MGR Online - กองปราบตามรวบแก๊งชาวจีนปลอมบัตรเครดิต และพาสปอร์ต ได้ผู้ต้องหา 5 ราย พร้อมของกลางบัตรอิเล็กทรอนิกส์ รวม 182 ใบ, คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก พร้อมโปรแกรมสำหรับเขียนบัตร 3 เครื่อง, หนังสือเดินทาง 11 เล่ม มูลค่าความเสียหายกว่า 180 ล้านบาท
วันนี้ (3 ม.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รอง ผบช.ก.รรท.ผบก.ป. พ.ต.อ.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ป. นายพงษ์สิทธิ์ ชัยฉัตรพรสุข รองผู้จัดการใหญ่ สายบริหารการป้องกันอาชญากรรมทางการเงินและความปลอดภัย
ร่วมแถลงข่าวจับแก๊งชาวจีนปลอมบัตรเครดิตและพาสปอร์ต นายจือ เจี้ยน (Mr. Zu Jian) อายุ 42 ปี, นายชุย เยิน เฉิน (Mr.Cui Yuanchang) อายุ 31 ปี, นายแทน กัว ผิง (Mr.Tan Guo Ping) อายุ 40 ปี, น.ส.จู กัว ผิง (Mr.Zhu Guo Ping) อายุ 53 ปี และนายหลิว ซื่อ จิ่ง (Mr.Liu Shijin) อายุ 42 ปี พร้อมของกลาง บัตรอิเล็กทรอนิกส์ รวม 182 ใบ, เครื่องรับบัตรเครดิต, เครื่องอ่านบัตรอิเล็กทรอนิกส์ 6 เครื่อง, เครื่องตอกเลขและตัวอักษรที่บัตร, เครื่องเคลือบพร้อมกระดาษฟอยล์สำหรับเคลือบบัตร, เครื่องพิมพ์หน้าบัตร, คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กพร้อมโปรแกรมสำหรับเขียนบัตร 3 เครื่อง, หนังสือเดินทาง 11 เล่ม รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 180 ล้านบาท โดยสามารถจับกุมได้เมื่อวันที่ 1 ม.ค. ที่ผ่านมา
พ.ต.อ.พันธนะ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 ม.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ป. รับแจ้งจากพนักงานธนาคารไทยพาณิชย์ ว่า มีบุคคล 2 คน นำบัตรเครดิตผู้อื่นมาซื้อสินค้าที่ร้านทอง SRT ภายในห้างบิ๊กซี สาขาราชดำริ โดยใชับัตร 2 ใบ แต่เมื่อตรวจสอบพบว่าใบหนึ่งถูกอายัดไว้ และอีกใบหนึ่งเป็นของปลอม จึงประสานเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบว่า 1 ใน 2 ผู้ต้องสงสัยได้หลบหนีไป เหลือแต่ นายจื้อ เจี้ยน ตรวจค้นพบพาสปอร์ตที่มีรูปหน้าตนเอง แต่ระบุชื่อบุคคลอื่น จึงควบคุมตัวพาไปขยายผลที่ห้องพักห้องเลขที่ 418 ของโรงแรมเดอะทิโวลี่ สาทรซอย 1 พบบัตรเครดิตปลอมจำนวนหนึ่ง ขณะเดียวกัน ที่โรงแรมดังกล่าวพบ นายชุ่ย เยิน เฉิน กำลังจะขับรถมิตซูบิชิ ปาเจโร ป้ายทะเบียนจีน กำลังจะหลบหนี จึงเข้าควบคุมตัว ค้นภายในรถพบบัตรเครดิตและอุปกรณ์ทำบัตรเครดิตปลอมจำนวนมาก ก่อนขยายผลตรวจค้นห้องเลขที่ 420 พบเครื่องอ่านบัตร และพาสปอร์ตอีกจำนวนมาก หนึ่งในพาสปอร์ตนั้นมีหน้าของ นายชุ่ย เยิน เฉิน แต่ใช้ชื่อของบุคคลอื่น ซึ่งเป็นพาสปอร์ตปลอม
