ผมเคยเรียกจนท.การไฟฟ้ามาเช็คหลายครั้ง แม้กระทั่งสลับไปใช้เฟสอื่นก็แล้ว แต่ปัญหาก็ยังเหมือนเดิม
รายละเอียดมีดังนี้
1. แรงดังสวิงมาก เพราะข้างบ้านเป็นร้านเชื่อมเหล็ก แต่วันที่ไม่ได้เชื่อมเหล็กก็ทำให้ไฟตกเช่นเดียวกัน
2. จนท.การไฟฟ้ามาตรวจสอบแรงดัน พบว่าฝั่งถนนของผมแรงดันตกจริง (204-230V) แต่ฝั่งตรงข้ามกลับมีแรงดันที่ 228-230V (ทั้งสองฝั่งมาจากหม้อแปลงเดียวกัน)
3. จากปัญหานี้ทำให้เกิดอาร์ก สายไฟบริเวณจุดต่อภายในบ้านไหม้ คอมพิวเตอร์และเครื่องสำรองไฟเสียหาย และบ้านฝั่งตรงข้ามก็พบปัญหาคัทเอาท์ละลายเช่นเดียวกัน
4. การไฟฟ้าปฏิเสธที่จะเดินสายข้ามไปอีกฝั่งเนื่องจากเกรงว่าจะมีรถบรรทุกสูงมาเกี่ยวสาย (เข้าใจ)
5. ผมสอบถามจากการไฟฟ้าจังหวัด พบว่าหม้อแปลงนั้นเพิ่งยกมาใหม่เมื่อไม่นานมานี้ พร้อมกับเปลี่ยนขนาดเสาไฟฟ้าและสายไฟใหม่ ยกเว้นฝั่งถนนที่ จขกท. อยู่
6. บ้านของ จขกท. อยู่ห่างจากหม้อแปลงไม่ถึง 500 เมตร แต่อยู่บริเวณปลายสายด้วย
7. มีข้อสังเกตเกี่ยวกับปัญหานี้คือมักจะ
เกิดขึ้นเมื่อไม่อยู่ในช่วงหน้าฝนเท่านั้น
การแก้ไขระบบไฟฟ้าของจขกท.
ผมได้ดำเนินการรื้อระบบไฟฟ้าเดิมออกแล้วไปใช้คอนซูเมอร์ยูนิตทั้งหมด พร้อมกับเปลี่ยนสายไฟให้ตรงกับขนาดของมิเตอร์ไฟฟ้า 15(45)A รวมถึงติดตั้งสายดินด้วย
สำหรับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ติดตั้ง Protection Relay สำหรับตัดไฟกรณีที่ตก-เกิน, Stabilizer และ UPS แบบ Pure Sine Wave ตามลำดับ
กราฟของแรงดันขาเข้า (วัดจาก UPS APC รุ่น SUA1000I)
1. ช่วงที่บ้านข้างๆเชื่อมโลหะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
2. วันสิ้นปี (ยังไม่มีคนใช้ไฟฟ้า)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
3. วันสิ้นปี ช่วงเวลาที่มีการใช้เครื่องเสียง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คำถาม
1. สายดินของการไฟฟ้ามีผลต่อแรงดันไฟฟ้าหรือไม่?
2. จากข้อ 1. อ้างถึงช่วงที่ไม่มีฝน หากสายดินมีผลต่อแรงดัน แสดงว่าสายดินที่การไฟฟ้าตอกลงไปนั้นมีปัญหาใช่หรือไม่?
3. ถ้า 1,2 เป็นความเข้าใจผิด(มโน) ควรทำเรื่องเพื่อขอเปลี่ยนหม้อแปลงใหม่ถูกต้องหรือไม่?
4. คำแนะนำอื่นๆ (เนื่องจากคุยกับการไฟฟ้าแล้วเข้ามาดูเฉพาะบ้านที่มีผู้แจ้งเท่านั้น)
ขอขอบคุณและสวัสดีปีใหม่ครับ
มีปัญหาไฟกระชากบ่อย แต่เป็นเฉพาะช่วงที่ไม่มีฝน?
