========================
รัก(ไม่)สวย......ของฟ้าใส บทที่ 2
========================
ประเภท Over action
คนเขียน : Psycho G.
ความเดิมตอนที่แล้ว
http://pantip.com/topic/34626332
++++++++++++++
รัก(ไม่)สวย......ของฟ้าใส.....บทที่ 2
เธอมีชื่อว่าอิงฟ้า เด็กสาววัยสวยสดใสกระชากตัวเองจากความฝันเพื่อให้สะดุ้งตื่นกลางสาย เส้นใยความฝันบรรเจิดยังเหลือเยื่อใยอาลัยถักทอพัวพันออกจากความฝัน แม้ว่าเมื่อคืนเธอนอนไม่ค่อยหลับเพราะมัวแต่ฝันถึง มาริลีน แมนสัน อยู่มิรู้คลายทำให้นอนยาวจนดวงตะวันแอบมองจากมุมเมฆทำหน้างอนใส่อยู่บนฟ้า แต่ความฝันเลือกจังหวะและเวลาอันเหมาะสมให้ตัวมันเองได้เสมอ
ไปเรียนสายอีกแล้วสิเรา เด็กสาวคิดในใจขณะบรรจงแกะเส้นใยแห่งความฝันออกจากความจริง ลุกขึ้นวิ่งเข้าห้องน้ำสุดชีวิตแล้ววิ่งกลับออกมาอีกครั้งเพราะลืมผ้าเช็ดตัว อาบน้ำเสร็จวิ่งออกมายืนงงแล้ววิ่งกลับไปในห้องน้ำอีกครั้ง ความรีบร้อนทำให้เพิ่งนึกได้ว่าลืมล้างแชมพูและสบู่ออกจากตัว กว่าจะเสร็จเรียบร้อยก็วิ่งเข้าวิ่งออกหลายรอบ
เธอกระโจนเข้าไปในชุดนักเรียนด้วยความรวดเร็วดุจสายฟ้าฟาด ถุงเท้ารองเท้าวางรออยู่ในห้องเพื่อให้ย่นระยะทางการเดินไปหาให้สั้นที่สุดในเวลาเช้า ไปสายดีกว่าไม่ไป อย่างดีก็แค่ยืนหลับตาเสียบหูฟังกับวิทยุเครื่องจิ๋วยี่ห้อแมนสันยืนฟังอาจารย์ปกครองเทศนาร่ายรำเวทย์มนต์อยู่ประตูทางเข้าโรงเรียนสักพักเท่านั้น เดี๋ยวท่านก็เหนื่อยหอบเป็นลมแดดตอนเช้าไปเอง แต่พักหลังเห็นมีข่าวว่าท่านใช้วิธีการอัดเทปบันทึกเสียงแล้วเปิดเทปเสียง อาจารย์ก็ออกมายืนลิปซิ้งทำปากขมุบขมิบตามเสียง หนักๆ เข้าท่านก็นำรูปถ่ายขนาดเท่าตัวจริงของท่านติดแผ่นไม้อัด มาวางตั้งหน้าประตูโรงเรียนกลายเป็นอาจารย์เฉยเหมือนจ่าเฉย แล้วเปิดเทปเสียงบ่นบรรยายไม่ต้องเสียเวลามายืนลิปซิ้งให้เมื่อย
ที่จริงฟ้าจะไม่ไปก็ได้ เพราะฟ้าเป็นคนเห็นแก่เรียน อย่างไรต้องไปให้ได้ ฟ้าไม่เคยโดดเรียนเพราะเมื่อย มีแต่นั่งเรียนเป็นประจำพลางสงสัยว่าเพื่อนหลายคนเป็นบ้าอะไรจึงพากันกระโดดเรียน
ขณะกำลังสวมขาเรียวตัวเองเข้ากับถุงเท้ารองเท้าที่มีรูปมาริลีน แมนสันติดอยู่ กำลังจะก้าวเดินออกจากห้องเธอก็สะดุ้งเฮือกสุดร่าง ความคิดบางอย่างพุ่งวาบขึ้นในจิตใจจู่โจมจนใจสะท้านร่างสะเทือน ซวนเซแทบล้มคว่ำ ดีว่ามือคว้าขอบประตูไว้ทันแบบหวุดหวิดหวาดเสียว