พ.ต.อ.พันธนะ กล่าวว่า ต่อมาทราบว่า รถมิตซูบิชิ ปาเจโร ดังกล่าวเป็นของ นายแทน กัว ผิง เช่ามาจากประเทศจีน ซึ่งพักอยู่ที่ รร.มาเลเซีย ย่านสาทรซอย 1 จึงเดินทางไปตรวจสอบพบพักอยู่ในห้อง 317 เข้าตรวจค้นพบบัครเครดิตอีกจำนวนหนึ่ง เป็นบัตรปลอม จากนั้นขยายผลพบ น.ส.จู กัว ผิง ซึ่งพนักงานโรงแรมชี้ตัวยืนยันว่า เดินทางเข้าพักพร้อมกับ นายแทน กัว ผิง เมื่อตรวจค้นพบบัตรเครดิตจำนวนหนึ่ง ต่อมาเมื่อวันที่ 2 มกราคม เวลา 14.00 น. ขยายผลพบ นายหลิว ซื่อ จิ่ง รูปพรรณเหมือนกับภาพถ่ายตามหนังสือเดินทางที่ตรวจยึดได้ก่อนหน้านี้ ที่บริเวณโรงแรมเดอะทิโวลี่ จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่ บก.ป. อย่างไรก็ตาม จากการขยายผลพบว่า มีผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน อยู่ระหว่างติดตามจับกุมต่อไป นอกจากนี้ ยังพบบัตรเครดิตไชน่ายูเนียสเปย์ ตรวจสอบเป็นบัตรจริง จึงมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อยู่ระหว่างตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม จากการสืบสวนทราบว่านายชุ่ย เยิน เฉิน และ นายหลิว ซื่อ จิ่ว เป็นหัวหน้าขบวนการดังกล่าว
สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้นำบัตรเครดิตปลอม และพาสปอร์ตปลอมตระเวนซื้อสินค้า เช่น ทองรูปพรรณในประเทศไทย ก่อนนำไปจำหน่ายแลกเปลี่ยนเป็นเงินสด แล้วนำเงินฝากเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย ชื่อ นายหยง หวง (Mr.Yong Huang) และธนาคารในต่างประเทศ อยู่ระหว่างติดตามขยายผล โดยเดินทางเข้าและออกประเทศไทยมานานกว่า 8 เดือน ซึ่งแต่ละครั้ง จะมาอาศัยอยู่ประมาณ 1 - 2 สัปดาห์ ทั้งนี้ พวกตนจะได้เงินส่วนต่างจากการรูดซื้อสินค้า ร้อยละ 60 ก่อนนำมาแบ่งกัน ขณะที่ นายพงษ์สิทธิ์ กล่าวว่า กลุ่มผู้ต้องหามักนำข้อมูลบัตรเครดิต จากอินเทอร์เน็ต และจากร้าน ซึ่งเป็นข้อมูลจริง มาผลิตผ่านเครื่องแล็บทอป ก่อนจะทำการตอกบัตร ตอกตัวเลขเสมือนจริง จากนั้นจึงนำไปซื้อของที่มีมูลค่าสูงจากบริษัทห้างร้านต่าง ๆ โดยจะนำข้อมูลมาจากอินเทอร์เน็ตและร้านค้าที่ลับตาคน จึงฝากเตือนประชาชนที่ใช้บัตรเครดิตให้ระมัดระวังในการนำไปใช้จ่ายทุกครั้ง พยายามจับตามองพนักงานทุกครั้งที่นำบัตรเครดิตไปรูดที่เคาน์เตอร์ เพื่อป้องกันความเสียหาย
เบื้องต้นแจ้งข้อหา นายจือ เจี้ยน, นายชุย เยิน เฉิน, นายแทน กัว ผิง, น.ส.จู กัว ผิง และ นายหลิว ซื่อ จิ่ง ว่า ร่วมกันนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งเครื่องมือ หรือวัตถุสำหรับปลอมหรือแปลงบัตรอิเล็กทรอนิกส์ ส่วน น.ส.จู กัว ผิง เพิ่มข้อหา มีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบและทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสียหรือทำให้สูญหาย ซึ่งเอกสารที่เจ้าพนักงานได้ยึดไว้เพื่อส่งเป็นพยานหลักฐาน เนื่องจากขณะควบคุมตัวผู้ต้องหาคนดังกล่าวได้ลอบนำพาสปอร์ตปลอมที่มีใบหน้าของตนฉีกทำลายทิ้ง ก่อนนำตัวทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ดำเนินคดีต่อไป

