สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของเราเลย
จริงๆอยากเขียนนานละนะ แต่รู้ว่าตัวเองต้องใช้เวลานานแน่ๆ เลยผลัดไปเรื่อยๆจนจะปีแล้ว๕๕๕๕
ก็เลยอยากรีบเขียนก่อนจะลืม กระทู้นี้เราจะมาเล่าส่วนหนึ่งของประสบการณ์แลกเปลี่ยนที่นอร์เวย์เมื่อปี 2014-2015 ค่ะ
เน้นความสนุกที่ได้เขียนและบ่นนะคะ๕๕๕๕ แต่ถ้าไม่สนุกด้วยก็ขออภัย /โค้ง
ถ้าเราสามารถเขียนกระทู้นี้จบได้ อาจจะนึกขยันมาเล่าเรื่องอื่นๆด้วย๕๕๕๕
ก่อนอื่นเลยเราขอเกริ่นคร่าวๆว่าบ้านที่นอร์เวย์เราอยู่ในเมืองเล็กเล้กกก เล็กมากๆแม้แต่คนนอร์เวย์ยังไม่รู้จักเลย ชื่อว่า Grua

แถบกรัวเนี่ยเป็นที่ทำฟาร์มเยอะมากๆ แถมไม่ใกล้ทะเลด้วย เรียกว่าค่อนข้างบ้านนอกเลยทีเดียว
จะเห็นได้ว่ามันอยู่ใกล้เมืองหลวงคือ Oslo เราเลยอาศัยความใกล้นี้ไปเที่ยวค่ะ เที่ยวให้หมดเล่ยยยย
ที่ๆเราอยากไปมากๆคือทางเหนือเพราะอยากจะเห็นแสงเหนือซักครั้งในชีวิต

ทางใต้นี่ถ้าลมสุริยะแรงถึงจะเห็นค่ะ นานน้านจะเกิดที
ตอนนั้นปลายเดือนมีนาคมซึ่งถือเป็นปลายฤดูหนาวแล้ว ท้องฟ้าเริ่มสว่างมากขึ้นแล้ว พอสว่างเกินไปก็จะมองไม่เห็นแสงเหนือแล้ว
เรากับเดียน่า เพื่อนสาวชาวเม็กซิกันเลยตัดสินใจไปค่ะ โดยก่อนหน้านี้เพื่อนชาวสวิสก็พึ่งไปมา เราให้มันยืมกล้องไป มันถ่ายรูปมาด้วย

โอ้โหหหห รีบเลยสิคะจะรออะไรรรรร
จริงๆก็เสี่ยงมากเพราะการดูแสงเหนือต้องอาศัยปัจจัยหลายๆอย่าง ทั้งสภาพอากาศ เมฆ ความมืด บลาๆ
แต่จังหวะนั้นไม่สนแล้วค่า จะไปให้ได้
พวกเราเลยจัดทริปเลียนแบบเพื่อนสวิสขึ้นมาค่ะ ไปที่เดียวกัน ไปดูแสงเหนือเหมือนกัน แถมพักที่เดียวกันแบบไม่ได้ตั้งใจอีก งง
Day 1 : Oslo til Tromsø
เมืองที่จะไปมีชื่อว่า ทรุมเซอ เป็นเมืองใหญ่ทางเหนื่อของนอร์เวย์ค่ะ
สายการบินที่เราใช้บริการเป็นอันที่ถูกที่สุดค่ะ ชื่อ Norwegian

เครื่องหน้าตาประมาณนี้ หาที่ถ่ายได้ดีสุดแค่นี้จริงๆค่ะ TvT
ข้างในก็เหมือนสายการบินราคาถูกทั่วๆไป
คราวนั้นเราดันไปลืมหมวกไหมพรมใบโปรดไว้บนเครื่อง อุตส่าห์บอกเดียน่าให้เตือนนางก็ลืม ไปตามที่สนามบินไหนก็ไม่เจอ
สุดท้ายเลยได้รู้จากเจ้าหน้าที่ว่าสายการบินนี้ไม่ค่อยทำความสะอาดเครื่องค่ะ
ป่านนี้บินไปแอฟริกาใต้แล้วมั้ง ฮือออออ TvT
ใช้เวลาเดินทางเกือบๆ 2 ชั่วโมง ไกลนะ