วันนี้วันอาทิตย์
วันอาทิตย์คือวันหยุดแสนหวาน บิวตี้ฟูล ซันเดย์ Hi!Hi!Hi!.... Beautiful Sunday. This is my, my, my Beautiful day
When you said, said, said Said that you loved me . Oh, my, my, my It's a beautiful day. .... ทำไมเธอจะต้องไปโรงเรียนด้วยล่ะ.... นั่นนะสิ
เธอน่าจะรู้ตั้งแต่ตอนสะดุ้งตื่นกลางสายแล้ว
ฟ้าตะลึงอึ้งเนินนาน
พักนี้รู้สึกว่าตนเองมีอาการเอ๋อเป๋อบ่อยพิเศษ บางทีอาจเป็นเพราะอานุภาพแห่งรักกระมังที่เข้ามารบกวนจนป่วนปั่นฝันเฟื่อง จะมีอะไรอีกสามารถทำให้สาวน้อยนางหนึ่ง ตกอยู่ในม่านหมอกคล้ายฝันคล้ายจริงวุ่นวายเปะปะได้ขนาดนี้ นอกจากคำว่า”รัก”
เธอนั่งบนเตียงปลงชีวิตรันทดหมดจิต
ก่อนค่อยๆ ถอด ทีละขิ้น.. (อย่าคิดเป็นอื่น)
ถุงเท้าข้างขวาปา...ไปข้างขวา
ถุงเท้าข้างซ้าย...ปาไปข้างซ้าย
รองเท้าข้างขวา....ปาไปข้างขวา
รองเท้าข้างซ้าย...ปาไปข้างซ้าย
ขนาดถอดถุงเท้ารองเท้ายังบรรยายอ้อยอิ่งน่ารำคาญขนาดนี้
เธอนั่งนิ่งพักหนึ่งก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตนเองเป็นคนมีระเบียบเรียบร้อยเหลือเกิน พอคิดได้จึงค่อยๆ ลุกขึ้นเยื้องกายอย่างงดงามไปเก็บรองเท้าถุงเท้าให้เข้าที่เข้าทางวางตามหลักการศาสตร์แห่งศิลป์ ก่อนเดินแบบสโลว์โมชันเพราะไม่รีบร้อนเหมือนเมื่อครู่แล้ว เข้าห้องน้ำอาบน้ำอีกครั้งเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองสีลายดอกสดใส ที่อกเสื้อปักอักษรสีฟ้าคำว่า มาริลีน แมนสัน เด่นเป็นสง่า
สาเหตุที่ว่าอาบน้ำอีกครั้งเพราะเธอชินกับการกลับบ้านทุกครั้งต้องอาบน้ำก่อนเปลี่ยนชุดเสมอ เมื่อครู่เธอเปลี่ยนชุดจึงต้องอาบน้ำตามหลักเพื่อรักษาขนบธรรมเนียมของตัวเอง
อาบน้ำเสร็จ ก็ดึงตัวเองมาจัดการเปิดเครื่องเสียง ป้อนตลับเทปเพลงโปรดเข้าเครื่องที่ฝาเทปรอคอยอยู่ราวลูกนกรออาหาร เร่งเสียงดังฟังพอประมาณ เพื่อฟังเพลงหวานใสของ มาริลีน แมนสัน จากนั้นมานั่งริมหน้าต่างเอามือเท้าคางจ้องมองนิยายภาพบนท้องฟ้าแน่นิ่ง
ฟ้าจ้องมองฟ้า