เครื่องปั๊มตัวนูนบัตรเครดิตสไตล์จีน ขนาดกะทัดรัดกว่าของอเมริกา พร้อมฟอยล์สีเงินและสีทอง

สาวหมวยผิวขาวและสมาชิกร่วมแกงค์ชาวจีน
กองปราบรวบแก๊งค์ชาวจีนสุดยอดไฮเทคปลอมบัตรเครดิต-พาสปอร์ตเสียหาย 180 ล้าน
วันนี้ (3 ม.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รอง ผบช.ก.รรท.ผบก.ป. พ.ต.อ.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ป. นายพงษ์สิทธิ์ ชัยฉัตรพรสุข รองผู้จัดการใหญ่ สายบริหารการป้องกันอาชญากรรมทางการเงินและความปลอดภัย
ร่วมแถลงข่าวจับแก๊งชาวจีนปลอมบัตรเครดิตและพาสปอร์ต นายจือ เจี้ยน (Mr. Zu Jian) อายุ 42 ปี, นายชุย เยิน เฉิน (Mr.Cui Yuanchang) อายุ 31 ปี, นายแทน กัว ผิง (Mr.Tan Guo Ping) อายุ 40 ปี, น.ส.จู กัว ผิง (Mr.Zhu Guo Ping) อายุ 53 ปี และนายหลิว ซื่อ จิ่ง (Mr.Liu Shijin) อายุ 42 ปี พร้อมของกลาง บัตรอิเล็กทรอนิกส์ รวม 182 ใบ, เครื่องรับบัตรเครดิต, เครื่องอ่านบัตรอิเล็กทรอนิกส์ 6 เครื่อง, เครื่องตอกเลขและตัวอักษรที่บัตร, เครื่องเคลือบพร้อมกระดาษฟอยล์สำหรับเคลือบบัตร, เครื่องพิมพ์หน้าบัตร, คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กพร้อมโปรแกรมสำหรับเขียนบัตร 3 เครื่อง, หนังสือเดินทาง 11 เล่ม รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 180 ล้านบาท โดยสามารถจับกุมได้เมื่อวันที่ 1 ม.ค. ที่ผ่านมา
พ.ต.อ.พันธนะ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 ม.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ป. รับแจ้งจากพนักงานธนาคารไทยพาณิชย์ ว่า มีบุคคล 2 คน นำบัตรเครดิตผู้อื่นมาซื้อสินค้าที่ร้านทอง SRT ภายในห้างบิ๊กซี สาขาราชดำริ โดยใชับัตร 2 ใบ แต่เมื่อตรวจสอบพบว่าใบหนึ่งถูกอายัดไว้ และอีกใบหนึ่งเป็นของปลอม จึงประสานเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบว่า 1 ใน 2 ผู้ต้องสงสัยได้หลบหนีไป เหลือแต่ นายจื้อ เจี้ยน ตรวจค้นพบพาสปอร์ตที่มีรูปหน้าตนเอง แต่ระบุชื่อบุคคลอื่น จึงควบคุมตัวพาไปขยายผลที่ห้องพักห้องเลขที่ 418 ของโรงแรมเดอะทิโวลี่ สาทรซอย 1 พบบัตรเครดิตปลอมจำนวนหนึ่ง ขณะเดียวกัน ที่โรงแรมดังกล่าวพบ นายชุ่ย เยิน เฉิน กำลังจะขับรถมิตซูบิชิ ปาเจโร ป้ายทะเบียนจีน กำลังจะหลบหนี จึงเข้าควบคุมตัว ค้นภายในรถพบบัตรเครดิตและอุปกรณ์ทำบัตรเครดิตปลอมจำนวนมาก ก่อนขยายผลตรวจค้นห้องเลขที่ 420 พบเครื่องอ่านบัตร และพาสปอร์ตอีกจำนวนมาก หนึ่งในพาสปอร์ตนั้นมีหน้าของ นายชุ่ย เยิน เฉิน แต่ใช้ชื่อของบุคคลอื่น ซึ่งเป็นพาสปอร์ตปลอม
