สิ่งที่พบเจอ ตอนไปคนเดียว เที่ยวไม่วางแผน

กระทู้สนทนา
เมื่อปีที่แล้วเรามีแฟน (อ๊ายย เขิน อมยิ้ม07) ก็ตั้งใจไปเที่ยวด้วยกัน จะไปไหนดี เชียงใหม่ก็ดีนะ แต่คนเยอะ นักท่องเที่ยวจีนเยอะ งั้นลงใต้ดีกว่า จิ้มไปสุราษฎร์ละกัน วางแผนจะไปนอนแพเขาสก ไปเล่นน้ำ ทำกิจกรรมร่วมกันตามประสาคนมีแฟน กางปฏิทินดูวันหยุดนับวันลา ก็ไปลงตัวกันที่ช่วงหยุดวันพ่อ ด้วยความที่ตั๋วโปรแอร์เอเซียต้องจองข้ามปี เหตุการณ์จองตั๋วเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว .... แต่มาปีนี้ เราโสด ก็คงต้องไปคนเดียว

สองวันก่อนเดินทาง
มานั่งพินิจตั๋วอีกรอบ เที่ยวบินห้าโมง กว่าจะถึงตัวเมืองสุราษฎร์มืดแน่นอน ชักหวั่น ๆ เลยลองมองหาโรงแรมที่สุราษฎร์ผ่านทางอโกดาเผื่อไว้
เจออันนี้ นารายา รีวิวเขียนให้ค่อนข้างดี เราก็โทรถามเลย ปรากฏว่าวันที่เราจะไปถึงยังไม่เต็ม เค้าจะให้เราจอง แต่เราปฏิเสธไป
ให้เหตุผลว่าขอไปลุ้นตอน walk in เข้าไปสนุกกว่าคะ

วันเดินทาง
เพิ่งเคยขึ้นเครื่องบินคนเดียวครั้งแรก รู้สึกตื่นเวทียังไงชอบกล เหงาด้วยแหละ
ประมาณหนึ่งชั่วโมงนิด ๆ ก็ถึง สนามบินสุราษฎร์ธานี เดินออกมาเจอบูทขายตั๋วรถ shuttle bus เข้าเมือง ยี่ห้อพันทิพ ค่าตั๋ว 100 บาท ซื้อเลย
ทางโรงแรมให้ข้อมูลที่ตั้งมาว่า ซ.ศรีวิชัย 21 ให้บอกคนขับไปเลยนะ ว่าจะลง ศรีวิชัย 21  ... คะพี่ บะ บะ บอกแล้วคะพี่
ลงแล้วทำไงต่อ ตอนนั้นสองทุ่มกว่า อยู่ตรงป้ายซอยแล้วมองเข้าไปข้างใน มืดนะ สิ่งก่อสร้างที่เห็นในซอยเป็นโรงงานยาว ๆ
ก่อนมาถึง ภาพโรงแรมที่คิดไว้ในหัวแบบเบสิค ๆ ก็คงอยู่ใกล้ถนนเดินทางสะดวก แต่นี่อะไรอะ ไม่กล้าเดินเข้าไป หรือเราหลง ลงผิดซอยป่าว ?
โทรเช็คดิ ....
จนท.  นารายา สวัสดีคะ
เรา     อยู่ตรงซอยศรีวิชัย 21 แล้วไปไงต่อคะพี่
จนท. เข้ามาในซอยเลยคะ 200 เมตร จะเห็นป้าย...
เรา    อ้อ! 200 เมตรเองเหรอคะ ว่าแต่ยังมีห้องว่างอยู่ใช่มั้ยคะ
จนท. มีคะ มาได้เลย