ความจริงบนท้องฟ้ามีเรื่องราวมากมายหลายหลาก หมุนเวียนเปลี่ยนผันไปตามสายลมและ Time of love ก้อนเมฆสามารถยึดเอาท้องฟ้าเป็นโรงละครแสดงบทบาทมากมายหลายหลาก สร้างเรื่องราวจากวิวทิวทัศน์มากมายเท่าที่ใจจินตนาการฝันไกลไปถึง ท่านที่ไม่เคยชมนิยายและศิลปะบนท้องฟ้าควรจะหาเวลาชมดูจะพบว่ามันสนุกสนานไม่น้อยเลยทีเดียว เจ้าหญิง เจ้าชาย อสุรกาย เรื่องราวเรียงรายฉายฝันอยู่บนแผ่นฟ้าหมุนเวียนแปรเปลี่ยนไปไม่แน่นอนทิ้งไว้เพียงความทรงจำ
แปลกที่วันนี้นิยายภาพบนท้องฟ้าไม่สนุกเท่าที่ควร
ทำไมนะ
เสียงเพลงของวง มาริลีน แมนสัน ที่เคยไพเราะเพราะพริ้งราวมนต์เพลงรักเพลงสวรรค์ วันนี้กลับระคายหูอย่างบอกไม่ถูก อะไรบางอย่างที่รบกวนเธออยู่นะ ฟ้านึกไม่ออกจริงๆ
“โอ..มาริลีน แมนสัน...ยอดรัก ทำไมวันนี้บทเพลงแห่งรักของเธอถึงเป็นเช่นนี้นะ”
ฟ้ารำพึงผ่านไปในสายลมและแสงแดดออกนอกหน้าต่าง สัมผัสแผ่วยอดไม้ไกวไหวเอน สายตาจ้องมองนกน้อยโผบินไล่เรียงสนุกสนานเริงร่าแต่หัวใจสาวน้อยเลื่อนลอยสับสนปนหมอกควันกลางลมหวน สงสัยคงจะมีแต่คนหงุดหงิดอารมณ์เสียพาลพาโล มีแต่คนทะเลาะกับแฟน และคนท้องขึ้นเท่านั้นกระมังจึงจะฟังเพลงไม่เพราะ แต่ฟ้าไม่ได้หงุดหงิดท้องขึ้นหรือทะเลาะกับแฟนเลยสักนิดทำไมไม่เข้าถึงบทเพลงเลยวันนี้
“จั่งซี่มันต้องถอน.......จั่งซี่มันต้องถอน”
ฟ้าผวาสุดตัว ลืมตาโพลง
โถ ...ฟังมาตั้งนานเพิ่งจะนึกได้ว่าเพลงที่เธอฟังอยู่นั้นไม่ใช่เพลงของ มาริลีน แมนสัน สักหน่อย.....นั่นมันเสียงของนักร้องเพลงแนว country ลูกครึ่งนามว่า พอยค่าย มาไลท์พอล ชัดๆ.... มิน่าล่ะวันนี้ไม่ work เลย นี่คงไปหลงหยิบตลับสลับกับใครมาก็ไม่รู้ ตามประสาวัยรุ่นที่มักแลกเปลี่ยนตลับเทปกันฟัง เป็นอย่างนี้ได้อย่างไรกัน ฟ้าไม่เข้าใจตัวเองเลย
ฟ้ารีบเดินไปกดปุ่ม EJECT ข้ามขั้นตอน STOPตามหลัก ความรีบร้อนในการกระชากตลับเทปออกมาอย่างรวดเร็วทำให้เครื่องเล่นเทปกินเส้นเทปไส้ไหลทะลักออกมาเป็นเส้นสายยาวยืดอย่างสยดสยองและหวาดเสียว
“แง่ง..”
เด็กสาวคำรามอย่างโมโหยิ่งดึงเส้นเทปเท่าไรยิ่งไส้ไหลมากเท่านั้น สุดท้ายเลยดึงจนสายเทปขาดคามือ แน่นอนว่าตลับม้วนนั้นไม่พิการก็คางเหลือง สำคัญคือสายเทปบางส่วนพันรุงรังนัวเนียอยู่ในเครื่องจนไม่น่าจะเล่นเพลงได้แล้ว
ฟ้าปาตลับเทปออกไปทางหน้าต่างอย่างเดือดดาล เชอะ..สมน้ำหน้า...อยากไส้ไหลดีนัก อยู่ดีไม่ว่าดี.. และงานหนักรออยู่อีกต่างหาก กว่าจะแคะเอาเศษเส้นเทปออกมาได้คงกินเวลานานเลย
โป๊ก..!!!!
เมี้ยว...!
