ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ณ แดนพุทธภูมิ ประเทศอินเดีย

“ดูก่อนอานนท์ หลังจากเราตถาคตปรินิพพานจากไปแล้ว หากพวกเธอมีความรำลึกถึงเรา และเดินตามรอยแห่งเรา
จงพากันกราบไหว้บูชาสังเวชนียสถานทั้ง ๔ ของเรา คือ
ลุมพินีวัน สถานที่เราประสูติหนึ่ง
โพธิมณฑล สถานที่เราตรัสรู้หนึ่ง
ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน สถานที่เราแสดงปฐมเทศนาหนึ่ง
และกุสินารานคร สถานที่เราจะปรินิพพาน
นี่แหละอานนท์ เป็นสถานที่สักการะบูชา เป็นเนื้อนาบุญของพวกเธอทั้งหลายสืบต่อไป”


สวัสดีปีใหม่นะคะทุกคน


ทุกๆวันขึ้นปีใหม่ เราจะไปสวดมนต์ที่วัดกับแม่ทุกปีเลย
แต่ปีนี้นี่ไปไกลกว่าทุกปี ไปนู่นนนน ไปสวดมนต์ข้ามปีที่ประเทศอินเดียกันค่าาาาา


นี่เป็นครั้งที่ 2 ในการไปอินเดียของเรานะคะ แล้วก็เหมือนเดิมค่ะ คือไปทำบุญ ไปนมัสการสังเวชนียสถาน
แต่ครั้งนี้พิเศษหน่อยคือ เราไปเค้าดาวน์ที่นู่นด้วย
เราออกเดินทางวันที่ 25 ธันวาคม 2558 และ กลับวันที่ 1 มกราคม 2559
เรียกได้ว่าไปวันคริสมาสต์กลับวันปีใหม่กันเลยทีเดียว
เรื่องการเดินทางไม่ขอพูดถึงเนาะ วาร์ปไปโผล่ที่อินเดียกันเลยละกันค่ะ
กระทู้นี้ขอให้ภาพเป็นตัวบอกเล่าเรื่องราวนะคะ


เราไปถึงพุทธคยาเย็นมากแล้ว ก็เลยเข้าไปที่โพธิมณฑลสวดมนต์บริเวณใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ แล้วก็นำผ้าไปห่มบูชา กราบไหว้องค์พระพุทธเมตตาค่ะ ผ้าที่เรานำไปเป็นผ้าไตร หาซื้อได้ตามร้านสังฆภัณฑ์ทั่วไปเลยค่ะ





เช้าวันต่อมา ไปขึ้นเขาคิชกูฎกัน เป้าหมายข้างบนคือ พระคันธกุฎี ที่ประทับของพระพุทธเจ้าค่ะ ถ้าใครเดินไม่ไหวที่นี่มีบริการหาบขึ้นนะคะ ค่าบริการขึ้น-ลง อยู่ที่คนละ 1400 รูปี  ลงมาก่อนแล้วค่อยจ่ายเงินนะคะ ยิ้ม
และนู่นนนนนค่ะ สี่เหลี่ยมๆบนยอดเขานั่นคือจุดหมายของพวกเราค่ะ
ดูเหมือนไกลใช่ไหม??? อย่าเพิ่งถอดใจนะ ไม่ไกลอย่างที่คิดค่ะ เดินเรื่อยๆสบายๆ แป๊ปเดียวจะรู้ตัวอีกที อ้าววว!! ถึงแล้วหรอ อิอิ


ระหว่างทางขึ้นก็จะมีคนมานั่งขอทานเกือบตลอดทางเดินเลย พอขึ้นไปสักพักจะมีคนมาคอยกวาดถนน แบบว่าพอมีคนเดินมาปุ๊ป จะกวาดทันที กวาดเสร็จก็จะทำท่าแบมือส่งแววตาน่าสงสารค่ะ
เม่าตกอับเม่าตกอับ


ที่นี่ลิงเยอะมากกกกกกกค่ะ แต่ไม่ดุนะ ยื่นขนมให้ได้ ยกมือไล่ก็วิ่งหนีแล้ว บางทีก็ลงมานั่งข้างทาง ไม่รู้ว่าเลียนแบบพฤติกรรมคนหรือป่าว 5555






ถึงแล้ววววว ความจริงไม่ได้ไกลอย่างที่คิดนะคะ เดินเรื่อยๆ ไม่เหนื่อยจริงๆ เพราะระหว่างทางจะมีที่ให้แวะกราบไหว้อยู่ เช่นถ้ำพระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร และ กุฏิพระอานนท์ อืม...เราจำได้แค่นี้ง่าาา  Facepalm



