2558 ปีแห่งความเลวร้ายของ บจ. ใหญ่

กระทู้ข่าว

ปีแห่งความเลวร้ายของ บจ. ใหญ่
โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2559


          ปี 2558 ที่กำลังจะลาลับไป ภายในตลาดทุนเต็มไปด้วยข่าวร้ายจนกดดัชนีปิดที่ระดับ 1,288.02 จุด ลดลง 209.65 จุด คิดเป็นประมาณ 14% จากปี 2557 ไม่ว่าจะเป็นกรณีใช้ข้อมูลวงในซื้อขายหุ้นบริษัท สยามแม็คโคร (MAKRO) ระหว่างเจรจาซื้อหุ้นของผู้บริหารในบริษัท ซีพี ออลล์ และราคาน้ำมันที่ลดลงต่ำสุดในรอบ 11 ปี ฉุดหุ้นกลุ่ม ปตท. (PTT) ที่มี น้ำหนักต่อตลาดประมาณ 40% ร่วงระนาว หนำซ้ำบริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี (SSI) ยังขาดทุนมโหฬารจากการปิดบริษัทลูกในอังกฤษ กระเทือนธนาคารเจ้าหนี้ 3 แห่ง



          CPALL ช็อกวงการ
          เรื่องที่ช็อกวงการที่สุด คง หนีไม่พ้นการที่คณะกรรมการเปรียบเทียบ สำนักงานคณะกรรมการ กำกับหลักทรัพย์และตลาด หลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีคำสั่งเปรียบเทียบปรับ ก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานกรรมการบริหาร ปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล และ พิทยา เจียรวิสิฐกุล กรรมการ บริษัท ซีพี ออลล์ (CPALL) และ อธึก อัศวานันท์ รองประธานกรรมการ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) กรณีอาศัยข้อมูลภายในซื้อหุ้น MAKRO เป็นเงินรวม 33,339,500 บาท และเปรียบเทียบ สมศักดิ์ เจียรวิสิฐกุล และ อารียา อัศวานันท์ ที่ให้การช่วยเหลือสนับสนุนเป็นเงินรายละ 333,333.33 บาท เช่นเดียวกับที่เคยเปรียบเทียบปรับระดับผู้นำบริษัทจดทะเบียน (บจ.) อื่นมา ตลอดปีนี้ คือ รัตนชัย ผาตินาวิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ ไพบูลย์ ทองระอา กรรมการ บริษัท อีเอ็มซี เสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเอ็มโอ

          แต่เรื่องของ CPALL มีความพิเศษตรงที่ว่า ประธานกรรมการบริหารเปิดแถลงข่าวยอมรับผิดและให้เหตุผลว่าไม่รู้ ถ้ารู้คงไม่ทำ และกล่าวว่าเสียค่าปรับก็จบ ส่วนนักลงทุนจะขายหุ้นออกหรือไม่ก็แล้วแต่จะเลือกลงทุนในบริษัทมีกำไรดี หรือจะซื้อหุ้นที่มีธรรมาภิบาล แต่กำไรไม่โต แต่จะไม่ยอมลาออก สำหรับเรื่องนี้ได้รายงานให้คณะกรรมการทราบแล้ว และคณะกรรมการอิสระก็มีมติให้ผู้บริหารทั้ง 3 คน ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป เพราะไม่สามารถหาใครมาทดแทนได้

          ภายหลังการแถลงข่าวหุ้น CPALL ร่วงแรงต่อเนื่องหลายวัน สมาคมจัดการกองทุน (บลจ.) ขอคำตอบจากคณะกรรมการ CPALL ภายในเดือน ม.ค. 2559 หากไม่ได้รับคำตอบเป็นที่น่าพอใจ นักลงทุนสถาบันในประเทศที่ถือหุ้นนี้จะขายหุ้น CPALL ออก

          วรวรรณ ธาราภูมิ ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า กรณีของ CPALL ไม่ใช่เรื่องเฉพาะบริษัทแต่สะท้อนภาพรวมของบรรษัทภิบาลของประเทศ   ซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องติดตามกันต่อไปว่า กลุ่มซีพีจะแก้ปัญหาเรื่องภาพลักษณ์ต่อไปอย่างไร