แม่นราวจับวาง ตลับเทปเจ้าปัญหาลอยลงไปกระทบสิ่งมีชีวิตบางชนิดซึ่งป้วนเปี้ยนอยู่กันสาดชั้นล่างใต้หน้าต่างพอดี เด็กสาวเดินไปชะโงกดู ก็เห็นแมวตัวหนึ่งเงยหน้ามองขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
“อ้อ ปิฬาร์นั่นเอง” ฟ้าร้องทัก จำแมวตัวยาวขาวสวยได้
แมวปิฬาร์ตัวนี้ผู้คนมักเห็นเที่ยวเอาตัวไปห้อยแต่งแต่งแกว่งไปมาตามชายคาบ้าน ต้นไม้ โดยการใช้เท้าเพียงข้างเดียวเกาะเกี่ยวไว้อยู่พักหนึ่ง หลังจากที่ฟ้าพาแมวตัวนี้มานั่งดูวีซีดีเรื่อง mission impossible 2 ซึ่งนำแสดงโดย ทอม ครูด ตอนต้นของภาพยนตร์มีฉากพระเอกปีนหน้าผาสูงชัน มีครั้งหนึ่งทอม ครูด กระโจนไปเกาะแง่งหินแล้วลื่นครูดลงมาก่อนจะใช้มือข้างเดียวเหนี่ยวตัวไว้กับรอยแยกเล็กๆ ของหินแขวนต่องแต่งบนหน้าผาสูงชนิดแบบเหลือเชื่อ
หลังจากนั้นมาแมวปิฬาร์ก็เที่ยวเอาตัวเองไปห้อยตามสถานที่ต่างๆ เท่าที่หาได้ ไม่ว่าจะเป็นหลังคาบ้าน กิ่งไม้ เสาไฟฟ้า จนเป็นที่สังเกตของชาวบ้านหลายวัน
“ขอโทษจ้ะ ปิฬาร์จ๋า”
ฟ้าอ้อนเสียงหวาน ด้วยความเป็นคน อัชฌาสัยดี เธอพูดจาสุภาพเรียบร้อยเสมอไม่ว่าจะคนหรือแมว
“เมี้ยว...”
แมวปิฬาร์สะบัดหน้าอย่างงอนๆ ยกขาหน้าลูบหัวตัวเองไปมา
“น่าเย็นนี้จะเลี้ยงปลาทูสามตัวเลย”
“เมี้ยว...”
แมวปิฬาร์หันหน้ามามองร้องอย่างคาดคั้น
“ฟ้าขอสัญญาด้วยเกียรติของเนตรนารี “
“เมี้ยว...”
แมวปิฬาร์ร้องอย่างพอใจ ยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนเดินยิ้มจากไป (มีบทโผล่มาเล็กน้อยกันคนลืม)
ฟ้าถอนใจ แมวร้องเสียงเมี้ยวเสียงเดียวเท่านั้นก็สามารถแสดงหลายอารมณ์ ฟังรู้เรื่อง ทำให้สงสัยว่าเธอเอง หรือแมวปิฬาร์กันแน่ที่แสนรู้จนคุยกันรู้เรื่อง เพราะหลายครั้งกับคนด้วยกันพูดเรื่องเดียวกัน พูดภาษาเดียวกันแท้ๆ กลับคุยกันไม่รู้เรื่องจนหน้าดำหน้าแดง น่าอายแมวไหมล่ะ....นึกแล้วอยากเป็นแมวดูสักวันแต่ก็กลัวหลงใหลในภาษาแมวจนลืมภาษาคน
ฟ้าถอนใจ นั่งแกะเศษเส้นเทปออกจากลูกกลิ้งเทปทีละน้อย โดยท่องคาถา แมนสัน...แมนสัน..เป็นกำลังใจ
เสียงกริ่งโทรศัพท์ดังขึ้น
ใครโทรมานะ จะว่าแมนสัน ก็ไม่ใช่เพราะเธอไม่เคยให้เบอร์โทรเขาเลย และแมนสันก็ไม่เคยขอเบอร์โทรจากเธอ สรุปว่าต่างฝ่ายไม่เคยพบหน้ากัน แบบว่าฟ้าเป็นไปเองอยู่ข้างเดียว แต่เสียงโทรศัพท์เหมือนมีมนต์สะกดวิญญาณ ทำให้ใครต่อใครไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ ต้องทิ้งธุระวิ่งแจ้นมารับปานโดนอาถรรพ์ ทั้งที่ไม่รู้ว่าใครโทรมาด้วยซ้ำ นับว่าเป็นเรื่องแปลกมากว่าคนเราให้ความสำคัญกับเสียงโทรศัพท์ขนาดนี้
“สวัสดีค่ะ ฟ้าค่ะ”
“น้องฟ้าเหรอครับ นี่ผมซันนะครับ”
เสียงทุ่มนุ่มกังวานแบบเดียวกับมาตรฐานพระเอก ดังชิดหู
ซันไหนกัน...ฟ้าขมวดคิ้วนึก...สักพักเริ่มจำได้พลันรู้สึกเหมือนแก้วหูลั่นเปรี้ยะประกายดาวสีฟ้ากระจายเต็มหน้าร่างกายชาดิกไปชั่วขณะ มันเป็นไปได้อย่างไรเพราะกับนายคนนี้ฟ้าก็ไม่เคยให้เบอร์โทรมาก่อนเลย
.................