สนามบินอยู่ใกล้ฟยอร์ด กรี๊ดดด

สนามบินทรุมเซอออออ เย่
สกิลถ่ายรูปของเราก็อย่างที่เห็นนะคะ บางรูปก็เอามาจากกล้องเดียน่า อาจจะไม่สวยเท่าไหร่แต่ก็ช่วยให้นึกภาพตามออกเนอะ
เราเลือกไฟลท์เช้ามากๆก็เลยมาถึงเร็ว จะได้เที่ยวได้เยอะๆฮ่าาา
ลงเครื่องมาอุตส่าห์เตรียมใจกับอากาศหนาว แต่จริงๆมันก็พอๆกับที่บ้าน

...หนาวอยู่ดี
ที่สนามบินจะมีรถบัสเข้าเมืองค่ะ คุณลุงคนขับใจดีมากๆๆๆๆ แนะนำนู่นนี่ ถึงไหนแล้วก็บอกตลอดทาง แถมลงไปช่วยนักท่องเที่ยวยกกระเป๋า
เรากับเดียน่าลงที่กลางเมืองเลยค่ะ ถึงแล้วก็นึกได้เรื่องหมวกไหมพรม เสียใจอยู่พักนึงแต่ต้องไม่ทำให้เพื่อนเสียเวลา
ถ่ายรูปปปปป
เด็กต่างด้าวสองคนก็แบกเป้หนักๆเดินไปสำรวจทั่วเมือง




ทรุมเซอเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ แต่ก็เล็กกว่าเมืองใหญ่ๆทางภาคอื่นของประเทศอยู่ดี
ความเท่ของเมืองนี้คือมีมหาลัยที่อยู่เหนือสุดในโลกค่า

และแล้วความเนิร์ดของเรากับเดียน่าก็พามาถึงห้องสมุด

หมากรุกมั้ยนาย
ถ่ายรูปกันจนสาแก่ใจแล้วเราก็ไปหาข้อมูลเรื่องรถบัสไปที่พักค่ะ ได้ความมาว่าใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง... ไกลไม่พอมีรอบรถน้อยมากๆ เท่าที่จำได้มีแค่ 2รอบต่อวันเท่านั้น แต่ก็โอเคค่ะ ต้องยอมแหละจ่ายตังค์แล้วด้วย
ทางเจ้าหน้าที่เค้าแนะนำว่า ซื้อบัตรรถบัสมั้ย? คุ้มนะหนู บัตรเดียวใช้ได้สองคนเลย ลดครึ่งราคา แถมใช้ได้กับเรือเฟอร์รี่นู่นนี่นั่นด้วย
อุ๊ยของลดราคา หนูชอบค่ะซื้อเลย
จนตอนนี้บัตรยังมีตังค์เหลืออยู่เลย แต่มันไปอยู่กับเดียน่าที่เม็กซิโกแล้ว
หลังจากไปขอคำแนะนำจาก tourist information แล้วเราก็วางแผนการเที่ยวเลยค่ะ โดยวันแรกคือวันนี้เราจะกลับที่พักไปดูแสงเหนือ วันรุ่งขึ้นเราจะเข้าเมืองมาเที่ยวพวกโบสถ์ และหาของอร่อยๆกิน แล้ววันสุดท้ายเราจะเที่ยวแถวที่พักแล้วนั่งรถมาสนามบิน
โอ๊ยยยเพอร์เฟ็คท์!