ดีใจคืนนี้มีที่นอนแล้ว รีบวางสาย เดินลุยซอยมืดเข้าไป 200 เมตร เจอคะ เจอป้ายบอกให้เลี้ยวขวาเข้าไปในซอยอีก !  โอเค ขวาหัน เจอบ้านคนแล้ว
มีร้านค้าเล็ก ๆ อยู่ตรงหัวมุม ยังไม่เจอคน มีหมาสี่ห้าตัว ตัวสีดำ เห่าเราตอนเดินผ่าน เราไม่สนใจ มันวิ่งตามมาขู่ เพื่อนมันได้ยินวิ่งมาจากบ้านข้างหน้า
มาเห่าดักเราด้วย เราเดินต่อไป หมาหมู่iเห่าไม่สามารถหยุดเราได้ เป้าหมายเราคือนารายา ระหว่างมองหาเป้าหมาย แต่ใจลึกก็ระแวงหมา ดันหันไปสบตา
กะอีดำเข้าพอดี คือหันไปก็สบทุกตัวอะ มันจ้องรออยู่แล้ว เวลาหยุดลงสองวินาที เพียงพอที่จะให้อีดำกระโจนเข้ามาขบขาเรา เราตกใจ! ชักขาหนี สำรวจ
บาดแผล ไม่มีอะไรไม่เจ็บ ... ไม่ได้ฟอร์มเยอะนะคะ ไม่เจ็บจริง เพราะมันแค่ขบเตือน ยังไม่กัดง่ำ เราเดินถอยกลับมาตั้งต้นที่ร้านค้า ตะโกนเรียกคนแถวนั้น
หมาก็แปรขบวนตาม เห่าตะโกนแข่งกะเสียงเรา เราแหกปากเรียก (พี่คะ ๆ ๆ) อยู่กว่าสิบรอบ ในที่สุดเสียงเราก็ชนะหมา มีคนเดินออกมา

เรา:   หมากัดคะ ตัวดำนี่คะพี่
อีดำ  ขู่ แฮ่ ๆ
คน :  อ้อ ตัวนี้มันไม่กัดคะ มันขู่ไปอย่างนั้นคะ
(คิดในใจ เจอตัวเจ้าของหมาแล้ว)
เรา: มันกัดนะคะ มันเข้ามากัดขาเรา แต่มันยังไม่อ้าปากกว้างคะ
เจ้าของหมา:  มันเล่นด้วยน่ะคะ มันเล่นกับคนที่บ้านแบบนี้เหมือนกัน
(คิดในใจ เล่นบ้านพ่อง ดูหน้ามันก่อน)
อีดำรู้งาน  ขู่ แฮ่ ๆ
เรา:  อ้ออ คะ เราไม่เป็นไร งั้น.. ขอถามนิดนึงคะ พอจะรู้จักโรงแรมในป้ายนี้มั้ยคะ
ชี้นิ้วไป เจ้าของหมาหันหัวตาม อีดำแอนด์เดอะแก้งค์ ขู่ เห่า คลอไป
เจ้าของหมาทำหน้าตกใจนิดนึง  ไกลนะคะ มืดด้วย
เรา: (หน้าเสีย) ไกลขนาดไหนคะ เดินได้มั้ย  
เจ้าของหมา:  โห ไกลนะ แถมเปลี่ยวด้วย แล้วหมาบ้านข้างในกัดเลยนะคะ ไม่เล่นด้วยแบบพวกนี้ จะไปพักที่นั่นเหรอคะ
ระหว่างลังเลขนาดหมาเล่นด้วยยังเจอเท่านี้ แล้วถ้าไม่เล่นจะเท่าไหน พี่เจ้าของหมาก็วิ่งเข้าไปในบ้านแล้วขี่รถเครื่องมาเทียบ
เจ้าของหมา:  มา ขึ้นมา พี่ไปส่งให้
เรา:  ไม่เป็นไรพี่ เกรงใจ
เจ้าของหมา:  ขึ้นมาเลย ไม่ต้องเกรงใจ พี่ไปส่งได้ ข้างในหมาดุมาก แล้วมืด ๆ แบบนี้ไม่มีใครเค้าเดินกัน มันเปลี่ยวนะ
เราก็ขอบคุณและกระโดดขึ้นโดยพลัน บ๊ายบายอีดำแอนด์เดอะแก๊งค์
เป็นอย่างที่พี่เจ้าของหมาผู้มีพระคุณบอก ทางเปลี่ยวจริง มืดมากด้วย ถ้ามาถึงกลางคืนอยากพักที่นี่มากให้หารถเข้ามาดีกว่าคะ เดินมาคนเดียวเสี่ยงไป