รัก(ไม่)สวย......ของฟ้าใส (บทที่ 2)
รัก(ไม่)สวย......ของฟ้าใส บทที่ 2
========================
ประเภท Over action
คนเขียน : Psycho G.
ความเดิมตอนที่แล้ว
http://pantip.com/topic/34626332
++++++++++++++
รัก(ไม่)สวย......ของฟ้าใส.....บทที่ 2
เธอมีชื่อว่าอิงฟ้า เด็กสาววัยสวยสดใสกระชากตัวเองจากความฝันเพื่อให้สะดุ้งตื่นกลางสาย เส้นใยความฝันบรรเจิดยังเหลือเยื่อใยอาลัยถักทอพัวพันออกจากความฝัน แม้ว่าเมื่อคืนเธอนอนไม่ค่อยหลับเพราะมัวแต่ฝันถึง มาริลีน แมนสัน อยู่มิรู้คลายทำให้นอนยาวจนดวงตะวันแอบมองจากมุมเมฆทำหน้างอนใส่อยู่บนฟ้า แต่ความฝันเลือกจังหวะและเวลาอันเหมาะสมให้ตัวมันเองได้เสมอ
ไปเรียนสายอีกแล้วสิเรา เด็กสาวคิดในใจขณะบรรจงแกะเส้นใยแห่งความฝันออกจากความจริง ลุกขึ้นวิ่งเข้าห้องน้ำสุดชีวิตแล้ววิ่งกลับออกมาอีกครั้งเพราะลืมผ้าเช็ดตัว อาบน้ำเสร็จวิ่งออกมายืนงงแล้ววิ่งกลับไปในห้องน้ำอีกครั้ง ความรีบร้อนทำให้เพิ่งนึกได้ว่าลืมล้างแชมพูและสบู่ออกจากตัว กว่าจะเสร็จเรียบร้อยก็วิ่งเข้าวิ่งออกหลายรอบ
เธอกระโจนเข้าไปในชุดนักเรียนด้วยความรวดเร็วดุจสายฟ้าฟาด ถุงเท้ารองเท้าวางรออยู่ในห้องเพื่อให้ย่นระยะทางการเดินไปหาให้สั้นที่สุดในเวลาเช้า ไปสายดีกว่าไม่ไป อย่างดีก็แค่ยืนหลับตาเสียบหูฟังกับวิทยุเครื่องจิ๋วยี่ห้อแมนสันยืนฟังอาจารย์ปกครองเทศนาร่ายรำเวทย์มนต์อยู่ประตูทางเข้าโรงเรียนสักพักเท่านั้น เดี๋ยวท่านก็เหนื่อยหอบเป็นลมแดดตอนเช้าไปเอง แต่พักหลังเห็นมีข่าวว่าท่านใช้วิธีการอัดเทปบันทึกเสียงแล้วเปิดเทปเสียง อาจารย์ก็ออกมายืนลิปซิ้งทำปากขมุบขมิบตามเสียง หนักๆ เข้าท่านก็นำรูปถ่ายขนาดเท่าตัวจริงของท่านติดแผ่นไม้อัด มาวางตั้งหน้าประตูโรงเรียนกลายเป็นอาจารย์เฉยเหมือนจ่าเฉย แล้วเปิดเทปเสียงบ่นบรรยายไม่ต้องเสียเวลามายืนลิปซิ้งให้เมื่อย
ที่จริงฟ้าจะไม่ไปก็ได้ เพราะฟ้าเป็นคนเห็นแก่เรียน อย่างไรต้องไปให้ได้ ฟ้าไม่เคยโดดเรียนเพราะเมื่อย มีแต่นั่งเรียนเป็นประจำพลางสงสัยว่าเพื่อนหลายคนเป็นบ้าอะไรจึงพากันกระโดดเรียน
ขณะกำลังสวมขาเรียวตัวเองเข้ากับถุงเท้ารองเท้าที่มีรูปมาริลีน แมนสันติดอยู่ กำลังจะก้าวเดินออกจากห้องเธอก็สะดุ้งเฮือกสุดร่าง ความคิดบางอย่างพุ่งวาบขึ้นในจิตใจจู่โจมจนใจสะท้านร่างสะเทือน ซวนเซแทบล้มคว่ำ ดีว่ามือคว้าขอบประตูไว้ทันแบบหวุดหวิดหวาดเสียว