ไปๆมาๆรถก็จะออกแล้วววกรี๊ดดด ตื่นเต้นมากๆ ที่พักของเรามีชื่อว่า Sommarøy Arctic Hotel อยู่ที่เกาะ Sommarøy (อ่านว่าซุมมาเรยนะคะ) แปลตรงๆคือเกาะแห่งฤดูร้อนค่า แต่เราจะไปกันตอนฤดูหนาวนะคะ

ที่เห็นเป็นทางรถส่วนตัวค่ะ ถ้ารถบัสจะซอกแซกตามเกาะมากกว่านี้เยอะ
เวลาบนรถบัสผ่านไปช้ามากๆ เรากับเดียน่ามองข้างทางอย่างปลาบปลื้ม โชคดีจริงๆที่ตัดสินใจมา TvT คุยๆกันไปว่าจะเห็นแสงเหนือมั้ยน้า จะเจอกวางมั้ยน้า พูดไม่ทันขาดคำก็โผล่มาเลยค่ะ! สี่ขา มีเขาแตกเป็นกิ่งๆ ตัวสีน้ำตาล ขนหนา เดินมาขวางทางรถบัส กวาง! เรน! เดียร์! แต่ชุลมุนเอากล้องขึ้นมาถ่ายไม่ทันค่ะ เสียใจ
หลังจากนั้นก็ว่างมากเลยเอ็นเตอร์เทนคนบนรถบัสที่มีอยู่ 4 คน รวมคนขับ ด้วยการร้องเพลงงงง
สงสัยเพลงจะเพราะ คนขับเลยใจดีจอดให้หน้าทางเข้าที่พักทั้งๆที่ไม่มีป้าย เย่

ลงจากบัสมายังไม่ทันไปไหนก็ถ่ายรูปอีกละ
สูดดดดดดดดดดดดดดดดด สูดอากาศค่ะ๕๕๕๕๕๕ มีกลิ่นเกลือจากทะเลมาให้เค็มเล็กๆ ปนกับกลิ่นเย็นๆในอากาศหน้าหนาว สดชื่นนน
ถ่ายรูปเสร็จก็เข้าที่พักค่ะ ซึ่งห้องที่จองไว้เนี่ยควรเป็นห้องเล็กๆที่ถูกที่สุดค่ะ แต่สิ่งที่ได้มาคือ บ้านครึ่งหลัง!

ที่บอกว่าครึ่งหลังเนี่ย เพราะว่าเค้าให้อยู่เฉพาะข้างล่างค่ะ แต่ก็เกินพอ เพราะมีทั้งห้องนั่งเล่น ห้องครัวเล็กๆพร้อมเครื่องครัว ระเบียง 2ฝั่ง ห้องนอน 2ห้องพร้อมเตียงห้องละ 2เตียง เราเคยไปนอนบ้านเดียน่าละละเมอ นางเลยกลัวขอแยกห้องนอนทันที๕๕๕๕

นี่มาจากกล้องเดียน่าหมดเลย ที่เราไม่ถ่ายให้มันครบเพราะเราเก็บแบตค่ะ พอดีที่อื่นอะแดพเตอร์เราเสียบไม่ได้เลย เพราะช่องมันลึก ที่น่าแปลกคือเสียบได้แค่บ้านเราที่เดียว๕๕๕๕๕

เดียน่าสงสัยว่าทำไมคนเอเชียโดดสูงจัง
กว่าท้องฟ้าจะมืดก็ปาไปสี่ทุ่มแล้ว ท้องฟ้าทางเหนือมืดช้ากว่าแถวบ้านมาก กลับกันถ้าเป็นต้นฤดูหนาวที่นี่จะมืดเร็วและนานมากค่ะ
ใครที่สนใจมาชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนก็ต้องเป็นทางเหนือนะคะ ทางใต้ดูได้แค่พระอาทิตย์ห้าทุ่มค่ะ

เรากับเดียน่าก็นอนรอที่ระเบียงอย่างมีความหวัง เราพบว่าถ้าจ้องเมฆนานๆแล้วจะมโนไปเองว่ามันคือแสงเหนือ เพราะมันคล้ายกันมาก