พ.ต.อ.พันธนะ กล่าวว่า ต่อมาทราบว่า รถมิตซูบิชิ ปาเจโร ดังกล่าวเป็นของ นายแทน กัว ผิง เช่ามาจากประเทศจีน ซึ่งพักอยู่ที่ รร.มาเลเซีย ย่านสาทรซอย 1 จึงเดินทางไปตรวจสอบพบพักอยู่ในห้อง 317 เข้าตรวจค้นพบบัครเครดิตอีกจำนวนหนึ่ง เป็นบัตรปลอม จากนั้นขยายผลพบ น.ส.จู กัว ผิง ซึ่งพนักงานโรงแรมชี้ตัวยืนยันว่า เดินทางเข้าพักพร้อมกับ นายแทน กัว ผิง เมื่อตรวจค้นพบบัตรเครดิตจำนวนหนึ่ง ต่อมาเมื่อวันที่ 2 มกราคม เวลา 14.00 น. ขยายผลพบ นายหลิว ซื่อ จิ่ง รูปพรรณเหมือนกับภาพถ่ายตามหนังสือเดินทางที่ตรวจยึดได้ก่อนหน้านี้ ที่บริเวณโรงแรมเดอะทิโวลี่ จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่ บก.ป. อย่างไรก็ตาม จากการขยายผลพบว่า มีผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน อยู่ระหว่างติดตามจับกุมต่อไป นอกจากนี้ ยังพบบัตรเครดิตไชน่ายูเนียสเปย์ ตรวจสอบเป็นบัตรจริง จึงมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อยู่ระหว่างตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม จากการสืบสวนทราบว่านายชุ่ย เยิน เฉิน และ นายหลิว ซื่อ จิ่ว เป็นหัวหน้าขบวนการดังกล่าว
สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้นำบัตรเครดิตปลอม และพาสปอร์ตปลอมตระเวนซื้อสินค้า เช่น ทองรูปพรรณในประเทศไทย ก่อนนำไปจำหน่ายแลกเปลี่ยนเป็นเงินสด แล้วนำเงินฝากเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย ชื่อ นายหยง หวง (Mr.Yong Huang) และธนาคารในต่างประเทศ อยู่ระหว่างติดตามขยายผล โดยเดินทางเข้าและออกประเทศไทยมานานกว่า 8 เดือน ซึ่งแต่ละครั้ง จะมาอาศัยอยู่ประมาณ 1 - 2 สัปดาห์ ทั้งนี้ พวกตนจะได้เงินส่วนต่างจากการรูดซื้อสินค้า ร้อยละ 60 ก่อนนำมาแบ่งกัน ขณะที่ นายพงษ์สิทธิ์ กล่าวว่า กลุ่มผู้ต้องหามักนำข้อมูลบัตรเครดิต จากอินเทอร์เน็ต และจากร้าน ซึ่งเป็นข้อมูลจริง มาผลิตผ่านเครื่องแล็บทอป ก่อนจะทำการตอกบัตร ตอกตัวเลขเสมือนจริง จากนั้นจึงนำไปซื้อของที่มีมูลค่าสูงจากบริษัทห้างร้านต่าง ๆ โดยจะนำข้อมูลมาจากอินเทอร์เน็ตและร้านค้าที่ลับตาคน จึงฝากเตือนประชาชนที่ใช้บัตรเครดิตให้ระมัดระวังในการนำไปใช้จ่ายทุกครั้ง พยายามจับตามองพนักงานทุกครั้งที่นำบัตรเครดิตไปรูดที่เคาน์เตอร์ เพื่อป้องกันความเสียหาย
เบื้องต้นแจ้งข้อหา นายจือ เจี้ยน, นายชุย เยิน เฉิน, นายแทน กัว ผิง, น.ส.จู กัว ผิง และ นายหลิว ซื่อ จิ่ง ว่า ร่วมกันนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งเครื่องมือ หรือวัตถุสำหรับปลอมหรือแปลงบัตรอิเล็กทรอนิกส์ ส่วน น.ส.จู กัว ผิง เพิ่มข้อหา มีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบและทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสียหรือทำให้สูญหาย ซึ่งเอกสารที่เจ้าพนักงานได้ยึดไว้เพื่อส่งเป็นพยานหลักฐาน เนื่องจากขณะควบคุมตัวผู้ต้องหาคนดังกล่าวได้ลอบนำพาสปอร์ตปลอมที่มีใบหน้าของตนฉีกทำลายทิ้ง ก่อนนำตัวทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ดำเนินคดีต่อไป
เครื่องปั๊มตัวนูนบัตรเครดิตสไตล์จีน ขนาดกะทัดรัดกว่าของอเมริกา พร้อมฟอยล์สีเงินและสีทอง
สาวหมวยผิวขาวและสมาชิกร่วมแกงค์ชาวจีน