป็นคนค้ำประกันเงินฝากให้อยู่แล้ว
คำถามคือ  แล้วใครจะค้ำประกันรัฐบาล  ถ้าเป็นอย่างกรีซ อย่างอาร์เจนติน่า ?





ไปๆมาๆ  หุ้นก็น่าจะให้ผลตอบแทนดีกว่าผลตอบแทนอื่นๆ
ถ้าเรารู้จัก  กระจายความเสี่ยง  ให้เหมาะสมกับความรู้ ความสามารถของตัวเอง
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่