วันนั้นเมฆเยอะมาก ท้องฟ้าก็ยังไม่มืดสนิทซะที คงจะยากละแหละ น่าจะมาให้มันเร็วกว่าเน้
We must have hope เดียน่ากล่าว
2ชั่วโมงผ่านไปก็ยังไม่มีอะไรเคลื่อนไหว แล้วคือมันเริ่มหนาวมากขึ้นเรื่อยเพราะไม่มีแสงอาทิตย์แล้วจริงๆ เราเอาผ้าห่มมาคลุมก็ยังอุ่นไม่พอ
Let's go to bed เดียน่ามันจะเอาไงกันแน่ถถถถ
เราเป็นเพื่อนที่เชื่อฟังก็เลยเดินนำเข้าบ้านไปเพราะหนาวมาก
ทันใดนั้น! ตายักษ์เม็กซิกันของเดียน่าก็เห็นอะไรบางอย่าง
NORDLYYYSSSS (ภาษานอร์วีเจียนแปลว่าแสงเหนือ)นางตะโกน
เราเลยวิ่งออกมาดู กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด แสงเหนืออออพ่อแม่พี่น้อง
เรากับเดียน่าก็เต้นรอบเก้าอี้ที่สมมติเป็นกองไฟ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

๕๕๕๕๕ นี่แหละค่ะสวยที่สุดเท่าที่จะถ่ายได้แล้ว ลองไปเทียบกับเพื่อนสวิสที่พึ่งใช้กล้องเป็นครั้งแรกแล้วอายเลยค่ะ แต่เราไม่อยากออกไปหามุมดีๆถ่ายแลกกับการหนาวตายแน่นอน
พอดึกมากๆเราก็ง่วง เดียน่านี่ไม่ต้องพูดถึง นางนอนวันละ 10ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ ใจจริงเราอยากดูต่อแต่มือกับเท้าจะแข็งแล้วเลยยอมไปนอน
ช่างเป็นวันที่ดีจริงๆ เราคิดไปยิ้มไปเหมือนคนบ้าแล้วก็เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้
To be continue...
[CR] N O R G E : Nordlys I Tromsø
จริงๆอยากเขียนนานละนะ แต่รู้ว่าตัวเองต้องใช้เวลานานแน่ๆ เลยผลัดไปเรื่อยๆจนจะปีแล้ว๕๕๕๕
ก็เลยอยากรีบเขียนก่อนจะลืม กระทู้นี้เราจะมาเล่าส่วนหนึ่งของประสบการณ์แลกเปลี่ยนที่นอร์เวย์เมื่อปี 2014-2015 ค่ะ
เน้นความสนุกที่ได้เขียนและบ่นนะคะ๕๕๕๕ แต่ถ้าไม่สนุกด้วยก็ขออภัย /โค้ง
ถ้าเราสามารถเขียนกระทู้นี้จบได้ อาจจะนึกขยันมาเล่าเรื่องอื่นๆด้วย๕๕๕๕
ก่อนอื่นเลยเราขอเกริ่นคร่าวๆว่าบ้านที่นอร์เวย์เราอยู่ในเมืองเล็กเล้กกก เล็กมากๆแม้แต่คนนอร์เวย์ยังไม่รู้จักเลย ชื่อว่า Grua
แถบกรัวเนี่ยเป็นที่ทำฟาร์มเยอะมากๆ แถมไม่ใกล้ทะเลด้วย เรียกว่าค่อนข้างบ้านนอกเลยทีเดียว
จะเห็นได้ว่ามันอยู่ใกล้เมืองหลวงคือ Oslo เราเลยอาศัยความใกล้นี้ไปเที่ยวค่ะ เที่ยวให้หมดเล่ยยยย
ที่ๆเราอยากไปมากๆคือทางเหนือเพราะอยากจะเห็นแสงเหนือซักครั้งในชีวิต