ถึงโรงแรมได้ก็ฟ้องเจ้าหน้าที่คะ ว่ามันเปลี่ยว หมาจะกัด มืดมาก สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความงงของเจ้าหน้าที่ เค้าบอกว่าลูกค้าส่วนใหญ่จะขับรถกันมาเอง
ไม่มีใครเค้าเดินดุ่ม ๆ มา

ที่นี่บรรยากาศดี แต่เสียอย่างคือไม่มีข้าวกิน แผนการที่จะออกมาครื้นเครง หาข้าวกิน เที่ยวชมเมือง กินน้ำเต้าหู้พังครืน เราหิวมาก บรรยากาศที่มีอยู่กิน
ไม่อิ่ม แต่ยังมีทางเลือกอื่นอีก เลยออกไปอีก 300 เมตร มีแฟมิลี่มาร์ทและร้านชายสี่หมี่เกี๊ยว ไม่ต้องเดินไปเอง ทางโรงแรมมีจักรยานให้ยืม เย้
มื้อเย็นวันนั้น มาม่าคัพรสต้มยำกุ้ง กะ ข้าวผัดกระเพราไก่ไข่ดาวแช่แข็ง


วันที่สอง

ไปเขาสกคนเดียวคงจะประหลาดไป ไม่ได้ แค่นี้ก็ประหลาดพอแล้ว หาที่เที่ยวอื่นดิ อันที่ชิค ๆ ฮอตฮิต ไปคนเดียวได้ นั่งรถสาธารณะไปได้ โผล่มาทันที คีรีวง นครศรีธรรมราช ... เจอกัน
เจ้าหน้าที่โรงแรมให้ข้อมูลมาว่า มีรถตู้ไปนครฯ ที่ตลาดเกษตร 2 พร้อมเสนอว่าจะเรียกแท็กซี่ไปส่งให้ถึงตลาดเลย 150 บาท เราปฏิเสธไป บอกว่าอยากนั่งรถเมล์ไปเอง
ไม่กลัวหมาเหรอคะน้อง
กลัว แต่คิดว่ากลางวัน มันไม่น่าจะกัดนะคะ
เดินออกไป ไกลนะคะ
ไม่เป็นไรคะ เดินได้
เจ้าหน้าที่เดินออกมาส่งด้วยสายตาเป็นห่วง เรายิ้มอย่างมั่นใจไป ยืนยันว่าเดินได้

สำเร็จเดินถึงถนนใหญ่ หมาไม่กัด วะฮ่าฮ่า ข้ามฝั่งมาเจอรถสองแถว โบกแล้วถาม พอพี่คนขับพยักหน้าว่าผ่านแน่ ๆ เราก็โดดขึ้นโลด ตอนลงไปจ่ายเงิน
หน้ารถ พี่คนขับไม่รับบอกว่าวันนี้ให้นั่งฟรี เราก็ดีใจคิดว่าสวยนั่งฟรี หุ่นดีครึ่งราคา
ไม่ใช่ พี่เค้าบอกว่า ป้ายข้างรถเบ้อเร้อ ไม่อ่านกันเลย วันนี้พี่ขอทำดีเพื่อพ่อ บริการประชาชนฟรี (ช่วงที่ไปเป็นช่วงวันพ่อคะ)

