เกริ่นก่อน... แรกเริ่มเดิมทีผมคิดว่า หนัง Star Wars: The Force Awakens มันเป็นหนังภาคต่อเรื่องหนึ่ง ที่ถ้าไม่ดูภาคก่อนมาก็จะดูภาคนี้ไม่เข้าใจ เด็กๆไปดูก็คงจะงงกันถ้วนหน้า คงมีแต่แฟนๆหนังไปดูกัน ซึ่งไม่น่าจะทำเงินถล่มทลายแบบ
Avengers หรือ
Jurassic World มากนัก
ผมคิดแบบนี้มาตลอดจนกระทั่ง...
1. ผมได้ชมตัวอย่างหลักทั้งสามอัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทันทีที่ดูตย.ที่สามจบ สิ่งแรกที่ผมคิดคือ...
"อุตส่าห์ดูมาหมด แต่นี่กรูแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหนังเลยนี่หว่า!!..." แต่ผมกลับมีความสุขที่ได้ดูตัวอย่างนั้นแม้ผมจะไม่เคยชมมาก่อนซักภาค ตามสไตล์ Mystery Box ของผกก.เจเจคือ
"ถ้ารู้มากมันก็หมดสนุกอ่ะดิ" ผมเข้าใจดีเพราะผมเป็นแฟนตัวยงของแก นั่นทำให้ผม(และคนอื่นๆทั่วโลก)คิดว่า
"ถ้าดูแบบที่เราไม่รู้อะไร มันต้องเป็นอะไรที่อีพิคมากๆแน่ๆ"
ผลคือ... นั่นทำให้ผมลงทุน
"ชมหนังในโรงครั้งแรกในชีวิต!!" เพราะผมไม่อยากเจอสปอย กว่าจะออกแผ่นก็อีกนานอีก (ปกติดูแต่หนังแผ่น บ้านอยู่ชนบทห่างไกลความเจริญ)
ซึ่งแน่นอน คนอื่นๆก็ต้องคิดแบบผม คือรีบซึมซับความอีพิคในโรงดีที่สุด จะรอคำวิจารณ์ทำไม (พอดูตัวอย่างหลักหมด ตัวอื่นผมก็ไม่ดูเลย)
2. ของเล่นของสะสมถูกปล่อยรัวๆตั้งแต่หนังยังไม่ฉาย
จำได้ว่าตัวอย่างแรกถูกปล่อยออกมาก่อนหนังฉายร่วมปีจะได้ ถึงกระนั้นดิสนี่ย์กะฮาสโบร(และอีกหลายบริษัท)ก็ปล่อยสินค้าออกมาถี่ๆยั่วเหล่าเด็กๆ(และแฟนๆรุ่นเดอะ)ทั้งหลายจนผมเริ่มคิดว่า
"ถ้าเด็กๆชอบของเล่นเหล่านั้น เด็กๆก็ต้องอ้อนพ่อแม่ไปดูในโรงอ่ะดิ" แม้ว่าจะรู้เรื่องหรือไม่ก็ตาม การตลาดดิสนี่ย์นี่มันโหดสึดจริงๆ
(เป็นเหตุผลทำให้หุ้นของบ.ดิสนี่ย์สูงขึ้นถึงหลายล้านเหรียญ หลังจากปล่อยตย.แรกของ สตาร์วอร์ส 7)
3. ผมได้ชมหนังชุดสตาร์วอร์สครั้งแรก
เมื่อก่อนผมคิดว่า หนังแฟรนไชส์สตาร์วอร์สมันมีหลายภาค แสดงว่ามันต้องมีพล็อตซับซ้อนเชื่อมโยงกันมากแน่ๆ แต่พอผมชมไตรภาคแรก (กะจะดูแบบ 4-6,1-3) ทำให้ผมเปลี่ยนความคิด
"แค่ให้เด็กไปดูหุ่นยนต์กับยานอวกาศ และก็ดาบเลเซอร์ เด็กมันก็สนุกไปกับหนังแล้วนี่หว่า"
นับเป็นเสน่ห์อย่างนึงของสตาร์วอร์สเลยทีเดียว แม้ไม่ต้องมีพล็อตซับซ้อน หนังก็ยังมีความสนุกอีพิคที่เด็กสามารถชมได้ (ยกเว้นไตรภาคก่อน) ยิ่งมาอยู่มือดิสนี่ย์นี่แบบไม่ต้องพูดถึง ดิสนี่ย์ต้องทำให้หนังเจาะตลาดกลุ่มเด็กๆมากกว่าเดิมแน่นอน
(หนึ่งในนั้นคือ ทำพล็อตหนังให้ดูรู้เรื่องได้ แม้จะไม่เคยดูภาคเก่ามาก่อน)
สรุป... ทันทีที่หนังฉายได้แค่ 2 อาทิตย์ หนังก็ทำเงินในประเทศไปแล้วถึง
600 กว่าล้านเหรียญ และถึง
พันล้านจากทั่วโลกในพริบตาแบบไม่ต้องสงสัย เพราะนอกจากเงินจากเด็กๆแล้ว เหล่าแฟนๆก็ต่างรีบเข้าโรงโดยที่ไม่ต้องรออ่านคำวิจารณ์เลย
(ทำให้ในนั้นมีเงินผมด้วย 220 บาท นี่ไม่เคยให้เรื่องไหนในโรงมาก่อนเลยนะเนี่ย อิอิ)
และตอนนี้หนังก็ทำเงินติด
อันดับสิบ หนังที่ทำเงินสูงที่สุดในโลกไปแล้วเรียบร้อย ต่อไปหนังจะทำสถิติอะไรอีกผมก็คงไม่แปลกใจแล้วล่ะ ต้องยอมผกก.กับค่ายดิสนี่ย์จริงๆ
เดี๋ยวแผ่นออกก็จัดอีกละกัน หุหุ
ผมไม่เคยคิดว่า Star Wars 7 จะทำเงินมาก จนกระทั่ง...