วันนี้วันอาทิตย์
วันอาทิตย์คือวันหยุดแสนหวาน บิวตี้ฟูล ซันเดย์ Hi!Hi!Hi!.... Beautiful Sunday. This is my, my, my Beautiful day
When you said, said, said Said that you loved me . Oh, my, my, my It's a beautiful day. .... ทำไมเธอจะต้องไปโรงเรียนด้วยล่ะ.... นั่นนะสิ
เธอน่าจะรู้ตั้งแต่ตอนสะดุ้งตื่นกลางสายแล้ว
ฟ้าตะลึงอึ้งเนินนาน
พักนี้รู้สึกว่าตนเองมีอาการเอ๋อเป๋อบ่อยพิเศษ บางทีอาจเป็นเพราะอานุภาพแห่งรักกระมังที่เข้ามารบกวนจนป่วนปั่นฝันเฟื่อง จะมีอะไรอีกสามารถทำให้สาวน้อยนางหนึ่ง ตกอยู่ในม่านหมอกคล้ายฝันคล้ายจริงวุ่นวายเปะปะได้ขนาดนี้ นอกจากคำว่า”รัก”
เธอนั่งบนเตียงปลงชีวิตรันทดหมดจิต
ก่อนค่อยๆ ถอด ทีละขิ้น.. (อย่าคิดเป็นอื่น)
ถุงเท้าข้างขวาปา...ไปข้างขวา
ถุงเท้าข้างซ้าย...ปาไปข้างซ้าย
รองเท้าข้างขวา....ปาไปข้างขวา
รองเท้าข้างซ้าย...ปาไปข้างซ้าย
ขนาดถอดถุงเท้ารองเท้ายังบรรยายอ้อยอิ่งน่ารำคาญขนาดนี้
เธอนั่งนิ่งพักหนึ่งก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตนเองเป็นคนมีระเบียบเรียบร้อยเหลือเกิน พอคิดได้จึงค่อยๆ ลุกขึ้นเยื้องกายอย่างงดงามไปเก็บรองเท้าถุงเท้าให้เข้าที่เข้าทางวางตามหลักการศาสตร์แห่งศิลป์ ก่อนเดินแบบสโลว์โมชันเพราะไม่รีบร้อนเหมือนเมื่อครู่แล้ว เข้าห้องน้ำอาบน้ำอีกครั้งเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองสีลายดอกสดใส ที่อกเสื้อปักอักษรสีฟ้าคำว่า มาริลีน แมนสัน เด่นเป็นสง่า
สาเหตุที่ว่าอาบน้ำอีกครั้งเพราะเธอชินกับการกลับบ้านทุกครั้งต้องอาบน้ำก่อนเปลี่ยนชุดเสมอ เมื่อครู่เธอเปลี่ยนชุดจึงต้องอาบน้ำตามหลักเพื่อรักษาขนบธรรมเนียมของตัวเอง
อาบน้ำเสร็จ ก็ดึงตัวเองมาจัดการเปิดเครื่องเสียง ป้อนตลับเทปเพลงโปรดเข้าเครื่องที่ฝาเทปรอคอยอยู่ราวลูกนกรออาหาร เร่งเสียงดังฟังพอประมาณ เพื่อฟังเพลงหวานใสของ มาริลีน แมนสัน จากนั้นมานั่งริมหน้าต่างเอามือเท้าคางจ้องมองนิยายภาพบนท้องฟ้าแน่นิ่ง
ฟ้าจ้องมองฟ้า