ทางใต้นี่ถ้าลมสุริยะแรงถึงจะเห็นค่ะ นานน้านจะเกิดที
ตอนนั้นปลายเดือนมีนาคมซึ่งถือเป็นปลายฤดูหนาวแล้ว ท้องฟ้าเริ่มสว่างมากขึ้นแล้ว พอสว่างเกินไปก็จะมองไม่เห็นแสงเหนือแล้ว
เรากับเดียน่า เพื่อนสาวชาวเม็กซิกันเลยตัดสินใจไปค่ะ โดยก่อนหน้านี้เพื่อนชาวสวิสก็พึ่งไปมา เราให้มันยืมกล้องไป มันถ่ายรูปมาด้วย
โอ้โหหหห รีบเลยสิคะจะรออะไรรรรร
จริงๆก็เสี่ยงมากเพราะการดูแสงเหนือต้องอาศัยปัจจัยหลายๆอย่าง ทั้งสภาพอากาศ เมฆ ความมืด บลาๆ
แต่จังหวะนั้นไม่สนแล้วค่า จะไปให้ได้
พวกเราเลยจัดทริปเลียนแบบเพื่อนสวิสขึ้นมาค่ะ ไปที่เดียวกัน ไปดูแสงเหนือเหมือนกัน แถมพักที่เดียวกันแบบไม่ได้ตั้งใจอีก งง
Day 1 : Oslo til Tromsø
เมืองที่จะไปมีชื่อว่า ทรุมเซอ เป็นเมืองใหญ่ทางเหนื่อของนอร์เวย์ค่ะ
สายการบินที่เราใช้บริการเป็นอันที่ถูกที่สุดค่ะ ชื่อ Norwegian
เครื่องหน้าตาประมาณนี้ หาที่ถ่ายได้ดีสุดแค่นี้จริงๆค่ะ TvT
ข้างในก็เหมือนสายการบินราคาถูกทั่วๆไป
คราวนั้นเราดันไปลืมหมวกไหมพรมใบโปรดไว้บนเครื่อง อุตส่าห์บอกเดียน่าให้เตือนนางก็ลืม ไปตามที่สนามบินไหนก็ไม่เจอ
สุดท้ายเลยได้รู้จากเจ้าหน้าที่ว่าสายการบินนี้ไม่ค่อยทำความสะอาดเครื่องค่ะ
ป่านนี้บินไปแอฟริกาใต้แล้วมั้ง ฮือออออ TvT
ใช้เวลาเดินทางเกือบๆ 2 ชั่วโมง ไกลนะ
สนามบินอยู่ใกล้ฟยอร์ด กรี๊ดดด
สนามบินทรุมเซอออออ เย่
สกิลถ่ายรูปของเราก็อย่างที่เห็นนะคะ บางรูปก็เอามาจากกล้องเดียน่า อาจจะไม่สวยเท่าไหร่แต่ก็ช่วยให้นึกภาพตามออกเนอะ
เราเลือกไฟลท์เช้ามากๆก็เลยมาถึงเร็ว จะได้เที่ยวได้เยอะๆฮ่าาา
ลงเครื่องมาอุตส่าห์เตรียมใจกับอากาศหนาว แต่จริงๆมันก็พอๆกับที่บ้าน
ที่สนามบินจะมีรถบัสเข้าเมืองค่ะ คุณลุงคนขับใจดีมากๆๆๆๆ แนะนำนู่นนี่ ถึงไหนแล้วก็บอกตลอดทาง แถมลงไปช่วยนักท่องเที่ยวยกกระเป๋า
เรากับเดียน่าลงที่กลางเมืองเลยค่ะ ถึงแล้วก็นึกได้เรื่องหมวกไหมพรม เสียใจอยู่พักนึงแต่ต้องไม่ทำให้เพื่อนเสียเวลา
ถ่ายรูปปปปป
เด็กต่างด้าวสองคนก็แบกเป้หนักๆเดินไปสำรวจทั่วเมือง
ทรุมเซอเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ แต่ก็เล็กกว่าเมืองใหญ่ๆทางภาคอื่นของประเทศอยู่ดี
ความเท่ของเมืองนี้คือมีมหาลัยที่อยู่เหนือสุดในโลกค่า