ผมคิดแบบนี้มาตลอดจนกระทั่ง...
1. ผมได้ชมตัวอย่างหลักทั้งสามอัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทันทีที่ดูตย.ที่สามจบ สิ่งแรกที่ผมคิดคือ... "อุตส่าห์ดูมาหมด แต่นี่กรูแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหนังเลยนี่หว่า!!..." แต่ผมกลับมีความสุขที่ได้ดูตัวอย่างนั้นแม้ผมจะไม่เคยชมมาก่อนซักภาค ตามสไตล์ Mystery Box ของผกก.เจเจคือ "ถ้ารู้มากมันก็หมดสนุกอ่ะดิ" ผมเข้าใจดีเพราะผมเป็นแฟนตัวยงของแก นั่นทำให้ผม(และคนอื่นๆทั่วโลก)คิดว่า "ถ้าดูแบบที่เราไม่รู้อะไร มันต้องเป็นอะไรที่อีพิคมากๆแน่ๆ"
ผลคือ... นั่นทำให้ผมลงทุน "ชมหนังในโรงครั้งแรกในชีวิต!!" เพราะผมไม่อยากเจอสปอย กว่าจะออกแผ่นก็อีกนานอีก (ปกติดูแต่หนังแผ่น บ้านอยู่ชนบทห่างไกลความเจริญ)
ซึ่งแน่นอน คนอื่นๆก็ต้องคิดแบบผม คือรีบซึมซับความอีพิคในโรงดีที่สุด จะรอคำวิจารณ์ทำไม (พอดูตัวอย่างหลักหมด ตัวอื่นผมก็ไม่ดูเลย)
2. ของเล่นของสะสมถูกปล่อยรัวๆตั้งแต่หนังยังไม่ฉาย
จำได้ว่าตัวอย่างแรกถูกปล่อยออกมาก่อนหนังฉายร่วมปีจะได้ ถึงกระนั้นดิสนี่ย์กะฮาสโบร(และอีกหลายบริษัท)ก็ปล่อยสินค้าออกมาถี่ๆยั่วเหล่าเด็กๆ(และแฟนๆรุ่นเดอะ)ทั้งหลายจนผมเริ่มคิดว่า "ถ้าเด็กๆชอบของเล่นเหล่านั้น เด็กๆก็ต้องอ้อนพ่อแม่ไปดูในโรงอ่ะดิ" แม้ว่าจะรู้เรื่องหรือไม่ก็ตาม การตลาดดิสนี่ย์นี่มันโหดสึดจริงๆ (เป็นเหตุผลทำให้หุ้นของบ.ดิสนี่ย์สูงขึ้นถึงหลายล้านเหรียญ หลังจากปล่อยตย.แรกของ สตาร์วอร์ส 7)
3. ผมได้ชมหนังชุดสตาร์วอร์สครั้งแรก
เมื่อก่อนผมคิดว่า หนังแฟรนไชส์สตาร์วอร์สมันมีหลายภาค แสดงว่ามันต้องมีพล็อตซับซ้อนเชื่อมโยงกันมากแน่ๆ แต่พอผมชมไตรภาคแรก (กะจะดูแบบ 4-6,1-3) ทำให้ผมเปลี่ยนความคิด
นับเป็นเสน่ห์อย่างนึงของสตาร์วอร์สเลยทีเดียว แม้ไม่ต้องมีพล็อตซับซ้อน หนังก็ยังมีความสนุกอีพิคที่เด็กสามารถชมได้ (ยกเว้นไตรภาคก่อน) ยิ่งมาอยู่มือดิสนี่ย์นี่แบบไม่ต้องพูดถึง ดิสนี่ย์ต้องทำให้หนังเจาะตลาดกลุ่มเด็กๆมากกว่าเดิมแน่นอน (หนึ่งในนั้นคือ ทำพล็อตหนังให้ดูรู้เรื่องได้ แม้จะไม่เคยดูภาคเก่ามาก่อน)
สรุป... ทันทีที่หนังฉายได้แค่ 2 อาทิตย์ หนังก็ทำเงินในประเทศไปแล้วถึง 600 กว่าล้านเหรียญ และถึงพันล้านจากทั่วโลกในพริบตาแบบไม่ต้องสงสัย เพราะนอกจากเงินจากเด็กๆแล้ว เหล่าแฟนๆก็ต่างรีบเข้าโรงโดยที่ไม่ต้องรออ่านคำวิจารณ์เลย (ทำให้ในนั้นมีเงินผมด้วย 220 บาท นี่ไม่เคยให้เรื่องไหนในโรงมาก่อนเลยนะเนี่ย อิอิ)
และตอนนี้หนังก็ทำเงินติดอันดับสิบ หนังที่ทำเงินสูงที่สุดในโลกไปแล้วเรียบร้อย ต่อไปหนังจะทำสถิติอะไรอีกผมก็คงไม่แปลกใจแล้วล่ะ ต้องยอมผกก.กับค่ายดิสนี่ย์จริงๆ
เดี๋ยวแผ่นออกก็จัดอีกละกัน หุหุ