ความจริงบนท้องฟ้ามีเรื่องราวมากมายหลายหลาก หมุนเวียนเปลี่ยนผันไปตามสายลมและ Time of love ก้อนเมฆสามารถยึดเอาท้องฟ้าเป็นโรงละครแสดงบทบาทมากมายหลายหลาก สร้างเรื่องราวจากวิวทิวทัศน์มากมายเท่าที่ใจจินตนาการฝันไกลไปถึง ท่านที่ไม่เคยชมนิยายและศิลปะบนท้องฟ้าควรจะหาเวลาชมดูจะพบว่ามันสนุกสนานไม่น้อยเลยทีเดียว เจ้าหญิง เจ้าชาย อสุรกาย เรื่องราวเรียงรายฉายฝันอยู่บนแผ่นฟ้าหมุนเวียนแปรเปลี่ยนไปไม่แน่นอนทิ้งไว้เพียงความทรงจำ
แปลกที่วันนี้นิยายภาพบนท้องฟ้าไม่สนุกเท่าที่ควร
ทำไมนะ
เสียงเพลงของวง มาริลีน แมนสัน ที่เคยไพเราะเพราะพริ้งราวมนต์เพลงรักเพลงสวรรค์ วันนี้กลับระคายหูอย่างบอกไม่ถูก อะไรบางอย่างที่รบกวนเธออยู่นะ ฟ้านึกไม่ออกจริงๆ
“โอ..มาริลีน แมนสัน...ยอดรัก ทำไมวันนี้บทเพลงแห่งรักของเธอถึงเป็นเช่นนี้นะ”
ฟ้ารำพึงผ่านไปในสายลมและแสงแดดออกนอกหน้าต่าง สัมผัสแผ่วยอดไม้ไกวไหวเอน สายตาจ้องมองนกน้อยโผบินไล่เรียงสนุกสนานเริงร่าแต่หัวใจสาวน้อยเลื่อนลอยสับสนปนหมอกควันกลางลมหวน สงสัยคงจะมีแต่คนหงุดหงิดอารมณ์เสียพาลพาโล มีแต่คนทะเลาะกับแฟน และคนท้องขึ้นเท่านั้นกระมังจึงจะฟังเพลงไม่เพราะ แต่ฟ้าไม่ได้หงุดหงิดท้องขึ้นหรือทะเลาะกับแฟนเลยสักนิดทำไมไม่เข้าถึงบทเพลงเลยวันนี้
“จั่งซี่มันต้องถอน.......จั่งซี่มันต้องถอน”
ฟ้าผวาสุดตัว ลืมตาโพลง
โถ ...ฟังมาตั้งนานเพิ่งจะนึกได้ว่าเพลงที่เธอฟังอยู่นั้นไม่ใช่เพลงของ มาริลีน แมนสัน สักหน่อย.....นั่นมันเสียงของนักร้องเพลงแนว country ลูกครึ่งนามว่า พอยค่าย มาไลท์พอล ชัดๆ.... มิน่าล่ะวันนี้ไม่ work เลย นี่คงไปหลงหยิบตลับสลับกับใครมาก็ไม่รู้ ตามประสาวัยรุ่นที่มักแลกเปลี่ยนตลับเทปกันฟัง เป็นอย่างนี้ได้อย่างไรกัน ฟ้าไม่เข้าใจตัวเองเลย
ฟ้ารีบเดินไปกดปุ่ม EJECT ข้ามขั้นตอน STOPตามหลัก ความรีบร้อนในการกระชากตลับเทปออกมาอย่างรวดเร็วทำให้เครื่องเล่นเทปกินเส้นเทปไส้ไหลทะลักออกมาเป็นเส้นสายยาวยืดอย่างสยดสยองและหวาดเสียว
“แง่ง..”
เด็กสาวคำรามอย่างโมโหยิ่งดึงเส้นเทปเท่าไรยิ่งไส้ไหลมากเท่านั้น สุดท้ายเลยดึงจนสายเทปขาดคามือ แน่นอนว่าตลับม้วนนั้นไม่พิการก็คางเหลือง สำคัญคือสายเทปบางส่วนพันรุงรังนัวเนียอยู่ในเครื่องจนไม่น่าจะเล่นเพลงได้แล้ว
ฟ้าปาตลับเทปออกไปทางหน้าต่างอย่างเดือดดาล เชอะ..สมน้ำหน้า...อยากไส้ไหลดีนัก อยู่ดีไม่ว่าดี.. และงานหนักรออยู่อีกต่างหาก กว่าจะแคะเอาเศษเส้นเทปออกมาได้คงกินเวลานานเลย
โป๊ก..!!!!
เมี้ยว...!