และแล้วความเนิร์ดของเรากับเดียน่าก็พามาถึงห้องสมุด
หมากรุกมั้ยนาย
ถ่ายรูปกันจนสาแก่ใจแล้วเราก็ไปหาข้อมูลเรื่องรถบัสไปที่พักค่ะ ได้ความมาว่าใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง... ไกลไม่พอมีรอบรถน้อยมากๆ เท่าที่จำได้มีแค่ 2รอบต่อวันเท่านั้น แต่ก็โอเคค่ะ ต้องยอมแหละจ่ายตังค์แล้วด้วย
ทางเจ้าหน้าที่เค้าแนะนำว่า ซื้อบัตรรถบัสมั้ย? คุ้มนะหนู บัตรเดียวใช้ได้สองคนเลย ลดครึ่งราคา แถมใช้ได้กับเรือเฟอร์รี่นู่นนี่นั่นด้วย
อุ๊ยของลดราคา หนูชอบค่ะซื้อเลย
จนตอนนี้บัตรยังมีตังค์เหลืออยู่เลย แต่มันไปอยู่กับเดียน่าที่เม็กซิโกแล้ว
หลังจากไปขอคำแนะนำจาก tourist information แล้วเราก็วางแผนการเที่ยวเลยค่ะ โดยวันแรกคือวันนี้เราจะกลับที่พักไปดูแสงเหนือ วันรุ่งขึ้นเราจะเข้าเมืองมาเที่ยวพวกโบสถ์ และหาของอร่อยๆกิน แล้ววันสุดท้ายเราจะเที่ยวแถวที่พักแล้วนั่งรถมาสนามบิน
โอ๊ยยยเพอร์เฟ็คท์!
ไปๆมาๆรถก็จะออกแล้วววกรี๊ดดด ตื่นเต้นมากๆ ที่พักของเรามีชื่อว่า Sommarøy Arctic Hotel อยู่ที่เกาะ Sommarøy (อ่านว่าซุมมาเรยนะคะ) แปลตรงๆคือเกาะแห่งฤดูร้อนค่า แต่เราจะไปกันตอนฤดูหนาวนะคะ
ที่เห็นเป็นทางรถส่วนตัวค่ะ ถ้ารถบัสจะซอกแซกตามเกาะมากกว่านี้เยอะ
เวลาบนรถบัสผ่านไปช้ามากๆ เรากับเดียน่ามองข้างทางอย่างปลาบปลื้ม โชคดีจริงๆที่ตัดสินใจมา TvT คุยๆกันไปว่าจะเห็นแสงเหนือมั้ยน้า จะเจอกวางมั้ยน้า พูดไม่ทันขาดคำก็โผล่มาเลยค่ะ! สี่ขา มีเขาแตกเป็นกิ่งๆ ตัวสีน้ำตาล ขนหนา เดินมาขวางทางรถบัส กวาง! เรน! เดียร์! แต่ชุลมุนเอากล้องขึ้นมาถ่ายไม่ทันค่ะ เสียใจ
หลังจากนั้นก็ว่างมากเลยเอ็นเตอร์เทนคนบนรถบัสที่มีอยู่ 4 คน รวมคนขับ ด้วยการร้องเพลงงงง
สงสัยเพลงจะเพราะ คนขับเลยใจดีจอดให้หน้าทางเข้าที่พักทั้งๆที่ไม่มีป้าย เย่
ลงจากบัสมายังไม่ทันไปไหนก็ถ่ายรูปอีกละ
สูดดดดดดดดดดดดดดดดด สูดอากาศค่ะ๕๕๕๕๕๕ มีกลิ่นเกลือจากทะเลมาให้เค็มเล็กๆ ปนกับกลิ่นเย็นๆในอากาศหน้าหนาว สดชื่นนน
ถ่ายรูปเสร็จก็เข้าที่พักค่ะ ซึ่งห้องที่จองไว้เนี่ยควรเป็นห้องเล็กๆที่ถูกที่สุดค่ะ แต่สิ่งที่ได้มาคือ บ้านครึ่งหลัง!