รายละเอียดมีดังนี้
1. แรงดังสวิงมาก เพราะข้างบ้านเป็นร้านเชื่อมเหล็ก แต่วันที่ไม่ได้เชื่อมเหล็กก็ทำให้ไฟตกเช่นเดียวกัน
2. จนท.การไฟฟ้ามาตรวจสอบแรงดัน พบว่าฝั่งถนนของผมแรงดันตกจริง (204-230V) แต่ฝั่งตรงข้ามกลับมีแรงดันที่ 228-230V (ทั้งสองฝั่งมาจากหม้อแปลงเดียวกัน)
3. จากปัญหานี้ทำให้เกิดอาร์ก สายไฟบริเวณจุดต่อภายในบ้านไหม้ คอมพิวเตอร์และเครื่องสำรองไฟเสียหาย และบ้านฝั่งตรงข้ามก็พบปัญหาคัทเอาท์ละลายเช่นเดียวกัน
4. การไฟฟ้าปฏิเสธที่จะเดินสายข้ามไปอีกฝั่งเนื่องจากเกรงว่าจะมีรถบรรทุกสูงมาเกี่ยวสาย (เข้าใจ)
5. ผมสอบถามจากการไฟฟ้าจังหวัด พบว่าหม้อแปลงนั้นเพิ่งยกมาใหม่เมื่อไม่นานมานี้ พร้อมกับเปลี่ยนขนาดเสาไฟฟ้าและสายไฟใหม่ ยกเว้นฝั่งถนนที่ จขกท. อยู่
6. บ้านของ จขกท. อยู่ห่างจากหม้อแปลงไม่ถึง 500 เมตร แต่อยู่บริเวณปลายสายด้วย
7. มีข้อสังเกตเกี่ยวกับปัญหานี้คือมักจะเกิดขึ้นเมื่อไม่อยู่ในช่วงหน้าฝนเท่านั้น
การแก้ไขระบบไฟฟ้าของจขกท.
ผมได้ดำเนินการรื้อระบบไฟฟ้าเดิมออกแล้วไปใช้คอนซูเมอร์ยูนิตทั้งหมด พร้อมกับเปลี่ยนสายไฟให้ตรงกับขนาดของมิเตอร์ไฟฟ้า 15(45)A รวมถึงติดตั้งสายดินด้วย
สำหรับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ติดตั้ง Protection Relay สำหรับตัดไฟกรณีที่ตก-เกิน, Stabilizer และ UPS แบบ Pure Sine Wave ตามลำดับ
กราฟของแรงดันขาเข้า (วัดจาก UPS APC รุ่น SUA1000I)
1. ช่วงที่บ้านข้างๆเชื่อมโลหะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
2. วันสิ้นปี (ยังไม่มีคนใช้ไฟฟ้า)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
3. วันสิ้นปี ช่วงเวลาที่มีการใช้เครื่องเสียง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คำถาม
1. สายดินของการไฟฟ้ามีผลต่อแรงดันไฟฟ้าหรือไม่?
2. จากข้อ 1. อ้างถึงช่วงที่ไม่มีฝน หากสายดินมีผลต่อแรงดัน แสดงว่าสายดินที่การไฟฟ้าตอกลงไปนั้นมีปัญหาใช่หรือไม่?
3. ถ้า 1,2 เป็นความเข้าใจผิด(มโน) ควรทำเรื่องเพื่อขอเปลี่ยนหม้อแปลงใหม่ถูกต้องหรือไม่?
4. คำแนะนำอื่นๆ (เนื่องจากคุยกับการไฟฟ้าแล้วเข้ามาดูเฉพาะบ้านที่มีผู้แจ้งเท่านั้น)
ขอขอบคุณและสวัสดีปีใหม่ครับ