จากนั้นเราก็เดินทางไปนาลันทา ค่ะ ไปไหว้สักการะหลวงพ่อดำ เขาว่ากันว่าศักดิ์สิทธิ์มากนะคะ ที่นี่เรานำผ้าไปห่มถวายค่ะ สำหรับผ้าห่มองค์หลวงพ่อดำขนาดจะประมาณ กว้าง 1 เมตร ยาว 2-3 เมตรค่ะ ตอนเข้าไปนี่ถ้านั่งรถม้าเข้าไปราคาไปกลับคนละ 40 รูปี ค่ะ



เดินต่อไปยังตโปธารามเลยค่ะ สถานที่อาบน้ำแร่ร้อน โดยความสูงจากบนลงล่างก็จะแบ่งอาบกันตามชั้นวรรณะ4 แต่ปัจจุบันชั้นบนสุดของวรรณะกษัตริย์ไม่เปิดใช้แล้วค่ะ





เด็กคนนี้พอนับเงินเสร็จ ก็วิ่งตามไปดักหน้ารถเลยค่ะ ไปไวกว่าเราอีกนะเนี่ย


สองข้างทางระหว่างเดินค่ะ







ไปชมมหาวิทยาลัยนาลันทากันค่ะ





ทับทิมนี่จำไม่ได้ว่าบอกราคามาเท่าไหร่ แต่แม่เราต่อราคาลดลงมาประมาณ 3 เท่าเลยค่ะ
การต่อราคาของที่นี่หาร 2 ไม่พอนะคะ ต้องหาร 3 ไปเลย คนอินเดียพวกนี้ตั้งราคาสูงมากค่ะ


ระหว่างทางนั่งรถกลับวัดที่พัก เลยหยิบกล้องขึ้นมาแชะซักภาพค่ะ นั่นล่ะค่ะ ไม่ชัด!!!


เช้าอีกวันแล้วววว ไปค่ะรีบไปกันต่อที่สารนาถ ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน สถานที่แสดงปฐมเทศนา




ซูมเข้าไปดูนกแก้วบนยอดสถูป ที่นี่นกแก้วบินกันเกลื่อนอย่างกับนกพิราบบ้านเราแน่ะ



มืดแล้ว ไปกันต่อค่ะ ไปล่องเรือชมแม่น้ำคงคา คราวก่อนที่เรามาอินเดียครั้งแรกเราไปล่องเรือตอนเช้ามืดนะคะ เราว่าเราชอบตอนเช้ามากกว่า เหมือนกับว่าเราได้เห็นวิถีชีวิตของคนอินเดียมากกว่านี้ มันดูมีอะไรมากกว่าตอนกลางคืนเยอะเลย
แต่ก็ถือว่าได้เปลี่ยนบรรยากาศละกันเนาะ







ต่อไปยังสาวัตถีกันเลยค่ะ ไปชมบ้านอนาถบิณฑิกะเศรษฐี เดินทางไปวัดเชตะวันมหาวิหาร ซึ่งเป็นวัดที่อนาถบิณฑิกะเศรษฐีสร้างถวายแด่พระพุทธเจ้า


แต่!!! เดี๋ยวก่อนค่ะ ระหว่างทาง ยางแตกค่ะ เสียงดังมาก เลยต้องใช้เวลาเปลี่ยนยางรถประมาณครึ่งชั่วโมง
แต่ไม่ได้รู้สึกเสียเวลานะคะ เพราะระหว่างนั้นเราก็ลงไปถ่ายรูปค่ะ ... แชะ แชะ แชะ







รถขนอ้อยค่ะ รถขนอ้อย พอรถขนอ้อยผ่านมาทีเหมือนจะเป็นที่ดีใจของเด็กๆ รวมไปถึงผู้ใหญ่หลายๆคนนะคะ ไม่ใช่ว่าเขาจะหยิบเงินขึ้นมาซื้อนะ แต่พวกเขาวิ่งไปข้างหลังรถอ้อย แล้วดึงอ้อยลงมาคนละอันสองอันแล้วแทะกินตรงนั้นเลยค่ะ ร้ายกาจมาก!!
เจ้าคิกคัก



พอรถไปต่อได้แล้ว เราก็เดินทางต่อไปชมบ้านอนาถบิณฑิกะเศรษฐี กับวัดเชตะวันมหาวิหารค่ะ









สวดมนต์ที่วัดนี้จนฟ้ามืดเลย เราไปเช้าวันต่อไปเลยดีกว่า วันนี้เดินทางเข้าเนปาลค่ะ  ไปนมัสการสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า ที่ลุมพินีวัน ใช้เวลาเดินทางหลายชั่วโมงมาก นั่งกันจนเมื่อย ไปถึงที่นู่นก็เย็นๆพอดี แดดไม่ร้อนค่ะ





ชมบรรยากาศตอนกลางคืนกันบ้าง

แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่