ที่บอกว่าครึ่งหลังเนี่ย เพราะว่าเค้าให้อยู่เฉพาะข้างล่างค่ะ แต่ก็เกินพอ เพราะมีทั้งห้องนั่งเล่น ห้องครัวเล็กๆพร้อมเครื่องครัว ระเบียง 2ฝั่ง ห้องนอน 2ห้องพร้อมเตียงห้องละ 2เตียง เราเคยไปนอนบ้านเดียน่าละละเมอ นางเลยกลัวขอแยกห้องนอนทันที๕๕๕๕
นี่มาจากกล้องเดียน่าหมดเลย ที่เราไม่ถ่ายให้มันครบเพราะเราเก็บแบตค่ะ พอดีที่อื่นอะแดพเตอร์เราเสียบไม่ได้เลย เพราะช่องมันลึก ที่น่าแปลกคือเสียบได้แค่บ้านเราที่เดียว๕๕๕๕๕
เดียน่าสงสัยว่าทำไมคนเอเชียโดดสูงจัง
กว่าท้องฟ้าจะมืดก็ปาไปสี่ทุ่มแล้ว ท้องฟ้าทางเหนือมืดช้ากว่าแถวบ้านมาก กลับกันถ้าเป็นต้นฤดูหนาวที่นี่จะมืดเร็วและนานมากค่ะ
ใครที่สนใจมาชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนก็ต้องเป็นทางเหนือนะคะ ทางใต้ดูได้แค่พระอาทิตย์ห้าทุ่มค่ะ
เรากับเดียน่าก็นอนรอที่ระเบียงอย่างมีความหวัง เราพบว่าถ้าจ้องเมฆนานๆแล้วจะมโนไปเองว่ามันคือแสงเหนือ เพราะมันคล้ายกันมาก
วันนั้นเมฆเยอะมาก ท้องฟ้าก็ยังไม่มืดสนิทซะที คงจะยากละแหละ น่าจะมาให้มันเร็วกว่าเน้
We must have hope เดียน่ากล่าว
2ชั่วโมงผ่านไปก็ยังไม่มีอะไรเคลื่อนไหว แล้วคือมันเริ่มหนาวมากขึ้นเรื่อยเพราะไม่มีแสงอาทิตย์แล้วจริงๆ เราเอาผ้าห่มมาคลุมก็ยังอุ่นไม่พอ
Let's go to bed เดียน่ามันจะเอาไงกันแน่ถถถถ
เราเป็นเพื่อนที่เชื่อฟังก็เลยเดินนำเข้าบ้านไปเพราะหนาวมาก
ทันใดนั้น! ตายักษ์เม็กซิกันของเดียน่าก็เห็นอะไรบางอย่าง
NORDLYYYSSSS (ภาษานอร์วีเจียนแปลว่าแสงเหนือ)นางตะโกน
เราเลยวิ่งออกมาดู กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด แสงเหนืออออพ่อแม่พี่น้อง
เรากับเดียน่าก็เต้นรอบเก้าอี้ที่สมมติเป็นกองไฟ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
๕๕๕๕๕ นี่แหละค่ะสวยที่สุดเท่าที่จะถ่ายได้แล้ว ลองไปเทียบกับเพื่อนสวิสที่พึ่งใช้กล้องเป็นครั้งแรกแล้วอายเลยค่ะ แต่เราไม่อยากออกไปหามุมดีๆถ่ายแลกกับการหนาวตายแน่นอน
พอดึกมากๆเราก็ง่วง เดียน่านี่ไม่ต้องพูดถึง นางนอนวันละ 10ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ ใจจริงเราอยากดูต่อแต่มือกับเท้าจะแข็งแล้วเลยยอมไปนอน
ช่างเป็นวันที่ดีจริงๆ เราคิดไปยิ้มไปเหมือนคนบ้าแล้วก็เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้
To be continue...
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น