เราได้มีโอกาสย้อนดู Hormones Season 2 ตอนที่ 4 และได้เห็นฉากหนึ่งที่ไม่ได้เป็นจุดหลักของตอนนั้น
คือตอนของภูและเต้ยที่เป็นแฟนกันและไปเดทกันที่สยาม ระหว่างนั้น ต้าได้โทรศัพท์เข้ามาหาเต้ยและคุยกัน
หลังจากคุยเสร็จ ภูและเต้ยเริ่มมีปัญหากัน ทะเลาะกันด้วยความหึงหวงของภู จนสุดท้ายต้องเลิกรากันไปในที่สุด แม้ว่าเหตุผลที่ตัดสินใจเลิกของเต้ยจะไม่ใช่เหตุผลนั้นก็ตาม
บทสนทนาที่เกิดขึ้น ที่คิดว่าน่าสนใจ แบบยกมาคร่าวๆ คือ
เต้ย : ภูอยากให้เราทำยังไง ภูถึงจะสบายใจ บอกมาสิ
ภู : เต้ยเลิกยุ่งกับต้าได้มั้ย
เต้ย : เราต้องเสียเพื่อนไปคนนึงเลยนะ
ภู : ถ้าอะไรที่ทำแล้วจะทำให้เต้ยสบายใจ เราทำได้ทุกอย่างแหละ
เต้ย : ถ้าภูเชื่อใจเราตั้งแต่แรก เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น
มันเข้าแก๊ปเดิมๆที่อาจจะเคยเป็นปัญหาของแฟนหลายๆคู่ คือ เลือก ระหว่างเพื่อนกับแฟน ซึ่งแน่นอนว่าหลายๆคนรวมถึงเราด้วยคงบอกว่า มันคงเลือกไม่ได้หรอก มันแตกต่างกัน
แต่เมื่อเราโดนตั้งคำถามแบบจริงจัง ให้ต้องตัดสินใจ "เลือก" กับคำถามและความคิดที่ว่า
ถ้าเรารักเค้าจริงๆ เราต้องหยุดคุยกับเพื่อนเพศตรงข้าม (หยุดคุยจริงๆในทุกเรื่องๆ สารทุกข์สุขดิบ กินข้าวยัง,กลับบ้านดีๆ คือไม่ไปยุ่ง ไม่ชวนคุยเลย) เราต้องทำได้ ด้วยความคิดที่ว่า ชีวิตคนเราสั้น ใช้เวลากับคนที่เรารักดีกว่า ไปใช้เวลากับเรื่องแบบนี้ทำไม เสียเวลา โดนนำไปเปรียบเทียบว่า ถามคำถามแบบนี้สักกี่ครั้งกับแฟน
สำหรับเราเมื่อมีเวลาก็จะอยู่ด้วยกันกับแฟนตลอด แต่กับเพื่อนเหล่านั้น ไม่ได้เจอ ไม่ได้คุย นานๆจะคุยกันที และไม่ใช่คนที่เพิ่งจะรู้จักกัน ด้วยชีวิตที่เรามีมามันอาจจะแตกต่างกัน เราเป็นเด็กกิจกรรมมาตลอด เจอผู้คนมากหน้าหลายตา กับอีกฝั่งที่ไม่ค่อยกิจกรรมหรือออกแนว เพื่อนที่ดีมีไม่กี่คนก็พอ แต่แน่นอนอยู่แล้วว่าทุกคนนั้นสกรีนคนที่จะเข้ามาในชีวิตแม้แต่เด็กกิจกรรมอย่างเรา ขนาดของสังคมเราจึงแตกต่างกัน
ถ้าเปรียบชีวิตเรากับซีรี่ยส์ เรากลับเป็นเหมือนเต้ย ที่ใช้ความเชื่อใจมาตลอด ไม่เคยขอเช็คอะไรเลย มีถามบ้างบางครั้ง แต่พอบอกว่าเพื่อน ไม่มีอะไร เราก็จบ และเราก้อให้อีกฝั่งเช็คตลอดถ้าต้องการ รวมถึงการแอบเอาไปดูเองบางครั้ง เจอข้อความ(ธรรมดาแบบสารทุกข์สุขดิบที่บอกไป)ที่เราคุยกับเพื่อนเพศตรงข้าม ก็จะมีปัญหากันทุกครั้ง เราก็พยายามปรับ คุยน้อยลง แต่ก็ไม่สิ้นสุดด้วยคำถามสุดท้ายที่ยิงมาคือต้องการ ไม่ให้มีเรื่องแบบนี้อีก
เราตัดสินใจจบเรื่องราวความสัมพันธ์ของเราไป เราก็พยายามนะ แต่มากกว่านี้ มันคงไม่ใช่ตัวเราแล้วละ
เราตัดสินใจแบบนี้ ก็เพื่อจะไม่ให้เค้าต้องมานั่งเสียใจอีก แต่กลับถูกมองกลายเป็นว่า เราพยายามไม่มากพอ ถ้าเรารักเค้ามากพอ เราต้องทำได้อยู่แล้ว
ด้วยมุมมองชีวิต รูปแบบการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะทิฐิ สิ่งที่ตัวเองยึดถือและเชื่อ มันแตกต่างกัน พยายามปรับแล้ว แต่ถ้ามันไม่ได้หรือมันดีไม่พอ ก็คงต้องหยุดไว้แค่เท่านี้
การที่เป็นคนบอกเลิก ก็สามารถเป็นคนที่เจ็บที่สุดได้เช่นกัน
ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตรงนี้นะ เราก็ได้แต่หวังว่าการตัดสินใจของเรามันคงถูกแล้ว