          กลุ่ม ปตท.ขาดทุนยับฉุดกำไรบจ.
          ผล จากราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างหนักได้ฉุดหุ้น กลุ่ม ปตท. (PTT) ลดลงไปด้วย จนกระทั่งล่าสุดราคาน้ำมันลงมาต่ำสุดในรอบ 11 ปี ที่ 35 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ในเดือน ธ.ค.ได้ฉุดหุ้นกลุ่ม PTT ร่วงลงหนักเพราะคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 4 กลุ่มนี้จะมีผลขาดทุน อีกจากการขาดทุนสต๊อกน้ำมัน

          ไตรมาส 3 ปี 2558 ที่ผ่านมา กลุ่ม PTT ขาดทุนรวม 7.4 หมื่นล้านบาท เมื่อรวมกับผลขาดทุนของ SSI ที่ขาดทุนสุทธิ 3.3 หมื่นล้านบาท ได้ฉุดกำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ของทั้งตลาดหลักทรัพย์แห่ง ประเทศไทย (ตลท.) ลดลงหนัก เฉพาะ PTT ขาดทุน 2.6 หมื่นล้านบาท บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ ปตท.สผ. (PTTEP) ขาดทุน 4.6 หมื่นล้านบาท และบริษัท ไทยออยล์ (TOP) ขาดทุน 2,290 ล้านบาท

          ทั้ง นี้ บจ.ทั้ง ตลท.มีกำไรสุทธิไตรมาส 3 รวม 27,041 ล้านบาท ลดลง 87% จากงวดเดียวกันปีก่อน
และจากไตรมาสก่อนหน้าส่ง นับเป็นว่าลดลงต่ำสุดในรอบ 7 ปี หรือตั้งแต่มีวิกฤตเลย์แมนปี 2551 ส่งผลให้งวด 9 เดือนแรกของปี 2558 บจ.ทั้งตลาดมีกำไรสุทธิรวม 4.6 แสนล้านบาท ลดลง 26% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลให้อัตราราคาหุ้นเทียบกับกำไรสุทธิต่อหุ้น (พี/อี) ของตลาดหุ้นไทย ณ วันที่ 20 พ.ย. 2558 พุ่งขึ้นเป็น 24.58 เท่า เรียกได้ว่าแพงสุดในภูมิภาคเอเชีย

          วิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน PTT คาดว่า แนวโน้มกำไรสุทธิในปี 2559 จะยังไม่สามารถกลับไปทำได้เท่าอดีตที่ระดับ 1 แสนล้านบาท ซึ่งช่วงนั้นราคาน้ำมันเคยขึ้นไปสูงถึง 100 เหรียญสหรัฐ  โดยประเมินราคาน้ำมันในปีหน้าจะมีโอกาสปรับขึ้นได้ไม่มาก ประมาณ 5-10 เหรียญสหรัฐ ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ PTTEP  ไม่สามารถกลับไปทำกำไรได้สูง  ทั้งนี้ ปตท.รับรู้กำไรจาก PTTEP สัดส่วนประมาณ 1 ใน 3 ของกำไรทั้งหมด ส่วนกำไรที่เหลือเป็นธุรกิจของ ปตท.และธุรกิจในเครือของบริษัท

          เทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PTT กล่าวว่า คณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติแผนการลงทุน 5 ปี (ปี 2559-2563) วงเงินรวม 296,649 ล้านบาท แบ่งเป็นปี 2559 มูลค่า 50,839  ล้านบาท  67,514  ล้านบาท 58,306 ล้านบาท 68,517 ล้านบาท  และ 51,473 ล้านบาท ตามลำดับ

          เพ็ญจันทร์ จริเกษม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานการเงินและการบัญชี  PTTEP กล่าวว่า คาดผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2558 ดีกว่า ไตรมาส 3/2558 หลังไม่มีบันทึกผลขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์

          อย่างไรก็ตาม อัตราแลกเปลี่ยนนับเป็นอีกตัวแปรที่มีผลต่อผลประกอบการของ PTTEP  กรณีบาทอ่อนค่าทุก 1 บาทต่อเหรียญสหรัฐ จะส่งผลให้ขาดทางบัญชีราว 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งหากแนวโน้มเงินบาทยังอ่อนตัวลงอีก มีโอกาสกระทบต่อผลงานของบริษัท

          สมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTTEP กล่าวว่า บริษัทปรับแผนการดำเนินงาน 5 ปี (2559-2563) รวม 17,765 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยปรับลดรายจ่ายของทุกปี เช่นในปี 2559 เหลือจำนวน 3,443 ล้านเหรียญสหรัฐ  ส่งผลให้มีปริมาณการขายปิโตรเลียมเฉลี่ย 3.33 แสนบาร์เรล

          SSI ฉุดกำไรธนาคารเจ้าหนี้
          ผล จากการที่ศาลรับคำร้องปิดกิจการ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี ยูเค (SSI UK) บริษัทย่อยของบริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี (SSI) ส่งผลให้สินทรัพย์ของ SSI UK เข้าสู่กระบวนการชำระบัญชีทันที และทำให้ SSI ต้องบันทึกการด้อยค่าสินทรัพย์ และรับรู้ผลขาดทุนจากเงินลงทุน จากบริษัทย่อยดังกล่าว 27,480 ล้านบาท ยอดหนี้คงค้างระหว่างกันอีก 6,250 ล้านบาท

          นอกจากนั้นหนี้ของ SSI UK ที่จะต้องบันทึกหนี้สินเพิ่มและรับรู้ผลขาดทุนหนี้ทั้งหมดที่เกิดขึ้นแก่ SSI ทั้งนี้บริษัทแม่และบริษัทลูกได้ฉุดฐานะทางการเงินของธนาคารเจ้าหนี้ 3 แห่ง จนธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ต้องขายหุ้นบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) ทั้งหมดให้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มากกว่า 9 ล้านหุ้น  มูลค่าทั้งสิ้น 4,461.19 ล้านบาท

          ฉุดกำไรธนาคาร พาณิชย์ทั้งระบบโดยไตรมาส  มีกำไรเหลือเพียง 45,228 ล้านบาท ลดลง 9,062 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 16.69%  และ 9 เดือน ปีนี้มีกำไรสุทธิรวม 149,303 ล้านบาท ลดลง 8,318 ล้านบาท หรือประมาณ 5.27% จากที่มีกำไรสุทธิ 157,621 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันปีก่อน

          ทั้งนี้ เพราะการตั้งสำรองหนี้สูญหนี้สงสัยจะสูญและขาดทุนจากการด้อยค่าลูกหนี้ราย ใหญ่ กลุ่ม SSI โดยธนาคารไทยพาณิชย์มีค่าใช้จ่ายส่วนนี้ถึง 1.1 หมื่นล้านบาท กดดันให้กำไรสุทธิไตรมาส 3 ลดลงถึง 32% เหลือ 9,018 ล้านบาท สำหรับ ธนาคารกรุงไทย (KTB) กำไรลดลงแรงถึง 41.91% หรือหายไป 3,879 ล้านบาท คงเหลือกำไรสุทธิเพียง 5,346 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ปีนี้

          ขณะ ที่บริษัท ทิสโก้ ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) ไตรมาส 3 มีกำไรสุทธิ 810 ล้านบาท ลดลง 34%   SSI เป็นหนี้ TISCO เกือบ 4,400 ล้านบาท

          ชาตรี จันทรงาม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายควบคุมการเงิน และบริหารความเสี่ยงกลุ่มทิสโก้ คาดว่า  สถานการณ์ธนาคารน่าจะกลับมาปกติได้ในช่วงไตรมาส 4 เป็นต้นไป



          พายุถล่มหุ้นสื่อสาร
          หุ้น มือถือแดงเถือกทั้งกลุ่ม อย่างที่คาดการณ์ หลังผลประมูลใบอนุญาต 4จี คลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ พลิกล็อก กลุ่มบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) เบียดขึ้นมาเป็นผู้ชนะในราคาสูง 75,654 ล้านบาท บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ไปในราคา  76,298 ล้านบาท  ส่วนคลื่น 1800 TRUE คว้าชัยชนะ 39,792 ล้านบาท และบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC)  ได้มูลค่า 40,986 ล้านบาท ส่วนบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) คว้าอะไรไม่ได้เลย ทำให้ธุรกิจมีความเสี่ยงสูง กดดันหุ้นรูดลงแรง  ล่าสุดวันที่ 30 ธ.ค. 2558  ปิดที่ 30.25 บาท ADVANC เหลือ 152  บาท ทุบหุ้นแม่ อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) ปิดที่  52 บาท  TRUE  ปิดที่ 6.70 บาท และ JAS  เหลือ 3.24 บาท