แม่นราวจับวาง ตลับเทปเจ้าปัญหาลอยลงไปกระทบสิ่งมีชีวิตบางชนิดซึ่งป้วนเปี้ยนอยู่กันสาดชั้นล่างใต้หน้าต่างพอดี เด็กสาวเดินไปชะโงกดู ก็เห็นแมวตัวหนึ่งเงยหน้ามองขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
“อ้อ ปิฬาร์นั่นเอง” ฟ้าร้องทัก จำแมวตัวยาวขาวสวยได้
แมวปิฬาร์ตัวนี้ผู้คนมักเห็นเที่ยวเอาตัวไปห้อยแต่งแต่งแกว่งไปมาตามชายคาบ้าน ต้นไม้ โดยการใช้เท้าเพียงข้างเดียวเกาะเกี่ยวไว้อยู่พักหนึ่ง หลังจากที่ฟ้าพาแมวตัวนี้มานั่งดูวีซีดีเรื่อง mission impossible 2 ซึ่งนำแสดงโดย ทอม ครูด ตอนต้นของภาพยนตร์มีฉากพระเอกปีนหน้าผาสูงชัน มีครั้งหนึ่งทอม ครูด กระโจนไปเกาะแง่งหินแล้วลื่นครูดลงมาก่อนจะใช้มือข้างเดียวเหนี่ยวตัวไว้กับรอยแยกเล็กๆ ของหินแขวนต่องแต่งบนหน้าผาสูงชนิดแบบเหลือเชื่อ
หลังจากนั้นมาแมวปิฬาร์ก็เที่ยวเอาตัวเองไปห้อยตามสถานที่ต่างๆ เท่าที่หาได้ ไม่ว่าจะเป็นหลังคาบ้าน กิ่งไม้ เสาไฟฟ้า จนเป็นที่สังเกตของชาวบ้านหลายวัน
“ขอโทษจ้ะ ปิฬาร์จ๋า”
ฟ้าอ้อนเสียงหวาน ด้วยความเป็นคน อัชฌาสัยดี เธอพูดจาสุภาพเรียบร้อยเสมอไม่ว่าจะคนหรือแมว
“เมี้ยว...”
แมวปิฬาร์สะบัดหน้าอย่างงอนๆ ยกขาหน้าลูบหัวตัวเองไปมา
“น่าเย็นนี้จะเลี้ยงปลาทูสามตัวเลย”
“เมี้ยว...”
แมวปิฬาร์หันหน้ามามองร้องอย่างคาดคั้น
“ฟ้าขอสัญญาด้วยเกียรติของเนตรนารี “
“เมี้ยว...”
แมวปิฬาร์ร้องอย่างพอใจ ยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนเดินยิ้มจากไป (มีบทโผล่มาเล็กน้อยกันคนลืม)
ฟ้าถอนใจ แมวร้องเสียงเมี้ยวเสียงเดียวเท่านั้นก็สามารถแสดงหลายอารมณ์ ฟังรู้เรื่อง ทำให้สงสัยว่าเธอเอง หรือแมวปิฬาร์กันแน่ที่แสนรู้จนคุยกันรู้เรื่อง เพราะหลายครั้งกับคนด้วยกันพูดเรื่องเดียวกัน พูดภาษาเดียวกันแท้ๆ กลับคุยกันไม่รู้เรื่องจนหน้าดำหน้าแดง น่าอายแมวไหมล่ะ....นึกแล้วอยากเป็นแมวดูสักวันแต่ก็กลัวหลงใหลในภาษาแมวจนลืมภาษาคน
ฟ้าถอนใจ นั่งแกะเศษเส้นเทปออกจากลูกกลิ้งเทปทีละน้อย โดยท่องคาถา แมนสัน...แมนสัน..เป็นกำลังใจ
เสียงกริ่งโทรศัพท์ดังขึ้น
ใครโทรมานะ จะว่าแมนสัน ก็ไม่ใช่เพราะเธอไม่เคยให้เบอร์โทรเขาเลย และแมนสันก็ไม่เคยขอเบอร์โทรจากเธอ สรุปว่าต่างฝ่ายไม่เคยพบหน้ากัน แบบว่าฟ้าเป็นไปเองอยู่ข้างเดียว แต่เสียงโทรศัพท์เหมือนมีมนต์สะกดวิญญาณ ทำให้ใครต่อใครไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ ต้องทิ้งธุระวิ่งแจ้นมารับปานโดนอาถรรพ์ ทั้งที่ไม่รู้ว่าใครโทรมาด้วยซ้ำ นับว่าเป็นเรื่องแปลกมากว่าคนเราให้ความสำคัญกับเสียงโทรศัพท์ขนาดนี้
“สวัสดีค่ะ ฟ้าค่ะ”
“น้องฟ้าเหรอครับ นี่ผมซันนะครับ”
เสียงทุ่มนุ่มกังวานแบบเดียวกับมาตรฐานพระเอก ดังชิดหู
ซันไหนกัน...ฟ้าขมวดคิ้วนึก...สักพักเริ่มจำได้พลันรู้สึกเหมือนแก้วหูลั่นเปรี้ยะประกายดาวสีฟ้ากระจายเต็มหน้าร่างกายชาดิกไปชั่วขณะ มันเป็นไปได้อย่างไรเพราะกับนายคนนี้ฟ้าก็ไม่เคยให้เบอร์โทรมาก่อนเลย
.................