Hormones Season 2 Ep.4 กับชีวิตจริงที่เกิดขึ้น
คือตอนของภูและเต้ยที่เป็นแฟนกันและไปเดทกันที่สยาม ระหว่างนั้น ต้าได้โทรศัพท์เข้ามาหาเต้ยและคุยกัน
หลังจากคุยเสร็จ ภูและเต้ยเริ่มมีปัญหากัน ทะเลาะกันด้วยความหึงหวงของภู จนสุดท้ายต้องเลิกรากันไปในที่สุด แม้ว่าเหตุผลที่ตัดสินใจเลิกของเต้ยจะไม่ใช่เหตุผลนั้นก็ตาม
บทสนทนาที่เกิดขึ้น ที่คิดว่าน่าสนใจ แบบยกมาคร่าวๆ คือ
เต้ย : ภูอยากให้เราทำยังไง ภูถึงจะสบายใจ บอกมาสิ
ภู : เต้ยเลิกยุ่งกับต้าได้มั้ย
เต้ย : เราต้องเสียเพื่อนไปคนนึงเลยนะ
ภู : ถ้าอะไรที่ทำแล้วจะทำให้เต้ยสบายใจ เราทำได้ทุกอย่างแหละ
เต้ย : ถ้าภูเชื่อใจเราตั้งแต่แรก เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น
มันเข้าแก๊ปเดิมๆที่อาจจะเคยเป็นปัญหาของแฟนหลายๆคู่ คือ เลือก ระหว่างเพื่อนกับแฟน ซึ่งแน่นอนว่าหลายๆคนรวมถึงเราด้วยคงบอกว่า มันคงเลือกไม่ได้หรอก มันแตกต่างกัน
แต่เมื่อเราโดนตั้งคำถามแบบจริงจัง ให้ต้องตัดสินใจ "เลือก" กับคำถามและความคิดที่ว่า
ถ้าเรารักเค้าจริงๆ เราต้องหยุดคุยกับเพื่อนเพศตรงข้าม (หยุดคุยจริงๆในทุกเรื่องๆ สารทุกข์สุขดิบ กินข้าวยัง,กลับบ้านดีๆ คือไม่ไปยุ่ง ไม่ชวนคุยเลย) เราต้องทำได้ ด้วยความคิดที่ว่า ชีวิตคนเราสั้น ใช้เวลากับคนที่เรารักดีกว่า ไปใช้เวลากับเรื่องแบบนี้ทำไม เสียเวลา โดนนำไปเปรียบเทียบว่า ถามคำถามแบบนี้สักกี่ครั้งกับแฟน
สำหรับเราเมื่อมีเวลาก็จะอยู่ด้วยกันกับแฟนตลอด แต่กับเพื่อนเหล่านั้น ไม่ได้เจอ ไม่ได้คุย นานๆจะคุยกันที และไม่ใช่คนที่เพิ่งจะรู้จักกัน ด้วยชีวิตที่เรามีมามันอาจจะแตกต่างกัน เราเป็นเด็กกิจกรรมมาตลอด เจอผู้คนมากหน้าหลายตา กับอีกฝั่งที่ไม่ค่อยกิจกรรมหรือออกแนว เพื่อนที่ดีมีไม่กี่คนก็พอ แต่แน่นอนอยู่แล้วว่าทุกคนนั้นสกรีนคนที่จะเข้ามาในชีวิตแม้แต่เด็กกิจกรรมอย่างเรา ขนาดของสังคมเราจึงแตกต่างกัน
ถ้าเปรียบชีวิตเรากับซีรี่ยส์ เรากลับเป็นเหมือนเต้ย ที่ใช้ความเชื่อใจมาตลอด ไม่เคยขอเช็คอะไรเลย มีถามบ้างบางครั้ง แต่พอบอกว่าเพื่อน ไม่มีอะไร เราก็จบ และเราก้อให้อีกฝั่งเช็คตลอดถ้าต้องการ รวมถึงการแอบเอาไปดูเองบางครั้ง เจอข้อความ(ธรรมดาแบบสารทุกข์สุขดิบที่บอกไป)ที่เราคุยกับเพื่อนเพศตรงข้าม ก็จะมีปัญหากันทุกครั้ง เราก็พยายามปรับ คุยน้อยลง แต่ก็ไม่สิ้นสุดด้วยคำถามสุดท้ายที่ยิงมาคือต้องการ ไม่ให้มีเรื่องแบบนี้อีก
เราตัดสินใจจบเรื่องราวความสัมพันธ์ของเราไป เราก็พยายามนะ แต่มากกว่านี้ มันคงไม่ใช่ตัวเราแล้วละ
เราตัดสินใจแบบนี้ ก็เพื่อจะไม่ให้เค้าต้องมานั่งเสียใจอีก แต่กลับถูกมองกลายเป็นว่า เราพยายามไม่มากพอ ถ้าเรารักเค้ามากพอ เราต้องทำได้อยู่แล้ว
ด้วยมุมมองชีวิต รูปแบบการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะทิฐิ สิ่งที่ตัวเองยึดถือและเชื่อ มันแตกต่างกัน พยายามปรับแล้ว แต่ถ้ามันไม่ได้หรือมันดีไม่พอ ก็คงต้องหยุดไว้แค่เท่านี้
การที่เป็นคนบอกเลิก ก็สามารถเป็นคนที่เจ็บที่สุดได้เช่นกัน
ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตรงนี้นะ เราก็ได้แต่หวังว่าการตัดสินใจของเรามันคงถูกแล้ว