          ผู้บริหาร JAS กล่าวว่า กำลังเจรจากับพันธมิตรในเอเชียกว่า 2 ราย สำหรับการเข้ามาเล่นในตลาดมือถือรายใหม่และใกล้สรุปกับ บริษัท กสท โทรคมนาคม  โดยแจสฯ มีแผนจะเช่าใช้เสาสัญญาณของ กสท จำนวน 1,000-1,300 ต้น คาดจะสรุปเสร็จ ในเดือน ม.ค. 2559 พร้อมหารือในการแลกเปลี่ยนการใช้งานคลื่นความถี่ระหว่างกันด้วย

          บริษัท หลักทรัพย์ (บล.) เครดิตสวิสลดน้ำหนักกลุ่มสื่อสารน้อยกว่าตลาด และเปลี่ยนคำแนะนำเป็นขายหุ้น JAS พร้อมลดราคาเป้าหมายลง รวมถึง TRUE, ADVANC เหลือ 219 บาท, DTAC จาก 93 บาท ลงสู่ 58 บาท ธนาคารแห่งอเมริกา เมอร์ริล ลินซ์ ลดราคาหุ้น DTAC จาก 83 บาท ลงสู่ 45 บาท ADVANC ลงสู่ 255 บาท และ TRUE เหลือ 7.4 บาท ส่วน เจ.พี.มอร์แกน ลดราคา DTAC เหลือ 30 บาท

          แห่ลงทุนโซลาร์ฟาร์มญี่ปุ่น
          ผล จากการที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เลื่อนจับสลากโครงการโซลาร์สหกรณ์ออกไปเป็นต้นปี 2559  เป็นการเลื่อนรอบที่สอง จากเดิมจะจับสลากวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจำนวนมากจาก ผู้ร่วมเสนอโครงการที่ไม่ผ่าน   ส่งผลเสียต่อบริษัทที่มีแผนจะเข้าร่วมโครงการนี้ความฝันของนักธุรกิจพลังงาน ทดแทนคงต้องค้างต่อไป

          นักธุรกิจพลังงานทดแทนในประเทศไทยนั้น มีอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจนี้อย่างหนัก อุปสรรคแรก คือ การได้มาซึ่งใบอนุญาต อุปสรรคที่สอง คือ การบริหารจัดการเพื่อให้โครงการอยู่ร่วมกับชุมชนได้ดี ที่แค่สองอุปสรรคนี้ก็เพิ่มต้นทุนให้มหาศาล นี่ยังไม่นับรวมค่าไฟฟ้าส่วนเพิ่มที่รัฐบาลอุดหนุนลดลง ผิดไปจากผู้ได้ใบอนุญาตใบแรกๆ

          ดังนั้น จึงมีหลายบริษัทได้ซุ่มเจรจาและทำบันทึกข้อตกลงเบื้องต้น (เอ็มโอยู) เพื่อร่วมทุนลงทุนพลังงานทดแทนในญี่ปุ่น อาทิ บริษัท ไทย-เยอรมัน โปรดักส์ หรือ TGPRO เอ็มโอยู กับบริษัท ยูเมย่า ประเทศญี่ปุ่น เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนโซลาร์ฟาร์ม ปริมาณพลังงานไฟฟ้า 20 เมกะวัตต์ ที่ประเทศญี่ปุ่น รวมถึงบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์  ที่อยู่ในระหว่างเจรจา เพื่อร่วมลงทุนในการร่วมทุนโครงการโซลาร์ฟาร์มรายละ 20 เมกะวัตต์ เช่นเดียวกันคือ บริษัท สตาร์ เอ็นเนอร์ยี่ และบริษัท สากล เอนเนอยี


ข้อมูลแหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2559 (หน้า A14)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่