เดินเข้าไปในซอยนิดนึงก็เจอรถตู้ไปนครฯ ค่ารถ 120 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.5 ชม.
ถึงนครฯ แล้วก็เดินออกมาหารถสองแถวไปคีรีวงต่อ ไม่ยาก แต่ต้องเพ่งนิดนึงป้ายบอกสายตัวเล็กมาก เมื่อมองไกลๆ แน่นอน มองไกลก็ตัวเล็กเป็นธรรมดา
แต่พอมันเข้ามาใกล้อ่านออกแล้วว่าเป็นคีรีวง รถก็ผ่านฉิวไป โบกไม่ทัน แงงง อมยิ้ม20 กว่าจะได้ขึ้นก็คันที่ 3 หมดไปครึ่งชั่วโมง
ค่ารถ 25 บาท จ่ายตอนลง ที่นี่อากาศดีจริงสมฉายา เหลือบดูนาฬิกาสี่โมงเย็น เอาไงต่อดี พี่พักก็ไม่มี เดินดุ่ม ๆ แบกเป้เข้าไปในหมู่บ้าน พยายามมองหา
ป้ายโฮมเสตย์ ไม่เจอเลย ไม่เป็นไรเดินต่อไปเรื่อย ๆ มีป้าชาวบ้านคนนึงขับมอไซด์แบกของขายพะรุงพะรังผ่านมา

ป้า: ไปไหนอะหนู
เรา: หาที่พักคะ
ป้า: หนูจองไว้หรือยัง
เรา: ไม่ได้จองคะ
ป้า: เอ้า ไม่ได้จองแล้วจะมีมั้ยเนี่ย
เรา: ไม่เป็นไรคะ หนูเดินหาไปเรื่อย ๆ ได้คะ  (เริ่มรู้สึกว่า ตัวเองจะชิวมากไปแล้ว)
ป้า: หนูกดเบอร์นี้เลยนะ 08XXXXXXXX ถามเค้าดูว่ามีที่พักรึเปล่า น้องสาวป้าเอง
เรา: คะ
ป้า: กดรึยัง โทรเลย ๆ ป้ารออยู่ตรงนี้แหละ
เรา: อ่า คะ กดแล้วคะ
ป้า: รับรึยัง เค้าว่าไง บอกชื่อป้าไปด้วยนะ
เรา: ได้คะ ............
เค้าบอกว่ายังมีที่พักคะ ให้ออกมารอตรงสะพานที่มีคนไปถ่ายรูปกันเยอะ ๆ
ป้า: เห็นมั้ย นี่น้องป้าเอง ปกติเค้าไม่ค่อยรับแขกนะ นี่เพราะเห็นเป็นป้าหรอกนะ
เรา: คะ ขอบคุณมากนะคะ หนูเลยโชคดีมีที่พักเลย อมยิ้ม15

ที่พักเป็นบ้านแฝดชั้นเดียวแบบปลูกง่าย ๆ ฝั่งซ้ายมีครอบครัวชาวบ้านอาศัยอยู่ ฝั่งขวาเจ้าของบ้านให้เราอยู่เลยคนเดียวทั้งหลัง ว้าววว ใหญ่นะ
นี่มันพี่พักสำหรับ 6-7 คน นอนเกลือกกลิ้งสบาย ๆ แต่เค้าคิดราคาเราแค่ 200 บาท / คืน   ขุ่นแพะ! ถูกมาก ถูกจนรู้สึกเกรงใจ
วางของเสร็จ สั่งข้าวเย็นกับเจ้าของบ้าน (จ่ายเพิ่ม) ก็เดินไปเช่าจักรยานที่บ้านนายทั่ง ณ คีรีวง ญาติเจ้าของบ้านเห็นก็อาสาขับมอเตอร์ไซด์ไปส่งเราที่ร้าน คนที่นี่น้ำใจเยอะจริง ๆ ยังไม่หมด ๆ ที่ร้านนายทั่งบอกว่า วันพ่อพี่ให้ลูกค้าปั่นฟรี 1 วัน  โอ้ววว ซึ้ง อิ่มใจ คืนนี้นอนหลับสบาย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่